@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/4 วันที่ 20 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/4 วันที่ 20 ม.ค. 56

สุอาภาหยิบมือถือมา แล้วก็นึกได้
“โทรศัพท์ดันมาแบตหมดอีก”
สุอาภาเริ่มกลัวและนอยด์ ฟ้าผ่าเปรี้ยง!!อย่างแรง
เธอตกใจมาก แล้วทันใดนั้นกิ่งไม้ขนาดใหญ่ก็ตกลงมาหน้ารถ สุอาภาเห็นก็หน้าตาตื่นตระหนกตกใจสุดขีด
“อ๊าย!”

ความรีบร้อนอย่างลนลานทำให้พิทยาทำกุญแจรถหล่นข้างรถ เขารีบก้มลงหยิบขึ้นมากดรีโมทเปิดรถ ขึ้นไปนั่ง ก่อนจะสตาร์ทและขับรถบึ่งออกไปทันที



บนถนนเปลี่ยว สุอาภากางร่มลงจากรถ เห็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่ทับฝากระโปรงรถก็หน้าเสีย..เธอพยายามจะยกกิ่งไม้ออก แต่ยกไม่ไหวจนลื่นล้มนั่งแปะไปกับพื้น ร่มหลุดมือแถมเธอยังทับร่มพังอีก
“โอ๊ย!”
สุอาภาเปียกฝนไปทั้งตัว พยายามจะลุกแต่ก็เจ็บขา เธอหันไปมองรอบตัวที่มืดสนิท ไม่มีแม้กระทั่งแสงไฟจากบ้านคนก็ยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

พิทยาขับรถมาถึงแยกที่สุอาภาเลี้ยวซ้าย
“คุณแตบอกว่า 10 กิโลจะถึงไซต์งาน ถ้านับจากไซต์งาน ก็น่าจะมาหยุดตรงแยกนี้”
พิทยามองไปรอบๆ หันไปทางซ้าย ทางขวา... ไม่มีรถวิ่งมาซักคัน พิทยาคิด
“หรือว่าคุณแตจะไปผิดทาง”
พิทยาตัดสินใจตรงขึ้นไปซึ่งเป็นทางที่สุอาภาเลี้ยวซ้าย

สุอาภานั่งหน้าเครียดอยู่ในรถ ตัวสั่นเพราะหนาว ฟ้าร้องฟ้าผ่าไม่หยุด สุอาภาหลับตาปี๋ด้วยความกลัว หน้าแย่ ไม่รู้จะทำยังไง
ทันใดนั้นเสียงเคาะกระจกดังปังปังปัง! สุอาภาสะดุ้งเฮือก หันไปเห็นพิทยายืนข้างรถก็ดีใจสุดๆ
“พิท!”
สุอาภารีบเปิดประตูลงจากรถ แล้วโผกอดพิทแน่น พิทเองก็กอดสุอาภาด้วยความโล่งใจที่เห็นว่าสุอาภาไม่เป็นอะไร

พิทยากับสุอาภาต่างตัวเปียกปอนนั่งอยู่ในรถ
“ผมจะลองเช็กดูว่าแถวนี้มีอู่รถรึเปล่า”
พิทยาเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแต่มือถือเปียกไปหมด พิทยาชะงัก เปิดมือถือไม่ติด
“มือถือเปียก เปิดไม่ได้”
สุอาภาเซ็งมาก
“แล้วทีนี้จะทำไง”
“ทิ้งรถคุณไว้ที่นี่ แล้วเรากลับรีสอร์ตกันก่อน”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาถอยรถออกไป

พิทยาขับรถ สุอาภานั่งข้างๆ สีหน้าตื่นกลัวเพราะฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เธอเริ่มหนาวสั่นแต่พยายามอดทน พิทยาเหลือบมองเธอแล้วหันกลับไปมองทางอย่างกังวล … อยู่ดีๆ รถก็เกิดติดหล่ม สุอาภาตาโตด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
พิทยาพยายามเร่งเครื่องแต่ก็ไม่สำเร็จ พิทยาหน้านิ่วหันมามองสุอาภา
“รถน่าจะติดหล่มครับ เดี๋ยวคุณแตเปลี่ยนมาขับแทนผม ผมจะลองลงไปดันดู”
พิทยาเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว สุอาภาเห็นเขาวิ่งฝ่าสายฝนไปท้ายรถก็รีบเปลี่ยนที่นั่งมาตรงที่คนขับแทน
พิทยาพยายามดันรถขึ้นจากหล่มท่ามกลางฝนที่ตกหนัก … เธอเร่งเครื่องขับขึ้นจากหล่ม เหลือบมองกระจกหลังเป็นห่วงเขาที่ตากฝน เธฮพยายามเหยียบคันเร่งแต่รถก็ไม่ขึ้น
พิทยาพยายามออกแรงดันอีกพร้อมๆ กับที่เธอเร่งเครื่องแต่ล้อกลับติดหล่มลึกลงไปอีก … พิทยาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จ หันมองไปรอบๆ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นแสงไฟข้างหน้าลิบๆ พิทยาเพ่งมองอยู่ครู่แล้วตัดสินใจวิ่งกลับเข้ามานั่งในรถ
สุอาภานั่งหน้าเครียด ทั้งกังวลทั้งเซ็ง
“อะไรกันเนี่ย มือถือฉันแบตหมด มือถือนายพัง รถฉันเสีย รถนายยังมาติดหล่มอีก ฝนก็ตกหนัก หนาวก็หนาว ขาเจ็บอีกต่างหาก มันจะมีอะไรอีกมั๊ยเนี่ย เราจะเอายังไงกันต่อดีพิท”
“ผมเห็นแสงไฟข้างหน้าอาจจะเป็นบ้านคนก็ได้ ผมว่าเราทิ้งรถไว้ที่นี่แล้วลองเดินไปดูกันดีกว่าครับ อาจจะพอขอความช่วยเหลือจากเขาได้”
สุอาภามองตามแล้วพยักหน้าตกลงอย่างไม่มีทางเลือก

นพ บวร และต่ายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องรับแขก วรรณวดีกดโทรศัพท์สีหน้าไม่สู้ดี
“ติดต่อไม่ได้ทั้งคู่เลยค่ะ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างกังวล
“ยัยแตโทรมาถามทางไซต์งานที่เขาใหญ่ตั้งแต่ตอนบ่าย ป่านนี้น่าจะถึงแล้วนะ”
“ถึงแล้วก็น่าจะโทรมาบอกนะคะ...หรือจะเกิดอุบัติเหตุ ขานั้นชอบขับรถซิ่งอยู่ด้วยเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง”
วรรณวดีท่าทางร้อนรนจนนพต้องเบรกไว้
“อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นป๋าว่า ยังไงพิทก็ไม่ปล่อยให้แตเป็นอะไรง่ายๆหรอก”
บวรกับวรรรวดีมองหน้านพที่มีสีหน้าเชื่อมั่น

พิทยาประคองสุอาภาที่เจ็บขา เดินทุลักทุเลท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา สุอาภาจะลื่นล้มอีก แต่เขาก็โอบเอวเอาไว้ได้ทัน เธอเริ่มหงุดหงิด
“ฉันว่าเรากลับไปนั่งรอในรถไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ดีหรอกครับ มันอันตราย อาจจะถูกปล้นหรือถูกรถพุ่งเข้ามาชนได้ คุณแตทนหน่อยนะครับ อีกนิดก็ถึงแล้ว”
สุอาภาเห็นสายตาปลอบใจที่พิทยามองมาก็นิ่งไปนิดก็จะพยักหน้ารับ
พิทยากระชับมือที่เอวเพื่อช่วยให้สุอาภาเดินสะดวกขึ้น เธอมองมือพิทยาที่โอบเอวแน่นก็แอบเขินๆ
“ไม่ต้องจับแน่นขนาดนี้ก็ได้”
“ได้ไง เดี๋ยวคุณล้มไป แล้วเกิดเจ็บขาอีกข้างขึ้นมา ผมพาคุณขี่หลังไม่ไหวนะ”
สุอาภาเหวอ
“นี่...นาย”
“รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวโดนฟ้าผ่าล่ะแย่แน่”
สุอาภามองค้อนแบบฝากไว้ก่อน พิทยาแอบอมยิ้มแล้วประคองสุอาภาเดินต่อ เธอมองเสี้ยวหน้าด้านข้างและแววตามุ่งมั่นของพิทยาแล้วแอบลอบยิ้มอย่างตื้นตันใจ … เขาประคองสุเธอเดินฝ่าสายฝนด้วยกันไปตามทาง

พิทยาเปิดประตูเดินเข้ามากับสุอาภา เห็นมีม้าอยู่ข้างใน สุอาภาเหวอมาก หันมาทางพิทยา
“ไหนนายบอกว่าบ้านคนไง!”
พิทยาหน้าเหวอไปด้วย
“ผมก็ไม่รู้”
“แล้วทีนี้จะทำไงล่ะ ฉันเดินต่อไม่ไหวแล้วนะ”
พิทยาหันมองสุอาภาที่ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง
“ผมว่าคืนนี้เรานอนที่นี่กันไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าเราค่อยออกไปหาคนมาช่วย”
“คอกม้าเนี่ยนะ”
“อดทนอยู่ไปก่อนนะคุณแต แค่คืนเดียว”
สุอาภาถอนหายใจด้วยความกลุ้ม แต่ยอมเดินเข้าไปในคอกม้า แล้วฟ้าก็ร้องเปรี้ยง!! อย่างแรง ตามมาด้วยไฟดับพรึ่บ!!
“ว๊าย!”
สุอาภาโผเข้าหาพิทยา เขาโอบเธอเอาไว้ พอเธฮรู้สึกตัวว่ากอดเขาอยู่ก็อายๆ แล้วผละออกห่าง หันมองรอบๆ คอกม้าที่มืดสนิท
“มืดจัง”

พิทยาหันไปมองรอบๆ เห็นโต๊ะไม้เล็กๆเก่าๆวางอยู่ บนนั้นมีตะเกียง ไม้ขีด แล้วก็ผ้าขาวม้าแขวนอยู่ที่ข้างฝา พิทยาจะเดินไป สุอาภาหันมา
“จะไปไหน”
“ผมจะไปจุดตะเกียง”
“ฉันไปด้วย”
สุอาภาเข้ามาควงแขนเขาแน่น พิทยาจับมือเธอปลอบใจ แล้วสองคนก็เดินไปด้วยกัน
พิทยาเอาตะเกียงที่จุดไฟแล้ววางบนพื้น ก่อนจะหันมาเอากองฟางมาวางแผ่ๆ แล้วก็หันไปทางสุอาภา
“นั่งได้แล้ว”
สุอาภานั่งกอดอกหนาวเนื้อตัวหนาวสั่น พิทยาเห็นเลยเดินไปเอาผ้าขาวม้าที่แขวนอยู่ แล้วกลับมานั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอาผ้าขาวม้าคลุ่มไหล่ให้สุอาภา
“เอานี่คลุมตัวไว้ก่อน ตอนดึกๆจะยิ่งหนาว”
“แล้วนายล่ะ”
“ผมไม่เป็นไร”
“แต่นายก็เปียกเหมือนกัน”
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ คุณเอาไปเถอะ”
“งั้นแบ่งกัน”
พิทยาชะงัก สุอาภาแบ่งผ้าครึ่งนึงให้พิทยา สองคนแบ่งผ้าขาวม้ากันคลุมตัวกัน แต่เพราะผ้าผืนเล็ก ทำให้พิทยากับสุอาภาต้องขยับมานั่งติดกัน สองคนเก้อเขินทำหน้ากันไม่ถูก แต่ก็แอบหันไปลอบยิ้มอย่างรู้สึกดี
ผ่านเวลา..ฝนก็ยังไม่หยุด...พิทยาพิงกำแพงหลับตา ส่วนสุอาภาสัปหงก หัวโงนเงนไปมา เขาเอามือจับหัวเธอให้มาซบที่ไหล่ตัวเองทั้งๆที่หลับตา สุอาภาชะงัก เหลือบมองเขาที่ยังหลับตาอยู่ก็แอบยิ้ม แล้วก็ซบไหล่พิทยานอนหลับ … พิทยาแอบลืมตามองเธอแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะหลับตา

เช้าสดใสของวันใหม่ ชาวบ้านเปิดประตูเข้ามาในคอกม้าก็ชะงักเห็นพิทยากับสุอาภานอนซบกันอยู่

ในเวลาต่อมา พิทยากับสุอาภาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดชาวบ้านเดินออกมา ชาวบ้านผัวเมียหันไปมอง
“ขอบคุณมากนะครับที่ให้พวกเรายืมเสื้อผ้า แล้วก็ขอโทษที่เราเข้าไปนอนในคอกม้าโดยพลการด้วย”
“ไม่เป็นไร พวกคุณมาจากไหน” ชาวบ้านชายถาม
“ผมเป็นสถาปนิกของรีสอร์ตที่กำลังต่อเติมทางด้านโน้นน่ะครับ”
ชาวบ้านสองผัวเมียพยักหน้าเข้าใจ
“ส่วนนี่ก็..ภรรยาผมครับ”
สุอาภากับพิทยาหันมายิ้มให้กัน
“แล้วทำไมถึงไปนอนในคอกม้ากันได้ล่ะ” ชาวบ้านหญิงถาม
“เมื่อคืนฝนตกหนักมาก รถผมติดหล่มห่างจากนี้ 2 กิโลได้ครับ เราเลยทิ้งรถไว้แล้วเดินกันมา”
“แล้วมาเจอคอกม้าพอดีซินะ งั้นเดี๋ยวฉันพาไปส่งที่รีสอร์ตละกัน ไปๆ”
พิทยายิ้ม
“ขอบคุณมากครับ”
ชาวบ้านชายเดินออกไปเอารถ พิทยาจะเดินตาม
“เดี๋ยว ถ้ากลับไปที่รีสอร์ต เราจะไปพักกันที่ไหน อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันไปพักรวมกับคนงานน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมเปิดห้องให้คุณแตพักก็ได้”
สุอาภาครุ่นคิด
“แต่ฉันว่าเราไปพักที่อื่นกันดีกว่า”
สุอาภายิ้มกริ่ม พิทยามองหน้าสุอาภาอย่างงงๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ชาวบ้านชายก็เดินมาตาม
“ไปกันได้แล้ว พ่อหนุ่ม ยัยหนู”
สุอาภาเสียงใส “ค่า”
สุอาภาวิ่งไปหาชาวบ้านชาย บอกจุดหมายปลายทางที่จะให้ไปส่ง ชาวบ้านชายพยักหน้าตกลง สุอาภายิ้มตอบ เขาขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย สุอาภาหันมากวักมือเรียก พิทยาก็เดินตามไป

พิทยากับสุอาภานั่งห้อยขาอยู่ท้ายรถกระบะขนหญ้า มีชาวบ้านผู้ชายเป็นคนขับ พิทยากับสุอาภายิ้มให้กัน แล้วมองบรรยากาศสองข้างทางที่มีแต่ต้นไม้และพงหญ้าอย่างรู้สึกดี
จู่ๆ รถของชาวบ้านผู้ชายก็เบรกหลบข้างทางกะทันหัน เพราะมีวัวเดินข้ามถนนตัดหน้า สุอาภาไม่ทันระวังเลยเซไปหอมแก้มพิทยาเต็มๆ ทั้งสองคนทั้งเหวอทั้งเขิน ชาวบ้านชายโผล่หน้าออกมาทางหน้าต่างรถบอก
“โทษทีนะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
พิทยากับสุอาภาผละออกจากกันแล้วตะโกนตอบ
“ครับ / ค่ะ”
พิทยากับสุอาภาตอบพร้อมกันพอดีก็หันมามองหน้ากัน แล้วต่างคนต่างก็มองไปทางอื่นด้วยความเขิน
ชายชาวบ้านขับรถออกไป … สุอาภานั่งนิ่งเอามือข้างหนึ่งเกาะมัดหญ้าไว้แน่น เพราะกลัวเซไปทางพิทยาอีก
พิทยาเห็นท่าทางของสุอาภาก็แอบยิ้ม

รถกระบะขนหญ้าวิ่งมาจอดหน้าบ้าน พิทยากับสุอาภากระโดดลงจากท้ายกระบะแล้วเดินมาหาชาวบ้านผู้ชายที่ยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถ
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไร แล้วเรื่องรถคุณล่ะให้ฉันช่วยมั๊ย”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้คนงานไปดูเอง ขอบคุณพี่มากๆนะครับ”
“งั้นฉันไปล่ะ โชคดีนะพ่อหนุ่ม แม่หนูด้วย”
“ขอบคุณนะคะ”
พิทยากับสุอาภายืนโบกมือส่งชาวบ้านผู้ชายที่ถอยรถออกไป
สุอาภาหันกลับมามองตัวบ้านพักตากอากาศของครอบครัวแล้วอมยิ้มออกมา พิทยาหันกลับมามองตาม
“คิดถึงจัง ไม่ได้มาที่นี่นานมากเลย”
พิทยามองตัวบ้านนิ่ง คิดถึงเรื่องราวในอดีต

นอกบ้านพักตากอากาศหลังนี้ในอดีต ตอนนั้นพิทยา อายุ 12 ขวบ ส่วนสุอาภาแค่ 7 ขวบ บรรยากาศ
โดยรอบร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่หลายชนิด พิทยากำลังเดินมองซ้ายขวาด้วยท่าทางร้อนรน
พิทยาป้องปากตะโกนเรียก
“น้องแต! น้องแต”
พิทยาสีหน้าหนักใจ ก่อนจะชะงักเพราะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก พิทยาพยายามมองหาที่มา แล้วเงยหน้าไปมองข้างบน พิทยาเบิกตากว้างที่เห็นสุอาภานั่งห้อยขากัดชมพู่มะเหมี่ยวอยู่บนกิ่งไม้ มองมาที่พิทยาท่าทางสนุกสนาน
“น้องแต!”
“ว้า เจอซะแล้ว กำลังสนุกเลย”
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น! ลงมาเดี๋ยวนี้เลย”

สุอาภาไม่สนใจ
“พิทมีอะไร ตามหาแตทำไม”
“คุณอาให้พี่มาตาม น้องแตลงมาก่อน มันอันตราย”
สุอาภาหน้างอบอก
“ลงก็ได้ พิทรับด้วยนะ”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/4 วันที่ 20 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager