@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 4 ธ.ค. 55

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 4 ธ.ค. 55

“คุณท่านไม่เคยโกรธคุณ ท่านบอกว่าคุณเป็นลูกที่ดีของท่านเสมอ”
ลาภิณยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
ชูจิตมองลาภิณด้วยสีหน้าเสียใจ “แม่ต่างหากที่ทำอะไรไม่คิด จนต้นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ท่านต่างหากที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน” เจติยาพูดให้ลาภิณฟัง
“ไม่จริงเลยครับ ผมมันเหมือนเด็กไม่รู้จักโต เอาแต่โกรธแม่ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง โกรธทั้งๆ ที่ผมรู้อยู่แก่ใจว่าคุณแม่รักผมมากที่สุด” ลาภิณน้ำตารื้นขึ้นมา “กว่าจะสำนึกได้ มันก็สายเกินไปแล้ว”
ชูจิตยิ้มบางๆ แล้วพูดทั้งน้ำตาคลอ “ไม่มีคำว่าสายหรอกต้น แม่ให้อภัยต้นเสมอ แล้วแม่ก็ไม่ได้ไปไหน วิญญาณแม่จะอยู่ดูแลต้นตลอดไป”

เจติยาเงียบที่ได้ยินแบบนั้น เธอมีสีหน้าไม่สบายใจเพราะไม่เห็นด้วย
“คุณแม่ว่าอะไรเหรอเจ”
เจติยาเลือกพูดแค่บางส่วน “คุณท่านบอกว่าไม่มีคำว่าสาย ท่านให้อภัยคุณเสมอ”
ชูจิตมองมาที่เจติยาทำนองว่าทำไม่พูดให้หมด



“คุณท่านไม่ควรทำแบบนั้น” เจติยาเอ่ยขึ้น
ลาภิณลุกขึ้นยืนซักเจติยาทันที “คุณแม่พูดอะไรอีกเจ”
เจติยาเลือกที่จะพูดอย่างอื่น “คุณท่านบอกว่ารักคุณมากที่สุดค่ะ”
ลาภิณหันมองไปทางชูจิตแล้วก็น้ำตาคลอ “ผมก็รักแม่มากที่สุดครับ”
ชูจิตมองลาภิณแล้วก็น้ำตาท่วมตา ลาภิณยืนนิ่ง เหมือนมีลมอ่อนๆ พัดใส่ตัว เขารู้สึกอบอุ่นประหลาดจนน้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมา
ลาภิณงง “เกิดอะไรขึ้นเหรอเจ”
เจติยาน้ำตาคลอ “คุณท่านกอดคุณอยู่ค่ะ”
ลาภิณน้ำตาไหลซึมออกมา เจติยาเห็นวิญญาณชูจิตกำลังสวมกอดลาภิณที่ยืนนิ่ง ชูจิตร้องไห้ ก่อนที่เธอจะถอยออกห่างลาภิณแล้วมองหน้าเจติยา
“คงได้เวลาที่ฉันต้องไปแล้วใช่มั้ย” ชูจิตถาม
เจติยาพยักหน้ารับ
ชูจิตหันไปพูดกับเจติยาแบบน้ำตาท่วม “ขอบใจเธอมากนะเจ ฉันเป็นหนี้บุญคุณเธอจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว”
เจติยาน้ำตาคลอ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณท่าน อย่าคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณให้ต้องติดค้างกันอีกเลยนะคะ”
ลาภิณมองเจติยางงๆ ว่าพูดเรื่องอะไรกัน ทันใดนั้นก็เกิดลำแสงสว่างจ้าส่องลงมาที่ชูจิต ชูจิตเงยหน้ามองไปตามลำแสง
“ลาก่อนหนูเจ”
เจติยาบอกลาภิณ “คุณท่านกำลังจะไปแล้วค่ะ”
ลาภิณน้ำตารื้น “ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วนะครับแม่ ผมจะดูแลบริษัทของเราอย่างดีที่สุด ผมจะไม่ทำตัวให้วิญญาณพ่อกับแม่ต้องผิดหวังอีกแล้ว”
ชูจิตยิ้มดีใจจนน้ำตาคลอ แทนที่วิญญาณชูจิตจะจางหายไป แต่ลำแสงสว่างจ้ากลับดับวูบหายไปส่วนวิญญาณชูจิตยังคงอยู่
ทั้งชูจิตและเจติยาต่างก็งง
เจติยาตกใจมาก “คุณท่าน”
ลาภิณประหลาดใจ “มีอะไรเหรอเจ”
เจติยาทำหน้าตางุนงง

เจติยาและทวีกำลังคุยกันที่สวนหย่อมของบริษัท
ทวีแปลกใจมาก “ทำไมวิญญาณคุณชูจิตถึงยังอยู่ล่ะ”
“เจก็งงค่ะลุง ที่ผ่านมาไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย พอเจทำตามคำขอสำเร็จ วิญญาณก็จะไป”
“หรือว่างานที่คุณท่านขอให้เจช่วยยังไม่สำเร็จ”
เจติยาคิดตาม “คุณท่านขอให้เจช่วยคุณลาภิณ ตอนนี้คุณพิสัยก็ถูกจับแล้ว ก็น่าจะหมดห่วงได้แล้วนี่คะ”
ทวีคิดทบทวน “เป็นไปได้มั้ยว่าคุณต้นยังไม่ปลอดภัย คุณท่านเลยมีห่วง ไม่ยอมไปไหน ทั้งที่เจก็ทำตามคำขอไปแล้ว”
เจติยาหันไปมองหน้าทวีด้วยความติดใจสงสัย

เจติยาพูดหน้าเครียด “แต่มันก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้วนี่คะลุง หรือว่ายังมีศัตรูคนอื่นอีก” เจติยาฉุกคิด “ใช่นายปราณรึเปล่าคะ”
“ไม่น่าใช่ ปราณต้องการแค่กล่องรากบุญเท่านั้น ถ้าคุณต้นไม่ไปขวาง ทางเค้า เค้าก็ไม่ทำอะไรหรอก”
เจติยาแปลกใจ “ทำไมลุงถึงได้แน่ใจนักล่ะค่ะ เรายังไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นดีพอ”
ทวีหน้าเครียดขึ้นมา “ลุงว่าลุงเคยเจอนายปราณคนนี้มาแล้วนะ”
เจติยานึกไม่ถึง “จริงเหรอคะ ลุงเจอเค้าที่ไหนคะ”
“นานมากแล้ว ลุงพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่ แต่มันเหมือนความจำเรื่องนายคนนี้จะขาดๆ หายๆ”
เจติยาสนใจมาก “จะใช่คนเดียวกันเหรอคะ”
“ลุงก็ไม่แน่ใจนักหรอก แต่จากลักษณะที่เจเล่าให้ลุงฟัง เหมือนกันมาก” ทวีมีสีหน้าเครียดขึ้นมา “แต่ถ้าเป็นคนเดียวกัน ก็เป็นไปได้ว่าปราณอาจจะไม่ใช่คน”
เจติยาตกใจมาก “ไม่ใช่คน แล้วเค้าจะเป็นอะไรล่ะคะ เค้าไม่เหมือนกับพวกวิญญาณที่เจเคยเจอนะคะลุง”
“นี่แหละที่ลุงก็ยังไม่เข้าใจ บางที...”
ทันใดนั้นโอ้เอ้ก็วิ่งเข้ามาหาขัดจังหวะการสนทนา
“ลุง” โอ้เอ้เรียก
ทั้งสองคนหันไปมอง
“หายมาอยู่นี่เอง มีศพเข้ามาครับลุง”
“เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ” ทวีรีบเดินตามโอ้เอ้ไป
เจติยาถอนใจออกมาด้วยสีหน้าเครียดๆ ก่อนจะเดินตามทวีไป ทันทีที่เจติยาเดินไป ปราณก็มายืนมองตามทวีไปด้วยสีหน้าขึงขังไม่พอใจ

เจติยาสะพายเป้กลับเข้ามาในห้องนอนโดยที่มีสีหน้าใช้ความคิดตลอดเวลา พอเข้ามา เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นกล่องรากบุญวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม
เจติยาถอนใจ “ตื้อจริงๆ กลับมาจนได้” เจติยาเดินมาเท้าสะเอวมองกล่องรากบุญ “ตกลงชีวิตนี้เราจะไม่มีทางพรากจากกันจริงๆ ใช่มั้ย”
พูดจบกล่องรากบุญก็เปล่งแสงออกมา เจติยาตกใจจึงถอยห่างออกไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ปรากฏ “เหรียญดาวทุกข์” ขึ้น 2 เหรียญพร้อมๆ กัน
“ได้สองเหรียญจริงๆ ด้วย”
เจติยาหยิบเหรียญทั้งสองอันขึ้นมาดูก่อนจะวางซ้อนทับกัน ทันทีที่เหรียญทั้งสองถูกวางประกบกันก็เกิดเงาน้ำรูปหน้าของปราณลอยออกมาจากเหรียญ เจติยาตกใจจึงโยนเหรียญทิ้งทำให้เหรียญลอยไปติดข้างกล่องตามตำแหน่งของมัน
เจติยายังคงมีสีหน้าตกใจไม่หาย เธอพยายามตั้งสติและมีความหวังว่าถ้าตีปริศนาเรื่องปราณให้แตก อาจจะช่วยหยุดการทำงานของกล่องรากบุญได้

ทวีและ โอ้เอ้กำลังช่วยกันทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งศพ
ทวีทำงานไปพูดไปแบบยิ้มๆ “ทำไมวันนี้ขยันนักล่ะเจ้าโอ้เอ้ ทุกทีเห็นมาสายกลับก่อน วันนี้ออกเวรเป็นชั่วโมงแล้วยังอยู่ช่วยงานลุงอีก”
โอ้เอ้พูดหน้านิ่งๆ เสียงขรึม “ผมมีงานค้างต้องทำอีกเยอะ”
“งานอะไรของแกวะไอ้โอ้เอ้”
โอ้เอ้ยิ้มมุมปาก “จัดการพวกปากมาก”
ทวีงง “แกไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ”
โอ้เอ้ยิ้มแปลกๆ “ลุงว่าคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น พยายามบอกความลับของคนอื่น สมควรโดนเล่นงานยังไง”
ทวีมองหน้าโอ้เอ้อย่างงงๆ
ทันใดนั้น โอ้เอ้ก็กลายร่างเป็นปราณ
ทวีตกใจและกลัวสุดๆ “แก”
ปราณยิ้มอำมหิตพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ทวีเหมือนตะครุบเหยื่อ

ทวีวิ่งหนีออกมาแบบไม่คิดชีวิตจนมาเจอกับเจติยาที่เดินสะพายเป้สวนมาตามทางเดินในบริษัท
ทวีกลัวสุดๆ “หนูเจช่วยลุงด้วย”
เจติยาตกใจ “เกิดอะไรขึ้นคะลุง”
ทวีเหนื่อยหอบ “ปราณจะฆ่าลุง”
เจติยาตกใจมาก “มันอยู่ไหนคะ” เจติยาโมโห “เจจะจัดการกับมันเอง”
“ห้องแต่งศพ”
เจติยารีบเดินนำไปพอเลี้ยวมุมตึกก็เจอทวีอีก เจติยาตกใจมากที่เกิดภาพซ้ำแบบนี้
ทวีกลัวสุดๆ “หนูเจช่วยลุงด้วย”
เจติยางงมากจึงมองไปด้านหลังก็ไม่เห็นทวีอยู่ที่เดิมแล้ว พอเจติยาหันกลับมาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวและร้องลั่นเมื่อพบว่าทวีที่ยืนอยู่ตรงหน้าอยู่ในสภาพซีดเผือดเหมือนศพ คอหักพับลงมาก่อนจะล้มลงใส่เจติยา เจติยากรีดร้องสนั่น

เช้าวันใหม่ เจติยานั่งเล่าความฝันให้นิษฐาฟังในรถของนิษฐาที่มาจอดรับหน้าบ้าน
นิษฐาไม่สบายใจตาม “ฝันร้ายกลายเป็นดีนะแก”
“ฉันไม่สบายใจเลยฐา โทรหาลุงก็ไม่รับเลย” เจติยาบอก
“นอนอยู่มั้ง แกเข้าเวรดึกไม่ใช่เหรอ”
เจติยาพยักหน้ารับ
“ถ้าแกไม่สบายใจ ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนฉันก็ได้นะ”
“งั้นแวะไปส่งฉันที่บริษัทก่อนได้มั้ย”
นิษฐายื่นมือไปตบตักเจติยาเบาๆ ก่อนจะออกรถ

เจติยาเดินเข้ามาในบริษัทด้วยความไม่สบายใจพอเข้ามาก็เห็นโอ้เอ้กำลังจับกลุ่มคุยกับพนักงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
โอ้เอ้หันไปเห็นเจติยา “พี่เจ” โอ้เอ้รีบเดินไปหาด้วยน้ำตารื้น “พี่รู้ข่าวลุงรึยัง”
เจติยาใจหายวูบแล้วถามเสียงสั่นด้วยความกลัว “เกิดอะไรขึ้นกับลุงเหรอโอ้เอ้” เจติยามีสีหน้ากลัวคำตอบ
“ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันพี่ ผมมาถึงก็เจอลุงแกนอนสลบอยู่ที่พื้นห้อง ผมก็เลยรีบโทรเรียกรถพยาบาล”
เจติยาร้อนใจจึงรีบซัก “แล้วตอนแกเข้ามาเจอ ลุงยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย”
โอ้เอ้น้ำตาท่วมขึ้นมา “ผมไม่แน่ใจนะพี่ เค้าปั๊มหัวใจลุงแล้วพาขึ้นรถพยาบาลไปเลย” โอ้เอ้ยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาก่อนที่มันจะไหลออกมา
ลาภิณเดินหน้าเครียดเข้าล็อบบี้มา เจติยา โอ้เอ้ และพนักงาน รีบกรูไปหาลาภิณเพื่อฟังความคืบหน้าอาการของทวีด้วยความเป็นห่วง
เจติยาซักทันที “ลุงทวีเป็นไงบ้างคะ”
ลาภิณหน้าเครียด “ลุงหัวใจวายกระทันหัน แต่หมอปั๊มหัวใจขึ้นมาได้” ลาภิณเงียบไปอึดใจ
ทุกคนโล่งอกพอจะยิ้มออก
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะต้องแต่งหน้าให้ลุงวีซะแล้ว” โอ้เอ้ยิ้มออก
“ปากเหรอแก” เจติยาฟาดโอ้เอ้ฉาดใหญ่
ลาภิณหน้าขรึม “แต่ช่วงที่หัวใจหยุดเต้นไป สมองลุงทวีขาดอ็อกซิเจน ตอนนี้อาการยังโคม่าอยู่”
ทุกคนอึ้งกันไปด้วยความเศร้าทันทีที่ได้ยินข่าวร้าย เจติยาหน้าเครียดขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าที่ทวีเจ็บครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ทวีนอนป่วยเป็นเจ้าชายนิทราอยู่บนเตียงโดยมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเต็มไปหมด วิญญาณของทวีซ้อนขึ้นมาในร่างและพยายามจะออกจากร่างแต่ก็ไม่สำเร็จ
ทวีอ้อนวอน “ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไป”
ทันใดนั้นปราณก็ก้มหน้าลงมามองทวีด้วยสีหน้าสาแก่ใจ
ปราณยิ้มหยัน “จะให้ฉันปล่อยแก เพื่อให้วิญญาณแกไปบอกความลับของฉันน่ะเหรอะ ฉันไม่โง่หรอก” ปราณขำเยือกเย็นก่อนจะยืดตัวขึ้น
ทวีขยับตัวไม่ได้จึงได้แต่กรอกตามองปราณ
ปราณจ้องทวีด้วยสายตาอำมหิต “วิญญาณแกจะถูกขังอยู่ในร่างนี้ตายก็ไม่ตาย เป็นก็ไม่เป็น รอดูความหายนะของเจติยาไปอย่างทุกข์ทรมาน” ปราณหัวเราะด้วยความสะใจ
วิญญาณทวีพยายามจะออกจากร่างจึงดิ้นรนสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่เป็นผล วิญญาณที่ซ้อนขึ้นมาค่อยๆ กลับเข้าไปในร่างได้แต่ปล่อยให้ร่างนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่แบบนั้น

ลาภิณขับรถมาส่งเจติยาที่หน้าบ้าน เจติยามีท่าทีเซื่องซึมเพราะไม่สบายใจเรื่องทวี
ลาภิณสังเกตสีหน้าเจติยา “ยังไม่สบายใจเรื่องลุงทวีอยู่เหรอ”
เจติยาพยักหน้ารับอย่างเครียดๆ “ค่ะ ยิ่งไปเห็นสภาพลุงเป็นเจ้าชายนิทราแบบนั้นแล้ว เจก็ยิ่งรู้สึกผิด ถ้าเจไม่ดื้อคิดจะทำลายกล่องรากบุญ แต่ยอมส่งต่อให้คนอื่นแบบที่คุณพ่อคุณทำ ลุงก็คงไม่ต้องมารับเคราะห์แบบนี้”
“แต่ถ้ากล่องตกไปอยู่ในมือน้าพิสัย จะมีคนต้องเดือดร้อนมากกว่านี้อีกเยอะเลยนะ ฉันเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอนะเจ”
เจติยาชำเลืองมองหน้าลาภิณ
“อย่าโทษตัวเองอีกเลย ถ้าจะมีคนผิด ก็คือกล่องรากบุญนั่นแหละ ไม่ใช่เธอหรอก” ลาภิณมองหน้าเจติยา แล้วยิ้มให้กำลังใจ
เจติยาและลาภิณสบตากันด้วยความรู้สึกเข้าใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงตบกระจกหน้าต่างรถดังขึ้น เจติยาสะดุ้งโหยงพอหันไปมองพบว่าคนตบกระจกคือนทีที่กำลังยิ้มแป้นให้ เจติยาเปิดประตูกระแทกออกไป
“มีอะไร”
นทียิ้มทะเล้น “ขอโทษที่ขัดจังหวะ กำลังจะหอมแก้มกันรึเปล่า”
เจติยาเขิน “ทะลึ่งใหญ่แล้วนะนที”
ลาภิณอมยิ้ม
“ออกไปทานข้าวกันมั้ยครับคุณต้น ผมเพิ่งสอบเสร็จ อยากคลายเครียด” นทีชวน
ลาภิณรีบรับข้อเสนอทันที “ก็ดีเหมือนกันนะ เจก็กำลังเครียด ไปหาอะไรทานอร่อยๆ ผ่อนคลายมั่งก็ดีนะ”
“เจอยู่เป็นเพื่อนแม่ดีกว่าค่ะ”
“แม่ไม่อยู่บ้านหรอกพี่เจ วันนี้วันเกิดเจ้าของตลาด เค้ามีงานเลี้ยงกัน” นทีเบ้หน้า “ผมไม่อยากกินข้าวฝีมือพี่เจ”
“ฉันก็ไม่อยากทำให้แกกินหรอกย่ะ” เจติยาค้อนใส่น้องชาย
ลาภิณรีบตัดบท “ขึ้นรถสินที ชักช้าทำไมอยู่ล่ะ” ลาภิณขยิบตาให้
นทียิ้มกริ่มอย่างรู้ทัน “ผมล็อคบ้านก่อนครับ” นทีรีบวิ่งไปล็อคกุญแจรั้ว
เจติยาหันไปค้อนใส่ลาภิณ ลาภิณได้แต่อมยิ้มกรุ้มกริ่ม

ณ เอเชียทีคยามเย็น ลาภิณ เจติยา และนทีเดินดูร้านรวงต่างๆ ลาภิณใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปให้เจติยาและนทีตามมุมต่างๆ ลาภิณ เจติยา และนทีมานั่งรถรางเล่น ลาภิณแอบชำเลืองมองหน้าเจติยาเป็นระยะๆ นทีแอบมองแล้วยิ้มอย่างรู้ทัน ทั้งสามคนนั่งกินอาหารในร้าน ลาภิณจับตามองเจติยาแล้วยิ้มเอ็นดู เจติยาหันไปมอง ลาภิณยิ้มค้างแล้วรีบหลบสายตาทำเป็นดื่มน้ำ เจติยาเขิน

ยามค่ำ เจติยาเดินตามหานที ลาภิณเดินตามมายิ้มๆ
“นทีโตแล้วไม่หลงทางหรอกน่ะ”
“ไวจริงๆเลย” เจติยามองหา
“เดี๋ยวเราจะกลับค่อยโทรตามก็ได้ ให้น้องเค้าได้เดินเล่นดูอะไรที่เค้าชอบมั่งเถอะ”
เจติยาแขวะ “เข้าอกเข้าใจกันซะจริงนะคะ”
ลาภิณยิ้ม “เราไปหาไอติมทานเล่นกันดีกว่า”
เจติยาค้อนใส่ลาภิณ ลาภิณเดินนำไป เจติยาเดินตามไปห่างๆ
นทีแอบมองอยู่ ก่อนจะยกแบงค์พันขึ้นมาจุ๊บ
“ขอบคุณครับคุณต้น” นทียิ้มแล้วเดินไปหาที่ช็อป

ลาภิณและเจติยายืนกินไอศกรีมช็อคโกแล็ตที่ริมแม่น้ำพร้อมคุยกันไป
“นทีเล่าว่าเธอไม่เคยมีแฟนจริงๆ เหรอ” ลาภิณถาม
เจติยาแทบสำลัก “ไอ้น้องปากมากไ
ลาภิณยิ้มๆ “อย่าไปว่าน้องเลย ถ้านทีไม่ช่างพูด ฉันก็อดรู้น่ะสิว่าเธอไม่ได้ชอบหมวดนวัช”
เจติยาอึ้งก่อนจะพูดแดกดันใส่ “ใครจะรูปหล่อเจ้าเสน่ห์มีแฟนได้เยอะแยะเหมือนกับคุณล่ะ” เจติยาเหยียดปากใส่
ลาภิณยิ้ม “เธอรู้มั้ยว่าฉันไม่เคยจีบใครเลยนะ”
เจติยาหมั่นไส้ “จะคุยว่าเสน่ห์แรงถูกผู้หญิงจีบก่อนว่างั้นเถอะ”
“เปล่า ฉันเขิน ไม่รู้จะพูดยังไง”
“อ้าว แล้วผู้หญิงเค้าจะรู้ได้ไงว่าคุณชอบเค้า”
ลาภิณแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันก็ซื้อไอติมช็อคโกแล็ตเลี้ยงเค้าน่ะสิ”
“ไม่เข้าท่า” เจติยาจะหันไปกินไอศกรีมต่อแล้วก็ชะงักมองไอศกรีมช็อคโกแล็ตตรงหน้า
ลาภิณอมยิ้มแล้วพูดต่อ “หลังจากนั้นฉันก็จะพามาคุยกันริมแม่น้ำ” ลาภิณกวาดตามองวิวแม่น้ำพร้อมพูดต่อ “ตอนค่ำๆ บรรยากาศดีๆ”
เจติยากรอกตาไปมองแม่น้ำตรงหน้า พอจะเข้าใจนัยที่ลาภิณต้องการสื่อถึงตน
ลาภิณยิ้ม “นี่ล่ะวิธีจีบสาวของฉัน”
เจติยานิ่งไปเพราะหน้าชาอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วรู้มั้ยว่าฉันจะทำอะไรต่อ”
เจติยาหันมองหน้าลาภิณ ลาภิณยื่นมือมาจับกุมมือเจติยาเอาไว้ เจติยาอึ้งเพราะตั้งตัวไม่ทัน
ลาภิณยิ้ม “รุ่งขึ้นก็เป็นแฟนกันเลย”
เจติยาเขินมากก่อนจะมีสีหน้ารั้นอยากเอาชนะ “แล้วถ้าผู้หญิงเค้าไม่ชอบคุณ ดึงมือออกล่ะ” เจติยาตั้งท่าจะดึงมือออก
“ฉันก็จะหอมแก้มแทน” ลาภิณจ้องหน้าเจติยาแล้วจะทำจริงๆ
เจติยาชะงักไปแล้วก็ไม่กล้าดึงมือออก “คงใช้ลูกเล่นนี้บ่อยล่ะสิ”
“เธอคนแรก สำเร็จซะด้วย” ลาภิณยิ้ม
เจติยาค้อนใส่ด้วยความหมั่นไส้
ลาภิณจ้องตาเจติยา “ฉันดีใจที่ได้บอกให้เธอรู้” สีหน้าลาภิณมีแววเศร้า “ฉันกลัวว่ามันจะสายเกินไปอีก”
เจติยาและลาภิณมองตากัน
เจติยาเขินแล้วดึงมือออก “เจ้าเล่ห์”
ลาภิณยื่นหน้ามาหอมแก้มเจติยาทันที เจติยาตกใจมาก
ลาภิณพูดหน้าขี้เล่น “ฉันเตือนเธอแล้ว ทางที่ดียอมให้ฉันจับมือเอาไว้จะดีกว่า” ลาภิณเลื่อนมือไปกุมมือเจติยาแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้อีก
เจติยาเขินจนหน้าร้อนผ่าวแต่ก็ไม่กล้าดึงมือออกแล้ว ลาภิณยิ้มอารมณ์ดีจับมือเจติยาไม่ยอมปล่อย เจติยาค้อนใส่แต่ก็แอบอมยิ้มดีใจ ทั้งคู่จับมือกันกินไอศครีมริมแม่น้ำพร้อมทั้งพูดคุยกันไป

พิสัยมีอาการหวาดผวาตลอดเวลาที่อยู่ในห้องขัง เขาซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง ขอบตาดำเพราะไม่ได้นอน เขากรอกตามองไปรอบๆ แล้วก็แหกปากร้องด้วยความหวาดผวาขึ้นมาอีก ตำรวจนายหนึ่งเดินมาดูพิสัยด้วยความสมเพชเวทนา พิสัยเหลือบตามองเห็นตำรวจหน้าประตูห้องขังก็ร้องออกมา
“ไป อย่าเข้ามา ฉันกลัวแล้ว อย่าเข้ามา”
ตำรวจนายนั้นได้แต่ส่ายหน้าด้วยความสงสาร ทันใดนั้นก็มีลมวูบนึงปะทะหน้านายตำรวจคนนั้น เขาตาแข็งเหมือนถูกสะกดจิต ตำรวจนายนั้นเอากุญแจออกมาไขปลดล็อคห้องขังพิสัย ทันทีที่ประตูเปิดร่างนายตำรวจก็หมดสติไปหน้าห้องขัง
ปราณก้าวข้ามร่างนายตำรวจเข่าไปในห้องขังแล้วเดินตรงไปหาพิสัย “พิสัย”
พิสัยค่อยๆ เหลือบตามองพอเห็นหน้าปราณก็จะแหกปากร้องด้วยความหวาดกลัวแต่ปราณจิกนิ้วทั้งห้าลงกลางหัวพิสัย แสงสว่างวูบออกจากมือปราณก่อนที่พิสัยจะนิ่งไปแล้วมีสีหน้างงๆ เล็กน้อย ปราณถอยห่างออกไปมองดูพิสัย
พิสัยเห็นปราณก็โมโห “ไอ้ปราณ แกหายหัวไปไหนมา รู้มั้ยว่าฉันต้องโดนอะไรบ้าง”
ปราณตวาดสวนทันที “หุบปาก แล้วรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“แกจะให้ฉันแหกคุกเหรอ ฉันรู้ว่าแกช่วยฉันได้ง่ายมาก แต่หลังจากนั้นล่ะ ฉันไม่ต้องหลบหนีไปตลอดชีวิตเหรอ ลองฉันไม่มีเงินยังงี้ ไอ้ทนายไม่โผล่หัวมาช่วยประกันตัวฉันหรอก”
“แกไม่มีเงิน แต่ทาสของแกมี”
พิสัยมองหน้าปราณแล้วคิดตาม

ปริมสวมแว่นดำเดินหน้าเครียดออกจากลิฟท์ตรงมาที่ล็อบบี้คอนโด ทนายพิสัยที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นยืนรับ ปริมเดินมากระแทกตัวนั่งลง

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 4 ธ.ค. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา manager