@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 28 ธ.ค. 55

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 28 ธ.ค. 55

น้ำใสอาการงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าแสงกล้าปลอดภัยและกลับมาบ้านแล้วก็ยิ้มยินดี
“แสงกล้า”
“มาทำไม”
“ฉันไม่ได้ข่าวนายเลยตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อคืนสายข่าวรายงานว่าเกิดถล่มกันที่คลังสินค้าย่านลาดกระบัง น่าจะเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณพวกนั้น ฉันติดต่อนายไม่ได้ ก็เลยเดาว่าต้องเป็นภารกิจนายแน่ๆ"
“แล้วไง”
“ก็ฉัน... ฉันเป็นห่วงนาย”
น้ำใสรีบลุกขึ้นกลบเกลื่อนบอก

“เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องก่อนดีกว่า แล้วค่อยคุยกันนะ"
แสงกล้าเปิดประตูห้อง น้ำใสเดินนำเข้าไปด้วยท่าทางยินดีที่เห็นแสงกล้าปลอดภัย เขามองน้ำใสด้วยสายตาค้นหา

ภายในห้องรับแขกในห้องพัก แสงกล้าออกมาจากห้องน้ำใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ เช็ดหน้าเช็ดตา น้ำใสเดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟร้อนที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ
“มาแล้ว..กาแฟร้อนผสมโกโก้ของชอบของนาย จิบสักนิดช่วยให้หายง่วงได้เยอะเลยนะ"
แสงกล้า รับมาจิบแล้วบอก



“ขอบใจ”
“รสชาติไม่หวานเกินไป เน้นนมสด ไม่ใส่ครีมเทียม”
“เธอจำได้”
“อ๊ะ...แน่นอน ฉันไม่เคยลืมเรื่องนายสักเรื่อง”
แสงกล้ามองน้ำใสจนเธอชักเริ่มรู้สึกเขินๆ รู้ตัวว่าทำตัวออกอาการหลงรักเพื่อนมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำใส ยิ้มเมื่อนึกถึงความหลัง
“แหม...ก็เราสนิทกันตั้งแต่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไง เราโตมาด้วยกัน มีเรื่องราวระหว่างเราเกิดขึ้นมากมาย ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ สุขใจ หรือทุกข์ใจ นายเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิทของฉันนะแสงกล้า”
แสงกล้าเดินออกมาหยุดที่ริมหน้าต่าง ตระหนักว่าควรจะพูดกับน้ำใสแบบตรงไปตรงมาในความสัมพันธ์
“น้ำใส”
น้ำใสยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดีบอกเสียงหวาน
“จ๋า...ว่าไงจ๊ะที่รัก”
แสงกล้าชะงักไปนิด หันมามองน้ำใสด้วยสายตาตำหนิ น้ำใสหัวเราะแหะๆ ทำหน้าจ๋อย
“เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน”
น้ำใสยิ้มๆ ไม่รู้ว่าแสงกล้าจะจริงจังถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ เขาถอนหายใจยาวเหมือนกำลังพยายามรวบรวมคำพูดไม่ให้น้ำใสเจ็บช้ำ แต่เมื่อเขามองลงไปทางด้านล่างก็เห็นแพรไพลินเอารถมาจอดที่ลานหน้าตึก และกำลังจะเดินขึ้นมา เขาชะงักไปทันที ไม่อยากให้ทั้งสองคนมาเจอกันในตอนนี้
“ว่าไง มีอะไรเหรอ พูดมาสิฉันรอฟังอยู่”
“เอ้อ คือ ฉันอยากกินโจ๊ก”
“อะไรนะ”
“ฉันอยากกินโจ๊ก... ไปซื้อโจ๊กที่หลังตึกให้หน่อยสิ ลงไปทางบันไดหลังนะ ร้านที่อยู่ติดกับหลังตึกน่ะ”
“อ๋อ... ร้านป้ายุ้ย ได้เลย รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้ โจ๊กหมูสับไม่ใส่เครื่องใน ใส่ขิงเยอะๆ ของชอบของนาย"
น้ำใสเดินออกไปอย่างร่าเริง แสงกล้ามองตามด้วยสายตาไม่ค่อยสบายใจนัก

น้ำใสเดินออกมาจากหน้าห้องแสงกล้า และเดินออกไปทางซ้ายเพื่อไปทางบันไดหลัง แพรไพลินขึ้นมาทางบันไดหน้า มาทางด้านขวา เดินตรงเข้ามาที่ห้องแสงกล้า เธอประตูนิดหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

แพรไพลินเปิดประตูเข้ามา แสงกล้าที่รออยู่แล้วชะงักนิดหนึ่งแล้วยิ้มให้ นึกรู้ว่าเธอมาเพราะไม่พอใจเรื่องที่เขาทิ้งไว้กับคมศรเมื่อคืน แต่แสงกล้าพยายามทำเนียนยิ้มกลบเกลื่อนแบบขรึมๆ
“คุณ...มาแต่เช้าเลย คิดถึงผมเหรอ”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” แพรไพลินบอก
“เรื่องอะไร”
“คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำไม ผมทำอะไร”
“ไม่ต้องมาทำไก๋ คุณทิ้งฉันไว้กับคมศร แล้วออกไปทำงานเสี่ยงชีวิต ไม่สนใจฉันเลยสักนิด”
“ก็เพราะสนใจและใส่ใจน่ะสิ ถึงได้ทำแบบนั้น”
“อะไรนะ”
“เอ้อ...ผมไม่อยากให้คุณเสี่ยง มันอันตรายเกินไป”
“พูดเหมือนฉันไม่เคยเสี่ยง แล้วเป็นไง เพราะคุณไม่ให้ฉันไปด้วยถึงโดนถล่มจนย่ำแย่ ภารกิจล้มเหลว ผู้คนล้มตายไปมากมาย ถ้าคุณยอมให้ฉันไปด้วย ฉันต้องเห็นความผิดปกติ ล้มเลิกภารกิจก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแบบนี้”
“ผมเสียใจ”
“ฉันไม่ต้องการคำว่าเสียใจ แค่อยากให้คุณสนใจความรู้สึกคนอื่นบ้าง จะทำอะไรเคยนึกบ้างมั้ยว่ามีคนที่คอยเป็นห่วง ไม่สบายใจมากแค่ไหนเพราะรู้ว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ช่วยอะไรไม่ได้”
แสงกล้ากระอักกระอ่วนกลัวน้ำใสจะกลับมา เขาเดินเข้ามาจับไหล่แพรไพลินจะให้ออกไปจากห้อง
“เอ้อ ผมว่าเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า คุยกันที่นี่คงไม่เหมาะ”
แพรไพลินปัดมือแสงกล้าที่จับเธออยู่และระบายความรู้สึกต่อไป
“คุณสนใจแต่ความรู้สึกตัวเอง บ้าระห่ำไม่เข้าท่า ไม่เคยฟังความคิดเห็นคนอื่น เคยรู้บ้างมั้ยว่าตัวเองสำคัญมากแน่ไหน ใครบางคนจะอยู่ได้ยังไง ถ้าคุณเป็นอะไรไป” แพรไพลินเผลอหลุดพูดออกไป
แสงกล้าชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ ประโยคที่เธอเผลอยอมรับว่าชอบเขา
“ใครบางคนที่คุณพูด หมายถึง...”
ทั้งสองชะงักกันไปนิดหนึ่ง แล้วจู่ๆ น้ำใสก็โผล่พรวดเปิดประตูเข้ามา
“แสงกล้า...โจ๊กร้านป้ายุ้ยขายหมดแล้ว นายน่าจะบอกฉันตั้งแต่เมื่อตอนเช้ามืด ฉันจะได้ลงไปซื้อให้ก่อน"
น้ำใสชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าแพรไพลินอยู่กับแสงกล้า
แพรไพลินชะงัก มองแสงกล้าด้วยแววตาเจ็บช้ำแต่พยายามระงับ ไม่แสดงออกมากมาย
“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงทิ้งให้ฉันอยู่กับคมศร ไม่สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง จะเป็นห่วง เป็นกังวลมากแค่ไหน”
“ไม่ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
“แสงกล้า ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว ขอโทษที่มารบกวนเวลาพวกคุณแต่เช้า ฉันไปละค่ะ”
แพรไพลินเดินออกไปทันที แสงกล้าจะเดินตามออกไป แต่น้ำใสที่ไม่รู้เรื่องขวางทางอยู่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอแสงกล้า หมอแพรมานานแล้วเหรอ”
แสงกล้าละล้าละลังไม่รู้จะทำยังไงเพราะน้ำใสก็ยังอยู่ตรงนั้น ขณะที่แพรไพลินเดินออกไปไกลแล้ว

แพรไพลินเดินออกมาจากตึกด้วยความเจ็บช้ำ เธอเดินตรงเข้ามาที่ลานจอดรถหน้าตึกที่พักของแสงกล้า เปิดประตูรถขึ้นนั่ง เธอน้ำตาคลอ พยายามระงับไม่แสดงอารมณ์ของตัวเอง แต่ทนไม่ได้จนน้ำตาต้องไหลออกมา เธอพ่ายแพ้ต่อใจตัวเอง ร้องไห้ซบหน้าลงกับพวงมาลัยอย่างน่าสงสาร

ภายในโรงพยาบาล วันเดียวกัน คมศรยืนอยู่ที่หน้าเตียงดร.เมฆา ฐานรัฐ ด้วยสีหน้าและแววตาเป็นห่วง หมอกับพยาบาลกำลังตรวจเมฆาอยู่
หมอเห็นกระสุนในร่างเมฆายังคงเคลื่อนที่ไปมาอย่างไร้ทิศทาง หลังตรวจดูอาการเสร็จ สีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
“อาการท่านนายกดีขึ้นมั้ยครับ”
“ยังเหมือนเดิม กระสุนในร่างของท่านนายกยังคงเคลื่อนที่ ผ่าเอาออกมาไม่ได้”
“เราต้องรออีกนานแค่ไหน”
“หมอเองก็ตอบไม่ได้”
หมอแตะไหล่คมศรเป็นเชิงปลอบใจแล้วพูดต่อ
“เราทำดีที่สุดได้แค่รักษาไปตามอาการ การผ่าตัดมันเสี่ยงเกินไป"
หมอกับพยาบาลเดินออกไป คมศรสีหน้าไม่ค่อยดีเดินเข้าไปหาเมฆา
“ฟื้นสิครับ ท่านต้องฟื้น ตอนนี้พวกเราต้องการท่านมากที่สุด”
ประตูห้องเปิดผลัวะออกมาอย่างไม่เกรงใจ จักร อมตฤทธาเดินเข้ามาพร้อมกับดาหลาและลูกน้อง
คมศรจ้องหน้าดาหลาด้วยสายตาไม่พอใจ
“เธอถูกจับไปแล้ว ออกมาได้ยังไง”
“เพราะฉันไม่ผิดยังไงล่ะ !”
“ไอ้หมวดแสงกล้ากล้าดียังไงมาจับคนของฉันโดยพลการ แกเองก็เหมือนกัน มาทำอะไรที่นี่ ลืมไปแล้วเหรอว่า ตอนนี้เป็นเลขาใคร" จักรพูดพลางชี้หน้าคมศรอย่างไม่พอใจ
คมศรจ้องหน้าจักรด้วยแววตาไม่พอใจแต่พยายามระงับอารมณ์
“ก็แค่หวังว่านายกตัวจริงจะฟื้นขึ้นมาสร้างความถูกต้อง”
“ฮึๆ แต่ก็ต้องสิ้นหวัง !”
จักรเดินปราดเข้ามาข้างร่างเมฆาที่ไม่ได้สติอยู่เวลานี้ แล้วเดินไปรอบๆ ร่างเมฆาพลางหัวเราะชอบใจ
“ท่านนายกฯ คงกำลังหลับสบายจนลืมไปแล้วว่าต้องทำงานเพื่อชาติ ฟื้นสิครับท่าน...ฟื้นเร็ว ทุกคนรอการกลับมาของท่านอยู่ ฮ่าๆ”
คมศรทนไม่ไหว ปราดเข้ามาขวางจักรไม่ให้เข้าใกล้ร่างเมฆา
“พอเสียทีเถอะ ! พอได้แล้ว...จะทรมานคนป่วยไปถึงไหน”
จักรจ้องหน้าคมศรแล้วบอก
“อีกไม่นานหรอก เพราะฉันกำลังจะอนุเคราะห์ท่านเมฆาให้ไปสู่ที่ชอบที่ชอบ !”
จักรผลักร่างคมศรไกลออกไป แล้วหันไปพยักหน้ากับดาหลากับสมุน ทั้งหมดตรงเข้ามาดึงอุปกรณ์ที่ระโยงระยางออก
“จะทำอะไร.. หยุดเดี๋ยวนี้นะ !”
คมศรโดนจักรปราดเข้ามาเอาปืนจ่อ คุมตัวไว้ไม่ให้ขัดขวาง
“จะขัดขวางทำไม ฉันต้องการจะช่วย”
“จะทำอะไร”
“เคลื่อนย้ายตัวดอกเตอร์เมฆานำไปผ่าตัดเอากระสุนออก ท่านนายกจะได้ฟื้นตามที่พวกแกต้องการยังไงล่ะ"
“ไม่ได้นะ หมอบอกว่ามันอันตรายเกินไป”
“ไม่เสี่ยงแล้วจะรู้เหรอ เอาตัวออกไป” จักรพูดแล้วสั่งดาหลา
พวกดาหลานำตัวเมฆาที่ยังไม่ได้สติออกไป คมศรได้แต่มองอย่างเป็นห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้
“จัดแถลงข่าวสื่อมวลชนทุกสื่อฯ คณะแพทย์พิเศษตัดสินใจผ่าตัดด่วนดอกเตอร์เมฆาภายใน 24 ชั่วโมง เราจะเอากระสุนออกมาจากร่างของท่านนายกฯให้ได้"
“ทำแบบนั้นดอกเตอร์เมฆาอาจตายได้”
“แล้วไง ตายในหน้าที่ น่าภูมิใจ ! ฮ่าๆ ๆ”
จักรหัวเราะเย้ยเดินออกไปด้วยความสะใจ คมศรยืนนิ่งเครียดอยู่ตรงนั้นแบบหาทางออกไม่ได้ ที่มุมหนึ่งของห้อง กล้องวงจรปิดถ่ายภาพทั้งหมดไว้

จอภาพภายในฐานของนภา แสดงภาพเหตุการณ์ทั้งหมดภายในห้องพักฟื้นของเมฆา นภากับผู้การอินทนนท์ยืนนิ่งด้วยความเครียด
“วิญญูประกาศสงครามกับเราแล้ว” นภาบอก
“พวกมันใช้ตัวดอกเตอร์เมฆาเป็นเหยื่อล่อ ต้องการให้เราบุกไปชิงตัวออกมาเพื่อกำจัดพวกเรา” อินทนนท์บอก
“ไม่มีทางเลือก ฉันปล่อยให้เมฆาตายไม่ได้”
“แต่ว่า...”
“ไม่ใช่เพราะเค้าเป็นสามีฉันนะคะผู้การ แต่เพราะดอกเตอร์เมฆายังคงมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าเค้าฟื้น...ทุกอย่างจะดีขึ้นกว่านี้ เราปล่อยให้เค้าตายไม่ได้”
นภามีสีหน้าเครียดนึกเป็นห่วงเมฆาเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ผู้การอินทนนท์จำนนด้วยเหตุผลของนภา

ภายในห้องพัก ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยเดินแตะไหล่น้ำใส ภูมิภักดิ์พาเดินมายังเก้าอี้ริมระเบียง น้ำใสเดินตามต้อยๆ เขายกเก้าอี้มาให้น้ำใสนั่ง ส่วนตัวเองนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้า
“เรามีเรื่องจะต้องคุยกันอย่างจริงจังแล้วน้ำใส”
“ฉันพร้อมจะฟังทุกเรื่องไม่ต้องหน้าเครียดเสียงเข้มแบบนี้ก็ได้ นายทำหน้าปกติก็น่าร้ากจะแย่อยู่แล้ว”
"ฉันจริงจังนะน้ำใส"
น้ำใสยิ้มเจื่อนๆ นิ่งฟังแสงกล้าแต่โดยดี
“ที่ผ่านมา ฉันขอบคุณมากที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน ตั้งแต่เล็กจนโตคงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่สนใจและเข้าใจฉันมากที่สุด”
“ก็เราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ ตอนอยู่มูลนิธิเด็กกำพร้านายคอยช่วยเหลือปกป้องฉันทุกอย่าง จะไม่ให้ฉันรักเพื่อนคนนี้ได้ยังไง”
แสงกล้าชะงักไปทันทีเมื่อน้ำใสพูดคำว่ารัก เธอยิ้มเจื่อนเขินๆ ไปนิดหนึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดปากออกไป
“ความรักมักเกิดจากความผูกพัน นายเคยได้ยินมั้ย”
"ฉันรู้"
น้ำใสยิ้มน้อยๆ ดีใจที่แสงกล้ารู้ใจเธอว่าคิดยังไง
“ฉันรู้ในทุกสิ่งที่เธอทำ ทุกความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้ น้ำใส ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำให้ฉัน ฉันขอบคุณมาก”
น้ำใสยิ้มดีใจมาก
“ฉันนึกว่านายไม่สนใจ ไม่ใส่ใจมาตลอด ... นายรู้ด้วยเหรอ”
แสงกล้าพยักหน้ารับคำ ก่อนรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยที่ต้องตัดความสัมพันธ์คู่รักกับน้ำใสเพราะไม่ต้องการให้เธอเจ็บมากไปกว่านี้
“วันนี้... คงถึงเวลาที่ฉันจะบอกความรู้สึกที่มีกับเพื่อนรักคนนี้แล้ว”
น้ำใสสลดลงเมื่อได้ยินคำว่า “เพื่อนรัก” เต็มๆ สองหู
“ความดีของเธอยังอยู่ในความทรงจำฉัน แต่ฉันไม่เคยมองเธอเป็นอื่นเลย สำหรับแสงกล้า..น้ำใสคือน้องสาวตัวเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอมในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนเดิม คนที่ฉันพร้อมจะปกป้องดูแลให้พ้นจากอันตราย พร้อมที่จะรักน้องสาวคนนี้ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง”
"น้องสาว"
"ยิ่งเวลาผ่านไป ฉันยิ่งมั่นใจ น้ำใสคือน้องสาวที่น่ารักของแสงกล้า ไม่มีวันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น"
น้ำใสอึ้ง พูดไม่ออก น้ำตาคลอเบ้า น้ำตากำลังจะไหลพรากออกมา แต่เธอพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ให้เข้มแข็ง และฝืนยิ้ม
“ขอบคุณจ้ะ ขอบคุณมากที่เปิดหัวใจ”
"ฉันทำให้เธอเสียใจ"
“เปล่า...เปล่าซะหน่อย แค่รู้ตัวเร็วจนตั้งรับไม่ทัน”
“ฉันขอโทษ”
“เฮ่ย... ไม่ต้องขอโทษ ไม่มีอะไรจริงจังขนาดนั้น ฉันเข้าใจ คนเราเมื่อไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่ ฉันก็พอจะรู้อยู่แล้วล่ะว่านายมองฉันเป็นแค่น้องสาว ฉันทำใจได้...”
แสงกล้าจ้องหน้าน้ำใสอย่างค้นหา เธอพยายามร่าเริงกลบเกลื่อน
“อย่าจ้องแบบนั้นดิ ฉันไม่เป็นไรหรอก รีบออกไปตามหาหัวใจของนายเถอะ” น้ำใสพูดพลางผลักแสงกล้าออกไป แสงกล้าอึกอักด้วยยังรู้สึกห่วงน้ำใส
“ไปสิ...หมอแพรไพลินกำลังเข้าใจนายกับฉันผิด รีบไปปรับความเข้าใจก่อนที่จะสายเกินไป"
“เธอไม่เป็นไรแน่นะ”
“ไปเถอะ”
แสงกล้าเดินเลี่ยงออกไป น้ำใสน้ำตาไหลอาบแก้มมองตามแสงกล้าออกไป เธอพูดกับตัวเองเน้นย้ำด้วยความเจ็บช้ำทั้งรอยยิ้ม
“สำหรับนาย น้ำใสคือน้องสาวที่น่ารักของพี่แสงกล้ามาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แต่สำหรับน้ำใส ตั้งแต่เล็กจนโต แสงกล้าไม่ใช่แค่พี่ชาย แต่เค้าคือคนที่ฉันรักมาตลอดตั้งแต่แรกพบ ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากนายได้หรอกแสงกล้า”
น้ำใสน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย เพียงแต่กดดันในความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง

ในเวลาต่อมา ภายในทาวน์โฮมแพรไพลิน กลางวัน พญ. แพรไพลิน นวิยากุลกำลังกดโน้ตบุ๊กทำงานเพื่อให้คลายความรู้สึกว้าวุ่นใจเรื่องที่เห็นแสงกล้ากับน้ำใสอยู่ในห้องเดียวกัน เธอถอนหายใจยาว ตระหนักว่า ตัวเองไม่สามารถตัดใจจากเขาได้ สัญญาณการติดต่อทางออนไลน์ดังขึ้น แพรไพลินชะงักหันไปมองกล่องข้อความที่ป๊อบอัพขึ้นมา
เธออ่านตัวอักษรที่ปรากฏขึ้น “อยากเห็นหน้าคนน่ารักมั้ย ถ้าอยากกด S”
แพรไพลินครุ่นคิด นึกรู้ว่าน่าจะมาจากแสงกล้า แต่ก็ยังไม่วายกดปุ่ม S
ภาพบนหน้าจอ.. เปลี่ยนเป็นรูปเด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัย 4-6 ขวบ พร้อมกับตัวอักษร “S” ที่ยังค้างอยู่บนมุมหน้าจอซ้าย ที่ใต้รูปมีข้อความ “ลูกใครเอ่ย? ไม่อยากเดากด L กับ P”
แพรไพลินกดปุ่ม L กับ P ภาพบนหน้าจอที่เป็นรูปเด็กหญิง...ตัวอักษร P วิ่งไปอยู่ตรงมุมจอบนด้านขวา ตัวอักษร L วิ่งไปอยู่ตรงกลางระหว่าง S กับ P แล้วเปลี่ยนเป็นตัวหนังสือแบบเต็มๆ เติมคำ S L และ P ให้สมบูรณ์ กลายเป็น “Saengkla Love Praepailin”
"แสงกล้าเลิฟแพรไพลิน...”
ตัวหนังสือ “ลูกใครเอ่ย” เปลี่ยนเป็นประโยค “ภาพจำลองทายาทแสนน่ารัก ในอนาคต”
ที่มุมซ้ายและขวาของภาพเด็ก ซ้อนภาพแสงกล้ากับแพรไพลินในปัจจุบัน

แพรไพลินมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ แล้วรำพึงออกมา
"คนบ้า...จะเอายังไงกับฉันเนี่ย"
ภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เปลี่ยนไปเป็นโปรแกรมคุยกันผ่านจอคอมพิวเตอร์ เห็นเป็นหน้าแสงกล้ายิ้มพูดคุยกับแพรไพลิน
“ยิ้มหน่อยสิ... ไม่เคยมีใครบอกเหรอ คุณมีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม”
“จะมากวนเวลาฉันทำไมอีก ไม่มีอะไรทำรึไง”
“มีแต่ไม่ทำ ผมมีภารกิจสำคัญต้องสะสาง”
"อะไร"
“ปรับความเข้าใจกับคนรัก เค้ากำลังเข้าใจผมผิด”
แพรไพลินนิ่งสีหน้าเครียด แต่ความจริงกำลังมองสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวแสงกล้าเพราะอยากรู้ว่าเขาติดต่อมาจากไหน
"คุณอยู่ที่ไหน"
แสงกล้ายิ้มแล้วบอก
“ไม่บอก ! ผมมาเพราะประโยคที่คุณบอกว่า เคยรู้บ้างมั้ยว่าตัวผมสำคัญมากแน่ไหน”
แพรไพลินอ้ำอึ้งพูดไม่ออก เขาพูดต่อจ้องที่หน้าจอด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง
แพรไพลินเคยพูดใส่เขาว่า
“เคยรู้บ้างมั้ยว่าตัวเองสำคัญมากแน่ไหน ใครบางคนจะอยู่ได้ยังไง... ถ้าคุณเป็นอะไรไป”
แสงกล้า ถาม
“ใครคนนั้น คือคุณใช่มั้ย"
แพรไพลินอึ้งๆ แต่ยังไม่พอใจอยู่
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณ”
"ถ้าใครคนนั้นคือคุณ... ผมขอบคุณมากที่เป็นคนๆ นั้นในหัวใจของคุณและอยากบอกว่าเราคิดเหมือนกัน"
แพรไพลินอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่ยังไม่วายเดินออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไป แสงกล้าที่อยู่ในจอภาพมองตามแล้วเรียกหาลั่น
"เดี๋ยวก่อน...จะไปไหน เดี๋ยวก่อนสิครับ เรายังคุยกันไม่จบเลย"

แสงกล้ากำลังพูดผ่านโทรศัพท์อยู่ที่สนามข้างทาวน์โฮมของแพรไพลิน
"แพรไพลิน...จะไปไหน"
หน้าต่างด้านบนของทาวน์โฮมถูกเปิดออก แพรไพลินยื่นหน้าออกมา
"เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน... กลับไปได้แล้ว"
"คุณกำลังเข้าใจผมผิด"
แพรไพลินไม่ฟัง สาดน้ำโครมลงมาจากทางด้านบน แสงกล้าเปียกมะลอกมะแลกไปหมดทั้งตัว
"โอ๊ย เล่นอะไรเนี่ย ทำยังกับเป็นเด็กๆ"
“ฉันไม่ได้เล่น ฉันเอาจริง ถ้าไม่ยอมกลับคราวหน้าจะเป็นน้ำร้อน !”
แพรไพลินปิดหน้าต่างหันกลับออกไปทันที
"ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ยอมให้ผมอธิบายความจริง"
แสงกล้าเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างเงยหน้าขึ้นไปมองหา แพรไพลินเปิดหน้าต่างออกมาพร้อมกับสาดน้ำร้อนควันโขมงเข้าใส่แบบไม่ยั้ง แสงกล้าโดดหลบไปได้
“เฮ้ย ! น้ำร้อน”
“คราวหน้าไม่พลาด กลับไป !”
แพรไพลินปิดหน้าต่างโครม
“ให้มันรู้ไปสิ...ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”
แสงกล้าคิดนิดหนึ่งแล้วเดินออกไป

แพรไพลินเดินกลับมาภายในทาวน์โฮมด้วยความรู้สึกสับสนในจิตใจ ไม่แน่ใจว่าจะโกรธหรือไม่โกรธแสงกล้าดี เธอรำพึงกับตัวเอง
“คุณจะมาหา มาทำให้ฉันสับสนทำไม”
“ถ้าอยากหายสับสน คุณก็ฟังผมหน่อยสิ” เสียงแสงกล้าดังขึ้น
แพรไพลินหันขวับมาเห็นเขาเดินเข้ามาภายในทางระเบียงที่เปิดออก
"คุณเข้ามาได้ไง"
“เดินเข้ามาทางระเบียง”
"แต่ระเบียงล็อกกุญแจ"
เขาชูกุญแจในมือแล้วยิ้มเย้ยน่ารัก
“ผมปั๊มกุญแจไว้ตั้งแต่ครั้งที่แล้วเพราะเป็นห่วงกลัวใครมาทำร้ายคุณ”
“คนบ้า !กล้าดียังไงมาปั๊มกุญแจบ้านฉันโดยพลการ ออกไปนะ”

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 28 ธ.ค. 55

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2 ผลิตโดย : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manage