@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 30 ธ.ค. 55

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 30 ธ.ค. 55

ร่างของเมฆาสั่นสะท้านไปตามแรงกระแทก และตกลงไปในน้ำพร้อมกับเสียงกระสุนนัดสุดท้าย.....เปรี้ยง ! ร่างของเมฆาจมลงไปในน้ำ
อีกด้านหนึ่ง สมิงโผล่ออกมาด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง ปรอทกรอที่ห้อยอยู่สั่นระรัวเร็ว
อินทนนท์หันมองไปตามร่างเมฆาด้วยสีหน้าตกใจมาก
“จ่าสมิง...”
“มันไม่ใช่ท่านนายกฯ...แค่เป็นร่างที่ไร้วิญญาณ”
“แต่แพรไพลินเป็นคนผ่าตัดเอากระสุนออกจากร่างนี้เอง เราปฐมพยาบาลจนดอกเตอร์เมฆาฟื้นขึ้นมานะจ่า” อินทนนท์บอก

“ดอกเตอร์เมฆาตัวจริงตายไปแล้ว”
แสงกล้ากับอินทนนท์สีหน้าเหมือนไม่เชื่อที่สมิงพูด

เมื่อวิญญูถือจักระนารายณ์ชูขึ้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ฯ
“ทันทีที่พญามารได้จักระนารายณ์.. มันก็สามารถทำให้ดอกเตอร์เมฆาจบชีวิต วิญญาณออกจากร่าง”


ในห้องผ่าตัด ร่างเมฆาสะบัดอย่างเต็มแรง ในขณะที่แพรไพลินกับกุ๊บกิ๊บกำลังมองภาพกระสุนในจอฯ
บริเวณริมน้ำ แสงกล้ามีสีหน้าแปลกใจ
“แล้วร่างเมื่อกี้เป็นใคร”
“พญามารมันใช้อำนาจจิต อวตารบังคับร่างที่ไร้วิญญาณของดอกเตอร์เมฆาให้ทำทุกอย่างตามต้องการ”

ภายในโถงขมังเวทย์ วิญญูนอนอยู่บนแท่น ที่รายล้อมร่างด้วยศาสตราวุธทั้งสี่ วิญญูกำลังทำการบังคับร่างที่ไร้วิญญาณของเมฆาอยู่ในระยะไกล
ร่างของเมฆาที่ตกลงไปในพื้นน้ำ ลืมตาลุกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง แววตาเหี้ยมดูน่ากลัว

ทั้งหมดยังนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมน้ำ จ่าสมิงบิดตัวไปมาด้วยท่าทางเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย จ่าหวานกับ
ดาบแหบช่วยกันพยาบาลผู้การอินทนนท์ ทั้งหมดกำลังคุยกันเรื่องราวเหตุการณ์ที่ผ่านมา
แสงกล้าเห็นอาการสมิงแล้วนึกสงสัย
“แล้วจ่าหายไปไหนมา... ทำไมเพิ่งโผล่”
“โฮ... ขอบคุณสักนิดก็ไม่มี เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้วนะ”
“ตอบมาสิ... ตอนที่เสี่ยงกันแทบตาย หายไปไหน !”
“ไปขัดขวางไม่ให้มันได้จักระนารายณ์”
“แล้วสำเร็จมั้ย”
“ไม่...” สมิงตอบอย่างอึดอัดใจ

เวลาที่ผ่านมา ในเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างสมิงกับวิญญู จนรถมอเตอร์ไซค์สมิงลอยเคว้งโดนลูกไฟชนระเบิด..ตูม !
“วิญญูมันรู้ทัน... เล่นงานซะเกือบแย่”
อีกมุมหนึ่งจ่าสมิงดีดตัวเองออกมาจากรถมอเตอร์ไซค์ได้ทัน โดยประกายแสงไฟที่ลุกโชนของลูกไฟทำให้วิญญูมองไม่เห็นร่างสมิงที่ตกลงมาที่พุ่มไม้ด้านหนึ่ง
สมิงสะโหลสะเหลลุกขึ้นมาแอบมองจากข้างพุ่มไม้ไปเห็นรถมอเตอร์ไซค์ลุกไหม้ วิญญูกำลังหยิบจักระนารายณ์ขึ้นมาจากกระเป๋าโลหะบนพื้นถนน

จ่าสมิงหันหลังให้ริมน้ำกำลังคุยกับแสงกล้ากับอินทนนท์
“ยังโชคดีที่ตามมาช่วยหมวดกับผู้การอินทนนท์ได้ทัน ร่างที่เราต่อสู้ด้วยมันก็แค่ซากศพของดอกเตอร์เมฆา ท่านนายกฯ ตายไปแล้ว”
ทันทีที่สมิงพูดจบ...ปรอทกรอที่ห้อยคออยู่ ฉับพลันสั่นรัวอีกครั้ง ! สมิงตกใจ
ร่างเมฆาทะยานขึ้นมาจากน้ำ เหยียดแขนตรงกำลังจะยิงเข้าใส่สมิง ...
ทุกคนหันไปมองด้วยสีหน้าตกใจมาก พร้อมๆ กับเสียงกระสุนดังสนั่น ... เปรี้ยง ! ทั้งหมดหันขวับไปมองร่างเมฆา กระสุนเจาะที่กลางหน้าผาก ร่างชะงักไปแล้วหงายหลังล้มลงทั้งยืน
ด้านตรงข้ามกัน นภาถือปืนเหยียดตรง เธอเป็นคนลั่นกระสุนเข้าใส่ร่างเมฆาด้วยตัวเอง ตัวสั่น แววตาเธอเครียดน้ำตาคลอเบ้า
“มันไม่ใช่เมฆา ! เมฆาตายไปแล้ว” นภาเสียงแผ่ว
นภาทรุดฮวบลงไปทันที อินทนนท์ตรงเข้าไปประคองร่างเธอไว้
ที่ลำตัวของนภาเห็นได้ชัดว่าใส่เสื้อเกราะไว้ ดังนั้น เมื่อเมฆาถูกวิญญุใช้อำนาจจิตบังคับให้ยิงเข้าใส่เธอจึงไม่เป็นไร เสื้อเกราะมีรอยกระสุนอยู่หลายนัด...
“นภา... คุณเป็นอะไรมากมั้ย”
อินทนนท์หันไปสั่งจ่าหวาน
“ดูแล ผบ.นภาด้วย...”
จ่าหวานกับดาบแหบรีบเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้น ปรอทกรอที่คอสมิงกลับมาสั่นรัวอีกครั้ง ร่างเมฆาที่โดนยิงเจาะกะโหลก ตาที่หลับอยู่... เบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ฆ่ายังไงก็ไม่ตายเพราะมันไม่ใช่คน... นี่เป็นแค่ซากศพที่ไร้วิญญาณ”
จ่าสมิงตรงเข้าไปหาแสงกล้า กระชากสร้อยล็อกเก็ตของแสงกล้าออกมา แล้วเคลื่อนที่เร็ว..พุ่งตรงเข้าไปหาร่างเมฆา
“ทางเดียวที่จะตัดอำนาจจิตวิญญูต้องใช้สร้อยเส้นนี้”
สมิงดึงตวัดสายสร้อย รัดเอาล็อกเก็ตผูกไว้ที่คอเมฆา ดวงจิตของวิญญูโดนเหวี่ยงออกไป ร่างเมฆาล้มคว่ำลงไปทันที

วิญญูลุกพรวดขึ้นมาทันที...รับรู้ได้ว่า สร้อยเส้นนั้นของแสงกล้ามีอำนาจบางอย่างอยู่ เขาหันไปมองเทวาศาสตราวุธทั้งสี่ แล้วนิ่วหน้าเหมือนกำลังใช้สมองคิดอะไรบางอย่าง

เช้าวันใหม่ ภายใน ห้องส่งสกายนิวส์เน็ตเวิร์ค ภาพอินเตอร์ลูดไตเติ้ลข่าวภาคเช้า... น้ำใสยืนวิเคราะห์ข่าวอย่างเข้มข้น เบื้องหน้าเป็นภาพกราฟฟิคใบหน้าของดร.เมฆา ฐานรัฐในชุดสูท ขณะที่เป็นนายกฯ พร้อมตัวอักษร “ถล่มเนติเทค !ชิงร่างดร.เมฆา”
“ถึงแม้จะยังไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่เราเชื่อได้แน่นอนแล้วว่า... เมื่อคืนนี้เกิดการแย่งชิงร่าง ดอกเตอร์เมฆา ฐานรัฐ ออกจากสถาบันเนติเทคโนโลยี โดยในเบื้องต้น แหล่งข่าวยืนยันว่าการผ่าตัดนำกระสุนออกจากร่างดอกเตอร์เมฆาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ยังไม่มีใครรับรองได้ว่าท่านนายกฯ
ปลอดภัย และตอนนี้อยู่ที่ไหน”
น้ำใสรายงานด้วยสีหน้าจริงจัง

บริเวณโถงนิติเทคฯ คมศรก้าวออกมาจากลิฟท์เนื่องจากได้รับการปล่อยตัว กองทัพนักข่าวต่างกรูเข้าไปจะสัมภาษณ์คมศร แต่โดนเจ้าหน้าที่กันตัวออกไป
“ในขณะเดียวกันมีการปล่อยตัวนายคมศร สุริยน ... เลขาส่วนตัวของนายกฯเมฆา หลังจากก่อนหน้านี้ถูกควบคุมตัวเพื่อสอบสวนเรื่องวัตถุโบราณที่หายไป”
คมศรพยายามแหวกวงล้อมนักข่าวออกไป แม้จะไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผลนัก
บริเวณระเบียง พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ยืนมองเหตุการณ์ด้านล่างอยู่ เธอหันมามองจักร อมตฤทธาที่ยืนอยู่ข้างๆ กันโดยมีดาหลาอารักขาอยู่
“ปล่อยตัวนังแพรไพลินกับไอ้คมศรออกไป ท่านแน่ใจแล้วเหรอคะ” รวิถาม
“ยังไงเราก็เอาผิดมันไม่ได้ ปล่อยมันไปถือเป็นการสร้างโอกาส”
“สร้างโอกาส” ดาหลาว่า
“ไอ้คมศรต้องติดต่อนังนภากับพวก จะทำให้เรารู้ว่าพวกมันหลบอยู่ที่ไหน” จักรบอก
รวิคิดนิดหนึ่งแล้วบอก
“ตราบใดที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ มันต้องตามตอแยเราไม่เลิก ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ...”
“ชิงลงมือกับพวกมันก่อน ในเวลาที่เราอยู่เหนือกว่าในทุกด้าน”
จักรสีหน้าเหี้ยมจ้องไปยังคมศรที่เดินออกไปจากห้องโถงด้านล่าง

กลุ่มนักข่าวกรูเข้ามาจะสัมภาษณ์
“ท่านเลขาครับ.. ท่านถูกจับกุมเพราะอะไรครับ” นักข่าวคนหนึ่งถาม
นักข่าวคนที่ 2 ถาม
“ที่ได้รับการปล่อยตัวแบบนี้แสดงว่าท่านไม่ผิดใช่มั้ยคะ”
คมศรหยุดเดินหันมาพูดกับนักข่าวด้วยมาดขรึมๆ
“ผมไม่ได้ถูกจับ ผมยังดำรงตำแหน่งเลขาท่านนายกฯเมฆาและรองจักร เรื่องที่พวกคุณรู้มาก็แค่ข่าวลือ”
“แล้วเรื่องที่ดอกเตอร์เมฆาหายไปล่ะครับ”
“ตอนนี้ผมแค่ยืนยันได้เพียงว่า ดอกเตอร์เมฆาปลอดภัยจากการผ่าตัดและยังมีชีวิตอยู่”
“หมายความว่าท่านเลขายังไม่รู้ใช่มั้ยครับว่าดอกเตอร์เมฆาอยู่ที่ไหน” นักข่าวคนที่ 2 ถามต่อ
“เราจะแถลงข่าวอีกครั้งเมื่อพร้อม... ขอบคุณสื่อทุกท่านครับ”
คมศรเดินออกไปทันที เจ้าหน้าที่ฯ กันนักข่าวออกไป คมศรเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ศพเมฆานอนนิ่งอยู่ในบริเวณเก็บศพเก่าของวัดร้างแห่งหนึ่ง นภายืนเคียง สายตาจ้องมองไปยังร่างที่ไร้วิญญาณของเมฆาด้วยสายตาหม่นหมองและเศร้าสลด น้ำตาคลอเบ้า เพราะยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของคนรัก
นภาเสียงแผ่วพึมพำ
“เมฆา... คุณตายไปจากฉันแล้วจริงๆ ใช่มั้ย”
นภาทรุดตัวลงกอดร่างไร้วิญญาณของเมฆาไว้ ร้องไห้ แม้จิตใจจะเข้มแข็งเพียงใด แต่เธอยังคงรับไม่ได้กับการจากไปเช่นนี้
“คุณคือตัวแทนของความดีงาม คือความหวังและศรัทธาในการสร้างความดี คุณต้องมาตายแบบนี้ ... มันยุติธรรมแล้วเหรอ”
มุมหนึ่งของวัด แสงกล้ามองภาพนี้ด้วยแววตาเห็นใจและเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ไม่ยุติธรรม...โลกไม่ยุติธรรม !”
นภาน้ำตานองหน้าด้วยความเศร้าใจ เธอไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายจากการสูญเสียในครั้งนี้ หากแต่เศร้าและสะเทือนใจกับการจากลา และความผิดหวังกับความเชื่อเรื่องความดีมาโดยตลอด

มุมสวยในวัดร้าง จ่าหวานกับดาบแหบยืนเฝ้าระวังอยู่ทางด้านหนึ่งไกลออกไป สมิงถือล็อกเก็ตของแสงกล้าอยู่ในมือ เขากำลังค่อยๆ แกะวัสดุที่ครอบออก ปรากฏเป็น “วัชระ” ชัดเจน
“วัชระ อาวุธของพระศิวะ … นี่เป็นเครื่องรางเก่าที่แสงกล้าได้มาจากอาจารย์ไตรรัตน์ตั้งแต่แรกเกิด”
“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีวัชระซ่อนอยู่ในล็อกเก็ต”
“ไม่เคยมีใครรู้”

“แล้ววัชระนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเทวาศาสตราวุธ ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักระนารายณ์ และ สังข์ไชยมงคล ที่พวกมันกำลังตามล่าอยู่รึเปล่า” อินทนนท์ถาม
“เกี่ยวข้องโดยตรงเลยครับผู้การ”
แสงกล้าจ้องไปที่วัชระในมือสมิง เขารับวัชระนั้นมามองด้วยความสนใจ
“พญามารยังได้เทวาศาสตราวุธไปไม่ครบ” แสงกล้าบอก
อินทนนท์ครุ่นคิดนิดหนึ่งแล้วว่า
“ตรีศูลวัชระ พวกมันได้ไปแค่ตรีศูล แต่ยังขาดวัชระ ซึ่งอยู่ติดกับตัวแสงกล้าอยู่ตลอดเวลา”
“อำนาจครองใจคนและบารมีอันยิ่งใหญ่จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย ถ้าการหลอมศาสตราวุธทั้งสี่ขาดวัชระชิ้นนี้ไป”
แสงกล้าจ้องมองวัชระในมือด้วยแววตาเครียด
“วัชระนี่ใช่มั้ย ที่เป็นสาเหตุทำให้ไอ้วิญญูฆ่าพ่อ เพราะมันต้องการวัชระนี้ใช่มั้ย”
สมิงชะงักไปนิด พอให้คนดูรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“ไม่... ไม่มีใครรู้ว่าวัชระอยู่ติดตัวหมวด แม้แต่ไอ้วิญญู เราต้องรักษาวัชระเอาไว้ให้ดีที่สุด ตราบใดที่วัชระยังอยู่กับเรา แผนการชั่วของพวกมันจะไม่มีวันสัมฤทธิ์ผล”
วัชระในมือแสงกล้าส่องประกายวาววับ

มุมหนึ่งของโถงฯ วิญญูยืนอยู่ตรงกลางศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้น บังเกิดแสงเชื่อมโยงวัตถุทั้งสี่ชิ้น
จักรมองด้วยสายตาพอใจ
“ตรีศูลวัชระ, อนันตคทา, จักระนารายณ์ สังข์ไชยมงคล เราได้มาครบแล้ว ถึงเวลาหลอมศาสตราวุธทั้งหมดเมื่อไหร่ อำนาจครองใจคน และบารมีที่ยิ่งใหญ่จะต้องเป็นของเรา”
แต่แล้วจู่ๆ แสงก็ขาดหายไป เหมือนไม่ครบจำนวนที่กำหนดไว้ วิญญูนิ่วหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่.. เป็นไปไม่ได้” วิญญูว่า
“เกิดอะไรขึ้น” จักรถาม
“เกิดสัญญะบางอย่าง”
“สัญญะอะไร”
“สัญญะที่บ่งบอกว่าเรายังได้ศาสตราวุธมาไม่ครบ”
“อะไรนะ”
“ถ้ามีของไม่ครบ การหลอมศาสตราวุธจะไม่บังเกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น”
จักรเริ่มบันดาลโทสะ โฉ่งฉ่าง
“ขาดอะไร ! ยังขาดอะไรอีก”
วิญญูปรายตามองไปที่จักรเป็นเชิงไม่พอใจ จักรหยุดอาการโวยทันที
วิญญูเดินเข้าไปใกล้ศาสตราวุธทั้งสี่ แล้วไปหยุดที่ตรีศูล
“ตรีศูลวัชระ เรามีตรีศูล แต่ขาด.. วัชระ”
วิญญูนึกถึงล็อคเก็ตของแสงกล้า ซึ่งทำให้เขาต่อสู้กับวิญญูได้
วิญญูสีหน้าเข้มขึ้นบอก
“วัชระ...คือล็อกเก็ตที่อยู่บนคอหมวดแสงกล้า !”
วิญญูสีหน้าครุ่นคิดหาทางแย่งชิงวัชระมาจากแสงกล้า
วัชระห้อยอยู่บนคอของแสงกล้า เขากำลังช่วยสมิงวางท่อนไม้รองใต้ร่างเมฆาเพื่อเป็นเชิงตะกอนเผาศพ
สมิงพูดกับอินทนนท์
“เราต้องรีบเผาร่างดอกเตอร์เมฆาให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญูอวตารดวงจิตเข้ามาบังคับร่าง”
“ดอกเตอร์เมฆาเสียสละเพื่อประเทศมามาก น่าเศร้าใจจริงๆ ที่เราทำพิธีศพให้สมเกียรติกว่านี้ได้” อินทนนท์ว่า
“ก็แค่ร่างที่ไร้วิญญาณของคนดี ... จะเอาอะไรมาก คนเราเมื่อตายไปแล้ว ไม่เหลืออะไรให้น่าจดจำนักหรอก” นภาพูดขึ้น
ทั้งหมดหันขวับมามองเห็นนภาสีหน้าเครียด แววตาหม่นหมอง เศร้า และผิดหวัง
“เมฆาจะอยู่ในความทรงจำของคนได้สักกี่ปีกี่เดือน ดอกเตอร์เมฆาคือบทพิสูจน์ในชีวิตจริง บางครั้งคนเราก็เสียสละ มีคุณธรรมประจำตัวมากเกินไป คิดทำเพื่อคนอื่นจนลืมคิดถึงความสุขของตัวเอง แล้วในที่สุดอุดมการณ์นี้แหละที่หวนกลับมาฆ่าตัวเอง”
นภาเดินเข้ามาจุดไฟที่ปลายไม้อันหนึ่งจนลุกโชน แสงกล้าเดินเข้ามาบอก
“จ่าหวานกับดาบแหบกำลังไปตามพระมาทำพิธี คงใกล้จะมาแล้วครับ”
“รออะไร เผาๆ ไปซะเถอะ เรื่องราวมันจะได้จบๆ ไปซะที”
นภาโยนไม้ที่ปลายลุกโชนนั้นลงที่ใต้ร่างเมฆา กองไม้ที่วางอยู่ตรงนั้นไฟลุกขึ้น
“นภา.. ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ แต่มีสติหน่อย” อินทนนท์บอก
“ฉันทำอะไรด้วยสติเสมอค่ะผู้การ”
นภาเดินเข้าไปจ้องที่หน้าศพของเมฆา เหมือนต้องการร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย
“เมฆา ... คุณคือตัวอย่างที่ทำให้ฉันรู้จักความจริงบนโลก ต่อไปนี้.. ฉันสัญญาว่าจะรักตัวเองให้มากกว่าที่เคยเป็น”
นภาน้ำตาคลอ เผาศพเมฆาโดยโยนไม้เติมลงไปที่ไฟที่กำลังลุกฮืออยู่ใต้ร่างเมฆา เธอมองร่างที่โดนไฟเผานั้นอย่างไม่ละสายตา น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ไม่มีวี่แววของการร้องไห้ฟูมฟายให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
“พอกันทีกับอุดมการณ์แห่งความตาย !”
นภามีสีหน้าเศร้าโศกเสียใจกับกองไฟที่เผาร่างเมฆาตรงหน้า

เวลากลางคืน ที่เชิงตะกอนไฟยังคงลุกไหม้อยู่ แต่มอดไปเยอะมากแล้ว นภานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งจ้องแสงไฟที่ยังคงลุกไหม้อยู่บ้างบนกองเถ้าถ่าน
“ลาก่อนค่ะเมฆา อีกไม่นานเราคงจะได้พบกัน”
อินทนนท์ยืนอยู่ทางด้านหลังนภา รับรู้ได้ถึงความเศร้าเสียใจของนภาที่มีใจครั้งนี้

ใต้ต้นไม้อีกมุมที่ไกลออกไป แสงกล้าจ้องมองอาการนภาด้วยความไม่สบายใจ สมิงเดินเข้ามา
“ผมเห็นอาการ ผบ.นภา แล้วไม่สบายใจเลย เหมือนผบ.นภากำลังสูญสิ้นศรัทธาในการทำความดี” แสงกล้าว่า
“ก็คงงั้น... ความจริงมันก็น่าสงสัยอยู่นะ ทำไมความดีต้องพ่ายแพ้ต่อความชั่ว” จ่าสมิงบอก
แสงกล้าหันไปจ้องหน้าสมิงเหมือนสงสัย สมิงจ้องตอบด้วยแววตานิ่ง
“รึไม่จริง...ผมว่าหมวดก็สงสัยไม่น้อยไปกว่ากันหรอก”
“แล้วจ่ามีคำตอบให้ผมมั้ย”
“ไม่มี... ผมก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่อาจารย์ไตรรัตน์โดนไอ้วิญญูฆ่าตาย”
“รวมทั้งพ่อผมด้วย”
สมิงชะงักไปนิดหนึ่งให้พอสงสัย
“ก็ประมาณนั้น”
“ถ้าจ่าไม่มีคำตอบว่าทำไมความดีต้องพ่ายแพ้ต่อความชั่ว จ่ามีชีวิตอยู่ต่อมาได้ยังไงจนถึงทุกวันนี้” แสงกล้าถาม
“เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ ของพรรค์นี้มันต้องรู้ได้ตัวเองหมวด แล้ววันนึงหมวดจะรู้”
สมิงพูดจบแล้วก็เดินหนีออกไป แสงกล้านิ่วหน้ามองตามสมิงด้วยความไม่เข้าใจ แสงกล้าหันกลับไปมองนภาด้วยแววตาเป็นห่วง

อินทนนท์มองนภาที่จ้องเชิงตะกอนซึ่งกลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมกับศพของเมฆา เขาถอนหายใจยาวเมื่อเห็นอาการของนภา ตัดสินใจเดินเข้าไปแตะที่ไหล่นภา
“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ ฉันเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเธอ ดอกเตอร์เมฆามีคุณค่าต่อประเทศชาติ เค้าไม่ควรจากพวกเราไปรวดเร็วแบบนี้”
นภาไม่ตอบ น้ำตาคลอมองไปที่เถ้าถ่านที่ติดไฟวาบๆ อยู่อย่างนั้น
“เราทุกคนได้แต่หวังว่า ผบ.นภา คนเดิมจะกลับมาให้เร็วที่สุด แนวคิดศรัทธาในทำความดีของเมฆา ต้องการเธอเป็นผู้นำ มิเช่นนั้นเราคงเอาชนะความชั่วร้ายไม่ได้”
นภายังคงไม่ตอบ จ้องไปที่เชิงตะกอนอยู่อย่างนั้น
อินทนนท์น้ำเสียงนิ่งแต่จริงจัง
“เธอต้องไม่ทำให้พวกเราผิดหวังนะ”
“ฉันก็ยังคงเป็น ผบ.นภาคนเดิม ผู้การยังจะหวังอะไรกับผู้หญิงคนนี้อีกคะ”
อินทนนท์ชะงักไปทันที นภาหันมามองหน้าด้วยแววตาเสียใจ และหัวใจแหลกสลาย
“ท่านต้องการให้สานต่อเรื่องศรัทธาในความดี แต่ฉันจะทำได้ยังไง ในเมื่อในหัวใจฉันขณะนี้ ไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นพวกนั้นอยู่เลย !”
“ทำไมเธอพูดแบบนั้น”
“เพราะหัวใจฉันเชื่อแบบนั้นไงคะ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเมฆาเป็นเครื่องพิสูจน์ พอกันทีกับศรัทธาในความดี ความดีไม่มีวันตาย มันก็แค่เรื่องที่เราหลงคิดกันไปเอง !”
“นภา เธอพูดเหมือนไม่ใช่ ผบ.นภา ที่ฉันเคยรู้จัก”
“คนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาค่ะผู้การ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ได้พบสัจธรรมที่แท้จริงของชีวิตด้วยตัวเอง”
“หมายความว่า...”
“ป่วยการจะต่อสู้กับวิญญูค่ะ อำนาจความชั่วร้ายของมันยิ่งใหญ่เกินกว่าใครจะสู้ได้ จบจากวันนี้ เราต่างคนต่างไป ฉันขอล้มเลิกภารกิจศรัทธา พอกันทีกับการทำความดีลมๆ แล้งๆ ที่น้อยคนจะเข้าใจ”
“เธอจะปล่อยให้คนที่ฆ่าเมฆาลอยนวลอยู่อย่างนั้นน่ะเหรอ”
“ถ้าฉันหยุด เมฆาคงสบายใจ ถ้ารับรู้ได้ด้วยวิญญาณ เค้าน่าจะยินดีที่ต่อไปนี้ฉันจะทำอะไรเพื่อความสุขของตัวเองซะที”
นภาพูดจบก็หันหน้าไปมองเถ้าถ่านแดงๆ ในเชิงตะกอนอีกครั้ง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเครียดและเสียใจ อินทนนท์มองนภาด้วยสายตากังวลใจ
นภานัยน์ตาแดงก่ำหมดอาลัยกับการต่อสู้เพื่อความถูกต้องแล้ว

ภายในห้องบก. ข่าว ภายในสถานีโทรทัศน์ สกายนิวส์ เน็ตเวิร์ค คืนเดียวกัน เอกวีร์สีหน้าเครียดหันไปทางน้ำใส
“ไหนล่ะ สกู๊ปสัมภาษณ์สด ผบ.นภา ที่คุณบอกว่าได้มาแล้ว” เอกวีร์ถาม
“ได้มาแล้ว แต่ฉันมีข้อตกลงว่าจะนำออกอากาศในเวลาที่เหมาะสม”
“เมื่อไหร่”
“ผบ.นภาจะแจ้งเข้ามาอีกครั้ง”
“แสดงว่าเนื้อหาสกู๊ปนี้คงสำคัญน่าดู”
“สำคัญค่ะ สำคัญมากด้วย”

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 30 ธ.ค. 55

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2 ผลิตโดย : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manage