@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 30 ธ.ค. 55

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 30 ธ.ค. 55

“แสดงว่าเนื้อหาสกู๊ปนี้คงสำคัญน่าดู”
“สำคัญค่ะ สำคัญมากด้วย”
“ทุกอย่างเป็นดาบสองคมเสมอนะน้ำใส ยิ่งสกู๊ปนั้นสำคัญมากแค่ไหน คุณจะยิ่งเป็นอันตรายถ้าไม่รีบนำเสนอ”
“ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลงกับ ผบ.นภาค่ะ”
“ผมเข้าใจ ... ก็แค่เตือนด้วยความเป็นห่วง ผมไม่อยากเสียนักข่าวมือดีเพราะอำนาจมืดไปอีกคน”
เอกวีร์เดินเข้าไปแตะที่ไหล่น้ำใส
“ระวังตัวหน่อยนะ”

“ขอบคุณค่ะบอกอ”
เอกวีร์เดินออกไป น้ำใสสีหน้าครุ่นคิดตามคำพูดของเอกวีร์

น้ำใสลงลิฟท์มาจากชั้นบน กำลังจะกลับบ้าน เดินผ่านยามคนหนึ่งที่ยิ้มให้
“กลับดึกเชียวครับคุณน้ำใส”
“เคลียร์ตัดต่อเทปน่ะจ้ะ”
น้ำใสยิ้มทักทายกับยาม แล้วเดินออกไปทางด้านนอกสำนักงานฯ



น้ำใสเดินฝ่าความมืดไปตามอาคารในที่จอดรถที่มืดสนิท และไม่มีคน ที่มุมมืด เหล่าร้าย 2 คน กำลังรายล้อมน้ำใสไว้ โดยเธอไม่รู้ตัว
เสียงโทรศัพท์มือถือน้ำใสดังขึ้น เธอยกขึ้นมาดูเห็นเป็น Private Number ..
น้ำใสนิ่วหน้าอย่างสงสัยแล้วจึงรับ
“สวัสดีค่ะ น้ำใสพูด...”
จักรกำลังพูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเหี้ยม
“เธอคงรู้ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร”
น้ำใสชะงักนิดหนึ่งด้วยความตกใจ เหลียวมองรอบตัวด้วยความระแวดระวัง
“รองจักร”
“จำได้ ! งั้นเธอคงยังจำได้ว่าทำอะไรไว้กับฉันบ้าง”
“ฉันไม่ได้ทำอะไร จู่ๆ ท่านก็หมดสติไปเองก่อนที่ฉันจะสัมภาษณ์สด”
“ฉันไม่โง่ !”
น้ำใสระงับสติอารมณ์ให้ไม่หวาดกลัว ตอบโต้พูดด้วยน้ำเสียงกร้าว
“ท่านโทรมาต้องการอะไร”
“แค่อยากจะเตือนสติ ! เธอคิดผิดที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉัน ! จะเปลี่ยนใจก็ยังไม่สาย”
“ด้วยวิธีไหน”
“ฉันรู้มาว่าเธอมีสกู๊ปพิเศษสัมภาษณ์ ผบ.นภาก่อนที่มันจะหนีออกไปจากเนติเทคฯ”
“ข่าวเร็วจริงๆ นะคะ”
“เอาเทปนั้นมาให้ฉัน ถ้าเธอเปลี่ยนใจเลือกให้ถูกข้าง ฉันจะให้อภัยในทุกๆ เรื่อง และเธอยังจะได้ผลประโยชน์มากกว่าที่คิด”
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่คิดเปลี่ยนใจ เลือกอยู่ข้างคนชั่ว ศรัทธาในความดีของฉันยังเหลืออยู่ ฉันไม่เคยลืมคุณค่าของการเป็นมนุษย์”
“เก่งให้เหมือนปากนะ ! แล้วเธอจะรู้ว่า.. ศรัทธาผิดๆนำมาซึ่งความตาย”
จักรวางหูโทรศัพท์ไปทันที น้ำใสเริ่มใจไม่ค่อยดี มองซ้ายขวารอบๆ ตัว แล้วรีบก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เหล่าร้ายที่ก้าวตามน้ำใสไปติดๆ

น้ำใสรีบเดินเร็วๆ มาที่รถ ด้านหลัง ชายคนหนึ่งเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำใสชะงักเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังตามมา เธอหยุดเดินเหลียวหลังกลับไปมองแต่ไม่พบใคร ที่ด้านหลังมีแต่ความมืดและแสงไฟส่องสว่างตามทางเดินเท่านั้น
น้ำใสถอนหายใจยาวด้วยความเครียด หันหลังกลับเดินต่อไป
ชายคนเดิมเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดชายคนนั้นเอื้อมมือมาดึงไหล่น้ำใส น้ำใสสะดุ้งสุดตัว
“ว๊าย”
“ขอโทษครับคุณน้ำใส”
“น้ามิ่ง”
“เอกสารจาก บก.โต๊ะข่าวการเมือง ผมลืมให้คุณครับ”
น้ามิ่ง ยามส่งซองเอกสารน้ำตาลให้ น้ำใสรับมา
“ขอบคุณน้ามิ่งมากค่ะ”
“ขับรถกลับระวังๆ นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำใสยิ้มให้ยามแล้วจึงเดินออกไป เธอนึกว่าไม่มีอันตรายอะไรแล้ว
พอยามหันหลังจะเดินกลับไป ก็ต้องชะงักตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เหล่าร้าย 2 คนยืนประจันหน้ากับยาม เหล่าร้ายคนหนึ่งตรงเข้าชาร์จตัวยาม กระหน่ำแทงจนร่างยามทรุดลงแทบพื้น เลือดไหลนอง
เหล่าร้ายเดินก้าวข้ามตัวยามออกไป ตรงเข้าไปยังน้ำใสที่กำลังจะถึงรถตัวเอง

น้ำใสเดินมาถึงที่รถ กดปุ่มรีโมทเปิดประตูรถ กำลังจะก้าวขึ้นไปบนรถ แต่กลับโดนกระชากตัวกลับมาทางด้านหลัง เธอนึกว่าเป็นยามคนเดิม น้ำใสยิ้มแย้มถาม
“ลืมอะไรอีกเหรอจ๊ะน้ามิ่ง”
น้ำใสชะงักไปทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเหล่าร้าย 2 คน คนหนึ่งตรงเข้าไปตบเธอจนหน้าหันล้มคว่ำไป
อีกคนตรงเข้าไปจะจับตัวเธอ ฉุดกระชากให้ออกไปด้วยกัน แต่โดนน้ำใสเหวี่ยงกระเป๋ากระแทกเต็มแรง
เหล่าร้ายล้มคว่ำไปอีกทางหนึ่ง
น้ำใสต่อสู้กับเหล่าร้ายทั้งสองเพราะได้ฝึกยูโดกับแสงกล้ามาก่อนหน้านี้ เธอมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้กับเหล่าร้ายได้ง่ายๆ ต่อสู้ด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
เธอนึกถึงคำพูดของแสงกล้า ขณะกำลังสอน
“คู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่จะมีปัญหาเรื่องการทรงตัว เธอต้องรู้จักโจมตีที่จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ ไม่เข้าปะทะตรงๆ แต่ใช้แรงของคู่ต่อสู้ เป็นกำลังส่งให้ทำร้ายตัวมันเอง”
แสงกล้าสอนให้น้ำใสทุ่มจนน้ำใสสามารถทุ่มแสงกล้าลงไปได้หลายครั้ง
ที่บริเวณลานจอดรถ น้ำใสล้มตัวลงถีบเหล่าร้ายคนหนึ่งที่ลอยข้ามตัวเธอ ตรงเข้าไปปะทะกับเหล่าร้ายอีกคนจนล้มกลิ้งไปด้วยกัน น้ำใสรีบก้าวขึ้นรถตัวเอง แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เหล่าร้ายพยายามวิ่งตามแต่ไม่ทันแล้ว เพราะน้ำใสเลี้ยวรถอย่างรวดเร็วออกไปจากอาคารจอดรถ

น้ำใสถอนหายใจยาวเหมือนโล่งอกที่หนีออกมาได้ รำพึงออกมากับตัวเองขณะขับรถอยู่ที่ถนน
“แสงกล้า วันนี้ฉันรอดเพราะสิ่งที่นายสอนอีกจนได้”
“แน่ใจแล้วเหรอว่ารอด !”
น้ำใสชำเลืองมองไปที่กระจกหลัง หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่ามีเหล่าร้ายอีกคนหนึ่งผุดขึ้นมาจากเบาะหลัง ชะโงกเอาปืนพกมาจ่อเธอไว้ในระยะกระชั้นชิด
“ขับรถต่อไปเรื่อยๆ อย่าตุกติก ระยะแค่นี้ฉันยิงไม่พลาดแน่”

รถของคมศรแล่นมาบริเวณหน้าคอนโดฯ กำลังจะเลี้ยวไปหาที่จอดรถ คมศรมองไปที่บริเวณหน้าคอนโดแล้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัย เขาเห็นน้ำใสเดินอยู่บริเวณโถงโปร่งของคอนโดฯ โดยมีคนร้ายคนหนึ่งเดินประกบอยู่ทางด้านหลัง แต่คมศรไม่เห็นว่า น้ำใสโดนเอาปืนจ่ออยู่
น้ำใสท่าทางกระอักกระอ่วน เมื่อยามที่นั่งบริเวณเคาน์เตอร์คอนโดฯยิ้มทัก คนร้ายสีหน้าเหี้ยมจ้องเขม็ง เขารู้สึกผิดสังเกตอะไรบางอย่าง

บริเวณชั้นล่าง โถงกลางคอนโดฯ น้ำใสชำเลืองมองไปที่คนร้ายเพื่อหาทางออกให้กับตัวเอง เธอเห็นถังดับเพลิงอยู่ที่กำแพงถัดไกลออกไป
เสียงโทรศัพท์มือถือน้ำใสดังขึ้น น้ำใสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง
“รับโทรศัพท์... อย่ามีพิรุธ !”
น้ำใสรับโทรศัพท์
“น้ำใสพูดค่ะ”
ลับเหลี่ยมผนังด้านหนึ่ง คมศรกำลังพูดโทรศัพท์
“ผมคมศร... คุณคงจำผมได้”
น้ำใสชะงักไปนิดหนึ่ง จ้องมองคนร้ายด้วยความหวาดๆ
“คุณ... เอ้อ จำได้ค่ะ มีอะไรเหรอคะ โทรมาดึกๆ ดื่นๆ”
น้ำใสชำเลืองมองไปทางคนร้าย ขณะที่คนร้ายจ้องมองมาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
คมศรจ้องไปเบื้องหน้าพร้อมๆ กับพูดโทรศัพท์
“ผมอยู่ในโถงคอนโดฯ นี่แหละ รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ”
“เอ้อ... เหรอคะ”
“คุณกำลังตกอยู่ในอันตรายใช่มั้ย ถ้าใช่... เบี่ยงตัวไปทางซ้าย ค่อยๆ ทำนะ... อย่าทำให้มันสงสัย”
น้ำใสสูดลมหายใจแรง ตัดสินใจทำเป็นเดินสะดุดเหมือนจะเสียหลัก แล้วแกล้งอุทาน
"อุ๊ย"
คนร้ายกระชากร่างน้ำใสขึ้นมา
"เดินให้มันดีๆ หน่อย"
น้ำใสชำเลืองมองไปที่คนร้ายที่ไม่ได้สงสัยอะไร
คมศรชะงัก รับรู้ได้ว่าน้ำใสกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาหยิบปืนมากระชากลูกเลื่อน พร้อมๆ กับตัดสินใจหยิบวิทยุสื่อสารออกมา
“191 ... ผม คมศร เลขาท่านนายกฯ พบเหตุผิดปกติที่คอนโดฯ.....ถนน.....ส่งสายตรวจมาด่วน”
แล้วจู่ๆ คนร้ายก็หันขวับไปด้านผนังที่คมศรหลบอยู่ พอเห็นคมศร คนร้ายก็ยกปืนยิงออกไปยังคมศร เปรี้ยงๆ ๆ เขาหลบวูบ ยิงกระหน่ำต่อสู้กับคนร้าย เปรี้ยงๆ ๆ
คนร้ายกระชากร่างน้ำใสมาเป็นเกราะกำบังตัวเอง พยายามจะหนีออกไปจากตรงนั้น
น้ำใสชำเลืองมองคนร้ายที่กำลังต่อสู้อยู่ตลอดเวลา เมื่อคนร้ายกระชากร่างเธอมาถึงบริเวณกำแพงที่มีถังดับเพลิงอยู่ น้ำใสตัดสินใจสะบัดร่างออกจากคนร้ายเต็มแรง จนคนร้ายเสียหลัก
คนร้ายบันดาลโทสะ วาดปืนในมือจะยิงเข้าใส่น้ำใส แต่ไม่ทันแล้วเพราะน้ำใสกระชากถังดับเพลิงออกมาจากกำแพง กดปุ่มพ่นน้ำยาเข้าใส่หน้าคนร้ายแบบเต็มๆ
“อ๊าก”
คนร้ายที่มองอะไรไม่เห็น กระหน่ำยิงปืนในมือแบบไม่นับ เปรี้ยงๆๆ น้ำใสพุ่งตัวหลบแทบไม่ทัน
คมศรโดดออกมายิงเข้าใส่คนร้ายเพื่อป้องกันน้ำใส เปรี้ยง !
กระสุนเจาะเข้ากระโหลกคนร้าย ล้มคว่ำ ตายคาที่ไป
คมศรมองตามร่างคนร้ายอย่างเท่ๆ แล้วหันไปมองน้ำใสที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว หลบอยู่ที่มุมด้านหนึ่ง
"เป็นยังไงบ้าง"
“คุณ... คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“อย่าเพิ่งสงสัยเลย ทฤษฎีความบังเอิญเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เจ็บที่ไหนบ้างมั้ย"
“เอ้อ... ไม่ค่ะ”
ตำรวจสองนายเข้ามาที่โถงพอดี คนหนึ่งตรงเข้าไปดูสภาพศพของเหล่าร้าย อีกคนหนึ่งตรงเข้ามายังคมศรและน้ำใส เธอชะงักรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อถูกเขาประคอง

ดาหลานำเรื่องมารายงานให้จักรทราบ จักรมีสีหน้าไม่พอใจมาก
“แค่นักข่าวคนเดียวยังทำงานพลาด”
“มันแกร่งกว่าที่เราคิดเยอะ” ดาหลาบอก
“ส่งคนไปจัดการมันอีกครั้ง ยังไงฉันก็ต้องได้วิดีโอสัมภาษณ์นังนภา”
“ทำอะไรตอนนี้คงไม่เหมาะ ตอนนี้นังนักข่าวมันอยู่กับเลขาคมศร”
“ไอ้คมศร”
“เราคงต้องหยุดตามนังนักข่าวไปก่อน รอจนถึงเวลาที่เหมาะสม”
จักรไม่พอใจ

ผ่านเวลาเล็กน้อย บริเวณโถงคอนโดฯ ศพของคนร้ายถูกรูดซิปปิด เจ้าหน้าที่มูลนิธิแบกนำร่างออกไป ทางด้านข้าง น้ำใสได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากบุรุษพยาบาล ตำรวจกำลังสอบปากคำคมศรที่อยู่ด้านไกลออกไป คมศรให้ปากคำเสร็จก็เดินมาหาน้ำใส บุรุษพยาบาลบอกกับคมศร
“มีแค่รอยพกช้ำ แฟนท่านเลขาไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
"ขอบใจมาก"
น้ำใสรีบหันไปทางพยาบาลจะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกับคมศร แต่บุรุษพยาบาลยิ้มๆ เดินออกไปแล้ว
“ทำไมไม่บอกเค้าว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” น้ำใสถาม
คมศรยิ้มๆบอก
“ผมคงชินกับการโดนเข้าใจผิด”
น้ำใสทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นักกำลังจะหันไปต่อว่าคมศรต่อ แต่ตำรวจเดินเข้ามาขัดจังหวะก่อน
“พรุ่งนี้เช้า คงต้องรบกวนท่านเลขาพาแฟนไปให้รายละเอียดที่ท้องที่อีกครั้ง วันนี้ไปพักผ่อนได้แล้วล่ะครับ”
น้ำใสหันขวับไปจะปฏิเสธ แต่เห็นรอยยิ้มของตำรวจที่จ้องมาแล้วพูดไม่ออก
“ดึกมากแล้ว ผมไปส่งคุณที่ห้องเอง” คมศรบอก
น้ำใสกำลังจะต่อว่าเขา แต่เขาคว้ามือเธอดึงมาจับไว้แล้วจูงออกไปจากตรงนั้น เธอมีท่าทางอึกอักเล็กน้อยแต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมเดินออกไปกับเขา
คมศรจูงมือพาน้ำใสเดินออกไป

คมศรเดินนำน้ำใสเข้ามาในลิฟท์อย่างอารมณ์ดี น้ำใสกดลิฟท์แล้วมองหน้าคมศร
“ปล่อยให้เข้าใจผิดแบบนั้นแหละดีแล้ว”
"ทำไมคะ"
“ตำแหน่งงานที่ผมทำอยู่ อาจจะทำให้คุณได้รับความสะดวกมากขึ้น รองจักรคงจองเวรคุณไม่เลิกแน่ๆ”
น้ำใสชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนคล้อยตามคำพูดของคมศร
“ฉันละเบื่อกับระบบอุปถัมภ์จริงๆ ประชาชนจะมีทางเลือกบ้างได้มั้ย คนที่มีเส้นสายมักจะได้รับความสะดวกมากกว่าคนธรรมดา”
“ผมก็เบื่อ แต่ต้องทำใจให้ยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ คงต้องหวังกับคนรุ่นใหม่ที่จะพัฒนาบ้านเมืองให้หลุดพ้นจากระบบทุนนิยมแบบเก่าๆ”
"อีกนานเท่าไหร่ล่ะคะ"
"คงไม่นานหรอก ถ้าจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ เลิกนับถือคนจากฐานะและตำแหน่งแต่ให้ความสำคัญกับ ความดี”
คมศรถอนหายใจเหมือนเป็นเรื่องที่ตอบยาก มองไปที่ชั้นที่น้ำใสกด
คมศรเปลี่ยนเรื่องพูด
“คุณอยู่ชั้น 17 เหรอ”
"ใช่ค่ะ...มีอะไรเหรอคะ"
น้ำใสพยักหน้ารับคำ คมศรยิ้มๆ ไม่ตอบ

ประตูลิฟท์เปิดออก น้ำใสเดินนำคมศรออกมาที่ห้องพักพร้อมๆ กับรื้อค้นหากุญแจห้องพักตัวเอง
“นี่เราอยู่คอนโดฯ เดียวกัน คุณอยู่มานานรึยัง”
"ตั้งแต่เปิด" คมศรบอก
“อ้าว... เหมือนกันเลย แล้วทำไมเราไม่เคยเจอกัน”
คมศรยิ้มๆบอก
“คงยังไม่ถึงเวลามั้ง"
น้ำใสยังคงรื้อหากุญแจห้องอยู่
“คุณอยู่ชั้นไหนคะ”
คมศรยิ้มๆ ยังไม่ทันจะไม่ตอบ น้ำใสเดินนำคมศรมาจนถึงหน้าห้องพักตัวเองด้วยท่าทางหงุดหงิดที่หากุญแจไม่เจอ
"ตายๆ ๆ โก๊ะอีกแล้วนังน้ำใส"
“เกิดอะไรขึ้น”
“เฮ้อ... วันนี้จะได้หลับได้นอนมั้ยเนี่ย ฉันลืมกุญแจห้องไว้ที่สถานีฯ คงต้องกลับไปเอา”
“ให้ส่วนกลางเอากุญแจสำรองมาไขให้ก็ได้”
"ได้ด้วยเหรอ ฉันไม่เคยรู้"
คมศรยิ้มบอก
“เชื่อแล้วว่าโก๊ะจริง เอาอย่างนี้...เดี๋ยวคุณไปนั่งรอในห้องผมก่อน ผมจะโทรตามส่วนกลางมาเปิดห้องให้คุณ"
“ขอบคุณค่ะ...”
น้ำใสจะเดินนำไปแล้วชะงัก ยิ้มเขินๆ
“แหะๆ ห้องคุณอยู่ชั้นไหนล่ะคะ”
คมศรยิ้มๆ ไม่ตอบ เขากลับเดินไปที่ห้องข้างๆ ติดกับห้องน้ำใส หยิบกุญแจมาเปิดออก
“คุณอยู่ข้างห้องฉัน”
"เชิญครับ...”
คมศรเปิดประตูห้องกว้างพร้อมกับโบกมือเชิญให้น้ำใสเดินเข้าไปในห้อง

น้ำใสเดินสำรวจดูไปทั่วๆ ภายในห้องคมศร เห็นรูปถ่ายของคมศรกับแพรไพลินวางอยู่หลายรูป แต่ละรูปบ่งบอกว่าทั้งคู่สนิทกันมากแค่ไหน คมศรวางโทรศัพท์แล้วหันมาบอกน้ำใส
“เดี๋ยวแม่บ้านจะมาเปิดประตูให้”
"ขอบคุณค่ะ"
น้ำใสหันมองดูไปทั่วๆ ห้องต่อไป
“สำรวจทั่วรึยัง... อยากสำรวจห้องไหนเพิ่มอีกมั้ย”
น้ำใสหัวเราะเขินๆ
“แหะๆ ไม่แล้วค่ะ คุณกับดอกเตอร์แพรไพลินสนิทกันมากจริงๆ นะคะ ทั้งห้องมีแต่รูปของหมอแพร”
คมศรชะงักอึ้งไปนิดหนึ่ง สะเทือนใจที่ต้องพูดถึงปมรักข้างเดียวของตัวเอง น้ำใสชี้ไปที่รูปๆ หนึ่ง "รูปนี้น่ารักดีนะคะ"
“ถ่ายตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่อเมริกา ผมสนิทกับเธอตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ”
น้ำใสนิ่งๆ คิดถึงตัวเอง
“คงเหมือนฉัน... ฉันกับแสงกล้าโตมาด้วยกันในมูลนิธิเด็กฯ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ฮึๆ แล้วก็คงเป็นเพราะเป็นเพื่อนเล่นกันมานี่แหละ เค้าถึงไม่เคยคิดว่าฉันเป็นอย่างอื่นเลย นอกจาก...”
น้ำใสพูดไม่ออก
“เพื่อน”
น้ำใสฝืนยิ้มพยายามทำใจ
“การที่คนเราจะรักใครสักคนเนี่ย มันหาเหตุผลให้เข้าใจยากจริงๆ นะคะ"
“คงยากพอๆ กับที่จะทำใจให้ เลิกรักใครสักคน” คมศรบอก
“แสดงว่าเราสองคนเข้าใจซึ่งกันและกันนะคะ แอบรักเพื่อนสนิท... ฮึๆ”
“คุณเก่งที่ยังยิ้มได้ ทั้งที่พูดเรื่องน่าสะเทือนใจ”
“ทำไมต้องเศร้าด้วยล่ะคะ แค่เราสบายใจที่เห็นเค้ามีความสุข มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว คุณเองก็เก่ง ไม่เห็นคุณจะเศร้าเลยสักนิดที่เห็นอดีตแฟนหันไปรักคนอื่น"
“ผมคงเป็นพวกเก็บความรู้สึก มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันดีกว่า แค่มีความสุขที่วันนี้ยังมีเธออยู่เคียงข้าง ผมก็สบายใจมากแล้ว”
เสียงกดกริ่งหน้าห้องคมศรดังขึ้น
“แม่บ้านคงมาเปิดประตูห้องให้ฉันแล้ว” น้ำใสบอก
“ไปกันเถอะ... คุณจะได้พักผ่อน”
คมศรเดินนำน้ำใสออกไป

ทางเดินหน้าห้องพัก แม่บ้านส่วนกลางไขกุญแจเปิดห้องให้น้ำใส
"ขอบใจมาก" คมศรบอก
คมศรเอาเงินใส่มือให้แม่บ้าน แม่บ้านเดินออกไป น้ำใสกำลังจะเดินเข้าไปในห้องหันมาหาคมศร
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ วันนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ยินดีที่มีคุณเป็นเพื่อนตายอีกคนหนึ่งค่ะ”
น้ำใสส่งมือให้คมศรจับแบบแมนๆ ทั้งสองจับมือแล้วมองหน้ากัน
“เพื่อน? ผมชอบคำๆ นี้จัง ชักจะคุ้นเคยกับมันยังไงไม่รู้ ระวังตัวให้ดีด้วย ฝ่ายตรงข้ามรู้แล้วว่าคุณเลือกอยู่ข้าง ผบ.นภา”
"ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ ท่านเลขาฯ ก็ระวังตัวไว้บ้างนะคะ"
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม น้ำใสปิดประตูห้อง คมศรมองตาม

น้ำใสปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา นิ่งคิดนิดหนึ่ง
"ท่านเลขาคมศร... มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี่ย"
น้ำใสยิ้มๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก

เวลาเช้ามืดใกล้สว่างที่วัดร้าง นภายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าเชิงตะกอนที่ใช้เผาร่างของเมฆา แววตาเธอหม่นหมองเต็มไปด้วยความเศร้า
เชิงตะกอนยังมีเถ้าถ่านแดงๆ ให้เห็น ควันลอยจางๆ

บริเวณวัดร้าง แสงกล้ายังคงนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน เขาเอามือจับวัชระที่ห้อยคออยู่ จ้องมองอย่างครุ่นคิด รอบๆ ข้างแสงกล้า สมิง จ่าหวาน และ ดาบแหบ ต่างหลับอยู่ตามมุมต่าง ๆ

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์[2] วันที่ 30 ธ.ค. 55

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2 ผลิตโดย : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manage