@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4/2 วันที่ 8 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4/2 วันที่ 8 ม.ค. 56

สุอาภาเอาหนังสือมานั่งอ่าน พิทยายิ้มๆแล้วก็กลับไปนั่งทำงานต่อ พลางลอบมองเธอเป็นระยะๆเห็นสุอาภาตั้งใจอ่านก็รู้สึกดี
ในเวลาต่อมา รวีพรรณขับรถมาจอดและมองไปที่ออฟฟิศด้วยสีหน้าลังเล...คำพูดของสินีนาฎดังขึ้น
“ฉันเป็นห่วงเธอ แล้วฉันก็หวั่นใจแทน คนทำงานด้วยกันเจอกันตลอดเวลา รักแท้แพ้ใกล้ชิดไม่เคยได้ยินเหรอ ฉันว่าเธอต้องทำตัวเป็นแฟนพิทมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากเสียเค้าไป”
รวีพรรณตัดสินใจดับเครื่องยนต์

สุอาภาอ่านหนังสืออยู่ดีดีก็สัปหงก โงนเงนไปมา พิทยาเงยหน้าเห็นก็อมยิ้ม
“ไหนบอกว่าไม่ง่วง”
พิทยาส่ายหัว แล้วก็ลุกเดินไปหาสุอาภา นั่งลงข้างๆ ค่อยๆเอาหนังสือที่วางอยู่บนตักเธอมาวางบนโต๊ะ แล้วทันใดนั้นสุอาภาก็สัปหงก..หัวมาซบไหล่พิทยา พิทยาชะงัก



รวีพรรณเดินมาตามทางที่มีแสงสลัวๆ สีหน้าค่อนข้างตื่นเต้นว่าจะเจอกับอะไร
พิทยาหันไปมองสุอาภาที่นอนซบไหล่ตัวเองก็ค่อยๆจับตัวเธอให้นอนลงบนโซฟา แต่ช่วงที่วางตัวเธอลงนอน เขาประคองตัวไม่อยู่ทำให้ตัวเองหน้าคว่ำ หน้าเกือบจะชนหน้าสุอาภาที่หลับสนิท
พิทยายั้งเอาไว้ได้ทันถึงกับถอนหายใจออกมา แต่พอเห็นหน้าสุอาภาระยะใกล้มาก ก็ทำเอาหัวใจเต้นแรง เขามองสุอาภานิ่งนาน ค่อยๆยกมือเกลี่ยผมที่ปิดหน้าสุอาภา
รวีพรรณยืนอยู่หน้าห้องเห็นภาพนั้นก็อึ้งตะลึงงัน ! กำมือแน่นด้วยความเสียใจและโมโห ก่อนจะจ้ำเดิน ออกไปจากตรงนั้น โดยที่พิทยาไม่รู้ตัว

รวีพรรณเดินออกมา สีหน้ายังตะลึงกับภาพของพิทยาและสุอาภาที่เห็นไม่หาย เธอค่อยๆเดินออกมาอย่างช้าๆ พลางคิดย้อนกลับไป
“คุณก็รู้ว่ามันไม่มีอะไร”
“รวีรู้ค่ะว่ารวีไม่ควรคิดมาก แต่มันก็อดคิดไม่ได้ คุณสุอาภาเธอเป็นคนสวยมีเสน่ห์ พูดกันตามตรงว่ารวีไม่มีอะไรสู้เธอได้”
พิทยาส่งมือถือคืนให้รวีพรรณ แล้วก็จับมือเธอขึ้นมา
“ขอให้รวีมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาแทนที่รวีได้ รวีเชื่อผมนะครับ”
รวีพรรณเดินมาถึงแล้วหยุดเดิน น้ำตาไหลลงมาด้วยความเสียใจ
เธอหันหลังพิงกับรถแล้วก้มหน้าร้องไห้ พลันมีผ้าเช็ดหน้ายื่นมาตรงหน้า เธอแปลกใจเงยหน้าเห็นภูวดลเป็นคนยื่นผ้าเช็ดหน้านั้นมาให้
“คุณภูวดล! คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมาที่นี่”
“ผมไปหาคุณที่ร้าน เพื่อนของคุณบอกผม ผมเป็นห่วงก็เลยตามมา มันมีอะไรเกิดขึ้นข้างในใช่มั้ยครับ”
รวีพรรณลำคอตีบตันพูดอะไรไม่ออก ร้องไห้มากขึ้น ภูวดลได้แต่ยืนมองด้วยความสงสัย

บริเวณริมน้ำสวย เวลากลางคืน รวีพรรณหยุดร้องไห้แล้ว ภูวดลที่อยู่ข้างๆหันมา
“รู้สึกดีขึ้นเหรอยังครับ”
“ไม่ค่ะ แต่น้ำตา...ไม่มีจะออกมาแล้ว”
รวีพรรณเศร้ามาก ภูวดลแกล้งทำเป็นโมโห
“คุณพิทยาทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติคุณซักนิด เค้าโกหกคุณตลอดเวลา ปากก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรกับคุณสุอาภา แต่พอลับหลังกลับทำตรงกันข้าม”
“หยุดพูดเถอะค่ะ รวีไม่อยากฟัง รวีขออยู่คนเดียวนะคะ”
รวีพรรณเดินออกไป ภูวดลหันไปมองตามรวีพรรณด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

ภายในห้องทำงาน พิทยาขยี้ๆๆๆแบบที่ตัวเองร่างด้วยความหัวเสีย
“คิดอะไรไม่ออกเลย”
พิทยาลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย แล้วก็หันไปเห็นสุอาภายังนอนหลับสนิทบนโซฟา พิทยาลุกเดินไปหา
“คุณแต...คุณแต”

สุอาภาไม่ตื่น พิทยาถอนหายใจ แล้วก็เดินไปเอาสูทที่พาดอยู่บนเก้าอี้ มาห่มตัวให้สุอาภา แล้วตัวเองก็เดินไปนั่งเก้าอี้ ก่อนจะเอนหลังนอนหลับ
เช้าวันถัดมา สุอาภาตื่นขึ้นมาแล้วก็บิดขี้เกียจทั้งๆที่หลับตา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นสูทที่ห่มตัวเองอยู่ ก็รู้ว่าเป็นฝีมือพิทยา เธอลุกขึ้นนั่ง หันไปมองเขาที่นอนอยู่บนเก้าอี้ เธอลุกเดินเอาสูทไปห่มให้เขา

ขณะที่สุอาภากำลังเอาสูทห่มให้พิทยา เขารู้สึกตัวจับแขนเธอหมับ
“ทำอะไร”
พิทยาพูดทั้งๆที่หลับตา สุอาภาตกใจ ทำให้เสียหลัก เซล้มไปนั่งตักพิทยา
พิทยาลืมตาขึ้นมา เห็นสุอาภานั่งตักตัวเอง ต่างคนต่างชะงัก นิ่งกันไป
ทันใดนั้นแม่บ้านเปิดประตูเข้ามาเห็นก็ตกใจมาก สุอาภากับพิทยาก็ตกใจ สุอาภารีบลุกขึ้นยืน
“ขอโทษค่ะ ป้าไม่ทราบว่ามีคนอยู่”
แม่บ้านหน้าเหรอหรารีบเดินออกไป พิทยารีบลุกขึ้นหันไปทางสุอาภา
“เออ..ฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะ”
สุอาภาทำหน้าไม่ถูกรีบเดินออกไป พิทยาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ภายในห้องรับแขกตอนเช้า บวร วรรณวดี มองหน้าณีด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“แตเพิ่งกลับมาบ้านเมื่อตะกี้”
“ค่ะ”
“แสดงว่าเมื่อคืนแตค้างที่ออฟฟิศ” วรรณวดีบอก
“กับพิท”
บวรกับวรรณวดีมองหน้ากัน
“แตทำแบบนี้ไม่ถูก ถ้าเกิดใครเห็นเค้า งามไส้แน่ ป้าต้องเตือนคุณหนูของป้านะ”
“เอ้า..ไหงเป็นป้าล่ะคะ ต้องเป็นคุณคุณสิคะ เพราะคุณคุณเป็นพี่ของคุณหนู”
“ขนาดป๋าพูดแตยังไม่ฟัง แล้วป้าคิดว่าต่ายกับพี่ใหญ่พูด แตจะฟังเหรอคะ” วรรณวดีว่า
“ขนาดคุณที่เป็นพี่ คุณหนูยังไม่ฟัง แล้วคุณคิดว่าถ้าป้าพูด คุณหนูจะฟังเหรอคะ”
วรรณวดีกับบวรนิ่งไปแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“นี่ป๋าก็ไม่อยู่ซะด้วย ไม่รู้ออกไปไหนแต่เช้า”

ภายในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กำลังติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้กับนพที่สีหน้าไม่ค่อยสบายใจเขาหันไปมองหมอเดโชที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“จำเป็นต้องติดด้วยเหรอหมอ มันน่ารำคาญ”
“จำเป็นครับ ผมต้องติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจไว้กับตัวท่านเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ท่านสามารถทำงาน หรือ ทำอะไรได้ตามปกติ แต่ต้องห้ามอาบน้ำ ห้ามว่ายน้ำ หรือทำให้เครื่องเปียก ห้ามทำเครื่องตก ห้ามออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวของแขนมากๆ”
หมอพูดจบ เจ้าหน้าที่ก็เอาเครื่องบันทึกเหน็บไว้ที่เข็มขัดของนพ นพสีหน้าเซ็งเอาเสื้อออกมาปิดไว้

ภายในห้องชงกาแฟ ปวีณาแทบสำลักกาแฟตรงหน้ากรองทิพย์
“พี่ทิพย์เห็นกับตาเหรอคะ”
“พี่ไม่เห็น แต่คนที่เห็นคือป้าหมวย..แม่บ้าน แกเปิดประตูเข้าไปจะทำความสะอาดห้องคุณพิท แต่กลับเจอคุณสุอาภานั่งตักคุณพิทยาอยู่”
ปวีณากำมือแน่น โมโหหึงมากมาย กระแทกแก้วกาแฟ แล้วก็เดินออกไป กรองทิพย์มองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“โมโหอะไรขนาดนี้เนี่ย”

ปวีณาจ้ำเดินมาตามทางด้วยความหัวเสีย แล้วก็ชนเข้ากับบวรเข้าอย่างจัง!! บวรเจ็บ
“โอ๊ย! เดินดูทางหน่อยสิคะคุณใหญ่”
บวรฉุนกึกบอก
“ฉันต้องเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้ ไม่ใช่เธอ! เธอต่างหากที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ จะรีบไปไหนห๊ะ!”
“ฉันไม่ได้รีบไปไหนหรอกค่ะ คุณต่างหาก..ควรจะรีบกลับไปสั่งสอนน้องสาวของคุณว่าอย่าทำเรื่องประเจิดประเจ้อในออฟฟิศ”
“พูดอะไรของเธอ”
ปวีณาไม่ตอบ แต่กลับทำฮึดฮัดใส่แล้วเดินเฉียดบวรออกไป บวรเหวอ
“เฮ้ย! นี่!”
บวรหงุดหงิดสงสัยว่าสุอาภาทำอะไร

เสียงมือถือรวีพรรณดังขึ้น เห็นชื่อพิทยาที่หน้าจอ รวีพรรณนิ่งมอง ลังเล สินีนาฎยื่นมือมาจับมือรวีพรรณที่ถือมือถือเอาไว้ รวีพรรณหันไปมอง เสียงมือถือยังดังอย่างต่อเนื่อง
“อย่ารับนะรวี ครั้งนี้มันเกินให้อภัย เมื่อคืนหลังจากเธอออกมาจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่มีทางรู้ ผู้ชายน่ะมีโอกาสเค้าก็เอา ลองประเคนให้ถึงปากขนาดนี้ ไม่มีใครไม่เอาหรอก พิทเค้าก็เป็นผู้ชาย ไม่มีทฤษฎีใดเอามาปรับยกเว้นได้”
รวีพรรณฟังสินีนาฏบิ้วก็ยิ่งโมโหและเจ็บปวด ก้มมองชื่อพิทยาที่ยังคงปรากฏที่หน้าจอมือถือ แล้วก็ตัดสินใจกดปิดเครื่องทันที

สินีนาฏลอบมองรวีพรรณแล้วก็ยิ้มด้วยความพอใจ
พิทยาอยู่ในห้องทำงานสีหน้าเครียดเคร่งขณะวางสายที่รวีพรรณไม่รับ เขาตัดสินใจโทร.กลับไปอีกครั้ง แต่ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว พิทยาแปลกใจ ระหว่างนั้นสุอาภาเปิดประตูพรวดเข้ามา พิทยาหันไปมอง

“ไปข้างนอกกัน”
“ผมต้องทำงาน”
“นั่งอยู่แต่ในห้องแบบนี้ คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออก นายต้องออกไปเปิดหูเปิดตาเปิดสมองซะบ้าง”
สุอาภาจับแขนพิทยาจะดึงออกไป เขาเริ่มไม่พอใจ
“นี่คุณแต...รู้จักคิดหน่อยได้มั้ย!ผมเหลือเวลาอีกแค่ 2 วันที่ต้องทำงานให้เสร็จ อย่าเอาแต่ใจตัวเองหน่อยเลย” พิทยาแกะมือสุอาภาออก
“ฉันไม่ได้เอาแต่ใจตัวเอง ฉันกำลังช่วยนายอยู่ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เราเป็นทีมเดียวกัน”
พิทยานิ่วหน้าถาม
“ใครเป็นทีมเดียวกับคุณ”
สุอาภาไม่สนใจบอก
“ถึงนายไม่อยากให้ฉันเป็น ฉันก็จะเป็น…หยุด! ไม่ต้องพูด ฉันมีไอเดียดีดีที่จะทำให้นายคิดงานออก”
สุอาภายิ้มพร้อมยักคิ้วด้วยความมั่นใจ เขามองเธอด้วยความสงสัย

สุอาภาพาพิทยาเดินมาที่หน้าทางเข้าชุมชนริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง เขามีสีหน้าแปลกใจมาก
“ชุมชนนี้โดนน้ำท่วมทุกปี แต่พวกเค้ามีวิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้านในการรับมือกับน้ำท่วม”
“คุณรู้ได้ไง”
“ดูข่าว นายเอาแต่ก้มหน้าทำงานอยู่กับโต๊ะ นึกอะไรไม่ออกก็จ้องแต่กระดาษ แล้วมันจะคิดออกได้ไง เดี๋ยวเราไปคุยกับหัวหน้าชุมชนกัน”
สุอาภาเดินเข้าไปตามทางด้วยความกระตือรือร้น พิทยามองตามแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

หัวหน้าชุมชมชายวัยประมาณ 50 กว่าๆ เดินนำสุอาภากับพิทยามาตามทาง แล้วก็ชี้ให้ดูตามรอยน้ำท่วมที่บ้านแต่ละหลังโดน พร้อมทั้งชี้ไปที่ระดับน้ำในแม่น้ำ..พิทยากับสุอาภาตั้งใจฟังมาก
พิทยากับสุอาภานั่งเรือยนต์ หัวหน้าชุมชนนั่งด้านหน้า คอยอธิบายเวลาที่เรือขับผ่านไปตามที่ต่างๆ ชาวบ้านที่อยู่ตามบ้านริมน้ำ หันมาโบกมือ ยิ้มและทักทาย สุอาภากับพิทยายิ้มและโบกมือตอบ สองคนหันมายิ้มให้กัน ดูมีความสุขกันมาก
คนเรือเอาเรือเข้ามาจอด หัวหน้าชุมชนขึ้นมาก่อน ตามมาด้วยพิทยา เขาหันไปยื่นมือให้เธอจับและดึงเธอขึ้นมา เธอเสียหลักเล็กน้อยจะล้ม แต่เขารับประคองรับเอาไว้ทำให้ตัวแนบชิดกัน สองคนชะงักกันไป แล้วก็รีบผละออกจากกัน
พิทยากับสุอาภาหันไปทางหัวหน้าชุมชน
“ขอบคุณมากนะครับที่พาพวกผมไปดูตามที่ต่างๆ แล้วก็ให้ความรู้ ผมได้อะไรเยอะมาก”
“ยินดีครับ ถ้าสิ่งที่คุณทำมันจะช่วยทำให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบเดียวกับพวกเรา มีทางแก้ปัญหา”
“ถ้าผลงานผมสำเร็จเมื่อไหร่ ผมจะกลับมาทำให้ที่ชุมชนนี้เป็นที่แรกนะครับ”
หัวหน้าชุมชนยิ้มด้วยความดีใจ
“เออ..นี่ก็เย็นแล้ว อยู่ทานข้าวกันก่อนนะครับ”
พิทยากับสุอาภามองหน้ากัน

ภายในบ้านหัวหน้าชุมชน พิทยา สุอาภา หัวหน้าชุมชน ภรรยานั่งทานข้าวกันบนพื้น
“ทานกันได้รึเปล่าครับ อาหารพื้นๆ”
“ได้ครับ”
สุอาภามองไปที่น้ำพริกแล้วถาม
“นี่อะไรคะ”
“น้ำพริกแมงดาค่ะ เคยทานมั้ยคะ” เมียหัวหน้าชุมชนถาม
“ไม่เคยค่ะแต่จะลองดู หน้าตาน่าทานมาก”
“เอาข้าวเหนียวจิ้มลงไปแบบนี้ค่ะ”
เมียหัวหน้าชุมชนทำแล้วยื่นให้สุอาภา เธอรับมากินแล้วก็เผ็ดสุดๆจนพูดไม่ออก พิทยาหัวเราะเพราะสุอาภาหน้าแดง ปากแดง พิทยารีบเอาน้ำให้ สุอาภารับมาดื่มอักๆๆจนหมดแก้ว ทำน้ำหกเลอะปาก พิทยารีบเอากระดาษทิชชู่เช็ดปากให้
“อายเค้ามั้ยน่ะ โตแล้วยังทานเลอะ”
หัวหน้าฯกับภรรยามองสุอาภากับพิทยาแล้วก็อมยิ้ม พากันสะกิดกันดู
“พวกคุณน่ารักกันดีนะครับ ไม่ทราบว่าแต่งงานกันมานานเหรอยัง”
พิทยากับสุอาภาหันขวับมามองหัวหน้าฯพร้อมกัน พิทยารีบพูดขึ้นมาก่อน
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันครับ คุณสุอาภาเป็นลูกเจ้านายผม”
หัวหน้าฯกับภรรยาเหวอไป
“ขอโทษนะคะ ดูท่าทางพวกคุณเหมือนคนรักกัน”
พิทยากับสุอาภาทำหน้าไม่ถูก
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมมีแฟนอยู่แล้ว”
สุอาภาแอบเจ็บในสิ่งที่พิทยาพูดเลยก้มหน้ากินข้าว พิทยาลอบมองเธอแล้วก็ถอนหายใจออกมา

ชุมชนริมแม่น้ำ เวลากลางคืน พิทยากับสุอาภาเดินกลับออกมาด้วยกัน สุอาภาดูนิ่งมากจนพิทยาแปลกใจแต่ไม่อยากถาม
“กลับออฟฟิศเลยนะ”
“อือ...”
สุอาภาเดินมาขึ้นรถ พิทยาแปลกใจมากที่สุอาภาเปลี่ยนท่าทีไป

เวลาต่อมา พราวพิไลมานั่งข้างสุอาภา
“แสดงว่าคุณพิทยาเค้าเชื่อแกอย่างไม่มีข้อสงสัยว่าแกจริงใจกับเค้า”
สุอาภาพยักหน้า พราวพิไลพูดต่อ
“แล้วแฟนเค้าไม่หึงแกเหรอ”
“ฉันไม่รู้ แต่ถ้าหึงก็ดีจะได้เลิกกัน”
“แกนี่มันโรคจิต มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น”
“แกอย่าลืมว่าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มเรื่องนี้”
สุอาภาดูแค้นๆ พราวพิไลมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงนิดๆ
“แต...”
พราวพิไลจับแขน สุอาภาหันมา
“ฉันไม่เคยห้ามเวลาแกจะทำอะไร แต่ฉันอยากเตือนอย่ารุนแรงกับเค้าให้มากนัก ถ้ามันสะท้อนกลับมาหาตัวแกเอง แกจะเจ็บ”
“คนอย่างฉันเจ็บจนชาชินแล้ว”
สุอาภาหันไปทางอื่นแววตาเศร้าอย่างเห็นได้ชัด พราวพิไลอึ้ง

วันต่อมา เวลากลางวัน นพดูแบบบ้านกันน้ำที่พิทยาร่างขึ้นมาคร่าวๆซึ่งสเก็ตด้วยดินสอด้วยความพินิจพิเคราะห์และตั้งใจ พิทยาลุ้นจนหายใจเข้าหายใจออกไม่ทั่วท้อง นพเงยหน้ามองพิทยา พิทยาเหงื่อตก
“ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเธอให้มาทำงานนี้”
พิทยายิ้มด้วยความดีใจสุดๆ

สุอาภาตื่นเต้นดีใจอยู่ตรงหน้าพิทยา
“ป๋าโอเค เย้! วู้วู้”
พิทยาอดยิ้มออกมาไม่ได้ที่เห็นท่าทางของสุอาภา
“อย่าเพิ่งดีใจขนาดนั้น เรายังเหลืองานใหญ่อีกหนึ่งชิ้นที่ต้องทำ”
“เรา! หมายความว่านายยอมรับว่าฉันเป็นทีมนายแล้วใช่มั้ย”
“มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ไง"
“เยส! แล้วงานชิ้นใหญ่ที่ว่าคืออะไร”

สุอาภาดีใจมากๆ ทำมือทำไม้ประกอบ
ภายในห้องทำงานยามนั้น พิทยากำลังทำโมเดลบ้านกันน้ำ ขณะที่สุอาภากำลังตั้งใจทำต้นไม้โมเดลมากๆๆ เอากระดาษสีมาตัดเล็กๆทากาว...แล้วแปะกระดาษสีๆลงบนต้นไม้สีหน้าตั้งใจ จนทำให้พิทยาอดยิ้มออกมาไม่ได้

แดดเริ่มคล้อยลงต่ำ..โมเดลบ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
ที่หน้าห้อง นพแอบยืนมองแล้วก็ยิ้มน้อยๆออกมาอย่างรู้สึกดีที่สุอาภาตั้งใจทำงานจริงๆ ก่อนจะเดินออกไป
กลางคืน..โมเดลบ้านทำเสร็จ สุอาภาเอาต้นไม้มาประดับตกแต่งรอบนอกบ้าน ทั้งสองคนหันมายิ้ม พร้อมตีมือให้กันที่ทุกอย่างสำเร็จ

ภายในห้องนอน พิทยาอาบน้ำเสร็จเดินออกมาเห็นเวลาห้าทุ่ม..เขาลังเลอยู่นิดหนึง แล้วก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหารวีพรรณ แต่รวีพรรณไม่รับสาย ระบบตัดเข้าฝากข้อความ พิทยาสีหน้าครุ่นคิด ลังเลว่าจะฝากข้อความดีหรือไม่ แล้วก็ตัดสินใจ...
“รวีครับ”

เช้าวันถัดมา รมณีเดินออกมาหาภูวดลที่นั่งรออยู่ เขาเห็นรมณีก็ลุกขึ้นไหว้ รมณีรับไหว้
“ขอบใจมากนะพ่อดลที่มาหาน้า น้าจนปัญญาไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้วจริงๆ”
“อย่าพูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกลกันแบบนั้นสิครับ คุณน้ามีอะไรอยากให้ผมช่วย บอกมาได้เลย
รมณีถอนหายใจสีหน้ากลัดกลุ้มบอก
“ยัยรวีไม่คุยกับน้ามาหลายวันแล้ว เราทะเลาะกันเพราะไอ้ผู้ชายคนนั้น น้ากลุ้มใจกลัวรวีจะเตลิดไปกับมันจนกู่ไม่กลับ ก็เลยอยากให้พ่อดลช่วยไปดูๆยัยรวีให้ที”
“ได้ครับคุณน้า”
ภูวดลรับคำอย่างหนักแน่น

ภายในร้านอาหาร พนักงานจัดโต๊ะเตรียมเปิดร้าน รวีพรรณกำลังฟังข้อความที่พิทยาฝากเอาไว้ เสียงพิทยาดังออกมา
“สองสามวันมานี้ เราไม่ได้คุยกันเลย ผมขอโทษนะครับ ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานประกวดแบบบ้านกันน้ำ พรุ่งนี้เป็นวันตัดสิน ผมอยากให้คุณมาเป็นกำลังใจให้ผม ถ้าคุณว่าง สิบโมง ที่...หวังว่าคุณจะมา”
รวีพรรณวางสาย
“พรุ่งนี้ ก็คือ วันนี้”
รวีพรรณหันไปดูเวลา 9.30 สีหน้าลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี

ภูวดลลงจากรถที่จอดหน้าร้าน หันไปเห็นรวีพรรณรีบเดินมาที่รถด้วยท่าทางรีบร้อน ยังไม่ทันที่ภูวดลจะอ้าปากเรียก รวีพรรณก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
“รีบไปไหน”
ภูวดลอยากรู้เลยรีบขึ้นรถขับตามรวีพรรณออกไป

ภายในงาน แบบโมเดลบ้านของพิทยาได้รับความสนใจจากคณะกรรมการและแขกเหรื่อที่เข้าชมงาน พิทยากำลังยืนพรีเซนต์ สุอาภา นพ บวร วรรณวดีมองด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะสุอาภาที่มองพิทยาด้วยแววตาเป็นประกายมาก นพหันไปเห็นแววตานั้นพอดี ก็เริ่มเอะใจ
พิทยายืนอยู่หน้าผลงานตัวเองร่วมกับผู้เข้าประกวดคนอื่นๆสีหน้าตื่นเต้น
รวีพรรณเข้ามาในงานเห็นพิทยายืนอยู่ เธอมองตามสายตาเขาเห็นสุอาภาที่ยิ้มให้กำลังใจ เขายิ้มตอบ รวีพรรณชะงัก อึ้งไป
คณะกรรมการเดินออกมา ทุกคนตื่นเต้นมาก
“ผู้ที่ได้รับรางวัลการออกแบบบ้านกันน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ได้แก่ คุณพิทยา พิพัฒนะ จากบริษัทนพอาคิเทค”
พิทยา สุอาภา นพ บวร วรรณวดีต่างดีใจกันสุดๆ ทุกคนปรบมือ รวีพรรณเองก็พลอยดีใจปรบมือตามไปด้วย รวีพรรณตัดสินใจจะเดินเข้าไปพิทยา แต่สุอาภาเหลือบไปเห็นรวีพรรณเข้าพอดีก็ผงะ...ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาทันที
จังหวะที่พิทยากำลังจะหันไปเห็นรวีพรรณ สุอาภาวิ่งเข้าไปกอดพิทยาแล้วดึงพิทยาให้หันมาอีกทาง รวีพรรณตะลึงกับภาพที่เห็น
“ดีใจด้วยนะพิท”
พิทยาที่ไม่ได้คิดอะไรเพราะกำลังดีใจเลยกอดสุอาภาตอบโดยอัตโนมัติ
รวีพรรณถึงกับทนดูไม่ได้หันหลังเดินออกไปทันที
พิทยาผละจากสุอาภาแล้วก็หันไปกอดบวร นพ วรรณวดีด้วยความดีใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นด้านหลังรวีพรรณที่เดินออกไปแล้ว พิทยาตกใจและพึมพำ
“รวี”
พิทยากำลังจะตาม แต่เจอนักข่าวเข้ามาถ่ายรูป กับนพ บวร วรรณวดีและสุอาภา พิทยายืนอยู่ตรงกลางติดกับสุอาภา มีนพยืนข้างพิทยา บวรกับวรรณวดียืนข้างสุอาภา พิทยาต้องฝืนยิ้มถ่ายรูป หันไปมองรวีพรรณอีกที..รวีพรรณหายไป พิทยากังวลใจมาก แต่ยังออกไปไม่ได้
ภูวดลยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความพึงพอใจ
รวีพรรณเดินออกมาด้วยความโกรธและเสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา

รมณีมองภูวดลที่กำลังเล่าเรื่องพิทยากับสุอาภาด้วยความตั้งใจ
“เค้าสองคนกอดแสดงความยินดีกัน ทั้งๆที่คุณรวีก็ยืนอยู่ตรงนั้น ผมไม่รู้ว่าพวกเค้าไม่เห็นจริงๆ หรือแกล้งไม่เห็นกันแน่”
รมณีมีรอยยิ้มสะใจปรากฎจางๆบนใบหน้า
“จะว่าไปเป็นแบบนี้ก็ดี ยัยรวีจะได้ตัดใจซักที”
ภูวดลทำเป็นเห็นใจ
“แต่ท่าทางคุณรวีจะเสียใจมากนะครับ เฮ้อ ผู้ชายมีเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ดันไปเลือกเอาคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า คุณน้าน่าจะพูดกับคุณรวีบ้าง เกิดไปเสียใจทีหลังมันจะแก้ไขไม่ได้”
“น้าพูดมาไม่รู้กี่หน ครั้งล่าสุดก็ขึ้นเสียงกับน้า โกรธมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ แต่เอาเถอะ น้าจะไม่มีวันยอมให้มันได้ตัวลูกสาวน้าไปแน่ ไม่มีวัน!”
“คุณรวีโตแล้ว คุณน้าจะบังคับได้เหรอครับ”
“ก็ให้มันรู้ไปว่าระหว่างพ่อแม่กับผู้ชายคนเดียว จะยอมตัดพ่อตัดแม่ทิ้ง ถ้าลูกสาวน้าทำแบบนั้น น้าเองก็ใจเด็ดเหมือนกันแหละจ๊ะ ไม่เชื่อพ่อดลคอยดู”
ภูวดลลอบยิ้มด้วยความพอใจอย่างมาก

ภายในงาน พิทยาโทร.หารวีพรรณ แต่ติดต่อไม่ได้ เขายิ่งร้อนใจ พิทยาต่อโทร.หารวีพรรณอีกครั้ง แต่บวรเดินออกมาตาม
“พิท...มีคนมาขอสัมภาษณ์นาย”
พิทยาพยักหน้าเก็บมือถือ แล้วเดินตามบวรออกไป
ที่บ้านบ้านสุอาภา ในเวลาเย็น เย็น พิทยา สุอาภา นพ บวร วรรณวดีต่างยืนชนแก้วกัน นพยืนถือรางวัลอยู่ในมือ บวรกำลังจะดื่ม
“เฮ้ยเฮ้ย อย่าเพิ่งดื่มสิวะ รอป๋าพูดก่อน” บวรยืนค้าง
บวรหน้าแหย
“ครับครับ”
นพหันไปทางพิทยา
“ฉันต้องขอบคุณเธอมากนะพิท ที่ทำให้บริษัทเราคว้ารางวัลนี้มาได้สำเร็จ เพราะฉะนั้นรางวัลนี้..เธอสมควรจะเก็บเอาไว้”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4/2 วันที่ 8 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager