@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/3 วันที่ 30 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/3 วันที่ 30 ม.ค. 56

“มันก็แค่ปันข้าวที่เหลือจากส่วยที่ส่งไปเมืองหลวง มันจะอะไรนักหนา”
พระยาสุรเดชไมตรีตบหน้าบุตรชาย
“ทำเลวแล้วยังไม่สำนึกอีก เป็นข้าราชการแผ่นดินแต่โกงกินบ้านเมือง ตาย 7 ชั่วโคตรยังชดใช้ไม่หมด”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณพ่อ ถ้าต้องตาย ลูกตายคนเดียวได้ คงไม่ต้องให้ โคตรเหง้ามาร่วมรับผิดชอบ”

พระยาสุรเดชฯเงื้อมือจะตบหน้าอีกครั้ง แต่ยั้งใจไว้เมื่อเห็นขุนพิทักษ์ มองอย่างไม่รู้สึกผิด
“อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
ขุนพิทักษ์ เดินออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว



ขุนพิทักษ์ เดินขึ้นเรือนมาถึงหน้าห้องคุณหญิงก็ชะงัก เพราะได้ยินเสียงคุณหญิงมณีว่า
“คุณพี่คะ มีข่าวว่าตอนนี้ทางสังกัดของคุณพี่กำลังหาคนมารับตำแหน่งแทนคุณพี่”
ภายในห้อง พระยาสุรเดชไมตรีนอนป่วยอยู่
“สมควรแล้วคุณหญิง ราชการจะได้ไม่เสีย”
คุณหญิงมณีถอนหายใจหนัก
“ท่านพระยาเทวราชผู้ตรวจการจากพระนครมาถึงบ้านเราแล้ววันนี้ วันพรุ่งคงมาเยี่ยมคุณพี่”
“ต้อนรับขับสู้ท่านให้ดีนะแม่มณี”
คุณหญิงมณี ค่ะ
พระยาสุรเดชพูดเสียงอ่อนคุณหญิงมณีมองผู้เป็นสามีด้วยแววตาห่วงใย
“พ่อพิทักษ์มัวง่วนอยู่กับข้อราชการ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลามาหาคุณพี่ “
พูดเพียงเท่านั้นคุณหญิงก็น่าสลด แต่ก็ต้องทำใจดีเพื่อมิให้ผัวเป็นกังวล
“อย่าปดฉันเลยแม่มณี ฉันรู้จักลูกชายของเราดี สำหรับพิทักษ์ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเหล้า ฝิ่น ผู้หญิง”
ขุนพิทักษ์ไมตรีสะเทือนใจที่สุดท้ายตัวเองก็เป็นได้แค่ลูกเลวๆ ในสายตาของพ่อ คุณหญิงมณีหันมาเจอขุนบุตรชายยืนอยู่ที่หน้าห้อง
คุณหญิงมณีดีใจกำลังจะเอ่ยทัก แต่ขุนพิทักษ์สบตาแล้วหันเดินจากไป คุณหญิงมณีอยากจะลุกไปตาม
“มีอะไรเหรอคุณหญิง”
คุณหญิงมณีกลัวพระยาสุรเดชฯผิดหวังจึงบอก
“ไม่มีอะไรค่ะ คุณพี่พักเถอะค่ะ”

สายตาคุณหญิงมณีมองไปที่ประตูอย่างเสียดาย และเสียใจที่พ่อลูกกลายเป็นแบบนี้
ริมน้ำบ้านคุณหญิงมณียามนั้น เห็นหัวเรือมาเทียบท่า คนเรือผูกเรือไว้กับเสา พระยาเทวราชและรำพึงลงจากเรือ เป็นจังหวะที่ขุนพิทักษ์ไมตรีลงมาจากเรือนและเห็นรำพึงอย่างเต็มตา ใบหน้าของรำพึงคือใบหน้าที่เขาละเมอถึงอยู่ทั้งคืน

ขุนพิทักษ์ตะลึงอยู่เป็นนาน จวงเห็นเขาถึงกับปิดปาก รำพึงเองก็จำขุนพิทักษ์ได้ รำพึงเผลอยิ้มแต่รีบเก็บอาการ
พระยาเทวราชเดินเข้าไปทักขุนพิทักษ์
“คุณหญิงมณีอยู่มั้ยพ่อหนุ่ม”
ขุนพิทักษ์ จึงได้รู้สึกตัว
“คุณแม่อยู่บนเรือนขอรับ”
“พ่อหนุ่มนี่เป็นลูกชายของท่านพระยากับคุณหญิงหรอกรึ”
“ขอรับ กระผมชื่อพิทักษ์ ขอรับ”
“ฉันพระยาเทวราชเป็นผู้ตรวจการมาจากพระนคร ฉันพาแม่รำพึง ลูกสาวฉัน มาเยี่ยมท่านพระยากับคุณหญิง”
ขุนพิทักษ์ ยกมือไหว้พระยาเทวราช
รำพึงยกมือไหว้ขุนพิทักษ์ อย่างอ่อนช้อย เขารับไหว้แต่ส่งสายตามองอย่างไม่วางตา
“ขอเชิญท่านพระยา พักรอที่ศาลารับรองก่อนนะขอรับ เดี๋ยวกระผมจะไปเรียนคุณแม่”
ขุนพิทักษ์ ผายมือไป มีบ่าวบ้านคุณหญิงมณีนำขบวนไป ทุกคนเดินตามไป จนรำพึงผ่านหน้า ขุนพิทักษ์มองดวงหน้านั้นไม่ละสายตา แต่รำพึงไม่ได้ชายตามองด้วยรักษากิริยาท่าที

บนศาลารับรอง รำพึงยื่นกล่องน้ำอบปรุงและอับใส่โสมให้คุณหญิงมณี
“น้ำอบปรุงจากพระนครและโสมแท้ได้มาจากเรือสำเภาจีนค่ะคุณหญิง คุณ พ่อตั้งใจนำมาให้คุณหญิงกับท่านพระยาฯ โดยเฉพาะ”
“ไม่น่าต้องลำบากหอบหิ้วมาเลย”
“ไม่ได้ลำบากอะไรเลยคุณหญิง ว่าแต่ว่าท่านพระยาฯ เป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ทรงๆทรุดๆน่ะค่ะ คุณพี่เองเป็นห่วงราชการมาก ทำแต่งานจนไม่รักษาตัว พอมารู้อีกทีก็เป็นหนักแล้ว”
คุณหญิงมณีมีอาการเศร้า
“ฉันขอพบท่านสักครู่ ฉันมีความจากพระนครมาถึงท่าน” พระยาเทวราชว่า
“เชิญท่านพระยาฯค่ะ”
“รำพึงรอพ่ออยู่ทางนี้ก่อน เดี๋ยวพ่อคุยกับท่านพระยาฯเสร็จจะลงมา ฝากน้องสักครู่นะพ่อพิทักษ์”
“ขอรับ”
คุณหญิงมณีนำพระยาเทวราชไปโดยมีแจ่มคอยตามดูแล ทางฝ่ายคู่หนุ่มสาวมีแต่ความเงียบ ขุนพิทักษ์ จึงชวนคุยสร้างบรรยากาศ
“ตอนนี้ดอกไม้ในสวนออกดอกบานสะพรั่ง ถ้าน้องสนใจพี่จะพาไปชม”
“ขอบคุณค่ะ”
ขุนพิทักษ์ ลุกขึ้นยืน รำพึงลุกขึ้นยืนแต่จังหวะที่ก้าวสะดุด เขารีบดึงแขนรั้งตัวรำพึงไม่ให้ล้ม แต่ด้วยแรงเหวี่ยงจึงทำให้ขุนพิทักษ์ โอบรำพึง หน้าทั้งสองใกล้กัน ดวงตาของคนทั้งคู่จ้องมองกัน จวงเห็นก็ตกใจ
“ว้ายตาเถรตกหกคะเมน!”
รำพึงรีบถอนตัวออก ขุนพิทักษ์ ไม่อยากปล่อยแต่จำต้อง
“พี่ขอโทษด้วยที่...”
รำพึงเขินอายบอก
“ไปชมสวนดอกไม้กันเถอะค่ะ ไปจวง”
รำพึงหน้าแดงหันหน้าเดิน ขุนพิทักษ์ ยิ้มในดวงตาเป็นประกาย

บนเรือน ขุนไวพิชิตพลหันมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อได้ฟังข่าวจากสมุน
“ลูกสาวท่านพระยาเทวราชน่ะเหรอ เตรียมเรือ ข้าจะไปกราบท่านพระยาที่เรือน” ขุนไว พูดพลางสั่งสมุน
“แต่เห็นว่า วันนี้ท่านพระยากับลูกสาวไปกราบท่านพระยาสุรเดชไมตรีนะครับ”
ขุนไว สีหน้าเริ่มเป็นกังวลใจ
“ไอ้พิทักษ์!”

ขุนพิทักษ์ พารำพึงเดินชมสวนดอกไม้รอบเรือนซึ่งมีจวงคอยตามอยู่ห่างๆ เขาแอบมองรำพึงที่ดูดอกไม้อย่างชื่นชม
“ท่านพระยาสุรเดชป่วยเช่นนี้ คุณพี่คงเหนื่อยนะคะ ทั้งทำงาน บ่าวไพร่”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกจ๊ะ จะเหนื่อยหน่อยก็เรือกสวนไร่นามันเยอะเป็นร้อยไร่ ก็อาจจะดูแลไม่ทั่วถึงบ้าง”
“น้องทราบมาว่าทางเชื้อสายคุณพี่เป็นพระยาสืบทอดกันมาเหรอคะ”
“ก็หลายชั่วอายุคนน่ะจ๊ะ ต้นตระกูลของพี่สืบเชื้อสายจากเสด็จในวัง ทำงานรับใช้เหนือหัวมาตลอด”
รำพึงมองขุนพิทักษ์ อย่างพอใจในข้อมูลที่ได้รับ
รำพึงเปลี่ยนเรื่อง
“คุณหญิงท่านดูแลไม้ต้น ไม้ดอกได้งามมากนะคะ”
“งามมาก…”
ขุนพิทักษ์ พูดโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากหน้าของรำพึงเลย เธอหันมามองหน้าเขาแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้
“หน้าตาพี่มีอะไรน่าขันนักหรือ”
“น้องเห็นหน้าคุณพี่ก็เลยนึกถึงภาพเมื่อวานที่กลางแม่น้ำ คนที่ตกน้ำเปียกมะล่อกมะแล่ก คือคุณพี่นี่เอง”
ขุนพิทักษ์ รีบพูดแก้เก้อ
“อ๋อ พวกพี่แข่งเรือกันน่ะจ่ะ”
“การแข่งเรือ ไม้พายต้องอยู่ในน้ำมิใช่รึคะ แต่ที่น้องเห็น ไม้พายแกว่งอยู่ในอากาศ บ้างก็ตีฟาดหัวคน เมืองนี้เขาแข่งเรือกันอย่างนี้รึคะ”
ขุนพิทักษ์ เห็นช่องจึงใช้วาจาที่มีคารมหาทางใกล้ชิดรำพึง
“ถือเป็นโชคของพี่ที่มีเรือของน้องผ่านมาพอดี ไม่อย่างนั้นพี่อาจจะตาย เป็นผีเฝ้าคุ้งน้ำไปแล้ว พี่ติดหนี้ชีวิตน้องรำพึงจริงๆ”
“คุณพี่พูดเกินไปแล้ว น้องไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ลอยเรือผ่านไปทางนั้น”
“แต่พี่ถือว่าน้องมาช่วยต่อชีวิตพี่ หากน้องรำพึงจะให้พี่รับใช้เรื่องใด พี่เต็มใจทำให้ทุกอย่าง”
สายตาที่ขุนพิทักษ์ ส่งให้ รำพึงเองรู้สึกได้ถึงแรงปรารถนาของเขา แต่ความรู้สึกของคนทั้งสองถูกขัดขึ้นด้วยเสียงที่มาแต่ไกลของคุณหญิงมณี
“อิฉันต้องขอบพระคุณท่านพระยาฯเป็นอย่างมาก”
“แม่มณีมีอะไรให้ฉันช่วยก็ไม่ต้องเกรงใจ” พระยาเทวราชว่า
ผู้อาวุโสทั้งสองเดินเข้ามาสมทบกับรำพึงกับขุนพิทักษ์
“อ้าว เด็กๆมาอยู่กันตรงนี้”
“คุณพี่พิทักษ์มีน้ำใจพารำพึงมาชมสวนนะค่ะ สวนของคุณหญิงงามจริงๆ ค่ะ”
คุณหญิงมณียิ้มรับ
“งั้นฉันถือโอกาสลาคุณหญิงเลย”
“ค่ะ พ่อพิทักษ์ไปส่งท่านพระยาฯ กับน้องหน่อยนะลูก”
ขุนพิทักษ์ แอบดีใจ แต่พระยาเทวราชขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องยุ่งยาก ท่าน้ำอยู่แค่นี้ เดี๋ยวฉันไปกันเองได้ ขอบใจมาก”
รำพึงยกมือไหว้ลาคุณหญิง ขุนพิทักษ์ ยกมือไหว้พระยาเทวราช
รำพึงยกมือไหว้ขุนพิทักษ์ เขารับไหว้ กลุ่มพระยาเทวราชเดินไป ขุนพิทักษ์มองตามสายตาวิบวับ คุณหญิงมณีสังเกตเห็นอาการลูกชาย แล้วพูดขึ้น
“รำพึงไม่ใช่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไปที่ลูกจะทำเล่น ๆ ได้ จะทำอะไรคิดให้มาก ๆ เข้าไว้”
ขุนพิทักษ์ ถอนใจอย่างรำคาญล้วเดินออกไป

คุณหญิงมณีมองตามบุตรชายอย่างหนักอกหนักใจ
บริเวณตลาดริมน้ำ ร่างของนายอยู่ถูกโยนลงไปกับพื้น นางเย็นและชุ่มวิ่งเข้าไปประคองผัวและพ่อ ผู้คนแถบนั้นมามุงดูกัน

“พูดกันดีๆไม่ได้รึ ทำไมต้องทำพ่อข้าถึงเพียงนี้”
“ก็พ่อเอ็งติดหนี้นายข้า แค่ถึงเวลาแล้วไม่ยอมจ่ายมันก็ต้องโดนแบบนี้” นักเลงว่า
พูดจบนักเลงที่เหลือเข้าไปจะจับตัวนายอยู่ แต่นางเย็นเข้าขวางพร้อมยกมือไหว้
“อย่าทำอะไรผัวฉันเลย แล้วฉันจะรีบหาอัฐไปผ่อนดอกให้”
นักเลงหันไปเห็นชุ่มที่อยู่ข้างนายอยู่ แล้วยิ้มกริ่ม
“แต่ว่าถ้าได้ตัวนังนี่ไปขัดดอก นายข้าอาจจะพอใจ”
ชุมมีอาการกลัว นายอยู่เอาตัวมาป้องลูก นางเย็นก็จับขานักเลงขอร้อง
“อย่าทำอะไรลูกข้า นังชุ่มมันยังเด็ก อย่าเอามันไปเลย”
นักเลงสั่งลูกน้องฉุด ชุ่มสู้ขัดขืน นายอยู่นางเย็นสู้แต่ถูกพวกนักเลงทำร้าย
จังหวะนั้นขุนพิทักษ์ไมตรีพร้อมบ่าวไพร่ผ่านมา ลูกน้องของนักเลงพังข้าวของเขวี้ยงของไปโดนขุนพิทักษ์ อย่างจัง เขาโกรธจึงเข้าไปร่วมวง
“ใครมาทำใหญ่โตแถวนี้วะ”
จังหวะนั้นชุ่มสะบัดหนีจากการจับกุมไปซุกอกแม่ด้วยความกลัว ชุ่มเหลือบมองไปก็จำขุนพิทักษ์ ได้
“ท่านขุนโรงบ่อน...”
ชุ่มเข้าใจว่า ขุนพิทักษ์ มาช่วยตนและพ่อแม่ที่โดนรังแก นางเย็นฉุด
“ไปเร็ว นังชุ่ม”
ชุ่มยังไม่ทันเห็นเหตุการณ์ต่อ นางเย็นและนายอยู่ก็ลากชุ่มออกไป นักเลงหันมาตะคอกใส่ขุนพิทักษ์
“เอ็งแส่อะไรด้วยวะ”
“ข้าแส่ก็เพราะพวกเอ็งทำตีนข้าเปรอะ”
ขุนพิทักษ์ ยกเท้า
“เช็ดตีนให้ข้า”
นักเลงโกรธ แล้วถุยน้ำลายใส่เท้า
“ถุย... ข้าใช้น้ำลายล้างให้เอ็งท่าจะสะอาดกว่า ใช่มั้ยวะพวกเรา”
ลูกน้องนักเลงพากันหัวเราะ ขุนพิทักษ์ ยกตีนฟาดหน้านักเลงทันที ฝ่ายนักเลงลุกขึ้นได้สั่งลูกน้องลุย ขุนพิทักษ์ และพวกเข้าตะลุมบอน
ขุนพิทักษ์มีฝีมือกว่าพวกนักเลง สุดท้ายขุนพิทักษ์ใช้ไม้ฟาดนักเลงลงไปกอง ขุนพิทักษ์เหยียบนักเลงไว้
“ไอ้ขี้ครอก ถ้าเช็ดตีนให้ข้าตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”
ขุนพิทักษ์หยิบจอกน้ำมาราดเท้าตนเองที่เหยียบอยู่บนอกนักเลงอยู่ ขุนพิทักษ์ยิ้มสะใจและกระทืบนักเลงอีกทีก่อนเดินจากไป

ภายในจวนพระยาเทวราช เวลาเย็น ขุนไวพิชิตพลยื่นอับใบชาให้ พระยาเทวราชยื่นมือมารับไป
“กระผมขุนไวพิชิตพล ข้าราชการในกรมถือโอกาสมากราบท่านพระยาฯ หากท่านมีเรื่องให้กระผมรับใช้ กระผมพร้อมจะทำอย่างเต็มกำลัง
“ขอบใจในน้ำใจนะ เออ...ท่านขุน ฉันได้ยินข่าวไม่ใคร่จะดีนักเรื่อง การงานของพ่อพิทักษ์ลูกของท่านพระยาสุรเดชฯ มันมีมูลแค่ไหนกัน”
ขุนไว ไม่อยากพูดถึง
“กระผมไม่ขอเอ่ยถึงได้ไหมขอรับ”
พระยาเทวราชรู้ทันทีว่า ทั้งขุนไว และขุนพิทักษ์ ไม่ลงรอยกันแน่ พระยาเทวราชเงียบ แต่สั่ง
“ถ้าท่านไม่สะดวกใจก็แค่ตอบฉันว่าใช่หรือไม่ก็พอ”
จังหวะนั้นรำพึงลงมาพอดีจึงได้ยิน
“ที่ว่าขุนพิทักษ์ เป็นผู้ที่เกียจคร้านงานราชการ แล้วยังมีนอกมีในกับพวกพ่อค้ามากมาย จริงหรือไม่”
ขุนไวพิชิตพล ลำบากใจ แต่ต้องตอบ
“จริงครับ”
รำพึงรู้สึกได้ว่า ขุนไว จะไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับขุนพิทักษ์ จึงหาทางขัดเพราะตนมีไมตรีกับขุนพิทักษ์ มากกว่า
“คุณพ่อคะ วันพรุ่งลูกจะขอให้จวง ไปซื้อเครื่องหอม มาทำน้ำปรุงเก็บไว้”
ขุนไวพิชิตพลมองตามเสียงด้วยแววตาที่เพ้อหาตะลึงในความงาม รำพึงหันมอง
“ขอโทษค่ะ ลูกไม่ทราบว่าคุณพ่อมีแขก”
“ไม่เป็นไรลูก ไม่ใช่คนอื่นคนไกล รำพึงนี่ท่านขุนไวพิชิตพล”
“ยินดีที่ได้พบค่ะท่านขุน”
รำพึงไหว้ ขุนไว รับไหว้แล้วรีบทำคะแนน
“ท่านพระยาฯขอรับ เรื่องเครื่องหอมที่คุณรำพึงต้องการ พรุ่งนี้กระผมขออาสาให้คนจัดมาให้นะครับ”
รำพึงตวัดสายตามองอย่างวางท่า
“อย่าต้องลำบากเพราะดิฉันเลย”
“ไม่ลำบากอะไรเลย กระผมเป็นคนถิ่นนี้จะรู้จักที่ทางในการหาของได้ดีกว่า”
“ก็จริงอย่างที่ท่านขุนว่า ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านขุนเป็นธุระให้ที”
สีหน้าของรำพึงไม่ค่อยพอใจ
“ดิชั้นจะให้จวงเอารายการมาให้แล้วกันนะคะ … ลูกขอตัวก่อน”

รำพึงเดินขึ้นชั้นบนไป ขุนไว มองตามรำพึงอย่างมีความหวัง
ส่วนที่บ้านท้ายสวน เวลากลางคืน ชุ่มป้อนยาแก้ช้ำในให้พ่อ และนางเย็นประคบตามเนื้อตามตัวให้นายอยู่

“เราไปเป็นหนี้พวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนพ่อกับแม่บอกฉันว่าเราเป็นหนี้แค่เรือนคุณหญิงมณีไม่ใช่รึ”
นายอยู่มองหน้านางเย็น และหลบตาลูกสาว
“มันยังไม่พอใช้หนี้ พ่อเอ็งเขาก็เลยต้องไปหยิบยืมมาจากพวกออกกู้” นางเย็นว่า
“เท่าไหร่รึพ่อ”
“๒ ชั่ง” นายอยู่บอก
“๒ ชั่ง!”
“พ่อเอ็งเอาสวนไปวางไว้กับมัน นี่ก็เลยกำหนดดอกมาหลายวันแล้วมันถึงส่งคนมาทวง ตอนนี้ของในสวนก็ขายไม่ดี ชักหน้าไม่ถึงหลัง”
ชุ่มกอดแม่กับพ่อร้องไห้
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ”
นายอยู่กับนางเย็นกอดชุ่มไว้ แต่ไม่มีทางออก

ดวงจันทร์แจ่มฟ้ายามค่ำคืน ภายในห้องนอนรำพึง เรือนพระยาเทวราช จวงช่วยรำพึงแต่งตัว
“คุณรำพึงของจวงเสน่ห์แรงจริงนะเจ้าคะ ท่านขุนพิทักษ์ก็มีจิตเสน่หา นี่ขุนไวก็ส่งสายตาอย่างเปิดเผย”
“อย่าสาระแนนักนังจวง”
“ก็มันจริงนี่เจ้าคะ จะว่าไปทั้งสองท่านก็รูปงามทั้งคู่ หน้าที่การงานก็ไม่มีใครด้อยกว่าใคร”
“ไม่มีใครด้อยกว่าใครจริงรึ”
“จริงเจ้าค่ะ...แต่ยกเว้นเรื่องเชื้อสายกับทรัพย์สมบัติ ที่จวงรู้มาขุนไว แต่เดิมเป็นเด็กวัดแต่พระยาพิศาลท่านไม่มีลูกก็เลยเก็บขุนไวมาชุบเลี้ยงราวกับลูกแท้ๆ ขุนไวก็สร้างผลงานจนได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นท่านขุนได้ นี่ล่ะเจ้าค่ะ”
“ต่ำชั้น เทียบไม่ได้กับคุณพี่พิทักษ์ของข้าสักนิด”
“ท่านขุนพิทักษ์ของคุณรำพึงหรือเจ้าคะ”
“นังจวง!”
จังหวะนั้น ก็มีก้อนดินกลมลอยเข้ามาทางหน้าต่างโดนหัวจวง
“โอ้ย! บ่าวพูดแค่นี้ทำไมต้องทุบหัวบ่าวด้วยเจ้าคะ”
“ข้าเปล่า”

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/3 วันที่ 30 ม.ค. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager