@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 7/3 วันที่ 14 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 7/3 วันที่ 14 ม.ค. 56

ไปตัดเค้ก นักข่าวเข้ามารุมถ่ายรูป ทั้งสองคนตัดเค้กกันเสร็จ ทุกคนปรบมือ แล้วพราวพิไลก็ตะโกนขึ้นมากลางฝูงชน
“หอมแก้ม”
พิทยากับสุอาภาชะงัก นพ บวร วรรรวดี ณีกรองทิพย์ แขกเหรื่อคนอื่นช่วยกันตะโกน
“หอมแก้ม...หอมแก้ม...หอมแก้ม...”
มีปวีณาเพียงคนเดียวที่เบ้หน้าหมั่นไส้ พิทยากับสุอาภามองหน้ากัน ไม่สามารถทนต่อเสียงต้านทานได้ เสียง “หอมแก้ม” ยังดังไม่หยุด พิทยาค่อยๆยื่นหน้าเข้าไป สุอาภาเขินมาก แล้วพิทยาก็เอาจมูกแตะแก้มสุอาภา แขกเหรื่อส่งเสียงเฮดังลั่น นักข่าวถ่ายรูปแชะ!!! กลายเป็นภาพนิ่ง

ภายในบ้านพิทยา เวลากลางคืน พิทยากับสุอาภานั่งพับเพียบบนพื้นกำลังก้มกราบนพที่นั่งอยู่บนเตียง บวรกับวรรณวดียืนอยู่ด้วย นพยิ้มด้วยความปลื้มใจ แล้วพิทยากับสุอาภาก็เงยหน้าขึ้นมา



“การแต่งงานหมายถึงการที่ชายหญิงสองคน ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน และยังเป็นการบอกอีกอย่างว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบมากขึ้น และพร้อมที่จะมีครอบครัว” นพบอก
พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากัน
“ป๋าอยากให้เราสองคนมีความเห็นอกเห็นใจกัน และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา
ทั้งคู่ชะงักกับคำว่า “สามีภรรยา” สองคนเหล่มองหน้า ทำหน้าไม่ถูก บวรกับวรรณวดีมองพิทยากับสุอาภาแล้วก็อมยิ้ม
“ฝากน้องด้วยนะพิท”
“คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลคุณแตให้ดีที่สุด”
นพยิ้มพอใจแล้วลุกขึ้นยืน สุอาภากับพิทยาลุกขึ้นยืนตามแต่สะดุด พิทยารีบโอบเอวประคองเอาไว้ นพ บวร วรรณวดีถึงกับยิ้มออกมา ทั้งคู่เขิน..แล้วพิทยาก็รีบปล่อยมือ
“ฉันเห็นแล้วว่าเธอดูแลยัยแตได้เป็นอย่างดี กลับกันได้แล้ว” นพหันไปทางลูกสองคน
พี่ชายกับพี่สาวหันไปหาทั้งคู่
“อย่าดื้อกับพิทนะแต ถ้าน้องสาวฉันดื้อ ฉันอนุญาตให้แกสั่งสอนได้” บวรบอก
“พี่ก็อนุญาตเหมือนกัน”
“พี่ใหญ่ พี่ต่าย!”
บวรกับวรรรวดีขำ พิทยายิ้มออกมา สุอาภาหันไปมอง พิทยารีบหุบยิ้มแทบไม่ทันแล้วก็ทำเฉไฉหันไปยกมือไหว้ทั้งสามคน สุอาภาก็เข้ามากอดพ่อ พี่ชายและพี่สาวก่อนจะผละออกมา
“แตลงไปส่งนะคะ”
นพรีบพูด
“ไม่ได้ไม่ได้...คืนนี้เป็นคืนส่งตัวเข้าหอ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามออกจากห้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเสียฤกษ์”
พิทยากับสุอาภาผงะ บวรตบบ่าพิทยา
“พี่จะปิดบ้านให้เอง ตามสบายเลยไอ้น้อง”
บวรยิ้มกริ่มจนพิทยาเขิน แล้วทั้งสามก็เดินออกไป พิทยากับสุอาภาหันมามองหน้ากันแบบไม่รู้จะยังไงต่อไป

นพ บวร วรรณวดีเดินออกมานอกตัวบ้านด้วยกัน บวรพูดเสียงกรุ้มกริ่ม
“ป๋าว่าคืนนี้จะมีพิทยา หรือ สุอาภาจูเนียร์เลยป่ะ”
วรรรวดีตีแขนบวรบอก
“ทะลึ่งแล้วพี่ใหญ่!”
บวรโวยวายใส่
“เอะอะก็ตี แกเป็นแม่ฉันเหรอไงห๊ะไอ้ต่าย ฉันเจ็บนะเว้ย”
“โอ๊ย!! ขี้บ่นจริงๆเลย ตัวโตซะเปล่าแค่นี้ก็เจ็บ”
สองพี่น้องทะเลาะกันไปตามทาง นพหัวเราะแล้วก็ส่ายหัวก่อนจะเดินออกไป

ภายในห้องนอนพิทยา สุอาภาถอดพวงมาลัยออกมาวางบนโต๊ะ แล้วก็หันไปทางพิทยา ทั้งสองคนยังคงทำหน้าและทำตัวกันไม่ถูกกับการเป็นสามีภรรยากันคืนแรก
“เออ คุณแตครับ ที่คุณอาพูดเมื่อกี้...”
“ฉันก็ว่าจะบอกนายเรื่องนี้แหละ นายไม่ต้องทำตามที่ป๋าบอกหรอก”
“ดีครับ ที่เราคิดอย่างเดียวกัน ผมยกห้องนี้ให้คุณ”
สุอาภาชะงัก
“แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหน”
“ผมจะลงไปนอนที่ห้องรับแขก แต่ผมคงต้องมาใช้ห้องอาบน้ำกับห้องแต่งตัว”
สุอาภาพยักหน้า
“ถ้างั้น..นายก็อาบน้ำก่อนเถอะ”
“คุณแตอาบก่อนเถอะครับ”
“ก็ได้”
สุอาภาเดินเข้าไปในห้องน้ำ พิทยาเดินมานั่งรอที่โซฟาแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

ภายในห้องน้ำ สุอาภาถอดตุ้มหูอยู่หน้ากระจกพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนักเช่นกัน แล้วก็เอื้อมมือไปด้านหลังจะถอดซิปเสื้อ แต่เอื้อมมือไม่ถึง เธอพยายามอยู่สองสามครั้งก็ยังไม่สำเร็จ เธอครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี หันไปมองที่ประตูด้วยสีหน้าลังเล

พิทยาอ่านแมกกาซีนรอสุอาภาอยู่ที่โซฟา แล้วก็หาวนอน เริ่มง่วง ระหว่างนั้นสุอาภาเดินออกมา พิทยาหันไปเห็นเธอยังอยู่ในชุดแต่งงานก็แปลกใจ สุอาภาสีหน้าแบบไม่รู้จะพูดยังไง
“เออ..ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย นายช่วยรูดซิบเสื้อลงให้ฉันหน่อยนึงสิ คือ...ฉันเอื้อมมือไม่ถึง” พิทยาผงะ แล้วลุกขึ้นยืน
สุอาภาพูดจบก็หันหลังให้พิทยา เขาเดินมายืนข้างหลัง เธอใจเต้นแรงเพราะเขาอยู่ใกล้เหลือเกิน พิทยาเห็นผมสุอาภาปิดซิบอยู่
“ขอโทษนะครับ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาใช้มือข้างหนึ่งยกผมเธอขึ้นมา กลิ่นหอมจากเส้นผมทำให้เขาสะท้านไปทั้งตัว เขาตั้งสติใช้มืออีกข้างจับที่ตัวซิบ ค่อยๆดึงซิบลงมา สุอาภาหน้าแดงซ่านใจเต้นแรงมาก แล้วก็รีบหันไป
“พอ...”
สุอาภาชะงักเพราะหน้าใกล้กับพิทยามาก สองคนแทบจะลมหายใจรดใส่กัน เธอรีบตั้งสติแล้วก็ถอยออกมา
“ขอบใจ”
สุอาภารีบหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที พิทยาได้แต่ยืนนิ่งรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

สุอาภาออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน หันไปเห็นพิทยานอนหลับอยู่บนโซฟา เธอเดินเข้ามาจับแขนปลุก แต่เขาไม่ตื่น
“พิท...พิท”
พิทยายังไม่ตื่น เธอย่อตัวลงข้างเขา มองเขาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรัก เธอยกมือขึ้นมาทำท่าลูบหน้าพิทยา แต่แบบไม่โดนหน้า เขาขยับตัว เธอชะงักตกใจนึกว่า พิทยาตื่น แต่พิทยายังหลับต่อไป
“คงจะเหนื่อยมาก”
สุอาภาหันไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้พิทยา ก่อนจะเดินไปขึ้นเตียง เธอมองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้อยู่กับพิทยาสองคน สุอาภายิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วก็ล้มตัวลงนอน ยิ้มทั้งๆที่หลับตา

แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในห้อง...สุอาภาตื่นลืมตาลุกขึ้นมานั่ง และมองโซฟาเป็นอันดับแรก แต่ไม่เห็นพิทยา
“ไปไหนแต่เช้า หรือว่าอยู่ห้องน้ำ”
สุอาภาคิดนิดนึง...แล้วก็ลุกเดินไปค่อยๆโผล่หน้าไปดูในห้องน้ำ ไม่มี...สุอาภาแปลกใจ

สุอาภาเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นพิทยากำลังใส่กางเกง พอทั้งคู่เห็นกันก็ตกใจ พิทยารีบดึงกางเกงขึ้นมา แล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาบังตัวเองเอาไว้ สุอาภารีบหันหน้าไปทางอื่น
“ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ในนี้ ฉันขอโทษ”
สุอาภารีบออกไป พิทยาพ่นลมหายใจออกมา

สุอาภาออกมายืนหน้าห้องแต่งตัว หน้าแดงซ่านด้วยความอายสุดๆ

สุอาภาเดินลงมา...เห็นพิทยากำลังง่วนทำอาหารอยู่ในครัวก็หยุดยืนมอง รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในความฝันที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก พิทยาหันมา เธอสะดุ้งถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“อาหารเสร็จพอดี”
สุอาภากับพิทยานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน
“ผมขอโทษที่เมื่อคืนหลับไปโดยไม่รู้ตัว ความจริงคุณน่าจะปลุกผม”
“ฉันปลุกนายแล้ว แต่นายไม่ตื่น”
พิทยาชะงัก สุอาภาก้มหน้ากินข้าวต่อ พลันเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น
พิทยาหยิบมากดรับ
“ฮัลโหล...ผมกำลังจะเข้าไป เดี๋ยวเจอกัน”
พิทยาวางสายแล้วหันมาบอก
“ผมต้องไปทำงานแล้วนะครับ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาลุกขึ้นจะเอาจานออกไป
“วางไว้แหละเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
พิทยาวางจานไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินออกไป ไม่นานสุอาภาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าใส่แบบที่วางอยู่บนเก้าอี้ สุอาภารู้ว่าพิทยาลืม

สุอาภาถือกระเป๋าใส่แบบรีบตามพิทยาออกมาที่โรงรถ
“พิท...นายลืมกระเป๋า”
พิทยาผงะ เธอเดินเอากระเป๋ามาให้ พิทยารับกระเป๋ามาถือเอาไว้
“ขอบคุณนะครับ ผมลืมจริงๆ”
สุอาภาเห็นเนคไทที่พิทยาใส่เบี้ยว
“เนคไทนายเบี้ยวน่ะ “
พิทยาขยับเนคไทก็ยังไม่ตรง สุอาภาเดินมาตรงหน้าแล้วก็จัดเนคไทให้พิทยา พิทยาอึ้งมองหน้าเธอ สุอาภาขยับเนคไทจนตรงก็ถอยออกมา
“โอเคแล้ว นายรีบไปทำงานเถอะ”
สุอาภาพูดแล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่บ้าน พิทยามองตามสุอาภา
“คุณแตครับ เย็นนี้...รอผมทานข้าวด้วยนะครับ”
สุอาภาชะงักไปนิดนึง ลึกๆก็ดีใจแต่ทำนิ่งไม่แสดงออก ได้แต่พยักหน้าแทน เธอหันหลังเดินออกไป เขายิ้มออกมา..แล้วก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ ขับรถออกไป
ไม่นานสุอาภาที่หลบอยู่หลังกำแพงโผล่หน้าออกมามองตามพิทยา และยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี

วันเดียวกัน เวลากลางวัน ภูวดลกลับเข้ามาในบ้านเจอศรีพิไลรออยู่ ก็ผงะ
“คุณแม่”
“หายไปไหนมาทั้งคืน!”
“เมื่อคืนผมปาร์ตี้หนักไปหน่อย ขับรถกลับไม่ไหวก็เลยนอนค้างที่คอนโดฯครับ”
“ตั้งแต่ลูกออกจากโรงพยาบาล ลูกไม่เคยอยู่ติดบ้านเลยนะ”
“คนเรามันก็ต้องออกไปหาความสุขกันบ้างสิครับคุณแม่”
“แม่เข้าใจ...แต่อีกไม่นาน ลูกก็ต้องหมั้นกับหนูรวี เลิกทำตัวสัมมะเลเทเมาแบบนี้ซักที ถ้าคุณพ่อรู้เข้า แม่ก็ช่วยอะไรลูกไม่ได้”
ภูวดลชะงัก
“นี่ผมยังต้องหมั้นกับคุณรวีอีกเหรอครับ”
ศรีพิไลงง
“ก็ต้องหมั้นสิ เราประกาศสื่อออกไปชัดเจนขนาดนั้น”
“ผมว่าเรื่องนี้เราต้องคุยกันนะครับ ผมยังไม่พร้อม!”
ศรีพิไลหน้าเหวอ ภาสันต์เดินออกมาหลังจากได้ยินทุกอย่าง
“ไม่พร้อม แกก็ต้องพร้อม!”
ภูวดลกับศรีพิไลหันไปทางภาสันต์
“แกรู้มั้ยว่าคุณย่าไปเป็นผู้ใหญ่ให้ไอ้พิทยาตอนมันแต่งงาน”
ภูวดลกับศรีพิไลตกใจ
“ทำไมคุณแม่ทำแบบนั้น”
“ก็เพราะคุณแม่ยังปักใจเชื่อว่ามันเป็นหลานในไส้ยังไงล่ะและนั่นก็เป็นเพราะแกที่ไม่เอาไหน ถ้าแกไม่ทำอะไรซักอย่างมีหวังคุณย่าได้ยกสมบัติทั้งหมดให้ไอ้พิทยามันแน่”

ศรีพิไลหน้าตาตื่นบอก
“ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม”
“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้! ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ลูกชายคุณคนเดียว แกต้องแต่งงานกับหนูรวี! เพื่อให้คุณย่าเห็นว่าแกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
ภูวดลเงียบกำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ
ภาสันต์จ้องหน้าภูวดล
“แกต้องแต่งงานกับหนูรวีพรรณ ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเคยได้จากฉัน แกจะไม่ได้ซักแดง”
ภาสันต์พูดจบก็เดินออกไปทิ้งให้ภูวดลยืนโมโหและเสียใจ ศรีพิไลหันมาทางลูกชายมองด้วยความสงสารแล้วจับแขนปลอบใจ ภูวดลสะบัดแขนออกจากแม่แล้วจ้ำเดินออกไป
“พ่อดล!”
ศรีพิไลรีบตามภูวดลออกไป

ภูวดลเดินหัวฟาดหัวเหวี่ยงเข้ามาในห้องนอน ศรีพิไลเดินตามเข้ามา
“แม่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลูก ทำไมลูกถึงไม่ยอมหมั้น ทั้งๆที่แม่เห็นว่าลูกก็เข้ากันได้ดีกับหนูรวี”
“ผมยอมรับว่าผมถูกใจคุณรวี เพราะเธอแปลกไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผมเคยเจอ มันทำให้ผมรู้สึกท้าทาย อยากค้นหา แต่ถ้าแม่ต้องให้ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้ไปตลอดชีวิต ผมไม่ครับ”
ศรีพิไลนิ่วหน้าถาม
“แม่ไม่เข้าใจ ในเมื่อลูกถูกใจแล้วทำไมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“คำว่าถูกใจของผม ไม่ได้แปลว่าผมรักคุณรวีนะครับแม่ ชีวิตมันก็เหมือนการปรุงอาหาร ผู้หญิงก็เป็นเหมือนเครื่องปรุงรส...อาหารจะอร่อยก็ต้องใส่เครื่องปรุงหลายชนิด คุณแม่เข้าใจที่ผมพูดใช่มั้ยครับ”
ศรีพิไลตกใจ
“หมายความว่าลูกคิดเล่นๆกับหนูรวีเค้างั้นเหรอ ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นรมณีได้ถอนหงอกแม่แน่”
“คุณแม่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่หมั้นกับคุณรวีหรอกครับ ยังไงผมก็ต้องหมั้นเพราะพ่อให้ทางเลือกทางผมแค่ทางเดียว แต่ผมขอบอกคุณแม่ตรงนี้เลยนะครับว่าผมก็ยังจะใช้ชีวิตของผมตามเดิม”
ศรีพิไลตกใจสุดๆ ภูวดลสีหน้าร้ายกาจหันไปทางอื่น

สุอาภากำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ แล้วก็เหลือบไปเห็นเสื้อยืดตัวหนึ่งแขวนอยู่ สุอาภารู้สึกคุ้นตามาก เข้าไปดึงเสื้อตัวนั้นออกมา เห็นว่าทั้งเก่าทั้งซีด ลายบนเสื้อก็จาง แต่สุอาภาก็ยังจำได้ดี
“ยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอ”
สุอาภาคิดย้อนกลับไป
ในอดีต มุมหนึ่งในบ้าน สมัยที่สุอาภาและพิทยายังอยู่ในวัยมัธยม เธอยื่นกล่องของขวัญให้เขา
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 7/3 วันที่ 14 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager