@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 11/2 วันที่ 12 ม.ค. 56

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 11/2 วันที่ 12 ม.ค. 56

“ที่เกาะนั่นก็ทีหนึ่งแล้ว จู่ๆคุณก็มาจู่ๆคุณก็หาย แล้วยังวันนี้อีกปกติคุณร้องจะอยู่บ้านผม แล้วทำไมขอมาอยู่บ้านพี่ธีร์ง่ายๆ”
อิงฟ้าตัดบท “เมฆ...ฟ้าบอกไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ”
เมฆมองด้วยความสงสัยเพราะไม่ค่อยเชื่อแต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ “โอเค ไม่มีก็ไม่มี ถ้างั้นวันไหนทีหมอกคิดถึงฟ้า ผมจะพาเขามาหานะ”
อิงฟ้ารีบสวนทันที “ไม่ได้นะ เมฆอย่าพาหมอกมานะ....รวมทั้งเมฆด้วยถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องมา”
เมฆหงุดหงิด “ฟ้า ตกลงมันคืออะไร”

อิงฟ้านิ่งเงียบไม่ตอบอะไรเพราะไม่รู้จะพูดยังไง
“ฟ้ากำลังจะหาทางทิ้งลูกหรือเปล่า” เมฆถาม
อิงฟ้าพูดสีหน้านิ่ง “เมฆคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ผมไม่ได้คิด แต่ผมเห็นจากสิ่งที่ฟ้าเคยทำกับหมอกและผมมา”
“เมฆกลับบ้านเถอะ ฟ้าอยากพักผ่อน”
เมฆโมโหที่สุดท้ายอิงฟ้าก็ไม่ยอมตอบ เขาเลยวางกุญแจบ้านอย่างไม่ค่อยพอใจแล้วจะเดินออกไปเพราะไม่อยากสนใจอิงฟ้าแล้ว แต่อิงฟ้าก็เรียกไว้อีก



“เมฆ ฝากหมอกด้วยนะ”
“ถ้าได้ที่หมายใหม่แล้วก็หาทางส่งกุญแจบ้านคืนผมด้วยแล้วกัน”
เมฆจ้องอิงฟ้าด้วยความเจ็บใจ แต่อิงฟ้าหลบตา แล้วเมฆก็เดินออกไป อิงฟ้ามองตามแล้วก็ร้องไห้

อิงฟ้าเดินเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง แล้วเธอก็กดสวิทช์เปิดไฟ อิงฟ้าเห็นว่าของทุกอย่างในห้องถูกคลุมด้วยผ้า เธอยืนมองภาพในจินตนาการของตัวเอง เธอเห็นตัวเองกับธีรภพหยอกล้องกันอยู่บนเตียง แล้วเธอก็ซบอกธีรภพ ธีรภพลูบหัวอิงฟ้าด้วยความรัก
“ตอนนี้บริษัทก็ไปได้ดี แล้วผมยังมีฟ้าที่ทั้งสวยและดีอยู่เคียงข้าง รู้ไหมว่าผมคิดอะไรอยู่” ธีรภพถาม
อิงฟ้าเงยหน้ามายิ้มให้ธีรภพก่อนจะส่ายหน้า
“ผมคิดว่าผมช่างเป็นผู้ชายที่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดน่ะสิ”
“ฟ้านึกว่าชีวิตที่สมบูรณ์เราต้องมีลูกด้วยซะอีก”
ธีรภพชะงักแล้วรีบลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าอิงฟ้า อิงฟ้ายิ้ม ธีรภพเข้าใจความหมายของเธอในทันที
“ฟ้า...”
“วันนี้ฟ้าเพิ่งไปตรวจมา หมอบอกว่าฟ้าท้องได้สองเดือนแล้วค่ะ”
ธีรภพยิ้มดีใจสุดๆแล้วเขาก็ดึงอิงฟ้ามากอดด้วยความรัก
“จากนี้ไปมีสองชีวิตที่ฝากไว้กับพี่ธีร์แล้วนะคะ” อิงฟ้าบอก
“ผมสัญญา ผมจะดูแลฟ้าและลูกให้ดีที่สุด”
อิงฟ้าดีใจหอมแก้มธีรภพ ธีรภพยิ้มแล้วหอมแก้มอิงฟ้า แล้วทั้งสองก็ผลัดกันหอมไปหอมมาจนภาพค่อยๆเลือนหายไป
อิงฟ้ายืนน้ำตาไหลที่หน้าเตียงก่อนจะเดินไปที่หน้ารูปของธีรภพ
“ฟ้ารู้ว่าพี่ธีร์จำคำสัญญาได้เหมือนกับฟ้า พี่ธีร์ต้องดูแลหมอกกับฟ้าให้ปลอดภัยนะคะ”
อิงฟ้าร้องไห้ตัวสั่นด้วยความกลัว

จ่าสมที่นั่งอยู่ในรถที่จอดซุ่มหาวง่วง ทันใดนั้นก็มีโทรศัพท์จากยุทธการโทรมา
“ครับสารวัตร”
ยุทธการอยู่ในชุดนอนเพราะเพิ่งตื่น
“เป็นยังไงมั่งจ่า”
“ก็ตั้งแต่คุณเมฆกลับไป อิงฟ้าก็ปิดไฟในบ้านแล้วเข้านอนสักเที่ยงคืนได้ครับ” “ดีมากจ่า งั้นเดี๋ยวจ่ากลับมาพักผ่อนนะ ผมจะส่งคนไปเปลี่ยนเวรกับจ่า”
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกครับสารวัตร”
“ทำไมล่ะ อย่าบอกว่าจ่าจะเฝ้าตลอด 24 ชม.ไม่พักนะ”
“ครับ”
“ผมไม่เห็นด้วยนะจ่า” ยุทธการบอก
“ผมขอร้อง ให้ผมทำเถอะนะครับ รับรองผมจะไม่หลับไม่อู้แน่นอน”
ยุทธการถอนใจ “ถ้าจ่าไหวผมก็โอเค”
ยุทธการวางสายด้วยความสงสัย

เมฆ เอวา และนิคเพิ่งเล่นดนตรีที่ศูนย์การค้าเสร็จ ขณะที่หมอกนอนหลับอยู่ข้างๆ
เมฆพูดกับเอวา “เราช่วยโทรตามซันให้กลับมาดูแลหมอกให้หน่อยได้มั้ย”
“เรื่องโทรน่ะ เอวาช่วยได้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าซันเขาอยากกลับมามั้ยนะคะ เห็นว่าทำงานอยู่ที่บ้านก็สบายดีแล้ว”
“พี่รู้ แต่อยากให้เอวาลองกล่อมให้หน่อย พี่ไม่อยากพาหมอกมาที่นี่ทุกคืนแบบนี้อีก”
“พี่เมฆไม่ลองหาพี่เลี้ยงคนอื่นล่ะครับ” นิคถาม
“จะมีใครเข้าใจเขาได้ดีกว่าซันล่ะ” เมฆว่า
“แต่เอวาว่าซันคงมาไม่ได้แล้วละคะ พี่เมฆลองหาคนอื่นดีไหมคะ”
เมฆได้ยินที่เอวาพูดก็ถึงกับหน้าจ๋อยไปทันที

ตะวันฉายคุยโทรศัพท์กับเอวาขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ที่ริมทะเล
ตะวันฉายพูดเสียงดัง “จริงเหรอ เขาอยากให้ฉันกลับไปจริงๆเหรอ เอวา”
อ้อ สายรุ้งและแขกคนอื่นๆ ที่นั่งกินข้าวอยู่หันมามองตะวันฉายเป็นตาเดียว ตะวันฉายเลยต้องเบาเสียงลง
“พี่เมฆเขาไม่มีใครแล้วนะเพราะอยู่ๆคุณอิงฟ้าก็อยากจะออกไปอยู่ข้างนอกเสียอย่างนั้น เลยไม่มีใครคอยดูแลหมอก” เอวาบอก
“นี่ถ้าเขาบอกฉันตรงๆนะว่าอยากให้ฉันกลับไป ฉันก็คงไม่ปฏิเสธหรอก”
“ตกลงว่าเธอจะกลับมาเพราะพ่อหรือเพราะลูกเนี่ย”
ตะวันฉายรีบแก้ตัว “ฉันสงสารน้องหมอกย่ะ”
เอวาถามล้อๆ “จริงเหรอ”
“ฉันไม่มีทางไปหลงรักผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ชายหรอกนะ”
“โอเค ฉันจะลองเชื่อดู ว่าแต่ว่าพ่อแม่เธอจะปล่อยให้เธอกลับมาหรือเปล่า”
ตะวันฉายหันไปมองสายรุ้งที่อยู่ข้างๆ สายรุ้งมองกลับมา ตะวันฉายมีสีหน้าหวั่นใจ

เกริกไกรทำหน้าตื่นเมื่อตะวันฉายบอกความต้องการของเธอ
“อะไรกัน ลูกเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นานเท่าไร จะกลับไปอีกแล้วเหรอ” สายรุ้งตกใจ
“ซันว่าจะกลับไปหาข้อมูลสำหรับเรื่องใหม่” ตะวันฉายบอก
“นี่ซัน พ่อว่าลูกไปเขียนสารคดีเถอะ เพราะเห็นมีแต่ข้อมูล งานการที่บ้านก็ไม่ทำเล้ย”
ตะวันฉายแอบค้อน “แหม แต่ยังไงซันจะรีบกลับมาสานต่องานที่นี่แน่ๆ รีสอร์ตที่พ่อกับแม่สร้างมาต้องอยู่ไปถึงชั่วลูกชั่วหลานแน่ๆค่ะ”
“นี่แม่กับพ่อก็นึกว่าจะได้ล้างมือในอ่างทองคำแล้วพากันไปเที่ยวรอบโลกสองคนตายายแล้วเสียอีก” สายรุ้งบอก
ตะวันฉายอ้อน “นะคะแม่ นะคะ นะคะพ่อ”
สายรุ้งมองเกริกไกรเพราะไม่รู้ว่าจะรั้งลูกสาวไว้ยังไง

เอวาวางสายโทรศัพท์ ส่วนนิครอฟังคำตอบอยู่
“ตกลงซันมันจะกลับมาบ้านพี่เมฆจริงๆเหรอ” นิคถาม
เอวาพยักหน้ารับ “ใช่ ฉันว่า นะ ซันมันต้องอยากกลับมาหาพี่เมฆแน่ๆเลยว่ะ”
“โถ ปากก็บอกว่าพี่เมฆเป็นเกย์ แต่ใจก็แอบรักเกย์ไม่รู้ตัว แล้วจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองน่ะเป็นสาววาย(Y)เต็มตัวเลย” นิคแซว
เอวาหันไปเห็นยุทธการยืนอยู่ก็ตกใจจนหน้าเสีย เธอรีบหันไปขยิบตากับนิค นิคมองเอวางงๆ
“อะไรของแกห๊ะ ฉันพูดอะไรผิดเหรอ ก็ซันมันแอบรักพี่เมฆจริงๆนี่”
ยุทธการเดินเข้ามายืนข้างๆนิค
ยุทธการ พูดออกมา “แล้วทำไมไม่บอกพี่”
นิคเห็นยุทธการเขาก็หน้าเหวอไปทันที หัวใจของเขาแทบหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“พี่ยุทธ!!!!” นิคตีปากตัวเอง “นี่แน่ะ ไอ้ปากพาจน บรรลัยกันล่ะทีนี้”
เอวาถอนหายใจเอือมๆ แล้วก็หันไปปลอบยุทธการ
“พี่ยุทธคะ คือว่าเราสองคนไม่ได้ตั้งใจจะปิดพี่ยุทธนะคะ”
“ใช่ครับ แต่ว่า...”
ยุทธการรีบสวนขึ้น “แต่ว่าความจริงก็คือความจริง ที่พี่ต้องยอมรับมันใช่มั้ย”
เอวาเงียบกริบ เธอได้แต่มองยุทธการด้วยความสงสาร

ยุทธการเดินมานั่งมองพระจันทร์เสี้ยว และดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
“ความจริงพี่เองก็รู้สึกมาซักพักแล้วล่ะ ว่าซันต้องมีอะไรในใจที่ปิดบังพี่อยู่แล้วลางสังหรณ์พี่ก็ไม่ผิด ซันเค้าชอบนายเมฆจริงๆ”
เอวามองยุทธการด้วยความสงสาร
“เอวาเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ว่ามันเป็นยังไง เอวาเอาใจช่วยให้พี่ยุทธขอให้พี่ยุทธทำใจได้เร็วๆนะคะ”
ยุทธการหันมามองเอวาอย่างรู้สึกผิด
“ตอนที่พี่รู้ว่าเอวาคิดยังไงกับพี่ พี่เองก็นึกไม่ออกนะว่า เอวาจะรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้พี่เข้าใจทุกอย่างชัดเจนเลย พี่ขอโทษนะเอวา”
เอวาแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนความเจ็บปวดของตัวเอง
“โอ๊ย พี่ยุทธไม่ต้องขอโทษเอวาหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้มันบังคับกันได้ที่ไหน ถ้าไม่รักมันก็คือไม่รัก ต่อให้เอวาเอาปืนไปจ่อเอามีดไปจี้พี่ยุทธ คำตอบมันก็คงไม่เปลี่ยนหรอกจริงมั้ยคะ”
นิคสะอึกเพราะรู้สึกสะเทือนไปด้วยอีกคน
“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะไม่ปรารถนาดี หรือไม่เป็นห่วงเอวานะ สำหรับพี่เอวายังเป็นน้องสาวที่พี่รักเหมือนเดิม”
“เรื่องนั้นเอวาเข้าใจดีค่ะ” เอวาหันไปทางนิค “ความรักมันมีหลายรูปแบบ ถ้าเราไม่ได้แบบนี้ เราอาจจะได้แบบอื่นมาทดแทน ถึงไม่ใช่ แต่มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว บางทีความเป็นพี่น้อง หรือความเป็นเพื่อนมันอาจจะยั่งยืนกว่าด้วยซ้ำไป”
นิคสูดหายใจเต็มปอดเพราะพยายามทำความเข้าใจไปด้วย
“แหม..ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันแห้วแห่งชาติยังไงไม่รู้นะ คนอกหัก3คนถึงต้องมานั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้” นิคเปรยออกมา
ยุทธการหันมาทางนิคด้วยความแปลกใจ
“นายก๊อกหักเหมือนกันเหรอนิค”
“ผมไม่ได้อกหักธรรมดานะพี่ยุทธ อกหักเพราะรักเพื่อนซี้ ดีที่ไหวตัวทันไม่งั้นนอกจากอกหักแล้วยังจะเสียเพื่อนอีกด้วย”
เอวาเอื้อมมือไปโอบไหล่นิคแล้วก็ยิ้มๆ
“แต่แกก็ได้เพื่อนซี้แกกลับมาแล้วนี่” เอวาบอก
นิคตอบกวนๆ “ย่ะ”
ยุทธการหันมามองทั้ง2คนก็เลยเข้าใจ
“ขอบคุณที่เธอสองคนอยู่ตรงนี้กับพี่นะ อย่างน้อยพี่ก็ไม่ใช่คนเดียวบนโลกที่ผิดหวังในความรัก”
ยุทธการโอบไหล่เอวาอีกคน แล้วทั้งสามก็นั่งมองท้องฟ้าร่วมกัน

เมฆ เอวา และนิคมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้ว่าจอมสยามไปไหน เมฆนึกขึ้นได้จึงพูดใส่ไมโครโฟนเพื่อบอกผู้ชม
“เอ่อ ระหว่างรอนักร้องของเรา มาฟังดนตรีบรรเลงจากผมนะครับ”
เมฆหันไปส่งซิกแนลกับเอวาและนิค ดนตรีเพลง “ไม่พูดก็เข้าใจ” ดังขึ้น
ทันใดนั้นเองตะวันฉายก็เดินเข้ามาคว้าไมโครโฟน
“ทุกๆเช้าที่ตื่นมา ฮัมเพลงเดิมซ้ำไปมา เพลงที่แต่งแต่ไม่จบซักทีเธอมาช่วยเติมคำร้องลงไปในท่วงทำนอง จนเกิดเพลงนี้”
เมฆเห็นตะวันฉายก็ถึงกับตกตะลึงไป ส่วนเอวาและนิคก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ฟังเพลงรักมามากมาย ฟังใจความซ้ำเท่าไหร่ ไม่รู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้เธอ รักที่เหมือนไกลสุดไกล ก็แค่เอื้อมมือไปได้ รออยู่เสมอ ไม่พูดอะไรก็เข้าใจกันทุกคำ ไม่เคยต้องถามก็ตอบมาได้ตรงใจ ไม่ต้องเรียกร้องก็ได้รับกับสิ่งที่ดีมากมาย...เข้าใจเมื่อได้รักเธอ”
เมฆยิ้มออกมาอย่างมีความสุขมาก เขาเล่นดนตรีไปจนจบ จอมสยามเดินมาแล้วก็ชะงักเกาหัวแกร่กๆ ด้วยความงง ตะวันฉายร้องจนจบเพลงแล้วก็เดินลงเวทีไปทันที เมฆรีบวางกีต้าร์แล้วเดินตามตะวันฉายไป

ตะวันฉายเดินออกมาที่หน้าผับ เมฆรีบวิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อนคุณ !!!”
ตะวันฉายหันมายิ้มๆ แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“มีอะไรเหรอ”
“รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป อยู่ๆถือวิสาสะมาร้องเพลงผมแล้วก็วิ่งหนีไปดื้อๆเนี่ยนะ”
“ฉันก็แค่แวะมาทักทาย แล้วก็จะไปแล้ว”
เมฆหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“อะไรกัน มาแค่นี้เนี่ยนะ”
“ใช่ ฉันแค่แวะมาแล้วก็จะไปแล้ว”
เมฆรีบปราดเข้ามาคว้ามือทั้งสองข้างของตะวันฉายไว้ทันที
“แต่ผมไม่ให้ไป”
ตะวันฉายแกะมือออก “นี่จะบ้ารึไงห๊ะ ทำอะไรของคุณเดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้คุณก็ไปสิ”
“ต่อให้นายทำมากกว่านี้ฉันก็คงต้องไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นปล่อยฉันเถอะ”
เมฆดึงตะวันฉายเข้ามากอดไว้แน่น
ตะวันฉายอึ้งไปทันที
“อย่าไปไหนได้มั้ยตะวันฉาย รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ที่ผมฟังเพลงของตัวเองที่คุณร้อง ผมรู้สึกยังไง”
“ยังไงเหรอ”
“ผมคิดถึงคุณ จนผมไม่อยากกลั้นมันไว้อีกแล้ว”

ตะวันฉายเงียบอึ้งแต่น้ำตาแทบไหลออกมาก่อนจะผละออกไปจากเมฆ
“แค่ร้องเพลงให้นี่ถึงกับซาบซึ้งขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอก เราได้ร้องเพลงด้วยกันอีกแน่ แต่ตอนนี้คุณกลับไปทำงานเถอะ”
“คุณก็เข้าไปกับผมสิ”
“ไม่ล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันแค่แวะมาทักทาย ฉันยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ เอาไว้มีโอกาสฉันจะไปหาหมอกก็แล้วกัน”
“สัญญานะ”
ตะวันฉายพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกไป
เมฆมองตามตะวันฉายจนลับตาเพราะในใจไม่อยากให้เธอไป ทันใดนั้นเองจอมสยามก็เดินเข้ามาหาเมฆ
“เมฆ ไหนแกบอกฉันซิว่าเมื่อกี้มันเพลงแกใช่มั้ย แล้วทำไมแกเคยร้องให้ฉันฟังเลย”
“เข้าไปข้างในกันเถอะพี่”
เมฆเดินนำจอมสยามเข้าไปในร้าน จอมสยามมองตามเมฆงงๆ
“อะไรของมันวะ ซับซ้อนจริงๆไอ้นี่”

นิคนั่งอ่านสัญญาที่เพิ่งเซ็นกับรุ่นพี่เขานึกย้อนไปถึงตอนที่คุยกับรุ่นพี่
“ผมขออ่านสัญญาให้ละเอียดอีกทีได้มั้ยครับพี่” นิคถาม
“ได้สิ แต่รีบหน่อยนะ เพราะทางโน้นเขารออยู่”
“ครับพี่”
พอนึกถึงตอนที่คุยกับรุ่นพี่นิคก็คิดหนัก เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น นิครีบหยิบโทรศัพท์มาดู
“แม่...”
นิคยังไม่กดรับสาย เขามองโทรศัพท์ก่อนจะมองที่สัญญาแผ่นนั้นก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง

เช้าวันใหม่ เมฆจูงหมอกในชุดนักเรียนเดินลงมาที่ห้องครัว ก่อนจะทำหน้าประหลาดใจเพราะเห็นว่ามีอาหารเช้ามากมายเตรียมพร้อมที่โต๊ะ เมฆสงสัยจึงตะโกนเรียกเก่ง
“เก่ง แกอยู่ไหนเนี่ย”
ไม่มีเสียงตอบจากเก่ง
“บอกว่าไม่ต้องเตรียมไว้ให้ บอกแล้วไม่รู้จักจำนะ” เมฆบ่น
เมฆจะเดินออกไปตามเก่งด้วยอารมณ์โกรธแต่ใครคนหนึ่งมายืนขวางเขาไว้ เมฆมองไปที่ร่างนั้นก็เห็นว่าเป็นตะวันฉายในชุดผู้ชาย
เมฆดีใจสุดๆ หมอกเห็นตะวันฉายก็ดีใจมาก
“พี่ซัน”
หมอกวิ่งเข้ามาหาแล้วกระโดดกอดตะวันฉายด้วยความคิดถึง ตะวันฉายยิ้มอย่างมีความสุข
“คุณหมอกครับ พี่ซันหายใจไม่ออกแล้วครับ”
หมอกค่อยๆคลายอ้อมกอดแล้วกลับไปกินข้าวเช้าต่อ เธอหันไปมองเมฆที่ยืนยิ้มให้
“นายกลับมาจนได้นะ”
“ผมกลับมาเพราะคุณหมอกน่ะครับ”
“จะเพราะอะไร ฉันก็ดีใจที่ได้เห็นหน้านายที่นี่อีกครั้งนะ”
ตะวันฉายยิ้มรับ “ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณอิงฟ้าจะกลับมานะครับ”
“ขอบใจนายมากนะ”
“แล้วคุณอิงฟ้าเธอหายไปไหนล่ะครับหรือว่าคุณสั่งลูกน้องเก็บคุณอิงฟ้าไปแล้ว”
“สั่งเก็บ..นายหมายความว่าไง”
“ก็คุณมัน..มาเฟีย”
“มาเฟียเหรอ”เมฆยิ้มขำ “นายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
ตะวันฉายนิ่งคิด แต่ไม่ขยายความต่อเพราะกลัวเรื่องยุทธการจะถูกเปิดเผย
“เอาเถอะครับ ผมอาจจะคิดมากไปเอง คุณเมฆทานข้าวเช้าเถอะครับ เดี๋ยวคุณหมอกจะไปโรงเรียนสาย”
เมฆยังสงสัยไม่หายแต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความ ตะวันฉายหันไปบริการเมฆกับหมอกตามที่เคยทำมา แต่สายตาของเธอยังแสดงถึงความไม่ไว้วางใจเมฆ

เมฆและตะวันฉายในมาดผู้ชายยืนส่งหมอกอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงเรียน
“พ่อส่งหมอกตรงนี้นะครับ แล้วตอนเย็นเดี๋ยวพ่อมารับนะ”
หมอกรีบจับมือตะวันฉายแน่น
“ตอนเย็นกลับบ้านต้องเจอพี่ซันพี่นะครับ อย่าหนีไปไหนอีกนะ” หมอกบอก
ตะวันฉายนั่งลงกอดหมอกด้วยความรัก
“ครับ พี่ซันจะรอคุณหมอกที่บ้าน คุณหมอกตั้งใจเรียนนะครับ”
“ครับ” หมอกยกมือไหว้ “สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับพี่ซัน”
แล้วหมอกก็วิ่งเข้าตึกเรียนไป เมฆและตะวันฉายมองตามยิ้มๆ

ตะวันฉายเดินเข้ามาในบ้านพร้อมเมฆ ขณะที่เก่งรีบปราดเข้ามาหาตะวันฉายทันที
“เป็นไงบ้างซัน ไม่คิดเลยนะว่าแกจะกลับมาอีก ฉันโคตรดีใจเลย”
เก่งเข้าไปโอบไหล่ตะวันฉาย เมฆรีบดึงแขนเก่งออก
“มากไปๆ คุยเฉยๆไม่ได้รึไง ต้องมาโอบไหล่ โอบคออะไรกันด้วย” เมฆว่า
เก่งผละออกจากเมฆอย่างงงๆ
“อ้าว ปกติก็ทำแบบนี้ตลอดนี่ครับ” เก่งบอก
“ว่าไงนะทำตลอด มีหลังห้ามทำอีก ฉันไม่ชอบให้สนิทสนมกันเกินไป มันดูไม่ดี” เมฆพูด
“ครับๆ ไม่ทำก็ไม่ทำ”

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 11/2 วันที่ 12 ม.ค. 56

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา manager