@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รักต้องอุ้ม ตอนทีี่ 1 วันที่ 13 ส.ค. 57

อ่านละคร รักต้องอุ้ม ตอนทีี่ 1 วันที่ 13 ส.ค. 57

ลันตากับแพท ไปเจอธัญญาเรศที่มุมกาแฟ ลันตาถามธัญญาเรศอย่างไม่สบายใจว่าเข้าใจตนใช่ไหม ธัญญาเรศบอกว่าตนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลันตาต้องไม่ยอม แพทถามว่าแล้วทำทำไม

“ก็การตลาดมันบี้ฉันน่ะสิ จะลงแอดของลูกค้าให้ได้ เถียงจนเหนื่อย ก็เลยต้องใช้วิธีนี้ โทษทีนะเพื่อน”

ฟังธัญญาเรศแล้วลันตากับแพทยิ้มออก ลันตาติงว่าน่าจะบอกกันก่อนตนจะได้ซอฟต์ๆกว่านี้ นี่จัดซะเต็มเลย ธัญญาเรศบอกว่าถ้ารู้ก็ไม่เนียนสิ แล้วยกมือขึ้น ลันตากับแพทยกมือตีกันสามคนร้อง “Fighting! Yes!”


ธัญญาเรศถามว่าลันตาจะแก้งานเสร็จกี่โมง

“อีกสักชั่วโมง เพราะไฮไลต์ในคอลัมน์มันเปลี่ยน” ธัญญาเรศเร่งให้เร็วหน่อยแล้วกันเดี๋ยวจะไม่ทันแล้วเดินไป

“ท่าน บก.” แพทแซวลันตา ถูกเธอปรามว่าอย่าเรียกมั่วซั่วเดี๋ยวญ่าได้ยิน “แกเชื่อแพทผู้หยั่งรู้สิ ว่าวันนี้ชีวิตแกกำลังจะเปลี่ยน อิจฉาว่ะ ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วยังมีม่ายหนุ่มสุดฮอตอย่างคุณอนุชิตมาป้วนเปี้ยน นางสาวลันตาอยากมีสุข จะได้สุขสมใจ ไม่หยุดแค่อยากกกก... อีกแล้ว”

ลันตาด่าไอ้บ้า แต่ถามแววตาวิบวับว่า แกคิดงั้นจริงหรือ? แพทกระแทกเสียง เออ! ทำเป็นไม่สนใจ จริงๆ แล้วก็หวัง พูดแล้วมองลันตาที่เขินอย่างขำๆ

พอแก้งานเสร็จ ลันตาเอาไปส่งธัญญาเรศ ถามว่าพี่นีอยู่ที่ห้องใช่ไหม ธัญญาเรศพยักหน้า พลันก็มีเสียงข้อความเข้ามือถือของธัญญาเรศ เธอกดดูยิ้มนิดๆแล้วเรียกลันตาบอกว่า

“ไอ้ลัน คุณอนุชิตเรียกแกไปพบแน่ะ” ลันตาถามว่าเรื่องอะไรรู้ไหม “คงอยากให้กำลังใจแกก่อนพบพี่นีมั้ง อีกหน่อยฉันคงต้องเรียกคุณลันตา ภรรยาผู้บริหารใช่ไหม”

ลันตาบ่นว่านี่ก็อีกคนเดี๋ยวตนได้โดนสาวๆตึกนี้ดักตบกันพอดี

“คนอย่างแกคงยืนให้เขาตบหรอกนะ” แพทพูดขำๆ

ธัญญาเรศมองตาม ยิ้มนิ่งๆเนียนๆไม่มีวี่แววคิดร้ายใดๆ

ooooooo

ลันตาไปหาอนุชิตที่ห้องตามที่ธัญญาเรศบอก เธอผลักประตูเข้าไปเห็นเก้าอี้พนักสูงของอนุชิตหันหลังให้และอนุชิตยืนอยู่ข้างเก้าอี้

“คุณนุคะ” ลันตาเรียกยิ้มนิดๆ แต่พออนุชิตหันมองเขาหน้าเจื่อนตกใจถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ ลันตาบอกงงๆว่า“ก็ญ่าบอกว่าคุณเรียกลันมาพบก่อนจะไปพบกับพี่นี...” เห็นเขาอึกอัก เธอพูดต่อ “นุคะ...ลันขอบคุณนะคะสำหรับสิ่งดีๆที่คุณให้ลันตลอดมา ส่วนเรื่องคำตอบของลันที่คุณเคยขอ ลันคิดว่าลันมีคำตอบแล้วนะคะ”

อนุชิตมองลันตาท่าทางกระวนกระวายใจ บอกเธอว่าตอนนี้ตนมีแขกให้เธอออกไปก่อน ลันตากวาดตามองไม่เห็นมีใคร ถามว่า “ใครเหรอคะ?”

“เมียเขาน่ะสิ!” เสียงเข้มของอรขจีพร้อมกับหมุนเก้าอี้ของอนุชิตที่นั่งอยู่หันมาเผชิญหน้า ลันตาตะลึงอึ้ง ถูกอรขจีโจมตีทันที “ออดอ้อนกับผัวคนอื่น นังหน้าด้าน นังแมวขโมย!”

ลันตาชี้แจงว่าอนุชิตบอกตนว่าเมียเขาตายแล้ว อรขจีด่าไฟแลบ “อีบ้า คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอ!”

ที่หน้าห้องอนุชิต รัชนีเดินมากับสุวิภา รัชนีบอกสุวิภาว่าตอนนี้ตำแหน่ง บก.บห.ว่างอยู่ก็เลยดูวุ่นวาย

ไปหน่อยสุวิภาบอกว่าเรื่องนี้เธอตัดสินใจเลยก็ได้ รัชนีอยากให้เธอร่วมรับทราบในตำแหน่งสำคัญนี้ด้วย

“แล้วคนไหนที่ชื่อลันตา” สุวิภาถาม พลันก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันในห้องอนุชิต ทั้งสองหันมอง สุวิภาถามว่า “คนนี้หรือชื่อลันตา” รัชนีทำหน้าไม่ถูกกับความจริงที่ปรากฏตรงหน้าสุวิภา

ooooooo

ภายในห้อง อนุชิตพยายามจะหย่าศึก แต่ลมเพชรหึงกระพือจนอรขจีไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ด่าลันตาว่านังสะตอ ไม่รู้เลยหรือว่าเขามีเมียแล้ว

เป็นจังหวะที่เล็กคนรับใช้ของอรขจีหอบสะตอมาให้มัดใหญ่ อรขจีคว้าสะตอฟาดลันตาไม่ยั้ง ลันตาพยายามหลบ จนถูกอรขจีต้อนไปจนมุม แพทเห็นดังนั้นพุ่งเข้าล็อกตัวอรขจีจากด้านหลัง อรขจีแผดเสียงกรี๊ด

หาว่ารุมตน เรียกเล็กให้มาช่วย เสียงเอะอะโวยวายตบตีกันชุลมุน

อนุชิตบอกให้ลันตาหนีไปก่อน ลันตายืนนิ่ง อนุชิตร้องเตือน “ไปสิลัน!”

“ไม่ไป ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อย ทุกคนฟังไว้นะ ผู้ชายคนนี้บอกฉันว่าเมียเขาตาย เขาขอให้ฉันพิจารณาเขา เขาบอกว่าเขารักฉัน ทั้งที่มีเมียเป็นตัวเป็นตนอยู่ เขานี่แหละที่ทั้งปลิ้นปล้อน สะตอตัวพ่อของจริง!” ลันตาแฉด้วยความแค้นแล้วเอามัดสะตอฟาดเขา อรขจีเข้าช่วยอนุชิตกันลันตาและประกาศไล่เธอออก แพทก็เร่งเพื่อนให้ออกไปก่อน

“ฉันไม่ไป!” ลันตาตะโกนแล้วประกาศก้อง “ฉันผิดแค่เรื่องเดียวที่ฉันไม่รู้ ถ้าฉันหนีเท่ากับฉันรับผิดว่าอยากแย่งสามีเขา แต่ฉันไม่ได้แย่งฉันต้องอยู่!”

“ฉันไม่คิดเลยนะว่าจะมีเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ในออฟฟิศของเรา” สุวิภาพูดแทรกขึ้น ทุกคนหยุดชะงัก เงียบกริบสุวิภามองลันตาถาม “เธอมีอะไรจะแก้ตัวไหม”

“ดิฉันไม่จำเป็นต้องแก้ตัวค่ะ เพราะดิฉันไม่ผิด! เรื่องนี้ดิฉันเป็นผู้เสียหายโดนคุณอนุชิตหลอก ดิฉันโง่แต่ไม่โรคจิตคิดแย่งสามีชาวบ้าน” ลันตายืนยันมั่นใจ

“โอเค ฉันรับทราบว่าเธอไม่รอบคอบและปล่อยให้ตัวเองเสียหายด้วยการเชื่อคำพูดง่ายๆของผู้ชายคนหนึ่ง” สุวิภาหันไปถามรัชนีว่า “พนักงานคนนี้เหรอที่คุณจะฝากนิตยสารของเราให้เขาดูแล หนังสือของเราเปรียบไปก็คือผู้หญิงฉลาดที่สามารถดูแลทั้งงานและชีวิตได้สวยงาม”

“แต่ชีวิตคนก็สามารถผิดพลาดได้นะคะ” รัชนีติง

“แล้วคุณคิดว่าทุกคนในที่นี้ได้เห็นความประพฤติกับอีคิวในการรับสถานการณ์ของเขาแล้ว มีลูกน้องคนไหนที่อยากมีหัวหน้าสติแตกแบบนี้ไหม ที่นี่ต้องการคนทำงาน ไม่ใช่ตัวปัญหา”

“ดิฉันขอลาออกค่ะ” ลันตาประกาศต่อหน้าสุวิภาและรัชนี “ดิฉันไม่ได้ลาออกเพราะว่าดิฉันผิด แต่ดิฉันไม่ต้องการเป็นปัญหาให้กับหัวหน้าที่ดีอย่างคุณรัชนี ลันลานะคะพี่นี” ลันตาไหว้ลาทั้งสองแล้วจะเดินออกไป

อนุชิตดึงลันตาไว้บอกว่าเธอไม่ต้องลาออก ตนจะดูแลเธอเอง ถูกลันตาตอกหน้าว่า

“เก็บความแมนไว้ดูแลเมียเถอะ แล้วฟังให้ชัดๆ ฉันยอมออกดีกว่าต้องทนหายใจร่วมออฟฟิศเดียวกับผู้ชายห่วยๆอย่างคุณ” อรขจีด่าว่าเธอแอ๊บน่าสงสารทุเรศ ลันตามองขวับพูดอย่างสมเพช “ฉันยอมแพ้ คุณอรเหมาะกับอนุชิตจริงๆ ผู้ชายสารเลวกับผู้หญิงจิตแตก สมกันเหมือนผีเน่ากับโลงผุ”

อรขจีคว้ากระดาษบนโต๊ะปาใส่ลันตาจนปลิวว่อนไปทั้งห้อง ลันตาเดินคอแข็งออกไปอย่างหยิ่งในศักดิ์ศรีแพทรีบตามไป อรขจีตามไปอย่างเดือดดาล

ลันตากับแพทขึ้นรถขับออกไป อรขจีพุ่งตามแต่ถูกอนุชิตคว้าตัวไว้เลยได้แต่โวยวายมองตามรถของลันตาไป

ooooooo

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ...สิปาดัน นักบินโคไพลอตวัย 26 หล่อ เท่ ยิ้มเสน่ห์ละลายใจสาวที่สำคัญกะล่อนขั้นเทพ!

สิปาดันลงจากรถที่รับนักบินและลูกเรือมายังอาคาร เพียงเข้าประตูมา ก็เจอบรรดาแอร์โฮสเตสจากสายการบินอื่นหลายคนยืนรีรอเหมือนรอแฟนคลับอยู่

กิ๊ฟที่ยืนอยู่ในกลุ่มแอร์โฮสเตสกรี๊ดกร๊าดอย่างพยายามรักษากิริยา พอสิปาดันเดินผ่าน กิ๊ฟตามไปเรียก พอเขาหันมอง เธอเอาผ้าเช็ดหน้าใส่มือเขาบอกว่า “พี่ทำหล่นไว้ค่ะ”

จังหวะที่วางผ้าเช็ดหน้าในมือเขา เธอใช้นิ้วก้อยเขี่ยที่ฝ่ามือยิ้มยั่ว สิปาดันผู้มีประสบการณ์โชกโชน มองอย่างเข้าใจ และเมื่อเขาดูผ้าเช็ดหน้าในมือก็เห็นกระดาษเล็กๆเขียนเบอร์มือถือไว้ สิปาดันยิ้มนิดๆเหมือนตอบรับ ดังนั้นเมื่อเพื่อนมาชวนคืนนี้ไปแฮงก์กัน เขาตอบอย่างมีเลศนัยว่า

“สงสัยคืนนี้ไม่ว่างว่ะ” เห็นเพื่อนมองผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างรู้ทัน ก็แก้เกี้ยวว่า “เฮ้ย...พูดให้ถูกคือ ฉันไม่อยากทำให้น้องๆเขาผิดหวังต่างหาก” พูดแล้วหลิ่วตาแบบ ก็คนมันหล่อน่ะ ช่วยไม่ได้

ooooooo

คืนนี้ ลันตากับแพท ไปเขวี้ยงจานระบายความ เครียดกันที่ร้านอาหารเก๋เซอร์ ลันตาเขวี้ยงทีก็แผดเสียงทีอย่างสะใจ แพทเทน้ำให้ดื่มถามว่าดีขึ้นไหม ลันตาทำเสียงอือในลำคอแต่ตายังจิกแค้น

“แกแน่ใจแล้วเหรอ นี่มันงานที่แกรัก แล้วยังโอกาสดีๆที่พี่นีให้แกอีก แกทิ้งทุกอย่างแบบนี้ ไม่เสียดายเหรอลัน”

“ถ้าเรามีความสามารถ โอกาสมันต้องมาอีก” ลันตายิ้มเข้ม “แพท...มันเกิดเรื่องขนาดนี้แล้ว แกคิดว่าฉันจะทำงานที่บริษัทโดยไม่แคร์สายตาอยากรู้อยากเห็นของคนในออฟฟิศได้เหรอ” แพทเห็นด้วยว่าพวกแส่รู้ในออฟฟิศมีมาก ลันตาตัดบทว่า “ฉันก็เลยจบทุกอย่างก่อนจะต้องเจอเรื่องบ้าๆพวกนั้นไง”

แพทบ่นเสียดายแทน แต่ลันตากลับเชื่อว่าตนต้องออกจากที่นี่เพื่อจะเจอสิ่งที่ดีกว่าแน่นอน แพทเป็นห่วงว่าเธอเพิ่งถอยรถมาจะเอาที่ไหนผ่อน

“เดี๋ยวมันก็มีทางน่า อย่างน้อยสามเดือนที่พี่นีจ่ายให้ก็ต่อลมหายใจได้อีกสักพักล่ะน่า”

แพทกังวลว่าถ้าคุณย่ามาลัยของเธอรู้มีหวังอนุชิตตายแน่ ลันตาสวนทันทีว่าตนนั่นแหละจะตายก่อน ถ้าคุณย่ารู้ว่าตนโดนผู้ชายหลอกแล้วยังตกงานอีก คนบ้านนั้น ฆ่าได้หยามไม่ได้ กำชับแพทว่าเรื่องนี้ต้องเหยียบให้มิด ไม่งั้น...ลันตาไม่ทันพูดต่อเสียงมือถือเธอดังขึ้น พอเห็นโชว์หน้าจอว่า “คุณย่า” ทั้งลันตาและแพทก็ทำหน้าสยอง

คุณย่ามาลัยผู้เข้มงวดเคร่งครัดและมีวินัยเหล็ก โทร.มาถามว่านี่กี่โมงแล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน บอกแล้วใช่ไหมว่าหกโมงต้องถึงบ้าน ดักคอดุๆว่า หนีเที่ยวอีกแล้วใช่ไหม ลันตาบอกว่าเปล่า คุณย่าสั่งเข้มทันที...

“กลับบ้านเดี๋ยวนี้! แกเป็นผู้หญิงกลับดึกๆดื่นๆ มันมีแต่อันตราย ถ้ามีพวกมิจฉาชีพเล่นงาน แกสู้พวกมันได้รึไง กลับบ้าน!”

ลันตาบอกว่าพอดีตนมีเรื่องนิดหน่อย คุณย่าถามรัวว่า ไปก่อเรื่องอะไรกับใครที่ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้ ลันตาจำต้องปดว่าเรื่องสัมภาษณ์ คนที่นัดสัมภาษณ์เขาติดธุระเลยมาช้า ตนต้องรอคุยกับเขาก่อน ทำงานเสร็จจะรีบกลับทันที พูดแล้วรีบวางสายก่อนที่จะถูกคุณย่าซักไซ้ พอวางสาย แพทพูดอย่างเชื่อเลยว่า

“คุณย่ามหาประลัยของแก แรง เล่นใหญ่ ไล่ทันทุกเม็ด สุดยอด! นึกถึงตอนปี 1 ฉันพาแกหนีเที่ยวแล้วโดนจับได้”

แพททำหน้าสยองเมื่อนึกถึงวันนั้น...วันที่ทั้งสองคนอยู่ในวัย 18 ถูกคุณย่าสั่งให้ยืนดึงหูอยู่กลางสะพานลอยฐานหนีเที่ยว มือดึงหูปากก็พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า “วันหลังจะไม่หนีเที่ยวแล้วค่ะ...วันหลังจะไม่หนีเที่ยวแล้วค่ะ...” ผู้คนที่เดินผ่านไปมาพากันมองยิ้มขำๆ แพทบอกลันตาว่าตนอายถามว่าหนีได้ไหม ลันตาบอกว่าขืนหนีมีหวังต้องยืนถึงกลางคืน อายกว่านี้แน่

คิดถึงตอนนั้นแล้วทั้งสองยังสยองไม่หาย พลันมือถือของแพทดังขึ้น เธอดูแล้วกดตัด ครู่เดียวก็ดังขึ้นอีก เธอกดตัดอีก ลันตาถามว่าใครโทร.มา พอรู้ว่าแพทยังมีงานที่ต้องส่งคืนนี้ ลันตาบอกเพื่อนรักว่าตนโอเคแล้วให้กลับไปทำงานเสีย แพทบอกไม่เป็นไร เพราะตนยังมีเวลาถึงพรุ่งนี้หกโมงเช้า

ลันตาทำเสียงเข้มว่า “แต่งานที่ได้จะไม่ดีถ้าไม่ให้เวลากับมัน”

“ใจเย็นไอ้ลัน ฉันรู้ว่าแกมันเจ้าแม่รับผิดชอบ ซีเรียสกับจริยธรรมคุณธรรมทุกแขนง แต่แกเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนจะไม่ทิ้งเพื่อน เข้าใจไหม”

“ขอบใจมากแพท แต่แกอย่าให้ฉันเป็นต้นเหตุให้แกเสียงานเลย เชื่อสิ...ลันตาซะอย่าง รับไหวทุกเรื่อง”

เสียงมือถือดังขึ้นอีก แพทมองแล้วกดรับ เป็นสายจากธัญญาเรศ โทร.มาบอกว่าตนคงมาไม่ได้แล้วเพราะยังเคลียร์เรื่องถ่ายแบบพรุ่งนี้ไม่ได้ แพทถามว่าถ่ายแบบมันเกี่ยวอะไรกับเธอ ธัญญาเรศบอกว่าไม่มีคนทำ พี่นีเลยให้ตนทำ บอกแพทว่า

“ฉันเป็นห่วงไอ้ลัน แกดูแลมันดีๆนะ”

“ไม่ต้องห่วง แค่นี้นะ” วางสายแล้ว แพทบอกลันตา ไอ้ญ่ามันห่วง เห็นลันตายิ้มอย่างพยายามเข้มแข็งก็บอกเพื่อนรักว่า “แกจะร้องไห้ก็ได้นะ”

“แกไปเหอะ ฉันไม่เป็นไร ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะโทร.หา โอเคไหม”

เสียงโทรศัพท์ยังโทร.ตามไม่เลิก จนแพททำหน้าหนักใจ จำต้องบอกลันตาว่าตนกลับก่อนมีอะไรให้โทร.หาแล้วกัน ลันตาพยักหน้า พอแพทลุกไปเธอก็รินน้ำดื่มอั้กๆๆ ข่มความเครียด

ooooooo

ลันตานั่งอยู่อีกพักหนึ่งจึงเดินออกมาที่รถป้ายแดงของตัวเองเพื่อจะกลับบ้าน แล้วเธอก็เจอเหตุระทึกขวัญเมื่อ รปภ.เห็นกล่องวางอยู่ที่ล้อรถหลังด้านซ้าย

รปภ.ทำท่าตกอกตกใจว่าอาจเป็นระเบิด ตื่นตระหนกกันเกินเหตุจนลันตารำคาญจะลงไปดูก็ถูกสั่งอย่าขยับเดี๋ยวกระเทือนอาจทำให้ระเบิดได้

ลันตาจำต้องนั่งไม่กล้าขยับ พอดีคุณย่าโทร.เข้ามาอีก เธอต้องหยิบมือถืออย่างเบาที่สุดขยับเขยื้อนน้อยที่สุด พอกดรับได้ยินเสียงเหี้ยมของคุณย่ามาตามสายว่า

“นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วทำไมแกยังมาไม่ถึงอีก ถ้าห้าทุ่มไม่ถึงบ้านแกเตรียมไปยืนกางหูได้เลย!” ลันตาพูดเบาๆว่าให้คุณย่าใจเย็นๆ “มีอะไร...ย่าถามว่ามีอะไร” เสียงคุณย่าเข้มขึ้นทุกที เธอบอกว่าไม่มีอะไรตนจะรีบกลับ แล้วบอก รปภ.ให้ช่วยที ตนจะต้องรีบกลับบ้าน จะแจ้งความก็ได้

รปภ.เพ่งไปที่กล่อง พลันก็ร้องลั่นว่ากล่องขยับได้! ลันตารำคาญตัดสินใจตายเป็นตายลงจากรถไปเปิดกล่องดู เธอตะลึงพรึงเพริด เมื่อเห็นเด็กทารกเพศชายวัย 5 เดือนนอนลืมตาแป๋วอยู่ในกล่อง เธออุ้มทารกน้อยขึ้นกอดแนบอก รปภ.เดินมาดูบอกว่าแบบนี้ถูกทิ้งแน่เลย เสนอให้ไปแจ้งความ แล้วพาเด็กส่งคืนแม่ถ้าไม่เจอแม่ก็ส่งบ้านเด็กกำพร้า

ลันตาทั้งสงสารและหลงรักทารกหมดหัวใจ บอก รปภ.ว่าเดี๋ยวตนจะเอาเด็กไปแจ้งความเอง แย่งทารกจาก รปภ.เอาขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย ระหว่างขับรถไป เธอบอกทารกที่นอนอยู่เบาะข้างๆว่า...

“พี่จะพาหนูไปอยู่บ้านนะ ไม่ต้องกลัวนะหนู ย่าของพี่ใจดี...” พูดไม่ทันขาดคำคุณย่าก็โทร.เข้ามาด้วยเฟซไทม์ เธอกดรับด้วยสมอลทอล์ก ถูกคุณย่าซักไซ้

ตามเคย ลันตาบอกว่าตนอยู่ในรถคนเดียวแต่ต้องไปเอาของที่บ้านแพท บอกว่าแบตจะหมด แล้วกดตัดสาย พอตัดสาย ทารกก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา ลันตามองอย่างโล่งใจชมว่า “ฉลาดมากลูก ร้องได้จังหวะพอดี”

ลันตาจอดรถข้างทาง คุยกับทารกน้อยว่า “ตาหนู...พี่พาหนูกลับบ้านไม่ได้แล้ว ถ้าพาหนูกลับไปคุณย่าต้องเล่นงานพี่ แล้วต้องบังคับให้พี่เอาหนูไปแจ้งความแน่ๆ เอายังไงดี...” ลันตาคิดหนัก

ลันตาตัดสินใจบ่ายหน้าไปที่คอนโดของสิปาดัน อุ้มตาหนูขึ้นไปถึงชั้น 10 หิ้วทั้งถุงขวดนม ถุงผ้าอ้อม ถุงนมพะรุงพะรัง เธอสอดมือไปหลังแผ่นป้ายเลขห้อง หยิบกุญแจที่ซ่อนไว้ไขเข้าไป แล้วปิดประตูปึง!

พอวางตาหนูที่เตียง เสียงมือถือก็ดังขึ้น เป็นสายจากมิ้งค์ รุ่นน้องที่เคยมาฝึกงานกับลันตาและเข้ากันได้ดีจนกลายเป็นเพื่อนกัน มิ้งค์ถามว่าเธออยู่ไหน ตนถูกใช้ให้เอาเสื้อผ้าถ่ายแบบคิวที่แล้วมาคืนและเพิ่งรู้เรื่องของเธอ

“ตอนนี้ยังคุยยาวไม่ได้ แต่พี่มีเรื่องให้มิ้งค์ช่วยด่วนมาก” แล้วลันตาก็รีบบอกเรื่องที่จะให้มิ้งค์ช่วย

ooooooo

ที่ซุปเปอร์มาร์เกต พอล เชฟลูกครึ่งไทย–อังกฤษวัย 23 ปี กำลังเดินคุยโทรศัพท์...ทางร้านโทร.มาบอกว่าลูกค้าสั่งเค้กและตอนนี้ขาดลูกพีช เขาบอกว่าเดี๋ยวจะซื้อเข้าไป สั่งเตรียมของให้พร้อมก็แล้วกันอีกสิบนาทีไปถึง

พอลเดินหาจนเจอชั้นวางลูกพีชเชื่อมในขวดแก้ว แต่มันเหลืออยู่เพียงขวดเดียว เขาเอื้อมมือไปหยิบเจอมือมิ้งค์เอื้อมมือหยิบพร้อมกัน พอลหันมองมิ้งค์บอกว่าตนหยิบก่อน มิ้งค์บอกว่าตนหยิบก่อนบอกให้เขาปล่อยมือด้วย

เกิดโต้เถียงกันว่าใครหยิบพีชขวดนี้ก่อนกัน มิ้งค์ไม่ยอมปล่อยอ้างว่าตนมีเหตุผลที่ควรจะได้มัน

“ถ้าทุกคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง สังคมคงมีแต่คนเห็นแก่ตัว คุณยังเรียนมหาวิทยาลัย อยู่ปีไหนครับ”

“ปีสี่ คุณถามทำไม” มิ้งค์ตอบงงๆ แต่มือยังจับขวดพีชไว้แน่น ถูกพอลดูแคลนว่าจะเป็นบัณฑิตที่แปลว่าผู้มีความรู้อยู่แล้วแต่คงสะกดคำว่าบัณฑิตไม่ถูกด้วยซ้ำ มิ้งค์โกรธจี๊ดเหวี่ยงมือลงอย่างลืมตัว พอลเสียจังหวะทำขวดพีชตกแตกทันที ทั้งมิ้งค์และพอลมองหน้ากันอึ้ง พนักงานเดินมาถามว่าสินค้าชิ้นนี้เป็นของท่านไหน?

อ่านละคร รักต้องอุ้ม ตอนทีี่ 1 วันที่ 13 ส.ค. 57

ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม บทประพันธ์โดย เพชรไพลิน
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม บทโทรทัศน์โดย เบญจธารา
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม แนวละคร รักโรแมนติก คอเมดี้ตลกเบาสมอง
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม ผลิตโดย บ.เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง รักต้องอุ้ม ผู้จัดละครโดย คุณนกจริยา แอนโฟเน
ละคร รักต้องอุ้ม ออกอากาศทุกวันศุกร์-เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น.ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ