@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนอวสาน(จบ) วันที่ 30 ก.ค. 57

อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนอวสาน(จบ) วันที่ 30 ก.ค. 57

พิมพ์อรเข็นรถเข็นพาชาครมาหยุดที่ราวเกาะฝึกเดินสำหรับทำกายภาพ
ชาครมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ “ถ้าผมเกิดไม่หายไปตลอดชีวิตล่ะครับ”
พิมพ์อรมองหน้าชาครนิ่ง “ในทางกลับกัน ถ้าฉันเป็นฝ่ายเจ็บแทนเธอ แล้วฉันไม่หายไปตลอดชีวิตล่ะ”

ชาครมองพิมพ์อรด้วยสีหน้าแววตาจริงจังและจริงใจ “ผมจะอยู่ดูแลคุณอรจนกว่าผมจะหมดลมหายใจครับ”
พิมพ์อรน้ำตารื้นขึ้นมาก่อนจะรีบปั้นยิ้มกลบเกลื่อน “งั้นก็อย่ารีบตายล่ะ ฉันไม่อยากเหงา”
ชาครยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ พิมพ์อรช่วยประคองชาครลุกขึ้นยืนเกาะราวฝึกเดินไป
พิมพ์อรคอยดูแลชาครทำกายภาพบำบัดไปด้วยความห่วงใยและเข้าใจกัน


นทีมาต่อคิวซื้อตั๋วหนังรอบหัวค่ำ เมื่อได้ตั๋วแล้วก็เดินออกมา
นทีมองตั๋วหนังในมือแล้วพูดพึมพำ “วันนี้ 2 เรื่องแล้วนะแม่”
เสียงผู้หญิงสดใสดังขึ้นข้างๆ “ขอโทษค่ะพี่”
นทีหันไปมองก็เห็นเฟิร์นในชุดนักศึกษา หน้าตาจิ้มลิ้ม กำลังยืนถือแบบสอบถามอยู่ข้างๆ นทีรู้สึกปิ๊งตั้งแต่แรกเห็น
เฟิร์นยิ้มแย้ม “เฟิร์นขอรบกวนสอบถามความเห็นซัก 10 นาทีได้มั้ยคะ”
นทียิ้มแย้มตาหวานเยิ้ม “นานกว่านั้นก็ได้ครับ”
เฟิร์นยิ้มเขิน “ขอบคุณค่ะ” เฟิร์นเปิดแบบสอบถามด้วยมือไม้ที่สั่นเล็กน้อย
นทีหยิบขึ้นมาดูแล้วพูดเบาๆ “ขอบคุณครับแม่”
เฟิร์นสัมภาษณ์นที โดยที่นทีก็ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตอบคำถามไปด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มยิ้มหวาน เฟิร์นเองก็แอบเขินๆ สายตานทีอยู่เหมือนกัน

เด็กวัยรุ่นหญิงออกมาจากห้องแต่งศพทำท่าผะอืดผะอมคล้ายจะอ้วก เพื่อนรีบตามไปช่วยเพื่อนลูบหลัง
นิษฐาที่หายป่วยแล้วเดินเข้ามาที่หน้าห้องแต่งศพ
“อ้าว อ้วกแตกกันหมด”
วัยรุ่นชายหิ้วปีกเพื่อนอีกคนที่เป็นลมออกมานั่งพักข้างนอก นิษฐาถอนใจส่ายหน้า โอ้เอ้เดินตามออกมาดู
นิษฐาหน้าแหยๆ “จะเหลือได้เรื่องซักคนมั้ยเนี่ยโอ้เอ้”
“เหลืออยู่ 1 ครับ” โอ้เอ้ตอบ
“มา 8 ใช้ได้ 1 ก็โอล่ะนะ...ฝากดูน้องๆ ทีนะโอ้เอ้ ขอเข้าไปดูฮีโร่หนึ่งเดียวของฉันหน่อย”
“เชิญครับ” โอ้เอ้ไปดูแลเด็กๆ
นิษฐาเดินเข้าไปในห้องแต่งศพก็เห็นเด็กสาวลักษณะท่าทางสนุกกับการแต่งศพเหมือนเจติยาไม่มีผิด กำลังช่วยลุงทวีทำงานรวมทั้งฟังที่ทวีสอนอย่างตั้งใจ
นิษฐายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะลุง”
“อ้าวหนูฐา ผมยาวเร็วนะ”
“รอเลี้ยงผมอีกแป๊บนึงก็ยาวเท่าเดิมแล้วล่ะค่ะ” นิษฐายิ้มแย้มมองเด็กสาวคนนั้นอยู่ห่างๆ “เก่งมากแพรว กู้ชื่อให้เด็กมูลนิธิเราหน่อย”
แพรวยิ้มปลื้มใจ
“คนนี้มีแววนะเนี่ย เหมือนหนูเจตอนมาฝึกงานกับลุงแรกๆเลย” ทวีบอก
“เก่งกว่าฐาอีกนะคะเนี่ย ฐาต้องอยู่ห่างๆ เดี๋ยวเป็นลม...” นิษฐาชม “เข้มแข็งมากแพรว” นิษฐายกสองนิ้วโป้งให้ “เยี่ยม”
ทวีชื่นชม “หนูฐาก็เข้มแข็งไม่แพ้ใครหรอก ผ่านช่วงเวลาลำบากมาได้เพราะใจสู้แท้ๆ”
“กำลังใจดีค่ะลุง”
“ใช่ ไม่จำเป็นต้องอาศัยอำนาจลึกลับที่ไหนหรอก ใจสู้ซะอย่าง ก็รักษาไปตามโรคนั่นแหละ ถ้าดวงเรายังไม่ถึงฆาต ยังไงก็ไม่ตายหรอก”
“ฐายังไม่ยอมตายง่ายๆ หรอกค่ะลุง ถ้ายังไม่ได้แต่งงาน”
ทวีขำๆ “มันสำคัญตรงนี้แหละ ถึงหายมาได้”
นิษฐาขำ “ค่ะ”
โทรศัพท์มือถือนิษฐาดังขัดขึ้นมาพอดี นิษฐาดูเบอร์โชว์ก็เห็นเป็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็กดรับ
“ฮัลโหล...” นิษฐาฟังก่อนตอบ “ใช่ค่ะ ฐาเองค่ะหมวด” นิษฐาฟังแล้วหน้าเสียไปด้วยความร้อนใจมาก “ผู้กองเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”
ทวีและแพรวไปหันมองนิษฐา
นิษฐาฟังปลายสายแล้วก็น้ำตาคลอจนท่วมตา “ตอนนี้ผู้กองอยู่ไหนคะ” นิษฐาฟัง “ไม่แน่ใจค่ะ แต่คิดว่าไปถูก ใกล้ๆ แล้วฐาโทรหาหมวดอีกทีนะคะ” นิษฐาน้ำตาซึมออกมา “บอกผู้กองให้แข็งใจรอฐาก่อนนะคะ” นิษฐากดตัดสายแล้วรีบวิ่งออกไปทั้งน้ำตา

นิษฐาขับรถมาจอดที่หน้าตึกหนึ่งแล้วก็รีบร้อนลงจากรถในสภาพน้ำตาคลอเพราะห่วงนวัชมาก นายตำรวจคนหนึ่งยืนรออยู่ด้วยสีหน้าท่าทางร้อนใจ
“ทำไมช้าจังเลยคุณฐา”
“ผู้หมวดบอกทางผิด ฐาไปอ้อมตั้งไกล”
ตำรวจยิ้มแหยๆ “โทษทีครับ”
“ผู้กองล่ะคะ”
“อยู่ที่สนามด้านข้างตึกครับ ระวังด้วยนะครับคุณฐา คนร้ายยังหนีรอดอยู่อีกคนนึง”
“ค่ะ”
ตำรวจชักปืนออกมาคอยคุมกันนิษฐา นิษฐารีบวิ่งเข้าตึกไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าร้อนใจเพราะเป็นห่วงนวัชสุดๆ หมวดคนนั้นตามหลังนิษฐาเข้าไป

นิษฐาวิ่งมาถึงสวนหย่อมมืดๆ ข้างตึกแล้วนิษฐาก็ชะงักไป
“มืดจังเลย” นิษฐาหันไปถาม “ผู้กองอยู่ไหนคะหมวด” นิษฐาตกใจเล็กน้อยที่ผู้หมวดไม่ได้ตามมา “หมวดคะ หมวด”
นิษฐากวาดตามองหาก็ไม่เจอ เสียงนวัชดังแทรกความมืดของสวนหย่อมมาเข้าหูนิษฐา
“ฐา”
นิษฐาดีใจมากจึงกวาดตามองหา
“พี่อยู่ไหนคะ”
เสียงนวัชดังขึ้น “ผมถูกจับมัดอยู่ในสวน คนร้ายยังอยู่ ฐาหนีไปเถอะ”
นิษฐาเป็นห่วงมาก “ไม่ค่ะ ฐาจะไปหาพี่”
นิษฐาวิ่งฝ่าเข้าไปในสวนแล้วก็เกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้าง นิษฐายกมืออุดหูร้องกรี๊ดกร๊าดก่อนจะวิ่งหลับหูหลับตาไปเข้าไปจนเห็นนวัชถูกมัดกับต้นไม้ใหญ่ในท่ายืน
นิษฐาเห็นนวัชก็ดีใจมาก “พี่ผู้กอง”
นวัชทำหน้าตาตกใจมาก เขามองไปด้านหลังนิษฐา “ระวังฐา ระเบิด”
นิษฐากรี๊ดแล้วหลับหูหลับตาพุ่งเข้ากอดนวัชชนิดที่ตายก็ตายด้วยกัน เสียงระเบิดดังตูมใหญ่
นิษฐากลัวสุดชีวิตจึงหลับตาปี๋กอดนวัชแน่นพลางคิดในใจว่าตายแน่แล้ว แต่แค่อึดใจก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั่วบริเวณเงียบๆ มีแต่เสียงไฟฟู่ๆ
นิษฐาหันมองไปด้านหลังก็พบว่าเป็นพลุไฟจำพวกน้ำตกจุดกระจายอยู่หลายหม้อในสวนหย่อม นิษฐาอึ้งๆ ก่อนจะหันมามองหน้านวัช นวัชยิ้มๆ แล้วเอามือที่ไพล่หลังไว้เฉยๆ ไม่ได้ถูกมัดเลื่อนมาจับมือนิษฐาเอาไว้
นวัชจ้องตานิษฐา “แต่งงานกันนะฐา”
พอนวัชพูดจบประโยค ทั้งสวนหย่อมที่มืดก็สว่างระยิบระยับด้วยไฟหลากสีที่ประดับตามต้นไม้ไว้ทั่วสวน ราวกับสวนสวรรค์ นิษฐากวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความตื้นตัน
ลาภิณโอบเอวเจติยาถือไฟเย็นในมือออกมาจากหลังสุมทุมพุ่มไม้ ตามมาด้วยการปรากฏตัวของเหล่าเพื่อนฝูงทั้งทวี โอ้เอ้ แพรวและเด็กมูลนิธิ หมวดและเพื่อนๆ ตำรวจของนวัชต่างก็ถือไฟเย็นเดินออกมาจากหลังต้นไม้รอบๆ
นิษฐาพูดทั้งน้ำตาคลอ “ฐาห่วงพี่แทบแย่ ที่แท้ถูกต้มอยู่คนเดียว” นิษฐาหยิกนวัชแล้วกระเง้ากระงอด
นวัชยิ้มๆ “ก็ฐาชอบอะไรซึ้งๆ เหมือนในหนังไม่ใช่เหรอ เจเลยช่วยออกไอเดีย”
นิษฐาหันไปจ้องหน้าเพื่อนด้วยแววตาดุ
เจติยาซบแขนลาภิณ “คุณต้นออกตังค์”
ลาภิณยิ้มๆ “น้องที่มูลนิธิกับเพื่อนๆ ผู้กองช่วยกันตกแต่งสวน”
นิษฐากวาดตามองไปที่เด็กๆมูลนิธิและเพื่อนตำรวจของนวัชที่ยิ้มแย้มให้ก็ยิ่งปลื้มใจจนน้ำตาท่วมตา
“ส่วนผมกับลุง ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นแขกมาร่วมงานเฉยๆครับ” โอ้เอ้บอก
ทุกคนขำๆ นิษฐาก็ขำทั้งน้ำตา
นวัชจ้องตานิษฐา “ฐายังไม่รับปากพี่เลย แต่งงานกับพี่นะ” นวัชมีสีหน้าแววตาอ้อนวอน
นิษฐาพูดทั้งน้ำตาท่วม “พี่ทำเพื่อฐาขนาดนี้ ส่งตัวเข้าหอคืนนี้เลยแล้วกัน”
นวัชขำ
นิษฐาน้ำตาท่วมตาขณะมองนวัช “ฐารอวันนี้มานานแล้ว ขอบคุณมากค่ะ” นิษฐาน้ำตาไหลพรากขณะสวมกอดนวัชแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
นวัชและนิษฐากอดกันกลมท่ามกลางความชื่นชมยินดีและซาบซึ้งของทุกคนที่มาเป็นสักขีพยาน ลาภิณและเจติยากระชับกอดกัน เจติยาน้ำตารื้นซาบซึ้งไปกับเพื่อนด้วย ลาภิณก้มมาหอมแก้มเจติยาเบาๆ แล้วกอดซบกันร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนรักทั้งสองท่ามกลางบรรยากาศสวนสวรรค์ที่สวยงาม
หัวค่ำ ประตูห้องนอนลาภิณแง้มเปิดออกมา ลาภิณยิ้มหน้าเป็น เขาเอาป้ายสั่งทำพิเศษเป็นรูปผีตาเหลือกขาวในวงกลมกากบาทพร้อมข้อความ “งดบอกความจริง” มาแขวนหน้าห้อง ลาภิณยิ้มทะเล้นก่อนปิดประตูห้อง

เวลาผ่านไป เจติยาสอนการแต่งศพให้คนที่มีใจรักอาทิ แพรว เด็กวัยรุ่นชายหญิงอีก 3-4 คน รวมทั้งโอ้เอ้ที่ยังดูแหยงๆ แต่ก็สนใจอยากหาความรู้เพิ่มเติมกะเค้าบ้าง โดยมีทวีคุมการสาธิตอยู่ใกล้ๆ ลาภิณเดินตามเข้ามามองภรรยาสาวทำงานด้วยสีหน้าปลาบปลื้มชื่นชม

นวัชกับนิษฐาอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว นิษฐาถือช่อดอกไม้แล้วเดินจูงมือกันฝ่าผ่านกลุ่มเพื่อนฝูงซึ่งก็มีลาภิณ เจติยา และนทีรวมอยู่ด้วย กลุ่มเพื่อนฝูงกำลังโปรยกลีบดอกไม้สวยงาม นวัชและนิษฐายิ้มแย้มทักทายให้กับกล้องบันทึกภาพงานของตัวเอง

งานวันเปิดร้านห้องเสื้อ “ PIM-ON” สาวไฮโซชื่อดังเป็นประธานตัดริบบิ้นเปิดร้าน ท่ามกลางความยินดีของแขกเหรื่อระดับไฮคลาส พิมพ์อรยิ้มแย้มปลาบปลื้มก่อนจะหันมายิ้มขอบใจให้กับอยุทธ์ สองพี่น้องยิ้มแย้มให้กันด้วยความเข้าใจก่อนจะหันมายิ้มแย้มถ่ายรูปหมู่บริเวณหน้าร้าน

อยุทธ์ขับรถพาพิมพ์อรกลับมาถึงหน้าบ้าน ทั้งคู่ลงจากรถก็เห็นชาครนั่งรถเข็นพร้อมช่อดอกไม้รอแสดงความยินดีกับพิมพ์อรอยู่ที่หน้าระเบียงบ้าน พิมพ์อรยิ้มแย้มแล้วก็เดินขึ้นระเบียงไปหาชาครเพื่อจะไปรับช่อดอกไม้ โดยไม่ทันคาดคิดชาครก็ลุกขึ้นยืนเอง
พิมพ์อรตกใจปนแปลกใจมากจนยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเซอร์ไพรส์ ชาครพยายามเดินต่อด้วยตัวเอง มาหาพิมพ์อรเพื่อมอบช่อดอกไม้ให้ถึงมือเธอ พิมพ์อรดีใจมากที่ชาครเดินได้อีกครั้ง พิมพ์อรรับช่อดอกไม้ทั้งน้ำตาคลอแล้วโผสวมกอดชาครเอาไว้ ชาครดีใจที่สุดในชีวิตที่พิมพ์อรเปิดใจให้ตนในที่สุด เขายิ้มทั้งน้ำตาไหลซึมออกมา อยุทธ์ยิ้มแย้มดีใจไปกับบทลงเอยที่สมบูรณ์ของพี่สาว

นทีแต่งตัวหล่อมายืนรอเฟิร์นที่หน้าโรงหนัง นทีถอดใจคิดว่าเฟิร์นคงไม่มา นทีเดินจ๋อยๆ ลงบันไดเลื่อน
ทันใดนั้นเฟิร์นในชุดหวานอย่างมีสไตล์ก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนข้างๆ มา เฟิร์นยิ้มหวานให้นที นทีทำหน้างอนๆ ไม่สนใจโดยมองตรงไปข้างหน้า บันไดเลื่อนเลื่อนลงไป เฟิร์นหันมองตามไปแบบหน้าจ๋อยๆ ก่อนจะหันกลับไปก้มหน้าซึมๆ
นทีรีบร้อนวิ่งลงบันไดแล้ววิ่งกวดขึ้นบันไดเลื่อนตามเฟิร์นขึ้นมาจนทัน นทีมาหยุดข้างเฟิร์น เฟิร์นหันไปมองแล้วก็ดีใจมากที่เป็นนที เธองอนๆ แล้วก็ทั้งตีทั้งหยิกนทีก่อนจะโดนนทีจับมือเอาไว้ แล้วเดินจับมือขึ้นบันไดเลื่อนไปด้วยกัน

ลาภิณขับรถเปิดประทุนให้เจติยานั่งคู่หน้า ส่วนคู่หลังคือนวัชและนิษฐา ทั้ง4 คนคุยกันสนุกสนานเฮฮาบนรถที่แล่นไปตามถนนนอกเมืองวิวสวยงาม ป้ายทะเบียนหลังรถเขียนว่า “Honeymoon” พร้อมลากกระป๋องตามไปเป็นพรวน

ลาภิณเดินลากกระเป๋ามือนึงโอบเอวเจติยาอีกมือนึง โดยเดินคุยมาตามทางเดินกับคู่ของนวัชและนิษฐาที่ต่างลากกระเป๋ามือนึง จูงมือกันข้างนึง สองคู่เดินคุยกันมา
“คุณต้นเอาเสื้อผ้ามาน้อยจังเลย” นิษฐาว่า
ลาภิณตอบหน้าตาย “จะมีเวลาได้ใส่เหรอ”
เจติยาเขินอายจึงหยิกเอวลาภิณบิดทันที นวัชขำๆ ส่วนนิษฐาก็เขินๆ เหมือนเพื่อน
“อีก 15 นาทีเจอกันนะฐา” เจติยาบอก
นวัชกระเซ้าหน้าตาย “เร็วไปป่ะเจ”
ลาภิณขำๆ แล้วแซว “หักห้ามใจนิดนึงนะผู้กอง”
นิษฐายิ่งเขินๆ จึงทั้งหยิกทั้งตีนวัชเป็นการใหญ่
“โอ๊ยฐา พี่ไม่ได้หมายความยังงั้นซะหน่อย คิดลึกกันไปเอง” นวัชว่า
เจติยากลั้นยิ้มจ้องหน้านวัชและนิษฐา “ตกลงจะไปเดินเล่นกันมั้ยคะ”
นวัชกับนิษฐาตอบพร้อมกัน “ไปจ้ะ”
ลาภิณทำรีบร้อนจูงเจติยาวิ่งนำไปยังบ้านพัก “เร็วเจ ทำเวลา”
เจติยาโดนลากตัวปลิวตามไป “บ้า คุณต้น เดี๋ยวเค้าเข้าใจผิด”
นวัชกับนิษฐามองตามเพื่อนไปขำๆ ก่อนจะหันมายิ้มแย้มให้กัน นวัชหอมแก้มนิษฐาก่อนกอดเอวเดินคู่ไปยังบ้านพักของตน

เจติยาเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เดินนำออกมาจากตัวบ้านมายืนสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หน้าระเบียง ชายคนหนึ่งเดินตามออกมา
“ไปค่ะ เลทแล้ว เดี๋ยวพวกนั้นแซวตายเลย” เจติยาหันกลับไปแล้วก็สะดุ้งสุดตัว
คนที่เดินตามออกมาไม่ใช่ลาภิณ แต่เป็น”ฉายา”
เจติยาตกใจมาก “ท่านยมฑูต”
ฉายายิ้มบางๆ “ไม่ต้องตกใจ ฉันไม่ได้มารับวิญญาณใคร ฉันแค่นำคำขอบคุณจากองค์มัจจุราชมาให้เธอ” ฉายายิ้มให้ “ท่านบอกว่าท่านดีใจที่ท่านเลือกคนไม่ผิด”
เจติยายิ้มรับ “ขอบคุณค่ะ”
“นอกจากเธอจะทำลายเหรียญได้แล้ว เธอยังช่วยมนุษย์ไม่ให้ตกเป็นทาสกิเลสเพิ่มขึ้นอีกคน” ฉายายิ้มชื่นชม “นี่ถ้าอยุทธ์ไม่ได้เธอชี้หนทาง เค้าอาจไม่ช่วยให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จก็เป็นได้”
“มันเป็นเพราะคุณอยุทธ์คิดได้เองตะหากล่ะคะ แต่มันก็ยากอยู่เหมือนกัน เพราะมันเกี่ยวพันกับชีวิตของพ่อเค้า”
“ถึงจะเลือกรักษาชีวิตพ่อแม่ด้วยกล่องรากบุญได้ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือพวกเค้าจะมีเวลาตายอยู่เคียงข้างเสมอ หมายความว่าผู้ที่เลือกกล่องรากบุญ ก็จะเป็นทาสไม่รู้จบของมายาบาปในคราบการทำบุญร่ำไป เธอเป็นคนเดียวที่ยืนหยัดและรู้แจ้ง ยอมรับในชะตากรรมของมนุษย์ แม้จะต้องสูญเสียแม่ ข้อนี้ฉันชื่นชมเธอนะ เจติยา”
เจติยายิ้มรับกับคำชมนี้
ฉายามีสีหน้านิ่งขรึมลง “ฉันมาที่นี่ เพราะมีภารกิจสำคัญที่จะมาบอกกับเธอ”
“ภารกิจอะไรคะ” เจติยาถาม
ฉายายื่นมือข้างหนึ่งแบออกมา เจติยายื่นมือไปจับมือของฉายาไว้ สิ่งที่เจติยาเห็นทำให้เจติยาตกใจจนหน้าซีดเผือด ลาภิณเดินตามออกมาก็ไม่เห็นยมทูตฉายาแล้ว เขาเห็นแต่เจติยาคนเดียวที่ยืนหน้าซีดๆ
มีท่าทางตกใจอยู่
“มีอะไรเหรอเจ” ลาภิณทำหน้าเซ็ง “มีวิญญาณมาขอความช่วยเหลืออีกแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
เจติยาเข้าไปสวมกอดลาภิณเอาไว้แน่น
ลาภิณรู้สึกทะแม่งๆ “เจแน่ใจนะว่าไม่มีอะไร”
“ค่ะ”
เจติยาซบหน้ากับอกลาภิณโดยมีสีหน้าแววตาเครียดไปอย่างใช้ความคิดกับภารกิจใหม่ที่ได้รับมอบหมายจากท่านยมฑูต

*******อวสาน*******

อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนอวสาน(จบ) วันที่ 30 ก.ค. 57

ละครรากบุญ2 บทประพันธ์โดย : ช่อมณี
ละครรากบุญ2 บทโทรทัศน์โดย : เอกลิขิต
ละครรากบุญ2 กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครรากบุญ2 ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครรากบุญ2 ควบคุมการผลิตโดย : ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครรากบุญ2 ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครรากบุญ2 เริ่มออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557 นี้
ที่มา ไทยรัฐ