@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4/4 วันที่ 8 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4/4 วันที่ 8 ม.ค. 56

วาบหวาม พิทยายืนอยู่พอดี รวีพรรณหันไปเห็นก็ผงะ ภูวดลหันไปเห็นพิทยาก็เซ็ง
รวีพรรณ รีบผละออกห่างภูวดลทันควัน

“พิท...”
พิทยาเดินมาตรงหน้ารวีพรรณ ทำเหมือนภูวดลไม่มีตัวตน
“รวีจะไปดูงานที่อเมริกาเหรอ”
รวีพรรณแปลกใจมาก
“พิทรู้ได้ไง”
พิทยาไม่ตอบแต่บอกว่า

“ถ้าผมไม่บังเอิญรู้ รวีคิดจะบอกผมเมื่อไหร่”
“คราวนี้พิทรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าการที่เรารู้เรื่องจากคนอื่นมันรู้สึกยังไง”
พิทยาหน้าชาไปทั้งแทบ ภูวดลมองพิทยาด้วยแววตาสะใจ
พิทยาเสียงอ่อนลง
“รวี ผมไม่อยากให้เราทะเลาะกันแบบนี้เลยนะครับ รวีช่วยฟังผมซักนิดได้มั้ย”
รวีพรรณเงียบเหมือนจะใจอ่อน แต่เสียงมือถือพิทยาดังขึ้น พิทยาหยิบออกมาเห็นชื่อ “สุอาภา” ก็ตัดสินใจไม่รับ หันไปทางรวีพรรณ
“ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ เป็นเรื่องของ เรา”



เสียงโทรศัพท์ก็ยังดังไม่หยุด
“รับโทรศัพท์ก่อนเถอะค่ะ”
พิทยาหยิบมือถือออกมาเห็นชื่อสุอาภาก็ลังเลไปนิดนึง ก่อนจะตัดสินใจกดรับ หันหลังยืนคุยเสียงเบา แต่รวีพรรณมองอย่างรู้ว่าใครโทรมา
“มีอะไร คุณอยู่โรงพยาบาล เดี๋ยวผมไป”

พิทยาหันมา แต่รวีพรรณกับภูวดลหายไปแล้ว พิทยาหัวเสียสุดๆ
พิทยาเดินเข้ามาในโรงพยาบาลท่าทางรีบเร่ง เจอสุอาภาซึ่งแกล้งนั่งหน้าซีดรออยู่แล้ว

“ฉันไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงก็เลยต้องโทร.เรียกนายมากะทันหัน ขอโทษทีนะ นี่นายทำอะไรอยู่รึเปล่า”
“เปล่า...คุณเป็นอะไร”
“ปวดท้อง นายขับรถพาฉันไปส่งบ้านที ฉันขับรถกลับไม่ไหว”
สุอาภาแกล้งกุมท้องทำหน้าเจ็บปวด เขาประคองเธอให้ลุกขึ้นยืน
“เดินไหวมั้ยเนี่ย”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาพาเธอเดินออกไป เธอมองเขาแล้วก็ยิ้มมุมปากที่เขาหลงเชื่อ

พิทยาประคองสุอาภาเข้ามาในบ้าน
“ป้าณี... ป้าณี สงสัยป้าณีไม่อยู่”
บ้านเงียบ สุอาาภาแกล้งปวดท้องขึ้นมาอีก “โอ๊ย!”
พิทยามองเธออย่างเป็นห่วงก็เลยอุ้มสุอาภาขึ้นมา เธอตกใจแล้วพิทยาก็พาเดินออกไป

ภายในห้องนอน พิทยาเอาผ้าห่มให้สุอาภา สุอาภาอึ้งๆ แล้วพิทยาก็มองอย่างเป็นห่วงก่อนจะผละออกมา
“ผมจะลงไปอยู่ข้างล่างจนกว่าจะมีคนกลับมา มีอะไรโทรเรียกก็แล้วกัน”
พิทยาหน้าเศร้ามาก สุอาภาจับแขนพิทยาเอาไว้
“เดี๋ยวพิท! นาย..เออ...คืนดีกับคุณรวีเหรอยัง”
“ยัง รวีกำลังจะหนีผมไปเมืองนอก”
แววตาพิทยาฉายความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด จนสุอาภาตกใจ
“นายเสียใจมากใช่มั้ย”
พิทยาพูดไม่ออก อยู่ดีดี น้ำตาก็รื้นขึ้นมาคลอในเบ้าตา สุอาภาอึ้งที่ได้เห็นน้ำตาของเขา แต่เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา
“คุณนอนพักเถอะ”
พิทพูดจบก็รีบหันหลังเดินออกไปพร้อมกับน้ำตาที่หยดลงมา สุอาภาเห็นน้ำตาหยดนั้นพอดีก็ถึงกับรู้สึกผิดมาก

ในห้องรับแขก พิทยาเดินออกมาเจอนพที่กลับเข้ามาพอดี
“อ้าว...พิท”
พิทยายกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณอา”
“ทำไมอยู่นี่”
“คุณแตปวดท้องมากครับ ผมก็เลยพากลับมา”
นพตกใจถาม
“แล้วเป็นอะไรมากมั้ย”
“คุณแตไปหาหมอแล้วครับ ตอนนี้นอนอยู่”
นพพยักหน้าสบายใจแล้วสังเกตสีหน้าพิทยา
“แล้วเรา...ไม่สบายด้วยรึเปล่า”
พิทยาชะงักไปนิดนึง
“คุณอาครับ เรื่องที่จะไปสู่ขอรวี ผมว่า...ไม่ต้องไปหรอกครับ”
“ทำไม หรือว่าแม่เค้ามาพูดอะไรกับเธอ”
“ไม่ใช่ครับ รวีกำลังจะไปดูงานที่ต่างประเทศ แล้วอีกอย่างผมก็ยังไม่ได้บอกเค้าเรื่องนี้ เพราะว่าเค้าไม่ยอมพูดกับผม”
นพครุ่นคิด
“ถ้างั้นก็ไปซะวันนี้เลย ไม่ต้องสนฤกษ์มันแล้ว”
“อย่าเพิ่งเลยครับคุณอา คุณแตกำลังไม่สบาย ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน”
นพอึ้ง
“ยังมีแก่ใจห่วงคนอื่นอีกนะ”
“คุณแตไม่ใช่คนอื่นนี่ครับ ถ้าไงผมขอตัวกลับก่อน”
พิทยาไหว้นพ นพรับไหว้แล้วพิทยาก็เดินออกไป นพสีหน้าสงสัย

ภายในห้องนอน สุอาภานั่งดูรูปคู่ตัวเองกับพิทยาสมัยประถมแล้วคิดถึงความหลัง พลันเสียงบิดลูกบิดประตูดังขึ้น สุอาภาตกใจ รีบล้มตัวนอน เอารูปไว้ใต้หมอน แล้วหลับตาโดยไม่รู้ว่ามุมกรอบรูปยื่นออกมา
นพเปิดประตูเข้ามาเห็นสุอาภาหลับก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ลูบผมลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเห็นมุมกรอบรูป นพแปลกใจ..ค่อยๆหยิบออกมาดู แล้วก็ชะงักไปที่เห็นว่าเป็นรูปคู่สุอาภากับพิทยาตอนเด็ก นพนิ่งมองสุอาภาอย่างรู้ใจแล้วก็วางรูปไว้ที่ชั้นข้างหัวเตียงก่อนจะเดินออกไป สุอาภาลืมตาขึ้นมา อึ้งไปที่พ่อเห็นรูป

ภายในห้องนอนรพีพรรณ เธอรูดซิปกระเป๋าเดินทางหันไปหยิบพาสปอร์ตกับตั๋วเครื่องบินขึ้นมาดูพลางถอนหายใจ

เวลากลางคืน นพเอาข้าวต้มเข้ามาวางบนโต๊ะ แล้วหันไปทางสุอาภาที่นั่งอยู่บนเตียง
“ไม่เห็นลูกลงไปทานข้าว ป๋าก็เลยเอาข้าวเข้ามาให้ ลุกขึ้นมานั่งทานตรงนี้ไหวมั้ย”
สุอาภานิ่งไปอย่างรู้สึกผิดแล้วลุกเดินมาหานพ
“ป๋าคะ..ความจริง แตไม่ได้เป็นอะไร”
นพเงียบ...มองอย่างรู้อยู่แล้ว สุอาภาอึ้ง
“ป๋ารู้”
“แตเป็นลูกป๋า ป๋ามองปร๊าดเดียวก็รู้แล้วว่าแตคิดอะไร แตแกล้งพิทเค้าทำไม”
“แตไม่ใช่คนเกเรตลอดเวลานะคะป๋า เพียงแต่แตระงับอารมณ์ไม่ได้”
สุอาภายิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งแรงขึ้นแรงขึ้น
“เค้าชอบพูดไม่ดีกับแต เจอหน้าก็เก็กใส่ ไอ้สายตาเย็นชาแบบนั้นน่ะ แตเกลียดนัก ทีแต่ก่อนตอนยังอยู่บ้านเรา เค้าไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตั้งแต่เค้าออกจากบ้าน แล้วไปเป็นแฟนกับแม่รวีพรรณนั่นแหละ เค้าก็เปลี่ยนไป”
“แตแตแต”
นพบีบแขนสุอาภาเบาๆเพื่อให้ใจเย็น
“ป๋าไม่อยากให้แตคิดกับพิทแบบนี้ พิทเป็นคนดี ดีมาก ดีซะจนป๋าไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้หลงเหลืออยู่ เค้าไม่ได้ดีเพราะป๋าหรือเพราะใคร แต่เค้าดีด้วยตัวเอง ป๋าไม่อยากให้แตทำร้ายเค้า เพราะชีวิตทั้งชีวิตของพิทถูกทำร้ายมามากแล้ว โดยเฉพาะจากพ่อบังเกิดเกล้าที่ไม่เคยยอมรับเค้า”
สุอาภาผงะ อึ้งไปเลย เพราะไม่เคยรู้มาก่อน
“ป๋าอยากให้แตไปขอโทษพิท ก่อนที่เรื่องมันจะแย่ลงไปมากกว่านี้ แล้วก็อย่าไปยุ่งกับเค้าอีก แตทำเพื่อป๋าได้มั้ย”

นพพยายามเตือนสติ สุอาภานิ่งงันไปด้วยความสับสน ลังเล
ภายในห้องนอน พิทยานอนก่ายหน้าผากนอนไม่หลับ คิดหนักมาก หันไปหยิบมือถือมากดเปิดดูรูปคู่ตัวเองกับรวีพรรณ

คำพูดของรวีพรรณและสินีนาฎดังขึ้นในความคิด
“บางที..เราอาจจะต้องอยู่กับตัวเองกันซักพัก”
สินีนาฎทำเห็นใจบอก
“ตายจริง ท่าทางครั้งนี้รวีจะโกรธพิทมากจริงๆ พิทที่เป็นแฟนกลับไม่รู้แต่คนที่รู้ดันเป็นคุณภูวดล”
พิทยาลุกขึ้นนั่ง สีหน้ามุ่งมั่นว่าเค้าจะเสียรวีพรรณไปไม่ได้เด็ดขาด

เช้าวันถัดมา คนใช้เปิดประตูเจอพิทยายืนอยู่
“ผมมาหารวี”
“คุณรวีออกไปสนามบินแล้วค่ะ”
พิทยาตกใจ
“เครื่องออกกี่โมง สายการบินอะไร”

บนถนนแถวแอร์พอร์ทลิ้งค์ รถติดยาวในช่วงเวลาเร่งด่วน พิทยาร้อนใจมาก หันไปมองรอบๆ ไม่เห็นทางไป พลางดูเวลาเห็นแปดโมงกว่า เขาร้อนรนมากขึ้นแต่รถก็ไม่ขยับซักที พิทยาหันไปเห็น “แอร์พอร์ทลิ้งค์” พิทยาตัดสินใจ

ภูวดลกับรวีพรรณเดินมาหารมณีกับณรงค์
“เช็กอินเรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นก็เข้าไปเถอะลูก” รมณีบอก
“ครับ”
ภูวดลหันไปมองรวีพรรณ แล้วรวีพรรณกับภูวดลก็ยกมือไหว้รมณีกับณรงค์

พิทยารีบเข้ามาในแอร์พอร์ตลิ้งค์ มาที่ตู้จำหน่ายเหรียญอัตโนมัติ พิทยาจ่ายเงิน ได้เหรียญโดยสาร แล้วก็รีบนำเหรียญเดินเข้าไปด้านในทันที พิทยาสีหน้าร้อนรนกังวลใจ พลางดูเวลา เห็นว่าเก้าโมงกว่า ไม่นานรถไฟมาจอด...พิทยารีบเข้าไปในรถ

รวีพรรณกับภูวดลกำลังเข้าแถวเพื่อเข้าไปด้านใน ภายในรถไฟฟ้า พิทยาแทบจะนั่งไม่ติด ในใจพร่ำบอกว่าขอให้รวีพรรณอย่าเพิ่งไป

ที่สนามบิน พิทยามาถึง รีบวิ่งไปที่ Departures Boards แล้วมองดู เห็นว่าเที่ยวบินที่รวีพรรณเดินทางนั้น เขียนว่า “Gate Closed” พิทยาแทบจะทรุดลงไปกองตรงนั้น สีหน้าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
ภูวดลหยิบตะกร้าใส่มะม่วงขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะหันไปมองจันทร์จำนง

“ไม่มีมะม่วงที่ไหนจะอร่อยเท่ากับสวนของคุณย่าอีกแล้วล่ะครับ งานนี้ผมอ้วนแน่เลย”
จันทร์จำนงมองหลานชายแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู เขาหันไปเห็นมะม่วงอีกตะกร้า
“แล้วอีกตะกร้าของใครครับ”
“คุณพิทยา ย่ากำลังจะให้คนไปส่งให้คุณพิทยาที่ออฟฟิศ”
ภูวดลชะงัก คิดนิดนึงแล้วบอก
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเอาไปให้เอง”
ภูวดลทำเป็นยิ้มจริงใจ ทั้งๆที่คิดร้ายบางอย่าง

ภายในห้องทำงาน พิทยายืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความคิดถึงรวีพรรณ ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น พิทยาหันไปเห็นนพเปิดประตู...เดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษโน๊ตในมือ
“อาโทรไปขอฤกษ์กับพระผู้ใหญ่ที่นับถือมาแล้ว ฤกษ์ดีที่เหมาะกับการสู่ขอคือวันพฤหัสหน้า”
นพยื่นกระดาษไปตรงหน้าพิทยา เขาเงียบ
“สีหน้าไม่ตื่นเต้นยินดีใดใด ทำเอานพแปลกใจ”
“หรือพิทว่ามันช้าเกินไป”
“ไม่ใช่ครับ”
พิทยาอึกอัก กำลังจะพูดก็หันไปเห็นปวีณายืนตรงประตู
“มีคนมาขอพบคุณพิทค่ะ”
นพหันไปมองตามไม่นานก็เห็นภูวดลเดินมา ภูวดลพูดกับปวีณา
“ขอบคุณครับ”
ปวีณาพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป พิทยาอึ้ง นพชะงัก ภูวดลยกมือไหว้นพ นพรับไหว้ตามมารยาท แล้วภูวดลก็เอาตะกร้าใส่มะม่วงเข้ามาวางบนโต๊ะ
“คุณย่าฝากมาให้”
“ฝากขอบคุณคุณนายจันทร์จำนงด้วย”
“ผมจะบอกคุณย่าให้”
ภูวดลทำเป็นนึกได้
“อ้อ เมื่อเช้าผมไปส่งคุณรวีไปทำงานที่อเมริกา บอกไว้เผื่อคุณไม่รู้ ถ้าคุณรวีถึงที่นั่นเมื่อไหร่ เธอจะโทรมาบอกผม คุณไม่ต้องห่วง”
นพชะงัก พิทยานิ่งไปพูดไม่ออก ภูวดลยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะหันไปไหว้นพแล้วเดินออกไป นพหันมาทางพิทยาด้วยความโมโหแทน
“อาว่าไม่ต้องดูฤกษ์มันแล้ว”
นพฉีกกระดาษทิ้งทันที พิทยามองนพด้วยสีหน้าแปลกใจ

เวลาต่อมา คนใช้เดินเข้ามาหารมณีกับณรงค์ที่นั่งทานอาหารกันอยู่
“คุณผู้หญิงคะ คุณนพกับคุณพิทยามาขอพบค่ะ”

รมณีกับณรงค์หันมามองหน้ากันด้วยความอึ้ง และไม่นานใบหน้ารมณีก็เปลี่ยนเป็นร้ายทันที
ภายในห้องรับแขก นพ พิทยานั่งตรงข้ามกับรมณีกับณรงค์

“จะมาสู่ขอยัยรวีเหรอคะ”
นพกับพิทยาผงะ
“คุณนี่เก่งจริงๆ ผมยังไม่ทันพูดอะไรก็รู้แล้ว เลี้ยงลูกกรอกเอาไว้รึเปล่าครับ” นพว่า
รมณีหน้าตึงขึ้นมาทันที
“คุณนพ!”
นพยิ้มๆ
“ผมล้อเล่นน่ะครับ ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียด ทำตัวสบายๆกันดีกว่า เพราะวันนี้ผมถือว่าเป็นวันมงคล”
“มงคลไปคนเดียวเถอะ เพราะสำหรับพวกเรา มันคือวันอัปมงคล”
นพชักสีหน้าไม่พอใจ พิทยาอึ้ง
“ยังไงผมกับคุณรมณีก็ไม่มีวันยกยัยรวีให้”
ณรงค์ปรายตามองพิทยา
“อย่าใจแคบกันนักเลย พวกคุณก็ทราบว่าเด็กเค้ารักกัน”
“เคยรักกัน อย่าให้ฉันต้องพูดอะไรอีกเลยจะเข้าท่ากว่าเพราะมันเกี่ยวพันกับลูกสาวของคุณด้วย”
นพกับพิทยาชะงักและนิ่วหน้า
“มันเกี่ยวอะไรกับยัยแตลูกสาวผม”
“ถามนายพิทยาดูเอาก็แล้วกัน ฉันรังเกียจที่จะพูด ใครทำอะไรไว้ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ”
“ผมบอกกับรวีไปหลายครั้งแล้วว่าผมกับคุณแต...เราไม่ได้มีอะไรกัน”
รมณีสวนขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่ได้มีอะไร แล้วทำไมยัยรวีถึงต้องรีบร้อนไปเมืองนอก แถมยังไม่บอกเธอซักคำ”
พิทยาผงะ...พูดไม่ออก
“ลูกสาวฉันต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับเธอมามากเกินพอแล้ว ยัยรวีเองก็ชักไม่แน่ใจว่าถ้าต้องลงเอยกันไป แล้วจะเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหน ลูกสาวฉันอ่อนต่อโลกมาก คงจะเล่นบทสามคนผัวเมียกับเธอไม่ไหวหรอก!”
นพฉุกกึก พิทยาเองก็ตกใจในคำพูดของรมณี
“หยุดดูถูกลูกสาวผมกับพิทได้แล้ว! ถึงภายนอกยัยแตจะดูแรง แต่แกไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางแน่นอน ยิ่งกับพิท...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ คุณอย่าจับแพะมาชนแกะ หาข้ออ้างในการปฏิเสธไม่ให้พิทแต่งงานกับลูกสาวคุณดีกว่า” นพพูดด้วยความโมโห
พิทยาเครียดมากรู้สึกแย่สุดๆ
“ฉันพูดทุกอย่างตามที่เห็น คุณเองก็ต้องระวังตัวไว้เหมือนกัน เคยได้ยินนิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าใช่มั๊ย ชาวนาใจดีกอดงูเห่าเพราะกลัวมันจะหนาวตาย แต่สุดท้ายมันก็แว้งกลับมากัดชาวนาตายจนได้ สันดานงูพิษ ต่อให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงมันจนเชื่องแค่ไหน มันก็ยังเป็นงูพิษอยู่วันยังค่ำ”
รมณีมองหน้าพิทยา พิทยาได้แต่กำมือแน่นอย่างสุดจะทนได้อีกต่อไป
“เรากลับกันเถอะครับคุณอา”
พิทยามองหน้านพขอร้องให้กลับ รมณีกับณรงค์สะใจ นพฉายแววตาติเตียนไม่พอใจไปยังทั้งคู่
“บางทีการเหยียบคนอื่นให้ต่ำลง ก็ไม่ได้ทำให้คนเหยียบสูงขึ้นเท่าไหร่จริงมั๊ยครับ”
รมณีกับณรงค์ถลึงตาไม่พอใจ พิทยายกมือไหว้รมณีกับณรงค์แล้วก็เดินออกไปกับนพ

ภายในรถ พิทยานั่งหน้าเศร้า เสียใจ ท้อแท้ สิ้นหวัง หันไปมองนอกหน้าต่าง นพมองพิทยาอยากจะปลอบโยนแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะรู้ดีว่าตอนนี้พิทยาบาดเจ็บมาก นพได้แต่เอามือพาดไปบนไหล่ของพิทยา บีบแรงๆอย่างให้กำลังใจ พิทยาน้ำตาแทบร่วง

รถนพจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ภายในรถ..พิทยาหันมาไหว้นพ
“พิท...อย่าเพิ่งท้อแท้ อาจะจัดการเรื่องนี้ให้พิทเอง
“ไม่ครับคุณอา ผมจะไม่นำความเสื่อมเสียมาให้คุณอาอีก ลำพังเค้าย่ำยีผม ผมทนได้ แต่ผมไม่สามารถทนเห็นพวกเค้าย่ำยีคุณอาได้ ผมขอบพระคุณคุณอามากนะครับที่กรุณาทำเพื่อผมมากขนาดนี้”
นพมองพิทยาด้วยความเห็นใจ พูดไม่ออก พิทยาเดินเข้าไปในบ้าน

พิทยาเดินหน้าเศร้าเข้ามาในบ้าน สีหน้าทดท้อกับชีวิต ก่อนจะทรุดลงนั่งนิ่งลงบนโซฟา แววตามีน้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา

นพกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เจอวรรณวดีกับบวรที่เดินออกมาพอดี แตาเมื่อเห็นสีหน้านพก็แปลกใจ
“ป๋าเป็นอะไรคะ”
นพมองหน้าสองคนแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
สองพี่น้องมองหน้านพด้วยความอึ้ง
“ยัยคุณนายรมณีไม่ยอมยกลูกสาวให้พิท”
ทั้งสองคนตกใจมองหน้ากัน
“ทำไมล่ะคะ พิทบกพร่องตรงไหน”
“เค้าใช้ยัยแตเป็นข้ออ้าง คิดว่ามันกับพิทมีอะไรเกินกว่าความเป็นพี่เป็นน้อง”
บวรฟังแล้วก็โมโห
“ใช้อะไรคิดวะ! คิดบ้าๆ คิดทุเรศๆ”
“แล้วพิทเป็นไงบ้างคะป๋า”
“ตั้งแต่ป๋าเลี้ยงพิทมา มีวันนี้แหละที่พิทดูแย่มากที่สุด ป๋าเห็นสภาพพิทแล้วใจมันจะขาด สงสารมันจริงๆ”
ต่ายกับบวรฟังแล้วก็เศร้าตามไปด้วย สุอาภาที่แอบฟังอยู่ได้ยินทุกอย่าง และรู้สึกเป็นห่วงพิทยาขึ้นมาทันที

สุอาภาเดินเข้ามาในบ้านพิทยา เห็นเขานั่งอยู่ในท่าเดิม เธอเจ็บปวดหัวใจและรู้สึกผิดจริงๆ ก่อนจะเดินมาหา
“พิท...”
พิทยาผงะไปเล็กน้อย สุอาภานั่งลงข้างๆพิทยา
“ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณรมณีไม่ยกคุณรวีให้นาย”
“มันไม่ใช่ความผิดคุณ มันผิด...ที่ผมเกิดมาโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ มันผิด..ที่ผมไม่ได้ร่ำได้รวย และที่สำคัญมันผิด...ที่ผมคือนายพิทยา”
“พิท! นายจะดูถูกตัวเองแบบนี้ไม่ได้ นายไม่ผิดที่นายเกิดมาโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ นายไม่ผิดที่นายไม่ได้รวย และนายก็ไม่ผิดที่นายคือพิทยา นายเป็นคนดี..ดีมากที่สุดในโลก คนพวกนั้นตาบอดที่มองไม่เห็นตรงนี้ของนาย นายห้ามสิ้นหวังเด็ดขาด รอให้คุณรวีกลับมาก่อน ฉันจะอธิบายทุกอย่างให้เค้าฟัง ให้เค้าเข้าใจว่านายรักเค้ามากแค่ไหน”
สุอาภาจับมือเขาแล้วบีบแน่นเป็นการปลอบใจ พิทยาบีบมือตอบก่อนจะหันไปมองทางอื่น

สุอาภามองเขาด้วยแววตาที่เจ็บปวด
ไม่นานหลังจากนั้นสุอาภานั่งเหม่ออยู่ในผับ มีพราวพิไลที่นั่งอยู่ข้างๆ คอยยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ผู้ชายที่เดินไปเดินมา พราวพิไลถอนใจเมื่อเห็นหน้าเพื่อน

“นี่ไอ้แต...แกชวนฉันมาเที่ยว หรือชวนฉันมางานศพ หน้าเศร้าอยู่ได้”
สุอาภาหันไปกำลังจะพูด แต่ภูวดลเดินเอาเครื่องดื่มสองแก้วมาให้สุอาภากับพราวพิไล
“สวัสดีคร๊าบ...สาวๆ”
สุอาภาหันไปเห็นภูวดลก็ยิ่งเซ็ง ผิดกับพราวพิไลที่ดี๊ด๊ามาก
“คุณภูวดล!...โลกกลมจังเลยนะคะ บังเอิ๊ญบังเอิญ”
“ผมว่าไม่ใช่เพราะความบังเอิญหรอกครับแต่เป็นเพราะพรหมลิขิตมากกว่า”
ภูวดลส่งสายตาหวาบวามทำเอาพราวพิไลยิ้มชอบใจ สุอาภาลุกขึ้น ภูวดลกับพราวพิไลหันไปมอง
“แต...จะไปไหน”
“ฉันรู้สึกพะอืดพะอม อยากจะอ้วก”
สุอาภาปรายตามอง ภูวดลสุดทน พอสุอาภาจะเดินออกไป เขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้ เธอหันขวับมามองด้วยความตกใจ
“ผมมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณสุอาภา เวลาที่เราเจอกัน คุณถึงพูดจาแดกดันผมทุกครั้ง”
สุอาภาดึงแขนออกจากมือภูวดล
“ใช่...ฉันรังเกียจคุณ! เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง”
พราวพิไลเห็นท่าไม่ดีก็ชักเสียวๆ
ภูวดลยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆพอได้ยินกันสองคน
“แล้วตัวคุณดีกว่าผมซักเท่าไหร่กันเชียว ถ้าผมเป็นชายชั่ว คุณก็เป็นหญิงเลว ผมว่าเราก็เหมาะสมกันดีไม่ใช่เหรอ”
“ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่คนดี 100% แต่ฉันก็ยังมีสำนึก ไม่เหมือนคนบางคนที่หน้าด้านหน้าทน ทำไม่รู้ไม่ชี้ แย่งของของคนอื่นให้มาเป็นของของตัวเอง”
“คุณเองก็ไม่ต่างจากผมหรอก แต่เผอิญว่าผมเป็นคนมีรสนิยม...ก็เลยได้เพชร ส่วนคุณ... ตาต่ำไปหน่อย ก็เลยได้ก้อนดินอย่างไอ้พิทยามา” ภูวดลพูดพลางส่งสายตาเหยียด
สุอาภาโมโหมาก...คว้าแก้วน้ำบนโต๊ะสาดใส่หน้าภูวดลอย่างแรง เขาชะงัก พราวพิไลตกใจ คนแถวนั้นหันมามองภูวดลเป็นตาเดียว ทำให้เขาอับอาย แล้วสุอาภาก็จ้ำเดินออกไป
“ขอโทษนะคะ”
พราวพิไลพูดกับภูวดลก่อนรีบตามเพื่อนออกไป ภูวดลกำมือแน่นด้วยความโมโหโกรธแค้นสุดๆ

พราวพิไลรีบตามสุอาภาออกมา
“ไอ้แต...ทำไมแกต้องรุนแรงกับคุณภูวดลเค้าขนาดนั้นด้วย”
“แกไม่ได้ยินที่เค้าพูดกับฉันเหรอ”
“แล้วเค้าพูดอะไรกับแก”
“โอ๊ย ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก”
พราวพิไลนิ่วหน้าถาม
“แต...แกเป็นอะไรกันแน่! แกถึงมู๊ดดี้ขนาดเนี้ย ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อน เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!”
สุอาภามองหน้าพราวพิไล

พราวพิไลฟังเรื่องราวจากสุอาภาจบลงก็อึ้งมาก
“ป่านนี้คุณพิทไม่ตายไปแล้วเหรอ”
“กะอีแค่ถูกปฏิเสธ ไม่ทำให้พิทตายหรอก”
“นี่แกเป็นห่วงเค้าจริงๆใช่มั้ย”
สุอาภาพยักหน้า พราวพิไลมองเพื่อนสงสัยแล้วก็เลยลองหยั่งเชิง
“แต่จะว่าไป การที่คุณรมณีไม่ยกคุณรวีพรรณให้พิท มันก็เข้าแผนแกเป๊ะ

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4/4 วันที่ 8 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager