@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 3/2 วันที่ 7 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 3/2 วันที่ 7 ม.ค. 56

“ฟังจากเธอเล่า ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะร้ายกาจมากขนาดนี้ หวังจะเกาะหนูรวีเพื่ออัพฐานะให้ตัวเอง แล้วหนูรวีก็ซื่อแสนซื่อ ไปหลงเชื่อมันได้ยังไง”
“ฉันถึงต้องพยายามกีดกันทุกวิถีทางยังไงล่ะ”
“คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะกระชากหน้ากากไอ้หมอนั่นออกมาให้คุณรวีเห็นโดยเร็วที่สุด” ภูวดลบอก
รมณีจับแขนภูวดล
“ได้ฟังแบบนี้น้าก็สบายใจ ขอบใจมากนะจ๊ะ”
ภูวดลลอบยิ้มร้ายกาจ

ภายในห้องทำงานของรวีพรรณ เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น เธอกำลังทำงานเงยหน้าขึ้นมา
“เชิญค่ะ”
ประตูเปิดออก ภูวดลที่ถือช่อดอกไม้เดินเข้ามา รวีพรรณผงะ ลุกขึ้นยืน
“คุณภูวดล”



“ดอกไม้ครับ”
สีหน้ารวีพรรณลำบากใจมาก
“เอาคืนไปเถอะค่ะ”
“ถือเป็นการขอโทษที่ผมทำให้เกิดเรื่องวุ่ยวายในวันนั้น”
“แล้วทำไมวันนั้นคุณไม่พูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคนคะ”
“เพราะ...ผมหวังว่าสถานการ์ณตึงเครียดระหว่างคุณกับแฟน มันจะทำให้คุณหันมามองผมบ้าง”
รวีพรรณมองภูวดลอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองของผมเหมือนคุณ ผมบอกแล้วไงครับ ถึงผมจะเป็นคนประวัติไม่ดี แต่ถ้าเจอคนที่ดี...ผมก็พร้อมจะหยุด”
“คุณรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“ผมกำลังสารภาพความรู้สึกกับคนมีเจ้าของ”
รวีพรรณอึ้ง งง ไปไม่เป็น ภูวดลเดินแผนต่อ
“คุณน้ารมณีเล่าเรื่องของคุณกับคุณพิทยาให้ผมฟังหมดแล้ว และผมก็เข้าใจสถานการณ์ของคุณดี การถูกกีดกันจากคนรัก คงทำให้คุณไม่มีความสุข”
รวีพรรณอึ้งมาก ภูวดลวางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะ
“ดอกไม้ช่อนี้เป็นดอกไม้แห่งมิตรภาพ ที่เพื่อนคนหนึ่งต้องการให้กำลังใจเพื่อนอีกคนหนึ่ง ผมกลับนะครับ”

ภูวดลทำเป็นยิ้มจริงใจแล้วก็เดินออกไป ทันทีที่หันหลังก็ลอบทำหน้าร้าย
รวีพรรณมองช่อดอกไม้บนโต๊ะด้วยความประหลาดใจ
ตกตอนบ่าย พิทยากำลังอ่านรายงานการประชุมที่สุอาภาพิมพ์ ไม่นานเธอเปิดประตูเดินเข้ามา

“มีอะไรกับฉันอีก”
พิทยาเงยหน้าบอก
“เอาไปพิมพ์มาใหม่”
สุอาภาฉุน
“นายจงใจแกล้งฉันใช่มั้ย!”
“ผมไม่ได้แกล้ง คุณพิมพ์ผิดหลายคำ”
“นายอ่านเองคนเดียว พิมพ์ผิดก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
“ไม่ได้!! อย่าทำอะไรแบบขอไปที จะทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด”
พิทยาหยิบเอกสารยื่นไปตรงหน้า สุอาภาไม่สนใจ
“ฉันไม่ทำ!”
สุอาาภาหันหลังเดินหนี พิทยาลุกขึ้นยืนบอก
“ถ้างั้นก็กลับบ้านไปซะ”
สุอาภาหยุดเดินหันมา พิทยาพูดต่อ
“คุณทำงานไม่ได้หรอกถ้ายังใช้อารมณ์มากกว่าสติ”
สุอาภาอึ้ง โมโหแล้วก็จ้ำเดินออกไป พิทยาส่ายหัวเอือมๆ คิดว่าสุอาภาคงจะถอดใจแล้ว
“คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องทำไม่ได้” พิทยาพึมพำ

เวลากลางคืน .... สุอาภานั่งอยู่กับบนเตียง วรรณวดีกำลังพับเสื้อผ้า
“พี่ต่ายเคยทำงานออฟฟิศมาก่อนใช่ป่ะ”
วรรณวดีเงยหน้ามองแล้วตอบ
“ใช่ ถามทำไม”
“แตอยากรู้ว่าพวกพนักงานออฟฟิศ เค้าทำไรกันบ้าง แตไม่อยากให้ใครดูถูกว่าเรื่องง่ายๆแตก็ทำไม่เป็น”
สุอาภาแววตามุ่งมั่นขึ้นมา จนทำให้วรรณวดีแปลกใจ

เช้าวันต่อมา พิทยาเข้ามาในห้องทำงานก็ผงะที่เห็นสุอาภายืนวางแฟ้ม..แก้วกาแฟร้อน และแซนวิช
บนโต๊ะ สุอาภาหันมายิ้มแย้มสดใสเหมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มอร์นิ่งค่ะบอส รายงานการประชุมเมื่อวาน กาแฟร้อน กับแซนวิชทูน่า อาหารเช้าค่ะ”
สุอาภาพูดจบก็เดินผ่านหน้าพิทยากำลังจะออกไป แต่นึกขึ้นได้ เลยหยุดเดินหันมา
“ถ้ามีอะไรให้ฉันรับใช้ก็บอกนะคะบอส”
สุอาภาขยิบตาหนึ่งข้าง พิทยาสะดุ้ง แล้วเธอก็เดินออกไป เขางงสุดๆ เริ่มระแวงว่าเธอจะมาไม้ไหน เดินมาที่โต๊ะ หยิบแก้วกาแฟกับแซนวิชขึ้นมา
“วางยาเรารึเปล่า”
พิทยาตัดสินใจทิ้งสองอย่างลงถังขยะไม่กล้ากิน

พิทยาเดินออกมาที่หน้าห้องทำงาน
“คุณแต”
สุอาภารีบลุกขึ้นมาหาพิทยาพร้อมกระดาษโน๊ต
“บอกมาเลยค่ะว่าบอสต้องการอะไร”
สุอาภากระพริบตาปริบๆ
“กลางวันนี้เตรียมตัวออกไปไซต์งานกับผม”
พิทยาพูดจบก็เข้าไปในห้อง สุอาภานิ่งไป สีหน้าสงสัย
“ไซต์งาน”

เวลากลางวัน บริเวณตึกที่กำลังเริ่มก่อสร้าง สุอาภายืนอยู่ด้วยสีหน้างงงัน หันไปทางพิทยาที่ตามหลังมาพร้อมหมวกนิรภัย 2 ใบ
“ไง...ถอดใจตอนนี้ยังทันนะ”
“ใครว่าชั้นถอดใจ ชั้นกำลังตื่นเต้นกับงานใหม่ๆต่างหาก”
สุอาภากับพิทยาจ้องหน้าแบบไม่มีใครยอมใคร พิทยาเอาหมวกใส่หัวตัวเอง อีกใบก็ยื่นให้สุอาภา
“ใส่ซะ”
“ฉันไม่ใส่ ขืนใส่ ผมก็พังพอดี”
สุอาภาคืนหมวกให้พิทยา แล้วเดินฉับๆเข้าไป พิทยาถอนหายใจอย่างเอือมๆ

พิทยาเดินเข้าไปด้วยความคล่องแคล่วทั้งๆที่ทางเดินขรุขระ มีทั้งอิฐหินดินทรายแอ่งน้ำและฝุ่นคละคลุ้ง สุอาภาสีหน้าแย่มากเดินตามพิทยาอย่างทุลักทุเลเพราะรองเท้าส้นสูงที่ใส่
พิทยาหยุดเดินหันไปมอง แล้วก็เห็นก้อนอิฐหล่นลงมาจากด้านบน พิทยาตกใจมาก รีบเข้าไปคว้าตัวสุอาภาดึงเข้ามากอดแน่น ก้อนอิฐหล่นลงพื้นข้างตัวสุอาภาพอดี สุอาภาหน้าเสีย หันไปมองเขาที่กอดตัวเองอยู่
“คราวนี้จะใส่หมวกได้ยัง” พิทยาเสียงดุ
สุอาภาพูดไม่ออก แล้วเขาก็นึกได้ว่ากอดเธออยู่ พิทยารีบปล่อย แล้วเอาหมวกใส่หัวให้เธอก่อนจะรีบเดินออกไปเพราะไม่อยากใกล้ชิด สุอาภายังหวาดเสียวไม่หาย รีบตามพิทยาไปติดๆ

บริเวณตึกที่กำลังก่อสร้าง พิทยากำลังคุยกับผู้รับเหมา สุอาภายืนมองเขาอยู่ข้างๆ พิทยากับผู้รับเหมาเดินไปตามมุมต่างๆ พิทยาคล่องแคล่วมาก เธอเดินตามพิทยาด้วยความเหนื่อยเพราะตามไม่ทัน เลยหยุดเดิน ปาดเหงื่อ
พิทยาหันไปมองสุอาภาแล้วก็ยิ้มเยาะ เธอหันไปเห็นรอยยิ้มของพิทยาก็ไม่พอใจ
“นึกว่าเดินอยู่บนแคตวอล์กเหรอไง”
พิทยาพูดจบก็หันไปเดินกับผู้รับเหมา สุอาภาโมโหมากที่พิทยาว่าเธอต่อหน้าคนอื่น
สุอาภาตะโกนไล่หลัง
“แล้วนายจะรีบเดินไปไล่ควายที่ไหนห๊ะ”
พิทยาหันขวับ ผู้รับเหมาอึ้งแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ พิทยาอายๆ ยิ่งเดินหนี
สุอาภาหันไปเห็นผู้รับเหมาใส่รองเท้าบู๊ทดูกระฉับกระเฉง
“เดินบนแคทวอล์กใช่มั้ย...งั้นต้องเจอคอลเลคชั่นใหม่ของปีนี้...พี่คะขอยืมรองเท้าบู๊ทหน่อยได้มั้ยคะ”
สุอาภาใส่รองเท้าบู๊ทที่ผ่านการใช้งานมาไม่ใช่น้อยอย่างไม่รังเกียจ แล้วเอารองเท้าส้นสูงใส่ถุงที่ผู้รับเหมาเตรียมมาให้ เธอเดินเข้าไปหาพิทยาที่กำลังดูงานอยู่..แล้วยัดถุงรองเท้าส้นสูงใส่มือพิทยา พิทยาผงะ
“อ้าวเฮ้ย อะไรวะ”
สุอาภาหันไปทางผู้รับเหมาบอก
“ลุยต่อเลยค่ะ”
สุอาภาเดินนำไปก่อน พิทยากับผู้รับเหมาหันไปมอง แล้วเธอก็นึกขึ้นได้หันกลับมา
“ไปทางไหนคะ”
ผู้รับเหมาอมยิ้มแล้วก็ผายมือไปด้านข้าง
“ทางนี้ครับ”
ผู้รับเหมาเดินนำ เธอเดินตาม พิทยามองสุอาภาและมองถุงใส่รองเท้าในมือ แล้วก็ส่ายหัวก่อนจะเดินตามไป
ผ่านเวลามาพอสมควร พิทยากับสุอาภาเดินออกมาด้วยกัน แต่เธอเมื่อยขามาก พิทยาหันไปมองเธอที่ยังเดินตามมาไม่ถึง

“เร็วสิคุณ” พิทยาบอก
สุอาภาเริ่มหงุดหงิด
“เดี๋ยวสิ!เมื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“ทีเดินชอปปิ้งล่ะเดินได้เป็นวันๆ”
สุอาภาเดินมาถึงพิทยา
“นั่นมันเดินในห้างฯ แอร์เย็น ไม่ได้เดินตากแดดตากลมแบบนี้”
“แค่วันแรกก็บ่นขนาดนี้ ผมว่าคุณเลิกฝึกงาน กลับไปอยู่บ้านเหอะไป”
“คนอย่างฉันไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ”
สุอาภาถอดหมวกคืนพิทยาก่อนจะเชิดใส่ แล้วเดินออกไป

พิทยากับสุอาภาขึ้นมานั่งในรถ พิทยาเอามือถือออกมาวางตรงที่ใส่ของข้างตัว แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“ผมลืมเอกสาร คุณรอในนี้”
พิทยาออกจากรถแล้วเดินเข้าไป สุอาภานั่งเซ็งๆ แล้วก็นวดที่น่องตัวเองด้วยความเมื่อย พลันเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น เธอหันไปเห็นชื่อ “รวี” ก็ชะงัก...ยิ้มมุมปาก

ในห้องทำงาน...รวีพรรณยืนอยู่ริมหน้าต่างรอสาย ไม่นานมีคนรับสาย รวีพรรณยังไม่ทันพูด เสียงสุอาภาดังขึ้น
“พิทไม่อยู่ตรงนี้ค่ะคุณรวี”
รวีพรรณอึ้งมากที่ได้ยินเสียงผู้หญิง คิดว่าเป็นสุอาภา แต่ไม่แน่ใจ
“คุณ”
สุอาภาทำเป็นหัวเราะอย่างมีจริต
“ฉันกระแตค่ะ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไหนหรอก”
รวีพรรณหน้าถอดสี รู้สึกคุกรุ่นในใจขึ้นมาทันที
“คุณรวีอย่าเข้าใจฉันกับพิทผิดนะคะ ตอนนี้ฉันมาฝึกงานกับพิท เพิ่งเริ่มงานวันนี้วันแรก”
รวีพรรณอึ้งเข้าไปอีก มือกำโทรศัพท์แน่น
“ตายจริง...นี่พิทยังไม่ได้บอกคุณเหรอ”
รวีพรรณพยายามอดกลั้น “ค่ะ...”
สุอาภาทำเสียงโอเวอร์นิดๆ
“อย่าโกรธพิทนะคะ แตว่าพิทคงยุ่งจน...ลืม”
รวีพรรณหน้าถอดสี … สุอาภาหันไปเห็นพิทยากำลังเดินออกมา
“ถ้าไงเดี๋ยวฉันบอกเค้าให้ว่าคุณโทรมา”
สุอาภาวางสายแล้วก็กดลบชื่อรวีพรรณทิ้ง ก่อนจะวางมือถือไว้ที่เดิม พิทยาเดินมาขึ้นรถ เห็นสุอาภายิ้มก็แปลกใจ
“ยิ้มอะไร”
“อยู่ดีดีก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา”
สุอาภายิ้ม พิทยางงๆ แล้วก็ขับรถออกไป … รวีพรรณกดวางสายด้วยความไม่พอใจ

พิทยากำลังขับรถ สุอาภานั่งข้างๆ เอามือกุมท้อง หน้าเหยเกเพราะว่าหิว พิทยามองอย่างรู้ทัน
“เดี๋ยวเราแวะหาอะไรทานก่อนกลับออฟฟิศก็แล้วกัน นี่เรายังไม่ได้ทานกลางวันกันเลย”
“ก็ได้”
สุอาภาทำฟอร์มเฉย แต่หันไปลอบยิ้มดีใจ พิทยาเหล่มองเห็นสีหน้าเธอที่สะท้อนทางกระจกรถก็อดยิ้มไม่ได้

พิทยาเดินนำสุอาภามาที่ร้านข้าวแกงริมถนน เธอเดินตามมาอย่างงงๆ เห็นพิทยาเข้าไปยืนดูกับข้าวที่หน้าตู้ สุอาภาก็อึ้ง ตรงรี่เข้าไปหาพิทยาอย่างไม่พอใจ
“นายพาฉันมาทานข้าวร้านนี้”
พิทยาหันมาบอกแล้วยกนิ้วโป้ง
“ใช่ ... อร่อยอย่างนี้เลย มีกับข้าวให้เลือกหลายอย่าง ราคาก็ถูก น้ำเปล่าก็ฟรี”
พิทยาไม่สนใจหันไปเลือกอาหาร สุอาภาหัวเสียสุดๆ
“ฉันไม่ทานที่นี่”
คนเริ่มหันมามอง พิทยาหันไปเห็นเธอเบ้หน้า
“ร้อนก็ร้อน แถมยัง...สกปรก”
แม่ค้าได้ยินของขึ้นทันที
“อ้าว..พูดงี้ก็สวยสินังหนู”
สุอาภาตกใจ พิทยารีบไกล่เกลี่ย
“ขอโทษครับพี่”
พิทยาดึงสุอาภาออกห่างจากแม่ค้า
“ผมเพิ่งบอกไปหยกๆเมื่อวานว่า คุณต้องใช้สติมากกว่าอารมณ์ ผม-จะ-ทาน-ที่-นี่! คุณไม่ทานก็เรื่องของคุณ!”

พิทยาพูดจบก็เดินออกไปสั่งอาหาร สุอาภาหัวเสียอย่างแรง พอหันไปเห็นอาหาร ท้องก็ร้องหิวขึ้นมาทันที
พิทยาก้มหน้าก้มตากินข้าวแกงข้างทาง สุอาภามองแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อก! พิทยาเงยหน้า สุอาภาทำเป็นเมินหน้าไปทางอื่น พิทยาถอนหายใจ หันไปเปิดกล่อง หยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวในจานแล้วยื่นไปตรงหน้าสุอาภาหันมา

“ผมให้ชิมก่อน”
“ไม่”
จังหวะที่สุอาภาอ้าปากว่า “ไม่” พิทยาก็ป้อนข้าวเข้าไปในปากจนเธอแทบสำลัก
พิทยาเสียงเบาบอก
“อย่าคายออกมานะ พี่เค้ามองอยู่เห็นมั้ย”
สุอาภาเหล่ไปเห็นแม่ค้าที่มองอยู่จริงๆก็ไม่กล้า จำต้องเคี้ยวๆๆๆ แล้วก็ชะงัก...
“อร่อยจริงด้วย”
พิทยายิ้มบอก
“เห็นมั้ยว่าอย่าตัดสินใจอะไรจากภายนอก”
“จะไม่อร่อยก็เพราะนายเนี่ยแหละ ไปบวชไป...ถ้าชอบเทศนานัก ไปสั่งให้ฉันที เอาแบบนายจานนึง”
“คุณมีขาก็เดินไปสั่งเองสิ”
สุอาภาจ้องหน้า
“ในออฟฟิศ นายเป็นเจ้านายฉัน แต่นอกออฟฟิศ ฉันเป็นลูกของคนจ่ายเงินเดือนนาย เร็วสิ!”
พิทยาถอนหายใจ แล้วก็ยอมลุกเดินออกไป สุอาภายิ้มชอบใจ

ในเวลากลางคืน สุอาภานั่งยืดขาอยู่บนเตียง โดยมีณีกำลังนวดขาให้ สุอาภาสีหน้าแย่มาก
“โอ๊ยป้าเบาหน่อย แตเจ็บ!”
“โถคุณหนูของป้า จะรอดมั้ยคะเนี่ย”
“ต้องรอดสิป้า โอ๊ย”
“ว้าย! ขอโทษค่ะ”
สุอาภาหน้าแย่สุดๆ ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย

ร้านอาหารของรวีพรรณในเวลากลางคืน เธอยืนรับถาดใส่เงินมาจากลูกค้า
“ขอบคุณค่ะ นี่เป็นบัตรลดค่าอาหาร 10 เปอร์เซนต์ค่ะ” รวีพรรณพูดพลางยื่นบัตรลดให้
“ขอบคุณค่ะ” ลูกค้าบอก
รวีพรรณเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ สินีนาฎรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที
“เธอไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอ”
“เธอจะให้ฉันทำอะไร” รวีพรรณถาม
“โทรไปถามพิทว่าทำไมไม่บอกเรื่องที่ยัยนั่นเข้ามาฝึกงาน แล้วยังปล่อยให้ยัยนั่นรับโทรศัพท์ให้อีก”
“พิทสัญญากับฉันว่าจะอยู่ห่างจากคุณสุอาภาให้มากที่สุด แต่เค้าทำไม่ได้ เค้าไม่โทรกลับฉัน แล้วเธอจะให้ฉันโทรไปถามเค้าทำไม”
ระหว่างนั้นพิทยาโทรเข้ามา รวีพรรณมองที่หน้าจอมือถือ ออกนอกหน้าอีก
“พิท!”
รวีพรรณตัดสินใจกดปิดเครื่อง สินีนาฎผงะ รวีพรรณเดินออกไป สินีนาฎค่อยๆยิ้มสะใจที่เห็นสองคนนี้ทะเลาะกัน

พิทยาพยายามต่อโทรศัพท์หารวีพรรณแต่ติดต่อไม่ได้ พิทยาแปลกใจ

เช้าวันถัดมา รวีพรรณเดินออกมาที่ห้องรับแขก ก็ชะงัก ที่เห็นภูวดลกับรมณีกำลังคุยกันอย่างออกรส รมณีกับภูวดลหันไปทางรวีพรรณที่ยืนอยู่ … ภูวดลยิ้มให้ รวีพรรณมองอย่างเซ็งๆ
“ยัยรวี...”
รวีพรรณกับภูวดล
“มาทำไมคะ”
รมณีชะงัก ภูวดลยิ้มๆ
“ถามแบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ ตรงๆแบบนี้ ผมชอบ ผมมารับคุณรวีไปทำงาน”
“แม่บอกพ่อดลว่าลูกเอารถเข้าศูนย์ พ่อดลก็เลยอาสามารับ” รมณีบอก
รวีพรรณพูดไม่ออก รมณีรีบสรุป
“แม่ว่าไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย”
ภูวดลลุกขึ้นยืนพร้อมผายมือ
“เชิญครับคุณรวี”
รวีพรรณจำต้องไปเพราะไม่กล้าขัดใจแม่ ภูวดลหันไปไหว้รมณีแล้วตามรวีพรรณออกไป
รมณียิ้มปลื้มมีความสุข

รถภูวดลแล่นมาจอดหน้าออฟฟิศ ในรถ ภูวดลหันไปทางรวีพรรณ
“เย็นนี้ผมมารับนะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันให้เพื่อนไปส่ง ขอบคุณนะคะ”
รวีพรรณรีบลงจากรถ ภูวดลมองตามแววตาไม่ประสงค์ดี
“อีกไม่นานหรอก”
ภูวดลขับรถออกไป

ขณะที่รวีพรรณกำลังจะเดินเข้าไปในออฟฟิศ แต่กลับต้องหยุดเพราะเห็นพิทยายืนอยู่ ในมุมหนึ่งที่หน้าออฟฟิศ...ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกัน
“รวีเอารถเข้าศูนย์ แม่ก็เลยบอกให้คุณภูวดลมารับที่บ้าน”
“แล้วทำไมรวีไม่โทรบอกผม ผมจะได้ไปรับ”
“เห็นพิทงานยุ่ง ขนาดรวีโทรหาเมื่อวาน พิทยังไม่โทรกลับเลย”
พิทยามีสีหน้าแปลกใจ
“รวีโทรหาผมเหรอ”
รวีพรรณเริ่มมีอารมณ์
“ค่ะ รวีโทรหา คุณสุอาภารับสาย รวีเลยรู้ว่าเค้ามาฝึกงานกับพิท นี่ถ้ารวีไม่โทรไป พิทคิดจะบอกรวีเมื่อไหร่”
พิทยาไม่พอใจสุอาภาอย่างแรง
“ที่ผมโทรหารวีเมื่อคืน ผมจะบอกเรื่องนี้”
รวีพรรณเงียบ พิทยาเอามือถือตัวเองออกมา เปิดหาเบอร์รวีที่โทรเข้าเมื่อวาน แล้วก็หันหน้าจอมือถือไปทางรวี
“ไม่มีเบอร์รวี รวีดูได้เลย”
รวีพรรณเอามือถือพิทยามาดู ไม่มีเบอร์เธอจริงๆ
“คุณแตคงลบมันทิ้ง ผมขอโทษที่ผมทำตามสัญญาเรื่องคุณแตที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ แต่รวีต้องเชื่อใจผม อย่าไปฟังผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไร”
รวีพรรณค่อยเย็นลง พิทยาจับมือเธอ
“บางทีผมอาจจะต้องกล้ามากกว่านี้”

รวีพรรณมองพิทยาอย่างสงสัย
ภายในห้องรับแขก รมณีลุกพรวดขึ้นมายืนอย่างหัวเสีย ขณะกำลังคุยโทรศัพท์

“แม่ไม่มีวันยอมเจอมันเด็ดขาด!! เลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย”
รมณีวางสาย ณรงค์ที่เดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“โมโหอะไรเหรอคุณ”
“ยัยรวีน่ะสิ โทรมาบอกว่านายพิทยาอยากขอนัดทานข้าวเย็นกับฉัน ฝันไปเถอะว่าฉันจะให้โอกาสมัน”
ณรงค์ครุ่นคิดบางอย่างแล้วบอก
“ผมว่าเจอกันอย่างเป็นทางการซักทีก็ดีนะ”
รมณีหันขวับมาถาม
“คุณณรงค์!! นี่คุณไปเข้าข้างมันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมไม่ได้เข้าข้าง ถ้าเรายังขืนกีดกันลูกกับผู้ชายคนนั้น นับวันลูกก็จะยิ่งมองพวกเราเลวร้ายมากขึ้น แต่ถ้าเราทำเป็นให้โอกาสมันซักหน่อย แล้วค่อยบอกลูกว่ายังไงก็ไม่มีทาง มันก็ถือว่าเราได้เคยให้โอกาสนั้นแล้ว”
รมณีคิดตามที่ณรงค์พูด

ที่มุมหนึ่งในออฟฟิศ พิทยายิ้มด้วยความดีใจขณะคุยโทรศัพท์กับรวีพรรณ
“แม่คุณยอมทานข้าวกับผม ผมดีใจที่สุดเลยรวี แล้วเย็นนี้เจอกันนะครับ”
พิทยาวางสาย พร้อมทำท่า ร่าเริงสุดขีด
“เยส! เยส! เยส!”
พิทยาหันไปเห็นสุอาภายืนมองอยู่ ก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งขรึม
“ทำไมเพิ่งมา” พิทยาถาม
“รถติด”
“วันหลังก็ตื่นให้มันเช้ากว่านี้สิ เตรียมตัวออกไปกับผมได้แล้ว”
พิทยาหันหลังเดินออกไป แล้วก็หยุดกึก นึกอะไรออก หันมาทางสุอาภา
“อ้อ แล้วต่อไปนี้ก็ห้ามรับโทรศัพท์ผมอีก”
สุอาภาหน้าถอดสีที่พิทยารู้ เขาพูดจบก็เดินออกไป

พิทยากับสุอาภาเดินเข้ามาใน “มูลนิธิจันทร์จำนง” ด้วยกัน สุอาภาเดินหนีบขา เขาสังเกตเห็นหันไปมอง
“เป็นไร”
“ห้องน้ำอยู่ไหน”
“ด้านโน้น”
สุอาภารีบจ้ำเดินออกไป

สุอาภารีบวิ่งมาเข้าห้องน้ำ แต่มีคนเข้าอยู่ สุอาภายืนตัวบิดรอ..แล้วก็เริ่มทนไม่ไหว จนต้องเคาะประตูไม่หยุดอย่างเสียมรรยาท
“ทำไมเข้านานแบบนี้ นี่!! เสร็จเหรอยัง...นี่...!”
ไม่นานจันทร์จำนงเปิดประตูออกมามองสุอาภาอย่างไม่พอใจ

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 3/2 วันที่ 7 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager