@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 13/4 วันที่ 26 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 13/4 วันที่ 26 ม.ค. 56

“มันวิเศษยังไง คุณถึงต้องเอาตัวไปประเคนให้มันถึงที่ขนาดนี้”
“เพราะเค้าเป็นคนที่ฉันรัก”
ภูวดลโมโห เข้ามาจะจับตัวรวีพรรณ
“อย่าเข้ามาแตะเนื้อต้องตัวฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้ลั่นบ้าน ทุกคนจะได้รู้สันดานที่แท้จริงของคุณซักที”
ภูวดลไม่กล้าเพราะเห็นท่าทางเอาจริงของรวีพรรณ
ภูวดลยิ้มร้ายที่มุมปาก
“ให้มันรู้กันไปว่าผมจะจัดการผู้หญิงคนเดียวไม่ได้”
รวีพรรณมองภูวดลด้วยความสงสัย

ภูวดลยืนอยู่กับคนขับรถ รวีพรรณ รมณี และณรงค์ยืนอยู่
“ผมจะให้คนขับรถของผมอยู่ที่นี่ เพราะว่าใกล้วันแต่งงานแล้ว ผมไม่อยากให้คุณรวีขับรถไปไหนมาไหนเอง ผมอยากให้คุณสบายที่สุด เพราะวันนั้นเราจะเหนื่อยกันมาก”



รวีพรรณมองภูวดลอึ้งไม่นึกว่าภูวดลจะใช้วิธีนี้
“พ่อดลช่างเป็นห่วงลูกสาวของน้าซะจริง ขอบใจมากนะจ๊ะ”
“ครับ...”
ภูวดลหันไปพูดกับคนขับรถ
“พาคุณรวีไปทุกที่ที่คุณรวีอยากไป อย่าให้ฉันรู้ว่าแกละเลยหน้าที่”
“ครับ”
ภูวดลตบบ่าคนขับรถอย่างรู้กัน แล้วหันไปมองรวีพรรณด้วยสายตาเยาะเย้ย รวีพรรณเจ็บใจมากที่ทำอะไรไม่ได้

ภายในบ้าน นพกับวรรณวดีนั่งอยู่ ส่วนณีผุดลุกผุดนั่งด้วยสีหน้ากังวลใจมาก
“ป้าณี..หยุดลุกๆนั่งๆได้แล้วค่ะ ต่ายมึนตามไปด้วยแล้วเนี่ย”
“ป้ากลัวคุณพิทจะโดนคุณใหญ่อัดน่ะสิคะ”
นพถอนหายใจ สีหน้าเป็นห่วง แล้วก็ลุกขึ้นยืน
“ป๋าทนนั่งอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ป๋าจะไปหาพิท”
นพขยับจะเดิน วรรณวดีกับณีรีบตาม แต่บวรกับพิทยากลับเข้ามาในบ้าน ทุกคนเห็นพิทยาสภาพปกติก็พากันโล่งใจ

พิทยาเดินขึ้นบันได สีหน้าครุ่นคิด หยุดเดิน นึกย้อนกลับไปที่บวรบอกเขา
พิทยามองหน้าบวรสีหน้าตะลึงอึ้งมากมาย
“คุณใหญ่พูดว่าอะไรนะครับ”
“น้องสาวฉันรักแก”
พิทยายืนตัวแข็งอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะนึกไม่ถึงสุดๆ
“คุณใหญ่แน่ใจ”
“ทำไมฉันจะไม่แน่ใจ ในเมื่อไอ้แตเป็นคนบอกฉันเอง มันแอบรักแกมาตั้งแต่เด็ก แต่ความเป็นที่มันเป็นคนฟอร์มจัด เยอะสิ่งก็เลยไม่แสดงออก แตเลยใช้วิธีเรียกร้องความสนใจจากแกโดยการกลั้นแกล้งแกแทน แล้วแกล่ะ แกรู้สึกอย่างเดียวกับแตรึเปล่า ถ้าแกรู้สึกอย่างเดียวกับน้องสาวฉัน อย่าปล่อยให้แตหลุดมือไปเด็ดขาด”
พิทยาอึ้ง ตะลึง แต่หัวใจพองตัว บวรจับไหล่ พิทยามองหน้าบวรแล้วก็นิ่งไป

พิทยาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเดินขึ้นไป ... บวร นพ วรรณวดี ณีโผล่หน้าออกมามองตาม
“คิดว่าพิทจะง้อแตสำเร็จมั้ย”
“ไม่รู้สิคะ แตใจแข็งหยั่งกับอะไรดี”
นพ บวร ต่าย ณีมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ

ภายในห้องนอน สุอาภานอนหันหลังให้ประตู เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครคะ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก สุอาภาหันไป นิ่วหน้าสงสัย ลุกเดินมาเปิดประตู ทันทีที่เห็นพิทยาก็ตกใจ จะรีบปิดประตู แต่พิทยาเอามือยันประตูไว้แล้วผลักเข้าไปเต็มแรง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูดังปัง!!
สุอาภาชี้นิ้วไปที่ประตู พร้อมกับจ้องหน้าพิทยาเอาเรื่อง
“ออกไป!”
“ผมไม่ออกจนกว่าคุณจะฟังผม”
“ฉันไม่ฟัง”
สุอาภาเดินไปเปิดเพลงเสียงดังลั่นห้อง พิทยาเดินมากดปิดเสียง สุอาภาหันขวับไปมองไม่พอใจ
“แต่คุณต้องฟัง!ผมกับรวีไม่ได้มีอะไรกัน”
สุอาภาสวนกลับทันควัน
“ถ้าไม่มีอะไรกัน แล้วแม่เค้าจะมาอาละวาดที่นี่ทำไม”
“ผมยืนยันด้วยเกียรติของผม ว่าผมกับรวี...”
สุอาภาพูดขัดขึ้นมา
“ไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว ฉันไม่อยากฟังเรื่องนายกับผู้หญิงคนนั้นอีก”
สุอาภารีบเดินไปเปิดประตู แต่พิทยาเดินมาขวางประตูเอาไว้ แล้วจับแขนสุอาภาทั้งสองข้าง
“คุณแต คุณต้องฟังผม!”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ฟัง”
“คุณแต...”
“ออกไปซะ!”
พิทยาส่ายหัว สุอาภาเอามือทุบไปที่ตัวพิทยาไม่หยุด
“ออกไป ฉันบอกให้ออกไป ไปสิไป..ไปสิ”
สุอาภาร้องไห้ พิทยารวบมือสุอาภาแล้วกอดสุอาภาไว้
“ถ้าทุบผมให้ตาย แล้วมันจะทำให้คุณหายโกรธ คุณจะทุบจะตีผมเท่าไหร่ ผมก็ยอม”
สุอาภาหยุดอยู่ในอ้อมกอดพิทยาด้วยความหวั่นไหว..ครู่หนึ่งตัดใจเงยหน้ามองพิทยา ทันใดนั้นสุอาภากระทืบเท้าพิทยาเต็มแรง พิทยาสะดุ้ง สุอาภาผลักพิทยาให้พ้นทาง แล้วก็เปิดประตูเดินออกไปทันที พิทยาหันไปมองตามสีหน้าเจ็บปวด

สุอาภาเดินลิ่วๆออกมาที่หน้าบ้าน บวร นพ วรรณวดี ณี รีบตามออกมา บวรเข้ามาฉุดแขนสุอาภาเอาไว้
“แกจะไปไหน”
“ไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่มีผู้ชายคนนั้น”
พิทยาเดินออกมา
“ผมไปเอง แต่ที่ผมยอมไป..ไม่ใช่เพราะว่าผมยอมแพ้ ผมจะกลับมาหาคุณอีก ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปเด็ดขาด”
ทุกคนหันไปมองพิทยา สุอาภามองด้วยสายตากร้าว
พิทยามองสุอาภาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ทำเอาสุอาภาชะงักไปเหมือนกัน พิทยาหันไปไหว้ลาทุกคนและหันหันไปมองสุอาภาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป
สุอาภาหันไปมองตามพิทยาแล้วก็หันไปมองทุกคน ทั้งสี่คนผงะกับสายตาของสุอาภา แล้วสุอาภาก็จ้ำเดินกลับเข้าไปบ้านทันที ทุกคนได้แต่ถอนหายใจด้วยความกลุ้ม

เช้าวันถัดมา สุอาภาเดินด้อมๆมองๆเช็คว่าพิทยามารึเปล่า แต่ไม่เห็นพิทยา..ก็เดินมาที่โต๊ะอาหาร นพ บวร วรรณวดีนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่แล้ว ทั้งหมดเห็นสุอาภาเดินมาก็ลอบมองหน้ากันดูมีพิรุธมาก สุอาภาไม่ทันสังเกตสีหน้าของแต่ล่ะคนก็มานั่งที่เก้าอี้
ไม่นานณีเอาข้าวต้มออกมาเสิร์ฟตรงหน้าสุอาภา
“ขอบคุณค่ะป้า”
ณียิ้มแล้วถอยไปยืนข้างหลัง นพ บวร ต่ายเหล่มอง ณียกมือโอเค ทุกคนยิ้มพอใจ สุอาภาตักข้าวต้มขึ้นมาทานแล้วก็ชะงักเพราะรสชาติคุ้นเคยมาก
ทุกคนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สุอาภาไม่แน่ใจลองทานอีกครั้งก็มั่นใจทันที รีบวางช้อน หันไปทางทุกคน
“พิทอยู่ไหน”
“พิทก็อยู่บ้านเค้าไงลูก” นพว่า
“นี่เป็นข้าวต้มสูตรคุณหนูกระแต มีพิทกับแตเท่านั้นที่รู้สูตรนี้ คนอื่นทำไม่ได้ พิทอยู่ที่ไหนคะ”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วไม่นานพิทยาก็เดินออกมา สุอาภาหันไปมองแล้วก็ลุกขึ้นยืน
“มาอีกทำไม”
“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมจะไม่ปล่อยคุณไป ผมจะมาที่นี่ทุกวันจนกว่าคุณจะยอมฟังผมอธิบาย”
“ถ้าฉันฟัง นายจะไม่มาอีกใช่มั้ย”
“ใช่...”
“ไม่ว่าฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อนายด้วยใช่มั้ย”
“ใช่...”
“งั้นก็รีบพูดมา”
ทุกคนหันมามองหน้ากัน นพพยักหน้า ทุกคนลุกเดินออกไปเหลือสุอาภากับพิทยาสองคน
“ผมยอมรับว่ารวีมาหาผมที่บ้านจริง แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างที่ผมเคยบอกว่าเรื่องระหว่างผมกับรวี...ไม่มีทางเป็นไปได้อีก ผมยังยืนยันคำเดิม ผมกับเค้า จบกันไปนานแล้ว”
“ความสัมพันธ์ของนายกับเค้าอาจจะจบไปนานแล้ว แต่ความรู้สึกของนายกับผู้หญิงคนนั้น มันยังไม่จบ”

พิทยาอึ้งที่สุอาภาคิดแบบนี้พยายามจะอธิบาย
“มันไม่ใช่...”
สุอาภาไม่ฟัง พูดต่อทันที
“ฉันรู้ว่านายต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากแค่ไหนที่ต้องมาแต่งงานกับฉัน คนเดียวที่อยู่ในหัวใจของนายตลอดเวลาคือเค้า ยอมรับความจริงมาเถอะพิท ฉันรู้ว่านายนั่งนับวันรอเวลาที่จะได้เป็นอิสระมานานแล้ว”
พิทยาสวนกลับทันควัน
“ไม่จริง ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ผมไม่เคยต้องกล้ำกลืนฝืนทน”
สุอาภาพูดขัดขึ้นมา
“เลิกโกหกซักที มันถึงเวลาที่เราต้องพูดความจริงกันแล้ว ฉันรู้ว่าสิ่งที่นายทำลงไปทุกอย่าง นายทำเพื่อป๋า”
พิทยาพูดต่อทันที
“ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณอา ผมทำเพื่อคุณ”
สุอาภาชะงัก พิทยามองสุอาภาด้วยแววตาที่จริงจังและจริงใจ ขยับเข้ามาใกล้แล้วจับมือสุอาภาขึ้นมา
“ได้โปรด...เชื่อใจผมเถอะนะครับคุณแต”
พิทยาส่งสายตาเว้าวอน สุอาภานิ่งคิดย้อนกลับไปวันที่เธอรอพิทยาจนมืดค่ำแต่พิทยาก็ไม่มา เธอดึงมือออกจากพิทยา พิทยาผงะ
“ฉันเคยเชื่อใจนาย แต่มาตอนนี้ ฉันไม่อยากที่จะเชื่อใจนายอีก กลับไปเถอะ หมดเรื่องที่ต้องพูดกันแล้ว”
สุอาภาหันหลังจะเดิน
“คุณบอกให้เราต้องพูดความจริง แล้วทำไมคุณถึงไม่พูดความจริงกับผมล่ะครับ”
สุอาภายืนนิ่งงัน พิทยาเดินอ้อมมายืนตรงหน้าสุอาภา
“คุณรู้สึกยังไงกับผมกันแน่คุณแต คุณ..รักผมรึเปล่า ผมถามว่าคุณรักผมรึเปล่า”
สุอาภาสีหน้านิ่งมองพิทยา พิทยาลุ้น แล้วสุอาภาก็ทำหน้าไม่แยแส
“รักเหรอ นายก็รู้ว่าเราแต่งงานกันเพราอะไร ฉันแต่งงานกับนายเพราะป๋า ไม่ใช่เพราะความรัก ถ้าฉันรักนาย ฉันคงไม่ต้องการอิสระคืนจากนายหรอกจริงมั้ย”
พิทยาแทบจะหมดแรงยืน
“คุณคงทรมานมากที่ต้องอยู่กับคนอย่างผม”
สุอาภาฝืนใจตอบทั้งๆที่อยากร้องไห้
“เข้าใจถูกแล้ว”
พิทยาอึ้ง หัวใจจะแตกสลาย
“ผมคิดไปเองว่าเรามีความสุขกันดี”
สุอาภาจะร้องไห้แต่ต้องกลั้นเอาไว้
“เราจะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อเรา...เราไม่เคยรักกัน”
สุอาภาพยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่น พิทยาเจ็บปวดมาก หยิบแหวนแต่งงานที่สุอาภาคืนเค้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้ววางบนโต๊ะ
“ของอะไรที่ผมให้คุณแล้ว ผมจะไม่รับคืน”
พิทยาพูดจบก็เดินออกไปด้วยสีหน้าที่เสียใจและเจ็บปวด สุอาภากำมือแน่น น้ำตาคลอเบ้า

พิทยาเดินลิ่วๆออกไปจากบ้าน ด้วยใบหน้าที่เศร้ามาก ทุกคนเห็นสภาพของเขาก็ตกใจ

บริเวณสระว่ายน้ำ ภายในบ้าน เวลาต่อมา สุอาภายืนหน้าเศร้าดูแหวนแต่งงานในมือ... ทุกคนเดินเข้ามาหาสุอาภา
วรรณวดีเดินมาจากข้างหลังเข้ามาจับไหล่น้องสาว ทันทีที่สุอาภาหันไปเห็นพี่สาวก็ปล่อยโฮออกมาทันที
“พี่ต่าย”
ทั้งคู่กอดกันร้องไห้
“แตทำแบบนี้ทำไม ทั้งๆที่คนที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือแต”
“เพราะแตต้องการให้คนที่แตรักมีความสุขน่ะสิคะ”
วรรณวดีเห็นใจ ลูบหัวน้องสาวให้กำลังใจ สุอาภาร้องไห้ออกมาอย่างหยุดไม่ได้

พิทยากลับเข้ามานั่งในบ้าน แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความหมองเศร้าสุดๆ มองไปทางไหนก็ว่างเปล่า ไม่มีสุอาภาอีกต่อไป
ภายในบ้าน รมณีกำลังลองชุด มีช่างตัดเสื้อกำลังจัดเสื้อผ้าให้ ณรงค์นั่งอยู่ด้วย รวีพรรณแอบมองอยู่ไม่ห่างออกไป
“ตรงเอวเอาให้หลวมกว่านี้อีกหน่อยก็ดีนะ เดี๋ยววันงานจะทานได้นิดเดียว”
“ได้เลยค่ะคุณนาย”
รวีพรรณมองไปรอบๆ ไม่เห็นคนขับรถของภูวดลก็ค่อยๆย่องออกไปทางหลังบ้าน

รวีพรรณจ้ำเดินออกมาตามทาง แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะเจอคนขับรถยืนอยู่
“คุณรวีจะไปไหนครับ”
“ไม่ต้องยุ่ง”
รวีพรรณจะเดิน แต่คนขับรถขวางทางเอาไว้
“ไม่ยุ่งไม่ได้ครับ ผมต้องยุ่ง เพราะคุณภูวดลสั่งเอาไว้ ให้ผมคอยรับใช้คุณรวี”
รวีพรรณมองคนขับรถอย่างไม่พอใจมาก
“ฉันไม่ไปแล้ว”
รวีพรรณตะคอกเสร็จก็จ้ำเดินเข้าไปในบ้านทันที

รวีพรรณเข้ามาในห้องนอน ปิดประตูดังปัง! ด้วยความโมโหมาก
“บ้าบ้า บ้า!ฉันไม่ใช่นักโทษที่ต้องให้คนเฝ้าตลอดเวลา”
รวีพรรณประสาทจะเสีย หันไปเห็นชุดเจ้าสาวก็ยิ่งหัวฟาดหัวเหวี่ยงแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก อย่างคนที่จนตรอกแล้ว

เวลากลางคืน สุอาภายืนเหม่อที่ริมหน้าต่างห้องนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น สุอาภาเห็นนพเดินเข้ามาพร้อมกล่องผลไม้
“ป๋าเห็นแตทานข้าวไปนิดเดียว กลัวหิวก็เลยเอาผลไม้มาให้ มาทานสิลูกมา”
สุอาภาเดินมานั่งที่โต๊ะ นพเอาจานผลไม้วางตรงหน้าสุอาภาก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ขอบคุณนะคะป๋า แต่..แตยังไม่อยากทานตอนนี้” สุอาภาตอบหน้าเศร้า
“ไม่ทานตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวป๋าเอาแช่ตู้เย็น ยังเก็บไว้ได้อีกหลายวัน ไอ้กล่องนี้มันดีนะ ทำให้ของไม่เน่าไม่เสีย นี่ถ้าเอาความรู้สึกของเราเก็บในกล่องใบนี้ได้ เราคงจะมีแต่ความรู้สึกดีดีต่อกันเนอะ”
สุอาภามองนพอย่างรู้ทัน
“ป๋าต้องการจะพูดอะไรกับแตคะ”
นพยิ้มอ่อนโยน จับมือสุอาภา
“ป๋าไม่รู้หรอกนะว่าพิทกับแตมีปัญหาอะไรกัน แต่ป๋าได้เห็นถึงความพยายามของพิทที่จะทำให้ลูกหายโกรธ มันทำให้ป๋ารู้ว่าพิทยังคงเป็นคนดีเสมอ ที่ผ่านมา ป๋าเห็นว่าพิทกับแตเป็นยังไงกัน ป๋าไม่อยากให้สิ่งผิดพลาดที่เกิดจากความตั้งใจก็ดี หรือไม่ตั้งใจก็ดี มาทำลายความรู้สึกของพิทกับแตที่มีให้กัน”
นพเข้ามาโอบสุอาภาเอาไว้หลวมๆ สุอาภายังตั้งใจฟังอยู่
“ป๋าอยากให้แตเปิดโอกาสให้พิทอีกซักครั้ง คนเราถ้าไม่พูด จะเข้าใจกันได้ยังไง บางครั้งสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราเข้าใจ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ป๋าไม่อยากเห็นลูกของป๋าจมอยู่กับความทุกข์ไปจนชั่วชีวิต ลองเอาที่ป๋าพูดไปคิดดูให้ดี”
สุอาภาไม่ตอบ นพยิ้มแล้วก็หอมหน้าผากสุอาภาก่อนจะเดินออกไป เธอมองกล่องผลไม้สีหน้าครุ่นคิด

เวลากลางวันถัดมา ภายในห้องนอนของรวีพรรณ ชุดแต่งงานแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า..รวีพรรณนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าไม่มีความสุขหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น รวีพรรณไม่หันไป รมณีสีหน้ายิ้มแย้มเปิดประตูเดินถือกล่องกำมะหยี่ เข้ามายืนข้างรวีพรรณ
“รวีลูกแม่”
รวีพรรณหันมาช้าๆ รมณีเปิดกล่องกำมะหยี่ แล้วยื่นชุดเครื่องเพชรสวยงามไปตรงหน้ารวีพรรณ
“เครื่องเพชรที่พ่อดลเอามาให้ ลูกจำได้มั๊ย เอาไว้ใส่วันงานนะลูกนะ รับรองว่าวันนั้น...ลูกแม่จะต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด”
รวีไม่ตอบอะไรออกมา รมณีวางกล่องไว้บนโต๊ะ แล้วก็จับไหล่รวีพรรณให้ลุกขึ้นยืนแล้วดึงลูกสาวเข้ามากอด
“แม่รอวันนี้มานานเหลือเกิน แม่มีความสุขมากจริงๆ”
รมณีลูบหัวรวีพรรณที่น้ำตาไหลด้วยความทุกข์ระทมที่สุด เธอกำมือแน่นอย่างสุดที่จะทนได้อีกต่อไป

ภายในบ้าน พิทยานั่งซึม พลันเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น เขาหยิบมากดรับสาย
“ฮัลโหล”
“พิท..นี่รวีนะ”
พิทยาชะงัก ... รวีพรรณร้องไห้
“รวีทนไม่ไหวอีกแล้ว”
“คุณเป็นอะไร”
“พิทช่วยพารวีหนีงานแต่งงานที”
พิทยาอึ้ง
“รวีขอร้อง พิทไม่ต้องกลับมารักรวีอีกแล้วก็ได้ ขอแค่พารวีหนี แล้วรวีจะหาทางไปเอง..นะพิทนะ..
สงสารรวีเถอะ...ถ้ารวีต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้ไปจนชั่วชีวิต รวีต้องตายแน่ๆ”
พิทยาพูดอย่างลำบากใจ
“นี่ไม่ใช่ทางออกนะรวี แต่มันคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ”
รวีพรรณเสียใจมาก
“ถ้าพิทไม่ช่วยรวี รวีขอตาย!”
รวีพรรณแววตาสิ้นหวัง พิทยาตกใจมาก

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 13/4 วันที่ 26 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3
ที่มา manager