@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 10/2 วันที่ 11 ม.ค. 56

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 10/2 วันที่ 11 ม.ค. 56

“ซันเค้าก็ยังดูซึมๆอยู่นะ ก็ต้องให้เวลาเค้าทำใจหน่อย แต่ยังไงพี่ก็จะไปดูแลเค้าเรื่อยๆ เอวากับนิคก็โทรหาซันบ่อยๆล่ะ เค้าจะได้ไม่เหงา”
ตะวันฉายส่องไฟฉายดูปูลมที่ชายหาดอยู่กับหมอก
“ขึ้นมาแล้วๆ” หมอกวิ่งไล่ตะครุบ
เมฆยืนดูทั้งสองคนวิ่งเล่นกันอยู่ไม่ไกล
ตะวันฉายกอบทรายขึ้นโดยมีปูลมอยู่ในมือ หมอกยื่นหน้ามาดูด้วย

“คุณหมอกอยากใส่ขวดโหลกลับไปกรุงเทพฯมั้ยครับ” ตะวันฉายถาม
“ไม่เอาคับ ไม่รู้จะให้ใครดู หมอกอยากเอาไปอวดพี่ซัน แต่พี่ซันไม่อยู่แล้ว” หมอกบอก
ตะวันฉายมองหมอกด้วยความสงสาร



“คุณหมอกคิดถึงพี่ซันเหรอครับ”
“คับ”
“พี่ซันเค้าก็คงคิดถึงคุณหมอกเหมือนกัน”
เมฆเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“ถ้าคิดถึง เค้าก็น่าจะกลับมา” เมฆพูดออกมา
ตะวันฉายสะดุ้งแล้วก็วางทรายทิ้งก่อนจะเงยหน้ามองเมฆแล้วก็ต้องหลบตา
“หมอก อาบน้ำแล้วนะลูก มาวิ่งเล่นอีก เดี๋ยวต้องอาบใหม่หรอก ไป เข้าบ้านดีกว่าลูก” เมฆบอก
“แต่หมอกอยากเล่นต่ออีกนิดคับ”
“ให้คุณหมอกเล่นสักพักเถอะ เดี๋ยวชั้นอาบน้ำให้เค้าเอง” ตะวันฉายบอก
เมฆกับหมอกพูดพร้อมกัน “จริงนะ”
ตะวันฉายอึ้งไปเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มออกมา หมอกดีใจจึงวิ่งเล่นไปไล่จับปูลมต่อ เมฆกับตะวันฉายยืนอยู่ด้วยกัน
“ขอบใจนะ” เมฆพูด
ตะวันฉายแอบยิ้ม

เมฆนั่งเล่นอูคูเลเล่อยู่ที่ระเบียง ตะวันฉายเดินออกมาจากในบ้านพัก
“คุณหมอกหลับไปแล้วนะ จะให้ชั้นทำอะไรอีก”
“นั่งสิ”
ตะวันฉายนั่งลง แล้วเมฆก็เล่นเพลงที่เขากับตะวันฉายแต่งด้วยกันขึ้นมาแต่ไม่ได้ร้อง ตะวันฉายอึ้งจนเกือบร้องไห้ เธอต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอ
“ไม่มีเนื้อร้องเหรอ” ตะวันฉายถาม
“มี แต่ต้องร้องกันสองคน คุณจะช่วยผมร้องมั้ยล่ะ”
ตะวันฉายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ “...ไม่ล่ะ ชั้นขอไปอาบน้ำบ้างล่ะนะ” ตะวันฉายลุกขึ้นยืน
“ตามสบาย”
ตะวันฉายเดินไป เมฆมองตามด้วยแววตาเศร้า
แล้วตะวันฉายก็มีน้ำตาไหลออกมา

นิค เอวา และจอมสยามกำลังเล่นดนตรีอยู่ด้วยกันบนเวทีที่ผับ แต่นิคกับเอวากลับเล่นไม่ได้ดีนัก จอมสยามมีสีหน้างุนงงกับทั้งสอง เมื่อเล่นจบเพลง ทั้งสามก้าวลงจากเวที จอมสยามจึงเข้าไปถาม
“นิค เอวา วันนี้เป็นอะไรกัน ทำไมเล่นไม่เข้าขากันเลย ทะเลาะกันหรือเปล่า”
นิคมองหน้าเอวา
นิคกับเอวาพูดพร้อมกัน “เปล่าครับ/ค่ะ”
แล้วทั้งสองก็เมินกันไป ต่างคนต่างจะเดินไป แต่ดันเดินมาชนกัน เอวารีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง
จอมสยามงงเป็นไก่ตาแตกจึงบ่นออกมา “นี่มันจะให้งงอีกนานมั้ยเนี่ย”

วันต่อมา ตะวันฉายกำลังปิดตาเล่นซ่อนหาอยู่กับหมอก
“พี่จะนับถึงสิบนะ 1...2...3...4...”
หมอกรีบวิ่งไปหาที่ซ่อน

หมอกวิ่งเข้าไปในเขตที่พักของเฮลมุท ลูกน้องเฮลมุทเดินมาเห็นพอดี
“ไอ้หนู ห้ามมาเล่นในนี้นะ”
“ทำไมต้องห้ามล่ะ ก็พี่ตะวันฉายเค้าให้เล่นที่ไหนก็ได้นี่” หมอกบอก
“แต่ที่นี่ไม่ได้ ออกไปซะ”
“แต่พี่ตะวันฉายกำลังหาหมอกอยู่ หมอกต้องรีบซ่อนแล้ว” หมอกวิ่งไปอีกทาง
ลูกน้องเฮลมุทวิ่งไล่ตามหมอกจ้าละหวั่น แล้วหมอกก็วิ่งมาชนเฮลมุท หมอกเงยหน้ามองเฮลมุทที่ยืนมองเขาด้วยหน้าตาถมึงทึง หมอกเห็นแบบนั้นก็รู้สึกกลัว

เช้าวันใหม่ ยุทธการเดินเข้ามาในบริเวณล็อบบี้รีสอร์ท อ้อเดินออกมาต้อนรับ
“คุณยุทธลมอะไรหอบมาคะเนี้ย เพิ่งกลับไปไม่กี่วันไม่ใช่เหรอคะ” อ้อถาม
เสียงเกริกไกรดังขึ้น “แล้วมันเรื่องอะไรของเธอละอ้อ”
“อุ๊ย!!! ลมโห”
ยุทธการหันไปเห็นเกริกไกรกับสายรุ้งก็ยกมือไหว้สวัสดี
“แหม...มาหาน้องเหรอจ๊ะ” สายรุ้งถาม
“ก็” ยุทธการนิ่งคิดสักพัก “ครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับซันหน่อยน่ะครับ”
“ไอ้เรื่องที่ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องหัวใจหรือเปล่า” เกริกไกรแซว
สายรุ้งค้อนใส่เกริกไกรแล้วตีแขนสามีแบบหยอกๆ
“อย่าไปยุ่งเรื่องหนุ่มๆสาวๆ เลยน่าคุณก็”
ยุทธการยิ้มให้แทนคำตอบ
“อ้าว เอาแต่ยิ้ม โดนจับได้แล้วก็เขินล่ะสิ มัวแต่เขินกันอย่างนี้มันจะได้เรื่องอะไรเล่า” เกริกไกรว่า
“ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุนะคุณเนี่ย เขาจะลงเอยกันเมื่อไรยังไงเดี๋ยวก็รู้เองล่ะน่า ไม่ต้องไปลุ้นเขามากหรอก”
“ก็วัยรุ่นใจร้อนน่ะ” เกริกไกรบอก
เกริกไกรดึงยุทธการให้เดินไปด้วยกัน
“ไปกับอา เดี๋ยวอาช่วยอีกแรง”
ยุทธการไม่ฝืนจึงเดินตามเกริกไกรไปด้วยกัน สายรุ้งมองตามแล้วส่ายหน้าด้วยความระอา

ตะวันฉายยังก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานต่อโดยไม่เห็นว่าเกริกไกรลากยุทธการมาตรงหน้าแล้ว
“มีแขกคนสำคัญจะขอ Check-In ครับคุณตะวันฉาย” เกริกไกรบอก
ตะวันฉายเงยหน้ามาเห็นเกริกไกรยิ้มกว้างโดยมียุทธการอยู่ข้างๆ เธอก็ยิ้มขำ
“แขกคนนี้คงต้องเช็คอินกับพ่อมั้งคะ”
“แต่ถ้าจะเช็คอินตลอดชีวิตน่ะต้องเช็คอินกับคุณตะวันฉายเท่านั้น” เกริกไกรแซว
ตะวันฉายยิ้มเคืองๆ “พ่ออ่ะ”
“แม่ไม่เกี่ยวนะลูก แม่จะห้ามพ่ออยู่แล้วเชียวแต่ห้ามไม่ทัน” สายรุ้งรีบบอก
สายรุ้งขยับเข้าไปจับยุทธการให้มานั่งคู่กับตะวันฉาย
ตะวันฉายกระซิบกับสายรุ้ง “นี่ขนาดไม่เกี่ยวนะเนี่ย” ตะวันฉายหัวเราะแล้วหันไปหายุทธการ “คราวนี้พี่ยุทธจะอยู่เที่ยวกี่วัน”
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะซัน”
เกริกไกรรีบพูด “ไปเลยลูก คุยกันให้รู้เรื่องไปเลยนะ”
ตะวันฉายพายุทธการเดินไป เกริกไกรกับสายรุ้งมองตามแล้วเกริกไกรจะเดินตามไปแต่สายรุ้งดึงแขนเขาไว้

“จะไปไหนอ่ะพ่อ”
“ก็ไปตามดูสองคนเขาคุยกันน่ะสิ พ่ออยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน”
“อยากรู้ว่าคืบหน้าไปถึงไหนมากกว่า”
“หรือแม่ไม่อยากรู้” เกริกไกรถามกลับ
“แต่มันไม่ดีนะพ่อ อย่าลืมสิ เราไปแอบดูทีไรลูกจับได้ทุกที”
เสียงอ้อดังขึ้น “งั้นให้อ้อไปไหมคะ”
เกริกไกรกับสายรุ้งสะดุ้งแล้วหันมามองก็เห็นอ้อยืนอยู่ด้านหลัง
“อะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ อ้อเก่งหมดค่ะ” อ้อทำสีหน้าภูมิใจความเก่งด้านนี้
“ย่ะ...งั้นไปสืบให้หน่อยสิว่ารีสอร์ทอื่นเขารับซุปเปอร์ไวเซอร์หรือยัง” สายรุ้งบอก
“สืบทำไมคะ”
“ฉันจะส่งเธอไปทำงานที่อื่นน่ะสิ”
“อ๊ายยย...ไม่แล้วค่ะ อ้อไม่ยุ่งแล้ว”
อ้อรีบวิ่งกลับไปทำงาน เกริกไกรกับสายรุ้งมองตามแล้วส่ายหน้า

ยุทธการเดินตามตะวันฉายออกมาหน้ารีสอร์ต
“พี่ยุทธมีอะไรจะคุยกับซันหรือคะ”
“เออ..เมื่อวานพี่ได้ยินเสียงนายเมฆ นายเมฆเค้ามาที่นี่เหรอ”
เสียงหมอกดังขึ้น “อายุทธพี่ชายพี่ซันใช่ไหมครับ”
ยุทธการหันไปถามตะวันฉายด้วยสายตา ตะวันฉายรีบส่ายหน้าด้วยความร้อนรน จังหวะเดียวกับที่เมฆที่วิ่งตามหมอกมาพอดี เมฆเห็นยุทธการอยู่กับตะวันฉายก็ยิ้มออกมา
“นั่นสิ..ใช่จริงๆ ด้วย มาที่นี่ได้ไงเนี่ย แหมดูเหมือนจะเจอไปทุกที่เลยนะคับ” เมฆแกล้งพูด
ยุทธการมองเมฆแล้วทำหน้าสงสัย เขาหันไปหาตะวันฉายทันที
ตะวันฉายรีบแก้ตัวให้ “อ้าว นายยุทธรู้จักกับคุณเมฆด้วยเหรอ”
ยุทธการยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก ตะวันฉายขยิบตาให้ยุทธการรับมุก ยุทธการเลยต้องเออออตาม
ยุทธการ ตอบออกมา “ครับ”
เมฆยิ้มกริ่ม “เออ โลกมันกลมเน๊อะ แล้วน้องชายนายเป็นไงบ้าง มาด้วยกันหรือเปล่าเนี่ย”
“พี่ซันมาด้วยหรือครับพ่อ ไหนล่ะครับพี่ซัน” หมอกรีบถาม
หมอกมองหาซัน ทำให้ยุทธการรู้ว่าหมอกและเมฆจำตะวันฉายไม่ได้ ยุทธการเข้าใจสถานการณ์
“ไอ้ซันช่วยงานอยู่ที่บ้านน่ะครับ” ยุทธการบอก
เมฆแกล้งโง่ “อ๋อ เหรอ แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
“เอ่อ...”
ตะวันฉายรีบพูดแทรก “นายยุทธเป็นพนักงานที่นี่ค่ะ”
ยุทธการจำต้องเออออไปด้วย
“ งั้นดีเลย ผมมีงานให้ทำ ไม่รู้ทางรีสอร์ทจะว่าอะไรหรือเปล่า” เมฆบอก
ตะวันฉายรีบเออออไปด้วย “ได้สิคะ คุณมีอะไรก็เรียกใช้ได้เลย”
เมฆยิ้มสะใจ ตะวันฉายแอบมองเมฆเหมือนอยากรู้ว่าเมฆคิดอะไรอยู่

ยุทธการเล่นน้ำทะเลกับหมอก หมอกสนุกและเข้ากับยุทธการได้เป็นอย่างดี ตะวันฉายยืนมองแล้วก็ยิ้มขำ เมฆเห็นตะวันฉายมีความสุขก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา
“ดูคุณจะมีความสุขเหลือเกินนะ ดูลูกผมเล่นน้ำเนี่ยถูกใจอะไรนักหนา” เมฆถาม
“ฉันชอบเห็นคนมีความสุขนี่คะหรือว่าคุณไม่”
“ถ้าไม่ใช่นายยุทธ เธอจะมีความสุขอย่างนี้หรือเปล่าล่ะ”
“คุณว่าอะไรนะคะ”
“แล้วได้ยินว่าฉันว่าอะไรล่ะ”
ตะวันฉายพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ต่อปากต่อคำ เมฆเลยยิ่งได้ใจ
“ฉันไปเล่นกับหมอกดีกว่า เบื่อคนแถวนี้” ตะวันฉายว่า
ตะวันฉายวิ่งไปเล่นกับหมอกและยุทธการ เมฆเดินตามมา ตะวันฉายวิ่งไปเหยียบก้อนหินจนหกล้มและเลือดไหล
“โอ๊ย!!”
เมฆรีบวิ่งเข้ามาประคองตะวันฉาย พอดูที่เท้าก็เห็นเลือดไหล เมฆจึงรีบอุ้มตะวันฉายแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ ยุทธการเห็นก็รีบวิ่งมา แต่ไม่ทันเพราะเมฆไปถึงตัวตะวันฉายก่อน ยุทธการเดินตามไป เมฆร้อนรนและเป็นห่วงตะวันฉายอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม”
ตะวันฉายส่ายหน้าแต่เธอก็เห็นเมฆเป็นห่วงเธอ
“นายยุทธ ช่วยไปเอายามาทำแผลให้หน่อย” เมฆสั่ง
ยุทธการวิ่งไปเอายา
เมฆเอาน้ำเปล่าล้างแผลที่เท้าให้ตะวันฉาย ตะวันฉายมองอย่างซึ้งใจ

เก่งกำลังกวาดบ้าน ขณะที่อิงฟ้าถือโทรศัพท์มือถือลงมาด้วยความหงุดหงิดมาก
“บ้าจริงๆ ทำไมต้องปิดมือถือด้วยนะ”
เก่งหันมารีบสาระแนทันที
“คุณเมฆคงกำลังเที่ยวเพลินจนลืมชาร์ตแบตมือถือมั้งครับ”
อิงฟ้าหันมาโวยใส่ด้วยความหงุดหงิด
“รู้ดีจริงนะ”
“ก็อยู่บ้านนี้มานานเลยรู้จักคุณเมฆดีครับ ว่าถ้าคุณเมฆมีความสุขหรือสนุกกับอะไรอยู่ รับรองว่าลืมทุกอย่างหมด”
อิงฟ้าได้ยินก็ถึงกับชะงักทันทีแล้วยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม
“ขอบใจนะที่อุตส่าห์บอก ทีหลังไม่ต้องก็ได้นะ”
อิงฟ้าพูดจบก็หันไปหยิบกระเป๋าถือแล้วโทรศัพท์ไปด้วยพร้อมกับเดินออกไปเลย
“ฮัลโหล เรียกแท็กซี่คันนึงค่ะ”
เก่งมองตามแล้วเกาหัวแกร่กๆ
“เอ๊า มาหงุดหงิดใส่เราทำไม อุตส่าห์พูดความจริงแล้วนะ”

ยุทธเดินกลับมาพร้อมกล่องยา ยุทธการเอาผ้าซับเลือดที่แผลที่เท้าให้ตะวันฉาย แล้วก็รีบเอายามาทาให้ ยุทธการกันเมฆออกไป เมฆจึงจำต้องลุกขึ้นมา ยุทธการเอายาทาให้ตะวันฉาย เมฆรู้สึกหมั่นไส้
“เป็นไงบ้าง” ยุทธการถาม
“โอ๊ย แผลแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก เดินยังไง ที่ตั้งกว้าง ไปเดินเหยียบหินทำไม” เมฆเปรยขึ้น
“เอ๊!! นายนี่ยังไง เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย” ตะวันฉายฉุน
เมฆเดินไปหาหมอก ยุทธการมองตาม
“นายเมฆนั่น เค้าดูเป็นห่วงซันนะ” ยุทธการบอก
“ทำไมพี่ยุทธคิดอย่างนั้นล่ะคะ ซันไม่เห็นรู้สึกเลย เขาชอบกวนประสาทซันตลอดเวลา”
“ไม่รู้สิ ก็พี่เห็นสายตาท่าทีเขาแล้ว มันมีบางอย่างที่มากกว่าธรรมดา แน่ใจเหรอว่าเค้าจำซันไม่ได้”
ตะวันฉายนิ่งคิด “ไม่หรอกมั่งคะ นายนั่น โง่จะตาย ถ้าเค้าจำได้ เค้าก็คงบอกไปแล้วละคะ”
ยุทธการพันแผลให้ตะวันฉายพร้อมทั้งกังวลเรื่องเมฆ

อิงฟ้ายืนอยู่หน้าบ้าน สักพักรถแท็กซี่ก็แล่นมาจอด อิงฟ้าขึ้นรถแท็กซี่ไป รถจ่าสมที่จอดซุ่มอยู่รีบตามไปทันที

หมอกนั่งวาดรูประบายสี เมฆนั่งเกากีต้าร์อยู่ข้างๆ พลางมองออกไปที่ทะเลตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ยุทธการนั่งอยู่กับตะวันฉายไม่ไกลกันนัก
“นายยุทธ ฉันขอน้ำกับขนมมาให้หมอกหน่อยซิ” เมฆบอก
“ไม่เป็นไรนายยุทธ เดี๋ยวฉันโทรบอกที่ห้องอาหารให้เตรียมมาให้” ตะวันฉายรีบพูด
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเอาเอง” ยุทธการบอก
ยุทธการเดินออกไป เมฆเห็นยุทธการไม่อยู่เลยเล่นเพลงที่เขาเคยแต่งกับตะวันฉาย
“เพลงนี้ผมแต่งเองนะ แต่งเนื้อเพลงเสร็จแล้วด้วย มีคนช่วยผมแต่งเพลงนี้จนเสร็จ”
“ดูคุณจะชื่นชมคนแต่งเพลงนี้เหลือเกินนะ”
“ใช่ แต่ตอนนี้เค้าไม่อยู่แล้ว หนีผมไปแล้ว ผมไม่รู้จะทำยังไงให้เค้ากลับมา”
ตะวันฉายสะอึกทันทีเพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ
“พรุ่งนี้ผมก็ต้องกลับแล้ว คุณอยู่เป็นเพื่อนผมจนกว่าผมจะกลับกรุงเทพได้มั้ยตะวันฉาย”
ทั้งสองคนเผลอสบตาซึ้ง ตะวันฉายพยายามเรียกสติตัวเองไม่ให้หวั่นไหว

ทันใดนั้นหมอกก็ถือกระดาษที่เขาวาดรูปมาอวดตะวันฉาย
“พ่อครับ พี่ครับ ดูนี่สิครับ”
ตะวันฉายและเมฆชะงักแล้วหันมาสนใจหมอก
“ว่าไงครับ” เมฆถาม
หมอกอวดรูป “หมอกวาดรูป พ่อ หมอกแล้วก็พี่ตะวันฉายด้วยครับ สวยมั้ย”
ตะวันฉายรับรูปมาดูแล้วก็เผลอน้ำตาไหลไม่รู้ตัว เธอรีบปาดน้ำตาทันที
“สวยมากเลยครับ เก่งจังเลย”
ตะวันฉายหอมหมอก เมฆก็ก้มลงมาหอมหมอกด้วย เมฆกับตะวันฉายมองหน้ากันอย่างมีความสุข
ยุทธการถือถาดเครื่องดื่มเดินเข้ามาเห็นตะวันฉายกับเมฆและหมอกดูท่าทางมีความสุขกันเขาก็เศร้า ยุทธการหันหลังเดินออกไป
เมฆ หมอก และตะวันฉายเดินกลับรีสอร์ท หมอกวิ่งเล่นไปทั่ว ตะวันฉายเดินกระเผลกๆ มาเรื่อยๆ เมฆเดินเข้าช่วยพยุงด้วยการจับแขนตะวันฉาย ตะวันฉายมองอย่างซาบซึ้ง
“ยังเจ็บมากไหม” เมฆถาม
“ไม่เจ็บแล้วคะ แค่เดินไม่สะดวกเฉยๆ คงเพราะผ้าพันแผลมันใหญ่ไป”
“พ่อ พี่ตะวันฉาย ตามหมอกให้ทันซิ เร็วๆ” หมอกเร่ง
“พี่ซันเจ็บเท้าลูก หมอกอย่าวิ่ง เดี๋ยวหกล้มไปอีกคนนะ” เมฆพูด
ตะวันฉายตกใจ “พี่ซัน!!”
เมฆตกใจที่เผลอหลุดปากไป “เออ โทษที ชื่อมันติดปากผมนะ ซันเป็นพี่เลี้ยงนายหมอก คนที่ช่วยผมแต่งเพลงนี้แหละ”
ตะวันฉายเสียใจเพราะคิดว่าเมฆชอบผู้ชาย “คุณคงคิดถึงเค้ามากซินะ เห็นพูดถึงเค้าบ่อยๆ”
“ตอนเค้าอยู่ ผมก็ชวนเค้าทะเลาะตลอด แต่พอเค้าไม่อยู่ ผมถึงได้รู้ตัวว่าผมต้องการเค้ามากแค่ไหน”
เมฆและตะวันฉายเผลอสบตากันเหมือนตกอยู่ในภวังค์จนแทบจะหยุดเวลาเอาไว้ เมฆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ตะวันฉาย ตะวันฉายได้แต่ยืนนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้นหมอกก็วิ่งมาชนด้านหลังตะวันฉาย ทำให้ตะวันฉายกับเมฆปากมาชนกัน
“ไปคับพ่อ พี่ตะวันฉาย”
เมฆและตะวันฉายชะงัก ตะวันฉายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงด้วยความอายก่อนจะหันไปพูดกับหมอก
“พี่ขอตัวก่อนนะคะ”
ตะวันฉายรีบเดินออกไปทันที เมฆมองตามตะวันฉายยิ้มๆ อย่างรู้สึกดี

ตะวันฉายเดินยิ้มเขินจนเจออ้อที่เดินมาพอดี
“คุณซันเป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมหน้าแดงอย่างนั้น ไม่สบายรึเปล่า”
ตะวันฉายอึกอัก “ใช่ สงสัยตากแดดมากไปหน่อยน่ะ ว่าแต่พี่อ้อมีอะไรคะ”
อ้อยื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้วมองตะวันฉายอย่างจับผิด
“ว่าแต่คุณซันไม่เป็นอะไรมากจริงๆ นะคะ ไปหาหมอหน่อยมั้ยคะ ดูสิหน้าแด๊งแดง หรือว่า...ฮั่นแน่!!!” อ้อทำเหมือนจะรู้ แต่ก็แซวไปอย่างนั้น
“บ้า บ้า บ้า พี่อ้ออะ” ตะวันฉายอายจนม้วนก่อนจะเดินออกไป
“ตกลงเค้าเป็นอะไรของเค้านะ” อ้องง

นิคกับเอวาเดินมาเจอกันที่โรงเรียน ต่างคนต่างชะงัก แล้วเอวาก็พูดกับนิคด้วยท่าทีห่างเหิน
“วันนี้ชั้นงดสอน แกสอนเสร็จก็ฝากปิดโรงเรียนด้วยนะ” เอวาจะเดินออกไป
“แกอึดอัดมากใช่มั้ยที่มีชั้นอยู่ที่นี่” นิคถาม
“...เปล่า”
นิคทนบรรยากาศอึดอัดไม่ไหวจึงพูดออกมา
“ชั้นขอลาออก”
“อะไรนะ”

เอวากับนิคนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงานของเอวา
“ชั้นรู้มาตลอดว่าแกแอบรักพี่ยุทธ ชั้นพยายามที่จะไม่คิดอะไรแล้ว แต่มันก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าเจอกันดีกว่า” นิคบอก

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 10/2 วันที่ 11 ม.ค. 56

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา manager