@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[3] วันที่ 24 ธ.ค. 55

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[3] วันที่ 24 ธ.ค. 55

“สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้รายการศิลปสนทนาจะร่วมพูดคุยกับ คุณเจนภพ เทวสถิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปร่วมสมัยแห่งเอเชีย มูลนิธิไททัศน์ ค่ะ”
"สวัสดีครับท่านผู้ชม"
“ทราบว่าทางศูนย์ศิลปพบร่องรอยหลักฐานบางอย่าง เกี่ยวกับเทวาศาสตราวุธชิ้นที่เหลือ พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยคะว่าเป็นยังไงมายังไง”
น้ำใสกำลังคุยอยู่กับเจนภพ...

เมื่อหลายวันก่อน ภายในห้องทำงานของน้ำใสในสถานีโทรทัศน์ สกายนิวส์เน็ตเวิร์ค แสงกล้าเข้ามาขอความช่วยเหลือ
“ฉันต้องการความช่วยเหลือ”
"อะไรนะ...จะให้ฉันช่วยจับไอ้โจรขมังเวทย์นั่นน่ะเหรอ"
“เธอเป็นสื่อ... ก็แค่สร้างเรื่องให้เชื่อได้ว่า พบเทวาศาสตราวุธอีกชิ้นนึงแล้ว !”
แสงกล้าพูดด้วยใบหน้าจริงจัง



ภายในห้องส่ง เจนภพ เทวสถิตย์กำลังพูดอธิบายภาพวาดสีน้ำมัน ลายเส้นไทยภาพหนึ่ง เป็นรูปคทาสวยงาม เขายืนคู่อยู่กับน้ำใส
“เป็นที่น่ายินดีที่ทางศูนย์ฯได้รับภาพนี้มาโดยบังเอิญจากพิพิธภัณฑ์เอเชียร่วมสมัยแห่งซานฟรานซิสโกฯ"
"นี่เหรอคะ...อนันตคทา"
“ตอนแรกเราก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่มีหลักฐานสำคัญบางอย่าง...ทำให้เรามั่นใจว่านี่คือ อนันตคทา”
ภาพวาดอนันตคทาวางอยู่กลางห้องส่ง

ในอดีต หลังจากที่แสงกล้ามาขอความช่วยเหลือจากน้ำใสแล้ว ขณะที่แพรไพลินก็ไปขอความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการ เจนภพ อีกททางหนึ่ง
เจนภพกำลังเดินคุยอยู่กับแพรไพลินด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันอยากให้ท่านสร้างเรื่องว่าค้นพบอนันตคทาแล้ว เพื่อล่อให้พวกโจรมาติดกับ”
“ถ้ามีอะไรจะช่วยได้ ผมก็ยินดี อย่างน้อยเราอาจจะได้โบราณวัตถุสำคัญที่ถูกขโมยกลับมา"

ภายในห้องส่ง ทั้งน้ำใสและเจนภพกำลังคุยกันหน้าภาพวาดอนันตคทา
“เทวาศาสตราวุธ...แต่ทำไมเป็นภาพวาด”
“ตามคัมภีร์โบราณ ศาสตราวุธไม่ได้หมายความเพียงแค่อาวุธเพียงอย่างเดียว เชื่อกันว่า..ความสำคัญของศาสตราวุธอยู่ที่อักขระโบราณที่สลักไว้ต่างหากครับ ที่จะทำให้เกิดอำนาจตามคุณไสยฯ"
“อักขระโบราณ”
เจนภพชี้ไปที่ลายอักขระโบราณที่เขียนอยู่บนภาพวาดอนันตคทา
“พอทีมงานของศูนย์ฯ เห็นอักขระเหล่านี้ เราจึงมั่นใจทันทีครับว่านี่คืออนันตคทา ศาสตราวุธอีกชิ้นหนึ่งตามคัมภีร์เทวาศาสตราวุธ”

ที่จอโทรทัศน์ในห้องจักรกำลังเปิดดูรายการนี้อยู่เช่นกัน
น้ำใสพูดต่อไป
“เป็นที่น่ายินดีว่าโบราณวัตถุชิ้นนี้ เราชาวกรุงเทพฯ จะมีโอกาสได้ดูกันแบบเต็ม ๆ ตาในระหว่างสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ก่อนที่ทางมูลนิธิจะนำไปจัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดต่าง ๆ ในภาคีสมาชิกศูนย์ศิลปร่วมสมัยแห่งเอเชียค่ะ"
จักร อมตฤทธาหยิบรีโมทคอนโทรลมาปิดทีวี สีหน้าเต็มไปด้วยการวางแผน

วันใหม่ ในเวลากลางวัน ภายในอาคารศูนย์ศิลปเอเชียฯ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่ของตึก แบบเตรียมกำลังไว้พร้อม
ดาบแหบและจ่าหวานยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ดาบแหบหยิบพระขึ้นมาไหว้บูชาคาถา
“ดาบแหบทำอะไร” จ่าหวานถาม
“แคล้วคลาดปลอดภัย” ดาบแหบบอก
“ขี้ขลาดตาขาว เราไม่ได้ไปออกรบซะหน่อย”
“ไม่ออกรบก็เหมือนออก อยู่ฝ่ายธุรการ... แต่สับเวรให้ตัวเองมาอยู่แทนคนอื่น ถ้าโดนจับได้ไม่ซวยเหรอวะ"
“เออจริง...งั้นขอบ้าง”
จ่าหวานเข้าไปจับพระของดาบแหบแล้วไหว้อธิษฐาน
ทันใดนั้นมีรถของเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเข็นรถผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ คนหนึ่งหันไปมองแล้วเรียกไว้
“หยุด!”
เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดสองคนคือแสงกล้าและแพรไพลินที่ปลอมตัวมา รีบเอาหมวกมาปิดหน้าและก้มต่ำ
"จะไปไหน ตรงนี้เป็นพื้นที่พิเศษ ห้ามคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด"
"เราได้รับคำสั่งให้ไปทำความสะอาด” แสงกล้าบอก
ดาบแหบกับจ่าหวานได้ยิน รีบเดินเข้ามาหาทันที
"ทำไมมาช้า.. รีบ ๆ เข้าไปทำความสะอาดเลยนะ"
“ยังไงกันเหรอ” เจ้าหน้าที่ถาม
"ผอ.ศูนย์สั่งให้รีบมาทำความสะอาดก่อนเปิดงานพรุ่งนี้ รีบๆ ให้เข้าไปเหอะ เดี๋ยวไม่เสร็จ"
“รีบไป....รีบออกมาล่ะ ไม่งั้นจะเดือดร้อน”
แสงกล้าและแพรไพลินรีบเข็นรถไป ดาบแหบหันไปตะโกน
“เดี๋ยว...ใส่หมวกให้เรียบร้อย”
แพรไพลินหยุดกึก ดึงเอาหมวกมาปิดผมที่โผล่ออกมา
เจ้าหน้าที่แปลกใจ
“ผ.บ.รวิสั่งกำชับห้ามใครเข้าไปเด็ดขาด ปล่อยไปได้ไง”
“ก็เค้าเพิ่งโทรมาสั่งเมื่อกี้” ดาบแหบว่า
จ่าหวานพูดกับเจ้าหน้าที่
"เอ๊าๆๆ ทำเป็นมึนไม่เข้าใจ เอ็งกล้าเสี่ยงกับ ผบ.เหรอ ไปเลย...ไปฝึกชกมวยกะข้าดีกว่าจะได้หายมึน”
จ่าหวานเอาตัวเจ้าหน้าที่ออกไป

มุมหนึ่งในตึก แสงกล้าและแพรไพลินเข็นรถหลบเจ้าหน้าที่มาได้ ก็เอารถมาจอดที่มุมหนึ่งภายในตึก สมิงออกจากรถเข็นที่ซ่อนตัวไว้
"แน่ใจเหรอว่ามันจะมา" แพรไพลินถาม
"แน่ใจที่สุด มันจะต้องเข้ามาชิงภาพวาดอนันตคทาแน่นอน" แสงกล้าบอก
“ทุกคนแยกย้ายออกไปประจำที่เถอะ” สมิงบอก
แพรไพลินกับแสงกล้าพยักหน้ารับคำ รีบกระจายออกไปในแต่ละด้าน พร้อมปฎิบัติการตามแผนที่วางไว้

แพรไพลินถอดหมวกเข้ามาในห้องควบคุมเครื่องปรับอากาศพร้อมกับสะพายเป้ใบหนึ่ง เธอถอดเป้ลง ติดตั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้ที่ข้างตู้ควบคุม เสียบสายสัญญาณเส้นหนึ่งเข้าภายในตู้ควบคุมฯ
เมื่อแพรไพลินเปิดคอมพิวเตอร์ออก จึงเห็นเป็นภาพวงจรปิดในห้องต่าง ๆ ภายในศูนย์ศิลปฯ
แพรไพลินหันไปหยิบถังก๊าซขนาดเล็กออกมาจากเป้ ติดตั้งเข้าไปในบริเวณตู้เครื่องปรับอากาศด้านหนึ่ง และกดปุ่มตั้งมิเตอร์ปรับความดันของถังก๊าซที่เธอเดินท่อเข้าไปยังเครื่องปรับอากาศ

ในอดีต ห้องแลป ทาวน์โฮมแพรไพลิน แสงกล้าบอกแผนในการจัดการกับไสยดำ แพรไพลินกำลังทำการผสมยาสลบ บรรจุในถังก๊าซใบเดิม และบนโต๊ะยังมีกระสุนยาสลบที่พร้อมผลิตอีกหลายชุด
“ถึงมันจะเป็นจอมขมังเวทย์ แต่ก็ยังมีส่วนที่เป็นมนุษย์ ร่างกายของมันต้องมีจุดอ่อนที่โดนทำร้ายได้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป” แสงกล้าบอก
“ฉันหวังว่าวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์พวกนี้จะช่วยได้”
"คุณกำลังทำอะไร"
“ผสม KETAMINEHL (คีตามีน) ยาสลบชนิดรุนแรงที่สุด”
“แรงแค่ไหน”
“ช้างยังหลับกลางอากาศ”
“งั้นเหมาะเลย ผมต้องการให้คุณผสมคีตามีน 2 ชุด ชุดหนึ่งผสมกับก๊าซ ติดตั้งบนเครื่องระบายอากาศภายในห้องจัดนิทรรศการ คอยดักเล่นงานมันภายในห้องนั้น... ส่วนอีกชุดหนึ่งทำเป็นกระสุนให้ผม ผมจะเล่นงานมันด้วยกระสุนคีตามีนก่อนในชุดแรก”

ภายในศูนย์ศิลปฯ แสงกล้ากำลังบรรจุกระสุนที่มีหัวกระสุนเป็นสารเคมียาสลบอยู่ด้านบน บรรจุใส่ลงในแม็กกาซีนปืนพก สมิงเดินเข้ามาใกล้แสงกล้าโดยมีย่ามคู่ใจสะพายมาด้วย
“จ่าเตรียมน้ำมันสักพรายมาเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
สมิงพยักหน้าแตะที่ย่ามสะพายคู่ใจ
“ขอแค่มันสงบนิ่งแค่นาทีเดียว รับรองว่ามันจะไม่สามารถแปลงหน้าเป็นคนอื่นได้อีกเลยชั่วชีวิต"
ทั้งสองคนดูมั่นใจในแผนการที่วางไว้

บริเวณอาคาร เจ้าหน้าที่เดินรักษาความปลอดภัยด้านนอกอย่างรัดกุม
ท้องฟ้าที่สดใสก็กลายเป็นเมฆครึ้มดำ ลมพัดแปรปรวนคล้ายกำลังจะเกิดเหตุ

บริเวณทางเดินหน้าห้องนิทรรศการ ดาบแหบคุยวอกับเจ้าหน้าที่โดยรอบ
“สถานการณ์ข้างนอกปกติไหม”
“ทุกอย่างปกติ”
“ด้านในก็...”
สัญญาณวอผิดปกติ...ดาบแหบแปลกใจ
“สัญญาณเป็นอะไร” จ่าหวานถามพลางกระชับปืนไว้
“ได้ยินมั้ย”
ทันใดนั้นจ่าหวานกับดาบแหบก็หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ร่างของขมังเวทย์ยืนอยู่เบื้องหน้า แล้วจึงเคลื่อนที่ผ่านดาบแหบและจ่าหวานออกไป เสียงสัญญาณวอกลับมาเหมือนเดิม
“ข้างในปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
ดาบแหบและจ่าหวานโล่งใจที่ทุกอย่างเป็นปกติ ตรวจสอบทั่วทั้งพื้นที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขมังเวทย์ยิ้มอย่างพอใจที่ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย และเดินตรงไปยังห้องที่จัดแสดงภาพ ระหว่างทางที่ขมังเวทย์เดินไป ไฟตามทางเดินแตกเพล้ง ! ไปทีละดวง ๆ ประตูโถงทางเข้าห้องจัดแสดงภาพเปิดออกทันทีที่ขมังเวทย์มาหยุดยืน ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องจัดแสดงอย่างทรนงไม่เกรงกลัวสิ่งใด

ขมังเวทย์ก้าวเข้ามาในห้องจัดแสดงภาพฯ เขาหันมองเห็นภาพวาดมากมายติดเรียงราย
ที่ผนังห้อง เห็นมีหน้าต่างที่ปิดอยู่หลายบานภายในห้องจัดแสดงนั้น
ขมังเวทย์หยุดมองหาภาพที่เป็นภาพอนันตคทา เขาหยุดมองที่ภาพ ๆ หนึ่ง ไม่ใช่ภาพอนันตคทา เป็นแค่ภาพวิวทิวทัศน์ธรรมดา ๆ ภาพหนึ่ง ขมังเวทย์นิ่วหน้าเหมือนรู้สึกได้ถึงกระแสอะไรบางอย่าง แต่แล้วกลับปรายตามองต่อไปอีกภาพหนึ่งถัดออกไป ซึ่งเป็นภาพอนันตคทาที่เจนภพเคยนำไปแสดงทางทีวี
ขมังเวทย์ยิ้มพอใจเมื่อเห็นภาพอนันตคทาอยู่เบื้องหน้า ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ความประมาทเป็นบ่อเกิดของหายนะ” เสียงสมิงดังขึ้น
ขมังเวทย์หันหน้าไปเผชิญหน้ากับสมิง
“คำขวัญสำหรับไอ้ขี้แพ้อย่างแกไง..ไอ้มงคล !”
สมิงถลึงตาใส่ขมังเวทย์ทันที เพราะขมังเวทย์เรียกชื่อเดิมของเขา
“กระสุนปืนธรรมดาอาจจะทำอะไรแกไม่ได้ แต่ถ้ามันไม่ใช่กระสุนธรรมดาล่ะ”
แสงกล้าถลาออกมาจากมุม ๆ หนึ่ง ยิงปืนในมือเปรี้ยง...ลั่นกระสุนยาสลบใส่ขมังเวทย์
กระสุนยาสลบพุ่งตรงเข้าใส่ขมังเวทย์ แต่เขาหลบวูบไปได้ แสงกล้าลั่นรัวกระสุนในมือเป็นชุด เปรี้ยง ๆ ๆ
กระสุนหลายนัดพุ่งเข้าใส่ขมังเวทย์ คราวนี้ขมังเวทย์ไม่หลบ แต่หัวเราะก้อง...
“ฮึ ๆ ๆ”
ขมังเวทย์เพ่งสายตาทำให้กระสุนยาสลบหยุดนิ่ง
“พวกแกไม่มีวันทำอะไรข้าได้ เตรียมตัวตายได้แล้ว.. ฮ่า ๆ ๆ”
กระสุนยาสลบเหล่านั้นแตกกระจายเป็นผุยผง

แพรไพลินอยู่ในห้องควบคุมฯ มองภาพหน้าจอและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“แสงกล้า สมิง!”

ภายในห้องจัดแสดงภาพ แสงกล้าและสมิงผงะถอยออกมา ขมังเวทย์หัวเราะอย่างสะใจ จ้องมองด้วยแววตามุ่งร้าย
“หมดเวลาสนุกของพวกแกแล้ว”
“เฮ้ย..มันเพิ่งเริ่มต้น” สมิงบอก
“จ่า...”
แสงกล้าโยนหน้ากากป้องกันแก๊สให้ สมิงรับมาใส่ ขมังเวทย์แปลกใจ แสงกล้าดีดนิ้วให้สัญญาณกับแพรไพลิน

แพรไพลินกดปุ่มบริเวณท่อที่ติดไว้กับเครื่องปรับอากาศ ปล่อยแก๊สยาสลบทันที
เสียงฟู่จากบริเวณช่องแอร์ดังขึ้น ขมังเวทย์เงยหน้าไปมอง
ควันสีขาวพวยพุ่งจากท่อแอร์ลงมายังห้องจัดแสดงภาพ ขมังเวทย์มองด้วยความตกใจ แสงกล้าและสมิงที่ใส่หน้ากากเรียบร้อยแล้ว ยืนยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ขมังเวทย์ได้รับควันยาสลบและเริ่มออกฤทธิ์ ร่างขมังเวทย์ทรุดตัวลงกับพื้น
สมิงและแสงกล้าเดินตรงเข้ามาหา แสงกล้าหยิบปืนใส่กระสุนยาสลบเล็งจะยิงใส่ขมังเวทย์
ขมังเวทย์หันขวับมามองไปยังสมิงและแสงกล้าเหมือนมีฤทธิ์เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่โดนคลื่นพลังงาน ลอยหวือกลับไปกระแทกกำแพง ล้มคว่ำลง ขมังเวทย์หันขวับไปรอบตัวเบิกตาโพลงมองไปทั่วทั้งห้อง

บริเวณอาคาร เมฆดำเคลื่อนตัวลอยเข้ามาอย่างรวดเร็ว บังเกิดลมพายุอย่างรุนแรงหมุนพัดวน
ราวกับเกิดพายุลมพัดกระโชก ฉับพลันหน้าต่างภายในห้องจัดแสดงภาพ เปิดผลัวะออกทุก ๆ บาน ลมพายุพัดกระโชกผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง
แพรไพลินอยู่ในห้องคอนโทรลตกใจมาก แก๊สที่ถูกปล่อยออกมาจากท่อแอร์โดนลมพายุที่พัดเข้ามาหอบออกไปจนไม่เหลือ ขมังเวทย์อาการดีขึ้นจากแก๊สยาสลบลุกขึ้นมาอย่างเหนือชั้น
แสงกล้าและสมิงกระชากหน้ากากป้องกันแก๊สออก ขมังเวทย์จ้องมองทั้งคู่ก่อนก้าวเข้ามาเตะแสงกล้ากับสมิงตัวลอยหวือไปคนละทาง
“เชื่อแล้วใช่มั้ย...เกมจบแล้ว !”
แพรไพลินเห็นเหตุการณ์เป็นห่วงแสงกล้าและสมิง รีบวิ่งออกไปจากห้องควบคุมทันที
ขมังเวทย์หันกลับไปมองภาพวาดอนันตคทา เขาเดินไปที่ภาพวาด แสงกล้าและสมิงผิดหวังที่ขมังเวทย์จะเอาภาพอนันตคทาไปได้ ขมังเวทย์หัวเราะอย่างพอใจ หยิบภาพวาดขึ้นมามองด้วยความชื่นชม แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นข้อความเขียนที่ไว้ที่ผนังด้านล่างภาพ “ความดีไม่มีวันตาย” ขมังเวทย์พลิกภาพวาดเห็นระเบิดติดมือถือ
บริเวณดาดฟ้าตึกใกล้เคียง หญิงลึกลับยิ้มอย่างพอใจ หญิงลึกลับกดโทรศัพท์ Send สัญญาณโทรศัพท์ออกไป
“ความดีไม่มีวันตาย !”

ภายในห้องจัดแสดงภาพ ขมังเวทย์จะทิ้งภาพแต่ภาพนั้นระเบิดกระจายด้วยฤทธิ์ของไดนาไมค์ ร่างของขมังเวทย์กระเด็นล้มลงกลางห้องด้วยแรงระเบิด ควันคละคลุ้งไปทั่วห้อง
ประตูห้องเปิดออกแพรไพลินเข้ามาในห้อง เศษภาพวาดจากแรงระเบิดร่วงลงพื้น ใกล้เท้าแพรไพลิน เธอแปลกใจที่มีคนวางระเบิด เธอวิ่งไปยังหน้าต่างที่เปิดออก มองไปยังตึกข้างเคียงเพื่อมองหาคนจุดชนวนระเบิด
หญิงลึกลับยิ้มอย่างพอใจแล้วเดินออกไปจากจุดซ่อนตัว

ขมังเวทย์ทรุดตัวเพราะถูกระเบิดอยู่ที่กลางห้อง สมิงกับแสงกล้ากำลังลุกขึ้นอยู่ห่างออกไป แพรไพลินกระชากไซริงค์โลหะที่ใส่ยาสลบออกมาพร้อมจะปักเข้าที่คอขมังเวทย์
ทันใดนั้นขมังเวทย์ก็คว้าข้อมือแพรไพลินไว้ แพรไพลินตกใจ ทั้งสองยื้อยุดกัน
แสงกล้าวาดแขนเหยียดตรงลั่นกระสุนยาสลบเข้าใส่ขมังเวทย์... เปรี้ยง ! กระสุนยาสลบพุ่งเข้าใส่ขมังเวทย์ที่ไม่ทันตั้งตัวแบบเต็ม ๆ ขมังเวทย์เริ่มเจ็บปวด สะบัดร่างแพรไพลินลอยหวือออกไป
ยาสลบแตกตัวกระจายเข้าสู่เส้นเลือดทั่วร่างกายขมังเวทย์
“พวกแก!”
ขมังเวทย์โกรธมาก ตั้งท่าจะใช้คาถาทำร้ายทุกคน แต่ต้องหยุดกึกล้มคว่ำเพราะยาสลบออกฤทธิ์
ทั้งยังสะบักสะบอมจากพิษของระเบิด
“โปรดฟังอีกครั้งนึง...ความประมาทเป็นหนทางสู่หายนะ” สมิงบอก
สมิงเดินตรงมาหาขมังเวทย์ที่เบิกตาโพลง แต่ไร้เรี่ยวแรงและยังไม่หมดสติ แต่ไม่สามารถจะทำอะไรต่อไปได้
สมิงหันไปพยักหน้ากับแพรไพลินที่ส่งกระบอกปืนยิงเหล็กไหลให้สมิง
"แกเคยฝังของ บังคับหมอแพร คราวนี้แกลองเหล็กไหลทมิฬบ้างนะ"
สมิงนำก้อนเหล็กไหลชูขึ้นอวดขมังเวทย์
“พญามาร ต้องเจอการฝังเหล็กไหลแบบบูรณาการ”
ขมังเวทย์ลืมตามองสมิง ด้วยแววตาเหี้ยมไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
สมิงบรรจุก้อนเหล็กไหลใส่กระบอกยิงที่แพรไพลินส่งให้ กระชากขึ้นลูกเลื่อน
“เมื่อคุณไสยฯ บูรณาการกับเทคโนโลยี...จึงบังเกิดสิ่งนี้ !”
สมิงแนบกระบอกยิงที่คอของขมังเวทย์ กดนิ้วลั่นไก...พรึ่บ ! ส่งเหล็กไหลทมิฬเคลื่อนตัวเข้าสู่ร่าง
ขมังเวทย์ทันที เหล็กไหลวิ่งแล่นผ่านจากต้นคอเข้าไปสู่ลำคอพุ่งเข้าไปยังหน้าผาก
ขมังเวทย์ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
"อ๊าก"

พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ลงมาจากรถพร้อมกับวิน เกิดลมพายุพัด เธอได้ยินเสียงร้องของขมังเวทย์ดังลั่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเอามืออุดหูด้วยความปวดหู
“ท่าน !”
รวิรีบวิ่งเข้าไปด้านในตึกทันทีพร้อมกันกับวิน

ดาบแหบและจ่าหวานได้ยินเสียงร้องของขมังเวทย์กำลังวิ่งไปยังห้องแสดงภาพ
“ได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินมั้ย” ดาบแหบถาม
“เสียงยังกะวัวถูกเชือด ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต รีบไปเก็บศพ”
ดาบแหบและจ่าหวานจะวิ่งไป แต่มองเห็นรวิกับวิน ทั้งสองคนชะงัก
"โจทย์มาแล้ว... รีบจรลีหนีหน้าดีกว่า"
"ตัวใครตัวมันเว้ย"
ดาบแหบกับจ่าหวานรีบหนีออกไปอีกทาง ไม่กล้าเผชิญหน้ารวิที่กำลังเข้ามา กลัวรู้ว่าตัวเองแอบเปลี่ยนเวรเข้ามาในบริเวณนี้ รวิยังไม่ทันเห็นดาบแหบกับจ่าหวาน หันไปสั่งวินที่ตามเธอเข้ามา
“ออกไปช่วยข้างนอก”
“แต่ในห้องจัดแสดง...”
รวิพูดสวนขึ้น
“นี่เป็นคำสั่ง!!! ฉันจะเข้าไปเคลียร์เอง ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในห้องจัดแสดงเด็ดขาด"
“ครับผม”
วินจำต้องวิ่งออกไปที่นอกตึกตามคำสั่งทันที รวิเป็นห่วงขมังเวทย์รีบวิ่งไปยังห้องจัดแสดงภาพ

ขมังเวทย์ยังคงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“ช่วงเอาคืน... หนักหน่อยนะไอ้พญามาร”
สมิงที่กำลังหยิบน้ำมันสักพรายขึ้นมา
“ต่อจากนี้ไป... แกไม่มีสิทธิแปลงหน้าเป็นคนอื่นได้อีกแล้ว”
สมิงหยิบเอาน้ำมันสักพรายขึ้นมาบริกรรมคาถา ใช้นิ้วจุ่มน้ำมันสักที่กลางหน้าผากของหน้ากาก
ขมังเวทย์ ปรากฎเป็นแสงวาบตามรอยสักน้ำมัน ขมังเวทย์รู้สึกเจ็บปวดมากส่งเสียงร้องลั่น
"อ๊าก"
"ขอดูหน้าหน่อยสิว่าน่าเกลียดแค่ไหน"
ขมังเวทย์ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด หน้ากากเป็นรอยใกล้แตก ขมังเวทย์เบิกตากว้างเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นใบหน้าที่แท้จริง
“ใครอนุญาตให้เข้ามาในนี้ !”
เสียงรวิดังขึ้น ทุกคนหันไปทางรวิ
“พวกถูกสั่งพักงาน..ไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่”
“พวกเราวางแผนล่อจับตัวคนขโมยศาสตราวุธ”

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[3] วันที่ 24 ธ.ค. 55

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2 ผลิตโดย : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manage