@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รักต้องอุ้ม ตอนทีี่ 3 วันที่ 18 ส.ค. 57

อ่านละคร รักต้องอุ้ม ตอนทีี่ 3 วันที่ 18 ส.ค. 57

ธัญญาเรศแอบได้ยิน เธอแค้นใจมาก ยิ่งเมื่อเห็นทีม บก.ในนิตยสารยังมีชื่อลันตาอยู่ ก็เอาปากกาขีดฆ่าเสียจนกระดาษขาด จิกตาอย่างไม่ยอมแพ้!

อนุชิตมาเจอลันตาเดินหาซื้อหนังสืออยู่ เขาเข้าไปตื๊อขอคืนดี เมื่อลันตาไม่แยแสก็ใช้กำลังกับเธอ กีรติผ่านมาเจอ เขาเข้าไปช่วยลันตา เธอได้ทีสวมรอยผสมโรงว่ากีรติเป็นคนรัก แต่พอพ้นหน้าอนุชิต ลันตาขอบคุณกีรติที่ช่วยตน กีรติเห็นหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก เขามองลันตาอย่างเสียดายเพราะแอบรักเธอเข้าแล้ว


ความหล่อและเจ้าชู้ของสิปาดันก่อปัญหาอีกจนได้เมื่อวันนี้มาเจอมิ้วขณะเขาอุ้มตาหนูรอลันตาอยู่ มิ้วต่อว่าเขาว่ามีลูกแล้วยังหลอกตน สิปาดันชี้แจงว่านั่นไม่ใช่ลูกตน มิ้วไม่เชื่อ พอดีลันตามาถึง เธอสวมรอยแสดงตัวเป็นเมียสิปาดัน ทั้งกอดทั้งจูบเขาจนสิปาดันตั้งตัวไม่ทัน แต่ได้ผลเพราะมิ้วสะบัดหนีไปอย่างเจ็บใจที่ถูกหลอก

ลันตาสะใจมากกับการเล่นละครของตน แต่สิปาดันกลับวูบวาบ...วูบวาบ... เพราะตนพยายามตัดใจจากลันตาจนเกือบสำเร็จแล้ว การสัมผัสอย่างดูดดื่มครั้งนี้ สะกิดความรู้สึกที่อยู่ก้นบึ้งหัวใจเขาให้ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง และเมื่อยิ่งอยู่ใกล้ชิดกันความรู้สึกนี้ก็งอกงามขึ้นทุกวัน...ทุกวัน

ooooooo

คืนนี้กีรติ คิวและท็อป ไปนั่งดื่มกันในผับ จู่ๆ สิปาดันก็มาหยิบแก้วของเพื่อนไปดื่มหัวเราะขื่นๆ บอกเพื่อนว่าชีวิตชายโสดของตนพังหมดแล้ว เพราะไอ้ลัน... ไอ้ลันคนเดียว เขาเมาจนกีรติต้องพาไปส่งที่คอนโด

ลันตาเพิ่งส่งธัญญาเรศกับแพทกลับ โผล่ดูเห็นรถของสิปาดันจอดอยู่ พลันเธอก็ตกใจเมื่อเห็นชายคนหนึ่งกระชากคอเสื้อสิปาดัน เธอวิ่งลงไปลุยเข้าไปช่วยสิปาดัน แต่พอเห็นคู่กรณีคือกีรติก็อุทาน “ที่รัก” เรียกติดปากที่เขาช่วยเธอวันนั้น สิปาดันแทบหายเมามองทั้งสองพึมพำ “ที่รัก?” แล้วล้มหงายผลึ่ง ลันตากับกีรติต้องช่วยกันรับไว้ แล้วพาเขาขึ้นไปที่ห้อง

ระหว่างลันตาเอาผ้าห่อน้ำแข็งเพื่อประคบให้สิปาดันนั้น กีรติและลันตาต่างพูดกันอย่างเหลือเชื่อว่า ไม่นึกว่าจะได้มาเจอกัน กีรติบอกว่าตนได้ยินสิปาดันพูดถึงเธอมานานแล้ว ลันตาถามว่าเขาพูดว่าอย่างไร

“สิปาบอกว่าคุณแมนเกินกว่าจะเป็นหญิง รักความยุติธรรม แล้วก็...หน้าตาก็งั้นๆ...ไอ้สิปามันพูดผิดนะครับ เพราะความจริงคุณน่ารักมาก...”

“คุณไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้...” ลันตาพูดหน้าตายแล้วถาม “สิปามีเรื่องอะไรหรือถึงได้เมาขนาดนี้”

กีรติมองไปทางตาหนูแทนคำตอบ ลันตาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

รุ่งเช้า สิปาดันตื่นขึ้นมาบ่นงงๆว่ากลับมาได้ไงเนี่ย ลันตาบอกว่าเมื่อคืนเพื่อนเขามาส่ง บอกให้ลุกไปอาบน้ำเดี๋ยวเรามีเรื่องต้องคุยกัน

ปัญหาที่ต้องคุยกันของลันตาคือ ถามเขาว่าตนกับตาหนูทำให้เมมเบอร์เขาหดหายใช่ไหม ถามว่าทำไมไม่หาเป็นตัวเป็นตนเสียที ผู้หญิงดีๆไม่มีถูกใจเลยสักคนหรือ สิปาดันบอกว่ามี แต่พอถามว่าชื่ออะไร เขาไม่บอก พอถูกซักหนักเข้าก็บอกว่าอยู่บนหิ้ง เอื้อมไม่ถึง

ลันตาบอกว่าตนสัญญากับเขาแล้วว่าจะเลี้ยงตาหนูแค่ชั่วคราวจนกว่าจะหาญาติตาหนูเจอ สิปาดันถามว่าแล้วจะเริ่มเมื่อไหร่ ลันตายิ้มอย่างมีในใจแล้วพาเขาไปหน้าร้านอาหารที่เจอกล่องตาหนู ชี้ให้เขาดู สิปาดันมองสำรวจไปรอบๆ เห็นกล้องวงจรปิด เขายิ้มบอกเธอว่า “ฉันจัดการเอง”

จากกล้องวงจรปิด ทั้งสองเห็นว่าคนที่เอากล่องใส่ตาหนูมาวางคือมินที่แต่งตัวชาวเขานั่นเอง

“ดูสภาพแต่งตัว สะพายตะกร้าขายของแบบนี้ ในกรุงเทพฯ ที่ฉันนึกออกมีอยู่ที่เดียว ไป” สิปาดันจะเดินไป ลันตาคว้าแขนไว้ บอกว่าไหนๆก็มาแถวนี้แล้ว สิปาดันเดาได้ถามว่าจะซื้อเมี่ยงคำคุณปุ้ยใช่ไหม

ลันตาบอกให้ซื้อสักสองชุด ตนไม่ได้กินมานานมากแล้ว สิปาดันบอกว่าตั้งแต่ย่ามาลัยกรวดน้ำคว่ำขันกับบ้านตนแบบยกแก๊ง ลันตาระลึกความหลังว่า

“คิดถึงเมื่อก่อนเนอะ ย่ามาลัย ย่านวล ลุงนนท์ แก ฉัน ต้องมาซื้อเมี่ยงคำร้านนี้ทุกเดือนเลย”

สิปาดันถามว่าย่ามาลัยไม่ให้เธอคบตนใช่ไหม เธอทำเสียงอือ เขาถามว่าแล้วทำไมเธอยังคบตนอยู่

“ก็แกเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนที่ฉันรักและไว้ใจที่สุด แกจะไม่มีวันทรยศฉันใช่ไหมเพื่อน” สิปาดันตอบไม่เต็มเสียงว่า

“ฉันจะไม่มีวันทรยศแก...เพื่อน”

ลันตาดีใจมากชวนไปกันเลยตนเลี้ยงเอง แต่ไม่ทันไป คุณย่าก็โทร.เข้ามือถือถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ลันตาปดเนียนๆว่า กำลังเดินอยู่แถวข่วงสิงห์ มาหาของกินอยู่ ถามคุณย่าว่าทำอะไรอยู่ คุณย่าบอกว่ามาซื้อเมี่ยงคำอยู่!

ระหว่างนั้น สิปาดันมองไปรอบๆ เห็นคุณย่ากับป้าอังเข้าเต็มตา รีบสะกิดบอกลันตาว่า ย่าแกมา! พอลันตาเห็นก็ร้องเฮ้ย แล้วบอกคุณย่า “ลันมีธุระด่วนแค่นี้ก่อนนะคะย่า” ลันตาวางสายแล้วรีบดันสิปาดันไป เป็นจังหวะที่คุณย่าหันมาเห็นข้างหลังพอดี คุณย่าจำได้จ้ำอ้าวตามไปไวราวกับวัยรุ่น จนป้าอังงงรีบจ้ำตาม พลางร้องบอกให้รอด้วย...รอด้วย...

ทั้งสองวิ่งหนีคุณย่าสุดชีวิตจนมาถึงร้านดอกไม้ พากันหลบไปแอบหลังเคาน์เตอร์ที่มีดอกไม้วางอยู่เต็ม ทั้งสองซุกตัวลีบ ลันตาพึมพำว่าถ้าย่าจับได้ตนตายแน่เลย สิปาดันกอดคอเธอปลอบเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ทั้งคนจะไม่ให้ย่ามาลัยจับตัวแกได้แน่”

“แมนมาก” ลันตาชื่นชม แต่ไม่ทันสิ้นเสียง สิปาดันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นหนอนตัวหนึ่งร่วงจากดอกไม้ตกที่มือเขา

“หนอน! ว้ากกกก!!!” สิปาดันร้องลั่น ลันตาตกใจกอดเขาไว้แน่น เมื่อเขายังร้องไม่หยุด เธอเลยเอาแก้มอัดปากเขาไว้ เลยเหมือนหอมแก้มกันอยู่ พนักงานในร้านมองกันตาโตย่ามาลัยเดินมาถึงหน้าร้านดอกไม้ มองและผลักประตูเข้ามากวาดตามองหา ลันตาและสิปาดันกอดกันกลมแทบไม่กล้าหายใจอยู่หลังเคาน์เตอร์

ooooooo

เหตุการณ์ในร้านดอกไม้ตึงเครียดมาก พนักงานที่ช่วยสิปาดันกับลันตาก็พลอยตื่นเต้นตึงเครียดไปด้วย เห็นย่ามาลัยเดินเข้ามาก็ทักปากคอสั่น

“สวัสดีค่ะ...ต้องการดอกไม้แบบไหนคะ”

“ฉันขอเดินดูรอบๆ ก่อนค่อยตัดสินใจ” ย่ามาลัยเหมือนจงใจแกล้ง เมื่อพนักงานเดินตามแจก็ถูกสั่ง “ถอยไป!”

ลันตากับสิปาดันกอดกันแน่นด้วยความกลัว เห็นเท้าคุณย่าเดินมาที่หลังเคาน์เตอร์ก็เตรียมรับชะตากรรมกันแล้ว

“มาลัย!” เสียงย่านวล คุณย่าของสิปาดันร้องทัก

“นวล...” ย่ามาลัยอุทานอย่างคิดไม่ถึงว่าจะเจอกัน

“สวัสดีครับ คุณป้ามาลัย พี่อัง” อินทนนท์พ่อของสิปาดันทักขึ้นอีกคน ลันตาทำปากบอกสิปาดันว่าพ่อแกก็มา!

การพบกันของผู้อาวุโสทั้งสี่ มีทั้งความดีใจและเคืองแค้นกับเรื่องในอดีต ป้าอังไม่ต้องการเสวนาด้วย พูดอย่างตัดบัวไม่เหลือใยว่า “บ้านฉันไม่นับญาติกับพวกขี้โกง!” ส่วนย่ามาลัยก็มองย่านวลด้วยสายตาเย็นชา ห่างเหิน แล้วเดินออกไปอย่างไม่อยากเสวนาด้วย

“มาลัย เธอเป็นยังไงบ้าง” ย่านวลตามไปถามอีก

“คิดว่าคนที่โดนเพื่อนเลวๆหลอกลวง จะมีความสุข มากแค่ไหนล่ะ” ย่ามาลัยย้อนถาม

อินทนนท์ที่เป็นคนอารมณ์ดีขี้เล่นพูดตรงและไม่ลดราวาศอกให้ใคร เห็นแม่โดนว่าก็ทนไม่ได้กระแนะกระแหนคืนจนย่านวลต้องปรามให้พอ แล้วพูดกับย่ามาลัยว่าพูดกันดีๆก่อนสิ ย่ามาลัยสวนไปว่าตนไม่จำเป็นต้องนับญาติกับคนเลวๆ อินทนนท์พูดแทรกขึ้นว่า

“คุณป้า...แม่ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่ดินนั่นผมกับแม่จะชดใช้เงินให้ ถ้าคุณป้า...”

“ไม่ต้อง!!” ย่ามาลัยขัดขึ้น

ย่านวลขอโทษย่ามาลัยและขอชดใช้ให้บอกว่าอยากกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

“ไม่มีวันเหมือนเดิมตั้งแต่เธอเอาที่ดินผิดกฎหมายนั่นมาหลอกขายฉัน” ย่ามาลัยพูดอย่างไม่หายเจ็บปวด

“คุณพี่ต้องเสียเรือนโบราณ สมบัติของบ้านเราที่เชียงใหม่ ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นพวกโกงแผ่นดินของชาติก็เพราะ...” ป้าอังโพล่งไปอย่างไม่หายแค้น ย่ามาลัยเบรกป้าอังให้พอได้แล้ว บอกย่านวลว่า

“ระหว่างเรา มันไม่มีวันเหมือนเดิม เราขาดกันตั้งแต่วันที่เธอทำลายความไว้ใจของฉันด้วยความเห็นแก่ได้ของเธอ”

ย่านวลยังอยากคืนดีกับย่ามาลัย อินทนนท์บอกแม่ว่าอย่าพยายามเลย เขาไม่มีทางเผาผีกับบ้านเราแล้ว ย่านวลหยิกลูกชายดุว่าไม่น่าไปพูดอะไรแรงๆกับย่ามาลัยแบบนั้น

“ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละแม่ ไม่งั้นก็ต้องมีคนตายที่นี่” แล้วอินทนนท์ก็ยื่นหน้าไปที่เคาน์เตอร์ สั่ง “ออกมา!”

ที่แท้อินทนนท์รู้ว่าสิปาดันกับลันตาหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์จึงหาเหตุให้ย่ามาลัยออกไปจากร้าน พอเรียกทั้งสองออกมาแล้ว อินทนนท์ถามเข้ม “แกสองคนหนีป้ามาลัยทำไม เอาความจริง!”

ooooooo

แม้ผู้ใหญ่จะหมางใจกัน แต่ลันตาที่โตมาด้วยกันกับสิปาดันสนิทกันจนเหมือนทั้งพี่น้องและเพื่อน เมื่ออินทนนท์กับย่านวลพาทั้งสองไปกินผัดไทย เห็นสองคนยังสนิทและแกล้งกันเหมือนเดิม อินทนนท์มองอย่างเอ็นดู เปรยๆว่า

“รู้จักกันมานานขนาดนี้น่าจะเป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ”

“ไม่มีทาง” ทั้งสองพูดพร้อมกัน ลันตาบอกว่าถึงตนไม่สวยแต่ก็เลือก สิปาดันบอกว่าหล่อขั้นเทพอย่างตนถ้าต้องมีเมียขี้เหร่ปากไม่ดีไม่มีความเป็นผู้หญิงแบบนี้ตนตายเสียดีกว่า เมื่อนั่งคุยกันถึงความรู้สึกดีๆที่มีต่อกันในอดีตแล้ว ทั้งลันตาและสิปาดันต่างก็อยากรู้สาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์สองครอบครัวแตกหักถึงขั้นไม่เผาผีกันแบบนี้ แต่ถามทีไรก็ได้รับคำตอบว่าโตแล้วจะเล่าให้ฟัง จนวันนี้สิปาดันถาม อินทนนท์ก็ยังพูดอย่างนี้อีก

“เล่าไปเถอะ สักวันเด็กสองคนนี้ก็ต้องรู้ แม่แข็งแรงพอที่จะพูดถึงมันแล้ว” ย่านวลบอก อินทนนท์จึงเล่าว่า...

“สิบห้าปีก่อน ย่าเอื้องคำเอาโฉนดที่ดินมาขอร้องให้ย่านวลช่วยขายเพราะจะเอาเงินไปฟื้นฟูไร่ที่ขาดทุน ตอนนั้นไร่ของเรายังเป็นแค่ไร่เล็กๆ ย่านวลก็เลยไปขอให้ป้ามาลัยช่วยหาคนซื้อให้ ย่ามาลัยก็เลยไปขอให้แม่เลี้ยงวิภาช่วยรับซื้อไว้...”

ฝ่ายย่ามาลัยกลับถึงบ้านก็รื้อเอารูปเก่าๆที่ถ่ายกับครอบครัวของย่านวลมาดู ป้าอังเข้ามาเห็นถามว่ายังเก็บรูปเพื่อนทรยศไว้อีกหรือ พูดอย่างเจ็บฝังใจว่า

“คนเลวๆแบบนั้นจะไปเสียดายทำไม คุณพี่อุตส่าห์ช่วยออกหน้าเอาที่ดินไปขายให้ ทั้งที่แม่เลี้ยงวิภาก็เตือนแล้วว่าพี่นวลคบไม่ได้ คุณพี่ก็ยังออกหน้าเอาบ้านเอาชื่อเสียงตัวเองไปค้ำให้เขา แล้วสุดท้ายโฉนดนั่นก็เป็นของปลอม”

“ฉันจะทำอะไรหรือรู้สึกยังไง มันก็เป็นเรื่องของฉัน” ย่ามาลัยหน้าตึง

“คุณพี่! เราโดนฟ้อง เสียชื่อเสียง ต้องย้ายบ้านหนีมาอยู่ที่กรุงเทพฯ แค่นี้ยังไม่ทำให้คุณพี่เข็ดอีกเหรอคะ” ย่ามาลัยพูดเบาๆว่า ออกไป แต่ป้าอังยังติดลม “คุณพี่อาจจะใจอ่อนกับเพื่อนรัก แต่อังขอเตือนว่าเจ็บแล้วต้องจำนะคะคุณพี่”

“พี่บอกให้ออกไป...” ย่ามาลัยเสียงเข้ม ป้าอังรู้ว่าความโกรธของย่ามาลัยกำลังจะพุ่งแล้วเลยถอยไปเงียบๆ ในขณะที่ย่ามาลัยยังดูรูปที่ถ่ายคู่กับย่านวลอย่างเสียดายเพื่อน แต่ก็ถูกเพื่อนทำเจ็บปวดจนเกินกว่าที่จะอภัยได้

ooooooo

ฟังเรื่องราวในอดีตแล้ว สิปาดันถามว่าทำไมย่านวลไม่บอกย่ามาลัยว่าที่ดินนั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้อะไรเลย

ย่านวลบอกว่าตนพยายามอธิบายหลายครั้งแต่ย่ามาลัยไม่เคยฟังไม่พบหน้า แล้วย้ายเข้ากรุงเทพฯเลย อินทนนท์พูดกับลันตาว่า เธอก็รู้ใช่ไหมว่าลองย่ามาลัยไม่ฟังและยิ่งโกรธด้วยก็หัวชนฝา และหลังจากนั้นไม่นานตนก็ขยายไร่จนมีอย่างทุกวันนี้ ยิ่งทำให้ย่ามาลัยเชื่อว่าเป็นเพราะเงินก้อนนั้น

“ย่าได้แต่หวังว่าสักวัน...สักวันที่ย่าจะได้ไถ่โทษให้กับมาลัยได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง หวังว่าจะมีวันนั้น”

“มันต้องมีวันนั้นแน่ครับย่า ผมกับลันตาจะหาทางทำให้เราสองบ้านรักกันเหมือนเดิม” สิปาดันกุมมือย่านวลไว้ ลันตาวางมือตัวเองบนมือสิปาดันอีกต่อหนึ่ง เอ่ยอย่างมุ่งมั่นว่า “สัญญาค่ะ”

ทันใดนั้น ลันตาเห็นหญิงชาวเขาสองคนกำลังเดินขายเครื่องเงินอยู่อีกด้านหนึ่ง เธอบอกสิปาดันให้เอารูปที่ได้จากวงจรปิดมา พอได้รูปก็วิ่งไปหาหญิงชาวเขาสอคนนั้น สิปาดันวิ่งตามไปด้วย อินทนนท์กับย่านวลมองตาม เขาถามแม่ว่า

“ถ้าป้ามาลัยคืนดีกับเราจริงๆ แม่ว่าป้ามาลัยจะยอมยกหนูลันให้ไอ้แสบของเราไหม”

“มันก็ไม่แน่นะ สองคนนี้เขาเป็นคู่กัน แม่กับมาลัยถึงตั้งชื่อว่า สิปาดันกับลันตาไงล่ะ”

อินทนนท์ปรารภว่าจนป่านนี้สิปาดันยังไม่มีท่าทีชอบลันตาเลย ความหวังของเราคงเป็นหมันแน่ แต่ย่านวลยังมีความหวัง บอกอินทนนท์ว่า “อนาคต อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าใจไม่ยอมแพ้จริงไหม”

“ผมเชียร์สุดตัวเลย ขอให้ได้หนูลันเป็นสะใภ้ เถอะ เพี้ยง!”

ย่านวลมองสิปาดันกับลันตาที่วิ่งตามกันไปด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความรัก

ooooooo

มิ้งค์กับพอลช่วยกันดูแลตาหนู ธัญญาเรศนั่งดูที่ห้องรับแขก เธอขอบคุณพอลที่ให้สัมภาษณ์วันก่อน บ่นลันตาว่าไม่น่ารบกวนเขาเลย บอกให้เขากลับไปเสียตนจะช่วยมิ้งค์ดูแลตาหนูเอง

พอลบอกว่าไม่เป็นไรตนยินดี ธัญญาเรศก็ยังพยายามอีกบอกว่าแต่ถ้าคนอื่นรู้จะไม่ดี ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องสองต่อสอง ถูกพอลสวนไปว่าก็อยู่ที่ใจคนจะคิดลบหรือคิดบวก ทั้งสองเชือดเฉือนกันนิ่มๆ จนมิ้งค์รู้สึก ไม่สบายใจ ถามพอลว่าอบขนมปังไว้ใช่ไหม ให้ธัญญาเรศ

อยู่เป็นเพื่อนตนก็ได้ ถ้ามีอะไรจะไปเคาะประตูเรียก แล้วบอกเบาๆว่า “ไปก่อนเถอะคุณ”

พอพอลออกไป มิ้งค์ขอเข้าห้องน้ำ ธัญญาเรศก็เข้าไปอุ้มตาหนู ตาหนูมองหน้าเธอแล้วร้องไห้จ้าจนมิ้งค์รีบออกมารับไปอุ้มโอ๋จนเงียบ ระหว่างนั้น ธัญญาเรศจิกตามองตาหนูอย่างเกลียดชัง

ที่ถนนข้าวสาร...ลันตาถือรูปมินที่ได้จากกล้องวงจรปิดไปถามชาวเขาสองคนที่เดินขายของอยู่ว่ารู้จักคนนี้ไหม ทั้งสองทำท่าไม่สนใจ จนลันตากับสิปาดันต้องใช้เงิน จากแบ็งก์ร้อยจนถึงแบ็งก์พันจึงรีดออกมาได้ว่า คนในรูปชื่อมิน เป็นชาวเขาเผ่ามูเซอดำ เพิ่งกลับบ้านไปเมื่อวานนี้เอง บอกแล้วรีบผละไป

สิปาดันเสียดายไม่ทันได้ถามว่าอยู่ดอยไหน อินทนนท์บอกว่าไม่ยากเดี๋ยวให้ลูกน้องช่วยสืบให้ ส่วนย่านวลถามว่าแล้วตอนนี้เด็กอยู่กับใคร ที่ไหน?

ลันตา สิปาดัน ย่านวลและอินทนนท์กลับมาที่ห้อง ธัญญาเรศที่พยายามจะแย่งอุ้มตาหนูกับมิ้งค์เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทักทายทุกคน บอกลันตาว่ามาดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง อยากคุยแต่ต้องรีบกลับไปทำงาน ทำทีชวนมิ้งค์กลับด้วยกัน พอลขัดขึ้นว่าเดี๋ยวตนไปส่งเอง ธัญญาเรศจึงจำต้องกลับไปก่อน

“มีอะไรรึเปล่ามิ้งค์” ลันตาถามเมื่อเห็นบรรยากาศแปลกๆ มิ้งค์บอกว่าไม่มีอะไรและขอตัวกลับ พอลบอกลันตาว่าไม่ต้องห่วง ตนจะส่งให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย

ส่งมิ้งค์ถึงบ้านแล้ว พอลถามว่าเธอกับธัญญาเรศมีอะไรกันหรือเปล่า มิ้งค์บอกว่าตนเหนื่อยขอไปพักก่อน

ooooooo

ธัญญาเรศกลับถึงคอนโด พบอนุชิตรออยู่ในห้องแล้ว และคอมพิวเตอร์ก็เปิดอยู่

“เซอร์ไพรส์จริงๆ ที่เห็นคุณที่นี่ ฉันขอเดาว่าคุณคงคิดถึงฉันมาก” อนุชิตไม่เล่นด้วยพูดเกือบเป็นตวาดว่า เอาคลิปเสียงมา ถูกธัญญาเรศพูดอย่างเป็นต่อว่า

“ใช้เสียงให้นุ่มนวลหน่อยสิคะ คุณควรรู้นะคะว่าอนาคตของคุณอยู่ในมือของฉัน” ถูกอนุชิตเรียกปราม...ธัญ-ญา-เรศ! เธอยียวนว่า “ชื่นใจจริงๆ ที่ได้ยินคุณเรียกชื่อฉันเต็มยศขนาดนี้ ดีค่ะ...จำไว้ให้แม่นๆด้วยว่า ชื่อนี้สำคัญกับคุณที่สุด ไม่ใช่อรขจีหรือยัยลัน!”

“ผมบอกให้เอาคลิปเสียงมา!”

ถูกธัญญาเรศลอยหน้ากวนประสาทก็สบถ “โธ่เว้ย!!” แล้วเข้าเขย่าตัวเธออย่างแรงก่อนจะเหวี่ยงไปที่โซฟา คว้ากระเป๋าเธอค้นหาโทรศัพท์กดไล่หาแต่ไม่เจอ หันมาบีบแขนตวาดถามว่าอยู่ไหน!!

“อยู่กับคนที่พร้อมจะปล่อยมันเป็นข่าวตลอดเวลา ถ้าฉันเป็นอะไรไป”

“ถ้าผมเป็นข่าว อาก็ไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”

“ฝุ่นผงอย่างฉันเป็นข่าวเดี๋ยวคนก็ลืม แต่พวกเซเลบอย่างคุณ ชื่อเสียงยับเยิน อนาคตก็ย่อยยับ ถ้าคุณไม่อยากให้อนาคตตัวเองดับ ก็ทำตามที่ฉันบอกง่ายๆ...”

อนุชิตถูกกดดัน จ้องหน้าธัญญาเรศทำนองว่าต้องการ อะไร เธอยิ้มเย้ยอย่างคนถือไพ่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง!

ooooooo

ย่านวลหยอกล้อจนตาหนูหัวเราะเอิ้กอ้าก ย่านวลปรารภว่าผิวดี ไม่น่าเชื่อว่าเป็นลูกชาวเขา ดูเป็นลูกครึ่งมากกว่า

“แต่มันมีแค่ทางเดียวที่จะสืบที่มาของตาหนูได้ ลันจะพาตาหนูกลับไปหาครอบครัวที่ถูกต้องให้ได้ค่ะ” ย่านวลเสนอให้แจ้งความ “ลันเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเล็กค่ะคุณย่า อยากจะแน่ใจว่าตัวเล็กจะได้อยู่กับพ่อแม่ที่คิดเลี้ยงดูจริงๆ ไม่ได้คิดจะทำร้าย”

อินทนนท์เสนอให้แจ้งมูลนิธิที่เขาตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็ก เผื่อจะมีคนแจ้งเรื่องตามหาตัวเล็ก เป็นข้อแนะนำที่ทั้งลันตาและสิปาดันมองหน้ากันอย่างสนใจ

แต่เมื่อเธอส่งรูปตาหนูไปให้เจ้าหน้าที่ที่เคยสัมภาษณ์ดู เขาบอกว่ายังไม่มีใครแจ้งความหรือตามหาเด็กที่มีลักษณะเหมือนตัวเล็กเลย อินทนนท์สงสัยว่าหรือพ่อแม่ตั้งใจทิ้งเด็ก ย่านวลถามว่าแล้วจะทำอย่างไรต่อ จะให้ทางมูลนิธิจัดการเรื่องนี้ไหม

“ถ้าทำแบบนั้น ตัวเล็กจะต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์เพื่อพิสูจน์สัญชาติ ลันเป็นห่วงเขา ลันตัดสินใจแล้วค่ะว่าลันจะดูแลตัวเล็กเองจนกว่าจะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงเจอ ลันจะไม่รอเฉยๆ จะตามหาพ่อแม่ของตัวเล็กด้วยอีกทาง ลันช่วยเขาแล้วก็จะช่วยให้ถึงที่สุด”

ทุกคนเงียบกับความมีน้ำใจและแน่วแน่ของลันตา

จู่ๆ ตาหนูก็ร้องไห้โยเย ย่านวลสงสัยจะฉี่ ลันตาเปิดดูเอะใจว่าทำไมเป็นผื่นแดง ย่านวลสงสัยจะแพ้แพมเพิร์สคงต้องมาใช้ผ้าอ้อมแทน ลันตาถามว่าใช้ผ้าอ้อมแบบไหนตนจะได้ไปหามา

ย่านวลเสนอว่าเอาไปให้ย่าเลี้ยงดีกว่า อินทนนท์เห็นด้วย แต่สิปาดันรู้ใจลันตาบอกว่าตนกับลันตาจะเลี้ยงตาหนูเอง ทำให้ลันตาโล่งใจและรู้สึกขอบคุณสิปาดันที่รู้ใจตน

ย่านวลพูดอะไรเบาๆกับอินทนนท์แล้วจึงบอกทั้งสองว่า

“เราสองคนดูแลตาหนูต่อไปก็ได้ แต่ถ้าจะเลี้ยงจริงๆ ต้องเลี้ยงให้เป็น”

ทั้งสองมองหน้าย่านวลยิ้มๆ ทำนองว่าต้องเลี้ยงยังไง

ระหว่างที่ย่านวลพาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ห้างสรรพสินค้านั้น อินทนนท์สังเกตสายตาของสิปาดันที่มองลันตาอ้อนย่านวล เขาเข้าไปถามเบาๆว่าสวยไหม สิปาดันรู้สึกตัวเปลี่ยนสีหน้าแววตาทันที พูดแข็งๆขำๆว่า

“ถ้าไอ้ลันสวย โลกนี้ไม่มีใครขี้เหร่อีกแล้วล่ะพ่อ”

“แกนี่มันโง่ มีคนดีๆอยู่ใกล้ตัวดันตาถั่วมองไม่เห็น” อินทนนท์เดินไปหาย่านวลอย่างหงุดหงิด สิปาดันก้มพูดกับตาหนูที่อุ้มอยู่ว่า

“ยอมตาถั่ว...ดีกว่าเยอะ จริงไหม” แล้วมองไปทางลันตาด้วยความรู้สึกหนักใจ

ooooooo

หลังจากไปหาธัญญาเรศเมื่อคืนแล้ว รุ่งเช้าที่บอร์ดติดข่าวของออฟฟิศ ก็มีพนักงานไปยืนอออ่านประกาศกัน มิ้งค์เดินเข้าไปถามว่ามีอะไรหรือทำไมมายืนออกันแบบนี้

พนักงานไม่ทันตอบ อนุชิตก็พูดแทรกขึ้นว่า “ทุกคนคงเห็นประกาศแล้วว่าคนที่จะมารับตำแหน่งบรรณาธิการคือคุณธัญญาเรศ”

ธัญญาเรศเดินหน้าเชิดเข้ามามองทุกคนอย่างผยอง พูดอย่างวางอำนาจว่า

“ขอบคุณค่ะคุณนุ ญ่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตอนนี้เราต้องรีบทำฉบับครบรอบสามปี ต้องรันงานทั้งหมดให้เร็วที่สุด อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่ห้องประชุม ขอให้ทุกคนมาพร้อมกับไอเดีย แล้วพี่จะอธิบายแผนงานให้ฟัง”

“นุ!” รัชนีเรียกเสียงเข้ม อนุชิตหันไป รู้ว่ารัชนีไม่พอใจ รีบชี้แจงว่า เราต้องรีบทำฉบับครบรอบสามปีต้องหาคนมารันงานทั้งหมด รัชนีนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหันไปทางธัญญาเรศ “ฉบับครบรอบสามปีของเรา พี่อยากให้เน้นเรื่องความเก่งของผู้หญิงในหลายบทบาท ญ่าช่วยจัดการให้พี่ด้วย”

อ่านละคร รักต้องอุ้ม ตอนทีี่ 3 วันที่ 18 ส.ค. 57

ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม บทประพันธ์โดย เพชรไพลิน
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม บทโทรทัศน์โดย เบญจธารา
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม แนวละคร รักโรแมนติก คอเมดี้ตลกเบาสมอง
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม ผลิตโดย บ.เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม ผู้จัดละครโดย คุณนกจริยา แอนโฟเน
ละคร รักต้องอุ้ม ออกอากาศทุกวันศุกร์-เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น.ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ