@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/4 วันที่ 31 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/4 วันที่ 31 ม.ค. 56

จังหวะนั้น ก็มีก้อนดินกลมลอยเข้ามาทางหน้าต่างโดนหัวจวง
“โอ้ย! บ่าวพูดแค่นี้ทำไมต้องทุบหัวบ่าวด้วยเจ้าคะ”
“ข้าเปล่า”
จวงหยิบก้อนกลมๆออกมาดู แล้วคลี่ออกเห็นเป็นกระดาษมีลายมือ แต่จวงอ่านไม่ออก
“เขียนอะไรเจ้าคะ จวงอ่านไม่ออก”
รำพึงหยิบมาดู เป็นเพลงยาวที่ขุนพิทักษ์ไมตรีส่งถึงรำพึง

“ถึงนวลเจ้าจะอยู่ไกลได้เห็นหน้า
เป็นบุญตาได้ชมสมใจหนอ
ยิ้มของเจ้าเป็นขวัญใจใคร่พนอ
อยากเคลียคลออิงแอบแนบชิดกัน”

รำพึงรีบเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไป เห็นเรือลอยอยู่กลางน้ำ บนเรือ...ขุนพิทักษ์นั่งยิ้มกว้างที่ได้เห็นหน้ารำพึง
รำพึงอ่านเพลงยาวต่อ



“แต่วันนี้พี่คงได้แค่มองเจ้า
หัวใจร้าวดิ้นเร่าเท่าอาสัญ
หากจะช่วยให้พี่รอดคงชีวัน
เพียงดวงจันทร์ช่วยโยนผ้ามาแทนใจ”

รำพึงหัวเราะน้อยๆ
“คนบ้า...”
รำพึงผลุบเข้าไป ขุนพิทักษ์ใจหายวาบคิดว่า รำพึงไม่พอใจ
รำพึงเดินไปที่โต๊ะหยิบกระดาษมาเขียนอะไรยุกยิกแล้วสั่งจวง
“จวงเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ข้าหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
จวงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้
รำพึงพับกระดาษและพันผ้าเช็ดหน้าม้วนไว้กับก้อนดิน
“จวงเอ็งเอาดินก้อนนี้เขวี้ยงไปให้ถึงเรือโน่น”
“จวงเหรอเจ้าคะ”
“ใช่ ไม่งั้นเอ็งก็ต้องลอยคอข้ามน้ำไป เลือกเอา”
“เขวี้ยงดีกว่าเจ้าค่ะ”
จวงยงโย่ยงหยก เขวี้ยงก้อนดินอย่างแรง
ก้อนดินลอยไปตกที่เรือ ขุนพิทักษ์แกะผ้าออกจากก้อนดินเห็นจดหมาย

“ด้วยกลัวว่าบาปนี้จะมีมาก
จึงไม่อยากทำใครให้อาสัญ
ถ้าผ้าน้องชูให้พี่มีชีวัน
แพรเรียกขวัญคืนสู่พี่คงดีใจ”

ขุนพิทักษ์ หยิบผ้าขึ้นมาหอม ที่หน้าต่างรำพึงมองแล้วกลับมายิ้ม จวงแอบมองเจ้านายด้วยอารมณ์คิกคัก

เวลากลางคืน นางเย็นกับนายอยู่และชุ่มต่างนอนหลับอยู่ในมุ้ง มีควันลอยเข้ามาในมุ้ง ชุ่มสำลักควันตื่น สิ่งที่เห็นตรงหน้า คือไฟที่กำลังโหม ชุ่มรีบปลุกแม่กับพ่อ
นายอยู่ นางเย็นตื่นมาตกใจร้องกันลั่น นายอยู่พยายามใช้น้ำดับแต่ไม่เป็นผล เสียงนักเลงหัวเราะลั่น
“ข้าไม่ปล่อยพวกเอ็งแน่ คืนนี้ลูกสาวเอ็งต้องไปขัดดอกนายข้า”
นักเลงสั่งคนจับชุ่ม นายสมกับนางเย็นพยายามเข้าช่วย ชุ่มทั้งถีบ ทั้งกัด แต่แรงสู้พวกนักเลงไม่ได้
“ปล่อยข้า ไอ้ชั่ว ปล่อยข้า...แม่จ๋า พ่อจ๋า ช่วยฉันด้วย”
นักเลงหัวเราะลั่น ชุ่มถูกลากไปกับพื้น ชุ่มพยายามดิ้นรนต่อสู้
จังหวะที่นักเลงลากชุ่มก็มีไม้มาฟาดที่หัวอย่างแรง นักเลงหันไป เห็นไอ้สมยืนจังก้าไม่เกรงผู้ใด เลือดไหลอาบท่วมหน้านักเลง
ชุ่มหนีไปหาแม่และพ่อ
“ถ้าเอ็งแตะน้องข้าอีกทีเอ็งตาย!”
นักเลงสั่งลูกน้องเล่นงานสม แต่สมนั้นรู้เชิงมวย สมใช้ไฟและไม้เข้าสู้พวกนักเลง พวกนักเลงแพ้ทางล้มลงไปนอนกองกับพื้น
สมคว้ามีดปอกมะพร้าวได้จ่อไปที่หัวหน้านักเลง
“ถ้าไม่อยากเป็นผีเฝ้าสวน เอ็งก็อย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้า”
สมพูดจบก็เงื้อมีด แต่ชุ่มมาดึงไว้
“อย่าพี่สม”
“พวกเอ็งไม่ตายดีแน่!”
หัวโจกนักเลงพูดจบก็สั่งลูกน้องถอยร่นออกไป ชุ่มเข้าไปหาพ่อกับแม่ สมเข้าไปหาครอบครัวที่ต้องเจอชะตากรรมเลวร้าย

ทุกคนมองบ้านที่ถูกไฟเผาอย่างหมดหนทาง
คบไฟหัวเรือของขุนพิทักษ์ไมตรีลอยมาตามน้ำ เขานั่งมาในเรือโดยมีบ่าวพายเรือให้ ขุนพิทักษ์ มองผ้าเช็ดหน้าแทนตัวของรำพึง แล้วยิ้มด้วยความมั่นใจว่าต้องพิชิตใจของรำพึงได้ ขุนพิทักษ์หยิบผ้าขึ้นมาดอมดม

“แค่ผ้าเช็ดหน้ายังหอมถึงเพียงนี้ เนื้อเจ้าจะหอมเพียงใด”
ขุนพิทักษ์ยิ้มชื่นชมนึกถึงดวงหน้าของรำพึง
ท้องฟ้ามีแสงวาบ ขุนพิทักษ์เงยหน้าขึ้นมองเห็นท้องฟ้าสีแดงฉาน
“พายเร็วสิโว้ย ข้าไม่อยากเปียกเป็นลูกหมาไปโรงฝิ่น”
“ไม่กลับเรือนรึขอรับ ท่าทางฝนจะตกหนัก”
“ข้าบอกให้ไปไหนก็ไป หรือถ้าเอ็งอยากกลับเรือน ข้าจะถีบเอ็งตกน้ำ แล้วเอ็งก็ว่ายน้ำกลับเรือนเอง เอามั้ย”
“โรงฝิ่นก็โรงฝิ่นขอรับ”
บ่าวเร่งฝีพายฟ้ายงคงร้องโครมครามปนกับแสงฟ้าแล่บ

บนศาลาเรือนคุณหญิงมณี เวลากลางคืน ชุ่ม นางเย็น นายอยู่ กราบที่เท้าคุณหญิงมณี
“ไอ้สม มันพาน้องสาวมันมาพึ่งใบบุญคุณหญิงน่ะเจ้าค่ะ เพราะถ้าไปอยู่ข้างนอกคงถูกพวกเจ้าหนี้ฉุดไปทำเมียขัดดอก” แจ่มว่า
“ทาสในเรือนก็มีเยอะแยะ เอ็งว่าข้าควรจะรับมันไว้รึนังแจ่ม”
ชุ่มหน้าตามอมแมม ตาบ้องแบ๊ว รีบพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรจ๊ะเพราะฉันจะไม่อยู่ที่นี่ ฉันจะอยู่กับพ่อกับแม่”
สมตกใจปราม
“นังชุ่ม!”
“ฉันพูดจริงๆ ถ้าพี่กับฉันอยู่ที่นี่แล้วใครจะดูแลพ่อกับแม่ล่ะ”
สมดึงน้องไว้ แต่คุณหญิงมณีเห็นในความไม่กลัวใครและรักพ่อแม่ของชุ่ม
“กระผมต้องกราบขอโทษขอรับ นังชุ่มมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หากคุณหญิงจะถือว่าเป็นการทำบุญช่วยเหลือลูกนกลูกกาก็จะเป็นพระคุณต่อไอ้สมขอรับ”
คุณหญิงมณีตัดสินใจ
“ได้ ! ข้าจะรับมันไว้”
“ขอบพระคุณขอรับ”
สม นายอยู่ นางเย็นก้มกราบคุณหญิงมณี มีเพียงชุ่มเท่านั้นที่ส่ายหน้าดิก คุณหญิงมณีพูดกับสม
“แล้วพ่อกับแม่เอ็งล่ะจะไปอยู่ที่ไหน”
“กระผมกับเมียจะออกไปอยู่กับญาติที่นอกเมืองครับ” นายอยู่บอก
“ฉันจะไปด้วย ฉันไม่อยากทิ้งพ่อกับแม่” ชุทบอก
“นังนี่มันกล้านัก ตัวยังเอาไม่รอด ยังมีแรงจะห่วงพ่อแม่”
“นังชุ่ม เอ็งไปกับพ่อแม่พาลจะทำให้เขายิ่งลำบาก” แจ่มบอก
ชุ่มสลดไป
“แจ่ม เอ็งช่วยสอนงานมันแล้วกัน หน้าตามอมแมมเป็นลูกหมา ท่าทางคงต้องฝึกกันเยอะ”
“เจ้าค่ะคุณหญิง”
ชุ่มร้องไห้ไม่อยากอยู่ห่างพ่อแม่

ภายในห้องพักคุณหญิงมณี เสียงคำรามของฟ้ากับฝนปนเปกันอย่างน่ากลัว พระยาสุรเดชไมตรีนอนกระสับกระส่าย คุณหญิงมณีนอนอยู่เคียงข้าง ที่ปลายเตียงมีแสงจ้า ในแสงนั้นมีเงาดำทะมึน 3 ร่างยืนจ้องพระยาสุรเดชอยู่ พระยาสุรเดชฯ ลืมตามาเห็นดวงตากร้าวที่จ้องตนอยู่รอบตัว
“ถึงวาระของเจ้าแล้ว!”
พระยาสุรเดชไมตรีได้ยินเสียงยมทูตก้องในหัวโดยที่ไม่มีใครขยับปาก ในมโนสำนึกของพระยาสุรเดชฯ ใบหน้าของขุนพิทักษ์ กับกิจกรรมแห่งอบาย เช่น การชนไก่ เมาสุรา ชกต่อย เมาฝิ่น ลอยเข้ามาอยู่ในห้วงแห่งมโนจิต

ภาพในอดีต พระยาสุรเดชไมตรีใช้เอกสารตบหน้าขุนพิทักษ์ ขุนพิทักษ์ แววตากร้าว
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณพ่อ ถ้าต้องตายลูกตายคนเดียวได้ คงไม่ต้องให้ โคตรเหง้ามาร่วมรับผิดชอบ”
พระยาสุรเดชฯเงื้อมือจะตบหน้า แต่ยั้งไว้
พระยาสุรเดชฯ หายใจหอบมากขึ้น สายตาของเขาเสียใจเป็นที่สุด
“พ่อจะยอมให้เจ้าตายได้ยังไง”
ภายในห้องทำงาน
“ชีวิตฉันยึดถือความเที่ยงตรงมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ฉันเองที่ต้องเอาบาปยัดใส่มือให้คนบริสุทธิ์”
พระยาสุรเดชฯ เซ็นเอกสาร ข้าราชการคนหนึ่งถูกจับ ขุนพิทักษ์เลี้ยงฉลอง เมาหัวทิ่ม พระยาสุรเดชฯ นั่งอยู่ในห้องมืด คุณหญิงมณีเปิดประตูเข้าไปในห้องเห็นพระยาสุรเดชล้ม คุณหญิงมณีกรี๊ด
“คุณพี่!”

ขุนพิทักษ์ขึ้นเรือนมาทั้งที่เมาๆ เห็นพ่อล้มอยู่ที่พื้น ก็ยืนช็อกอยู่ที่หน้าประตูเรือนนั่นเอง
ในเวลานั้น ภาพนิมิตเหตุการณ์ล่วงหน้า ตอนขุนพิทักษ์ จะถูกดาบเงื้อฟัน! ในขณะที่สายฟ้าฟาดเปรี้ยง ภาพนั้นกระแทกเข้ามาในจิตของพระยาสุรเดชไมตรี ร่างท่านเจ้าคุณกระตุกเหมือนตัวเองเป็นคนรับคมดาบแทนลูกชาย

ภาพนิมิตที่เห็นต่อมา เป็นตอนที่ขุนพิทักษ์ ต้องถูกทรมานในฐานะทาส
พระยาสุรเดชไมตรียิ่งหายใจแรงขึ้น เขาเห็นดวงตาแดงฉานของเงาดำทะมึนทั้งสามจ้องเขาอยู่ ท่านเจ้าคุณพยายามยกมือขึ้นมาพนม
“กระผมขอรับบาปแทนลูก!”
คุณหญิงมณีสะดุ้งตื่น เมื่อรู้สึกว่าพระยาสุรเดชไมตรีมีอาการหอบ หายใจแรง แต่คุณหญิงมณีไม่เห็นยมฑูตทั้งสาม
“คุณพี่ คุณพี่คะ คุณพี่เป็นอะไรไปคะ คุณพี่พูดกับใคร”
คุณหญิงมณีมองรอบตัวก็ไม่เห็นใคร พระยาสุรเดชไมตรีเหงื่อไหลโทรมกาย และหายใจแรงจนตัวโยนจับมือคุณหญิงมณี
“แม่มณี... ลูก”
คุณหญิงมณีร้องไห้และรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจากมือของพระยาสุรเดช
“คุณพี่ใจดีๆไว้นะคะ อิฉันจะให้คนไปตามหมอ”
“ฉันต้องเจอลูก!”
คุณหญิงมณีเห็นท่าไม่ดี รีบไปเปิดประตู ตะโกนเรียกแจ่ม
“แจ่ม นังแจ่ม!”
แจ่มวิ่งเข้ามาหน้าตาเลิ่กลั่ก
“นังแจ่ม ให้คนไปตามหมอ แล้วไปปลุกพ่อพิทักษ์เร็ว!”
“ท่านขุนไม่อยู่เจ้าค่ะ ให้ไอ้ฟักเอาเรือออกไปตั้งแต่หัวค่ำ”
“ให้ไอ้สมไปตามลูกข้ากลับมา อยู่ที่ไหนก็ต้องหาตัวให้พบ!”
“เจ้าค่ะ คุณหญิง”
คุณหญิงมณีเข้าไปกอดท่านเจ้าคุณไว้ ดวงตาของพระยาสุรเดชไมตรีจ้องด้วยสายตาวิงวอนไปที่เงาดำทะมึน

เงาดำกับควันของกล้องยาฝิ่นภายในโรงฝิ่น ขุนพิทักษ์ไมตรีนอนเมาฝิ่น หัวร่อต่อกระซิกกับหญิงบำเรอที่คอยบีบนวด
สมวิ่งเข้ามาหาขุนพิทักษ์ด้วยสีหน้าแตกตื่น
“ท่านขุนขอรับ ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์ หงุดหงิด ถีบบ่าวเข้าโครมใหญ่
“อะไรหนักหนาวะ ข้ากำลังสนุก เอ็งมาขัดข้าทำไม”
สมรีบรายงาน
“ท่านพระยาฯอาการทรุดหนักครับ”
ขุนพิทักษ์ ที่เมาฝิ่นกลับนิ่งงัน กล้องยาฝิ่นในมือขุนพิทักษ์ตกลงกับพื้น

ภายในห้องนอนคุณหญิงมณี ขุนพิทักษ์ไมตรีจับมือท่านเจ้าคุณผู้เป็นบิดา
“คุณพ่อ...”
พระยาสุรเดชมองหน้าลูกชายคนเดียว คุณหญิงมณีร้องไห้อยู่ข้างๆ
“พ่อพิทักษ์ คุณพ่อเรียกหาแต่ลูก หมอต้มยามาให้ คุณพ่อก็ไม่ยอมทาน”
“คุณพ่อทานยาสิครับ มาครับ เดี๋ยวลูกป้อนให้”
“เวลาของพ่อหมดแล้ว”
“คุณพี่อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ”
“คุณหญิง ของที่ฉันให้หาอยู่ที่ไหน”
คุณหญิงมณีหยิบกริชส่งให้พระยาสุรเดช
พระยาสุรเดชพูดกับขุนพิทักษ์
“กริชนี่เป็นของบรรพบุรุษที่ตกทอดกันมา นับตั้งแต่นี้มันจะเป็นของลูก รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดของพ่อ”
ขุนพิทักษ์ตาวาว ท่านพระยาพูดต่อ
“หากเพียงลูกให้คำสัตย์กับพ่อว่าลูกจะครองตนอยู่ในบุญไม่ใฝ่บาป ลูกจะให้สัญญากับพ่อได้หรือไม่”
ขุนพิทักษ์นิ่งรู้ว่า ตนทำไม่ได้! พระยาสุรเดชฯ วางมือบนศีรษะของลูกชาย ขุนพิทักษ์ ชะงัก เห็นน้ำตาของพ่อที่ไหลรินด้วยความรักและห่วงใย

“ลูกพ่อ...”
ลมหายใจหอบแผ่วของผู้เป็นพ่อที่อยู่ตรงหน้า ทำให้หัวใจหยาบช้าของขุนพิทักษ์ อ่อนยวบลง

“คุณพ่อ”
“ลูกต้องดำรงตนเป็นคนดี”
ขุนพิทักษ์มองกริชและมองหน้าพ่อด้วยความไม่มั่นใจ เพราะรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้
“เพื่อลมหายใจสุดท้ายของพ่อ สัญญากับพ่อ!”
จู่ๆฟ้าร้องครืน ขุนพิทักษ์สะดุ้งโผจับมือพ่อที่ในมือถือกริชอยู่
“ลูกสัญญา!”
สิ้นคำสัญญาสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยง! ลงมาดั่งว่า ฟ้าเป็นพยาน
สายตาของพระยาสุรเดชฯ มองไปที่เงาดำทะมึน แล้วค่อยๆหลับตาลง มือที่จับกริชอยู่ตกร่วงลง
คุณหญิงมณีร้องไห้เข้าไปกอด ขุนพิทักษ์กอดร่างพ่อที่ไร้ลมหายใจ แจ่มร้องไห้ พร้อมกับบ่าวไพร่ เสียงร้องไห้ โศกระงมดังไปในอากาศ เหมือนเสียงโหยหวน

ภายในกุฏิ เวลากลางคืน หลวงตามั่นนั่งกรรมฐานอยู่และลืมตาขึ้นมา เห็นแสงที่อยู่ตรงหน้า พระยาสุรเดชไมตรีนั่นเอง
“ฝากลูกข้าด้วยเถิด นำพาเขาไปในทางที่ดีงาม”
“อาตมาทำได้เพียงนำทาง คงอยู่เพียงว่าท่านขุนฯจะเลือกเดินทางใด อย่าได้มีห่วงอันใดอีกเลย ทางของท่านรอท่านอยู่”
หลวงตามั่นหลับตาลงก่อนแสงตรงหน้าจะดับวูบลง
หลวงตามั่นลืมตามาอีกครั้ง แววตาบ่งบอกถึงความหนักใจ

ยามเช้าวันรุ่งขึ้น คุณหญิงมณีกราบหลวงตามั่นบนกุฏิ
“อิฉันมานิมนต์เถรมั่นและพระลูกวัดไปสวดพระอภิธรรมให้คุณพี่เจ้าค่ะ” คุณหญิงมณีพูดพลางสะอื้นน้ำตาไหล
“ท่านพระยาฯ ไปดีแล้ว โยมอย่าได้ทุกข์โศกไปเลย”
“คุณพี่ทำแต่ความดีทำไมหมดบุญเร็วอย่างนี้ล่ะเจ้าคะ”

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/4 วันที่ 31 ม.ค. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager