อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12/4 วันที่ 27 ก.ย. 56
“ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ใจดำ” พงศ์จันทรว่าหญิงนิ่มไม่ตอบโต้ เธอกดปุ่มลิฟต์ชั้นต่อไปที่ลิฟต์กำลังไปถึง
“ไหนว่าจะมาหาคุณดาวไง ห้องคุณดาวอยู่ชั้น 10 นะคุณ”
“ฉันเปลี่ยนใจ”
ลิฟต์จะเปิด พงศ์จันทรกดปิดลิฟต์
หญิงนิ่ม ไม่พอใจ “เอ๊ะ !”
“ถ้าคุณลงไปตอนนี้ คุณต้องเจอพวกนักข่าวรุมนะ”
“ก็ยังดีกว่าอยู่ใกล้นาย”
“ทำไม ? กลัวผมรู้เหรอว่าชอบผม”
หญิงนิ่มเม้มปากด้วยความโมโห
“ผมล้อเล่น คุณหญิง..คุณคิดยังไงกับเรื่องแผนล่าสเปิร์ม”
“ทำไมฉันต้องตอบคุณ”
“ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ผมขอบอกนะ ผมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ผมเคยพยายามจะเป็นเป้าหมายคนแรกของคุณดาวด้วย แต่ผมทำไม่สำเร็จ เพราะคุณดาวรักคุณชายจันทร์ รักจากหัวใจจริงๆ ไม่เกี่ยวกับสเปิร์ม คุณหญิง...ถ้าคุณยังอยากได้คุณดาวเป็นพี่สะใภ้เหมือนเดิม ผมอยากขอให้คุณลืมของเราไปก่อน แล้วเรามาร่วมมือกัน”
หญิงนิ่มนิ่งไป
เสียงประกายดาวดังในหัวอรอุมา “รู้ตัวบ้างไหมอรอุมา เธอกำลังถูกไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ใช้ความรักที่เธอมีให้เอามาปิดหูปิดตาเธอ เธอถึงทำเรื่องเลวร้ายสร้างเวรสร้างกรรมไว้กับเพื่อนรักของเธอเอง”
“คุณคบกับคุณรสมานาน คุณน่ารู้จักคุณรสดีที่สุด ว่าเธอเป็นยังไง คุณรสโหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอด จนได้มาเจอกับผู้ชายที่รู้จุดอ่อนของเธอ แล้วมันก็หลอกให้เธอรัก หลอกให้มีความหวังว่าจะเลิกกับเมียที่มันด่าเช้าด่าเย็น แถมยังบอกว่ามันไม่เคยรักเมียมันเลย คุณรสถึงยอมทำเรื่องเลวร้ายกับคุณ แต่แล้วมันก็ไม่เคยทำในสิ่งที่มันพูด แถมยังไม่รับผิดชอบลูกที่เกิดมาจากสเปิร์มของมันด้วย”
อรอุมาตกอยู่ในความคิดของตัวเอง แล้วใครบางคนก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าอรอุมา อรอุมาแหงนหน้ามอง
“ฉันคิดว่าเธอจะไม่กล้ามาซะอีก” อรอุมาว่า
คนที่มาหาอรอุมาคือ รติรส
“ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว เธอมีอะไรจะถามฉันก็ว่ามา” รติรสบอก
“ฉันอยากรู้เรื่องระหว่างเธอกับศิวะอย่างละเอียด”
“ทำไม ? อยากตาสว่างแล้วเหรอ” รติรสถาม
พงศ์จันทรเปิดประตูเข้ามาในห้อง หญิงนิ่มเดินตามเข้ามา ทั้งสองเห็นประกายดาวยืนทอดสายตาออกไปที่หน้าต่างอย่างเศร้าๆ
“ถ้าให้ผมเดา คุณจันทรภานุก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม” พงศ์จันทรถาม
หญิงนิ่มพยักหน้า
“แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ช่วยพวกเขา จริงไหม ?”
พงศ์จันทรกระแอมทำให้ประกายดาวรู้ตัวจึงหันหน้ามา
“น้องหญิง เป็นยังไงคะ โดนนักข่าวรุมหรือเปล่า” ประกายดาวถาม
“เกือบค่ะ”
“ก็ถ้าผมไม่ได้ลงไปช่วยสิ โดนรุมทึ้งแน่”
หญิงนิ่มค้อนเพราะหมั่นไส้พงศ์จันทร
“คุณดาวครับ ผมกับคุณหญิงตกลงกันแล้ว เราจะร่วมมือกันช่วยให้คุณกับคุณชายได้ปรับความเข้าใจกัน”
ประกายดาวยิ้มดีใจ
อรอุมาสะพายกระเป๋าเล็กๆ กลับเข้ามาในบ้านหลังจากเพิ่งไปคุยกับรติรสจนเจอศิวะโผล่มาปิดตาอรอุมาจากด้านหลัง
อรอุมาตกใจ “ว้าย !”
“ผมเองครับที่รัก...ผมมีอะไรเซอร์ไพร้สคุณ ตามผมมา”
ศิวะพาอรอุมาเดินไปทางโต๊ะอาหาร
ศิวะพูดเสียงหวาน “ห้ามขี้โกงแอบมองนะครับ”
ศิวะปิดตาอรอุมาพาเดินมาหยุดยืนตรงที่หนึ่งแล้วเปิดตา ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ศิวะเซอร์ไพร้สอรอุมาคือ โต๊ะอาหารดินเนอร์ใต้แสงเทียน
ศิวะเอ่ยถาม “ชอบไหม”
“ค่ะ”
ศิวะจับมืออรอุมา “อรครับ...ผมอยากให้คุณลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่ ขอโอกาสให้ผมได้ไหม”
“ได้ค่ะ แต่คุณต้องสัญญา ว่านับจากวินาทีนี้ไป คุณจะไม่โกหกฉันอีก”
“ผมสัญญา”
“ถ้าคุณผิดคำพูดล่ะคะ” อรอุมาถาม
“คุณจะทำอะไรกับผมก็ได้” ศิวะบอก
อรอุมายิ้ม ศิวะเลื่อนเก้าอี้ให้อรอุมา อรอุมานั่งลงพร้อมวางกระเป๋าไว้บนตัก ศิวะเดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
“ทานกันเลยนะ ผมสั่งสเต็คมาจากร้านโปรดของคุณเลยนะ”
อรอุมายิ้มหวานแต่ใจกำลังนึกถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับรติรส
อรอุมานึกถึงตอนที่เธอกับรติรสคุยกัน
“ตอนไปโรงแรมจันทรภานุ เวลาเธอไปนวด ศิวะก็เข้าไปหาฉันบ่อยๆ” รติรสบอก
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้โกหก” อรอุมาถาม
รติรสหยิบมือถือออกมาเปิดแล้วส่งให้อรอุมาดู
“หวังว่าเธอจะจำหัวเตียงที่โรงแรมได้”
อรอุมาดูแล้วมือสั่นเทาเพราะทั้งโกรธทั้งเสียใจ
อรอุมาตัดสินใจถามศิวะ
“ศิวะคะ วันหลังเราไปเที่ยวเชียงใหม่กันอีกนะคะ ฉันอยากไปพักที่โรงแรมของคุณจันทรภานุ สวยดี”
“ครับ”
ระหว่างนั้นอรอุมาก็ล้วงหยิบปืนสั้นออกมาจากในกระเป๋า แต่ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเป็นปกติไม่มีพิรุธใดๆ เพราะอรอุมายังต้องการจะให้โอกาสศิวะอยู่
“เราไปกันสองคน เราก็ไม่ต้องเอาห้องที่มีประตูเชื่อมแล้ว” อรอุมาบอก
ศิวะสะอึกแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ทานสเต็คสิครับ ผมสั่งมาจากร้านโปรดของคุณเลยนะ”
อรอุมาไม่สนใจสิ่งที่ศิวะพูด เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“ศิวะคะ ตอนไปเชียงใหม่ คุณแอบไปหารสบ้างหรือเปล่า”
“คุณถามทำไม”
“ฉันให้โอกาสคุณอยู่ค่ะ ถ้าคุณอยากเริ่มต้นใหม่กับฉันจริงๆ คุณต้องบอกฉัน ว่ายังไงคะ คุณไปหารสบ้างหรือเปล่า”
ศิวะอึกอัก
อรอุมาจ้องศิวะโดยในใจลุ้นขอให้เขาไม่โกหก
มืออรอุมากระชับปืนสั้น โดยให้ปลายกระบอกปืนหันไปทางเป้าศิวะ ศิวะวางมีดกับส้อมแล้วเอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยท่าทางเครียด
“ผมจะบอกความจริงกับคุณ”
อรอุมายิ้ม “ดีค่ะ ฉันชอบความจริง”
ปืนในมืออรอุมาลดต่ำลง
“คุณฟังผมดีๆ นะ ที่เชียงใหม่...ผมกับรสไม่ได้มีอะไรกันเลย ที่จริงรสก็อ่อยผมตลอด แต่ผมเกรงใจคุณ ผมไม่ทำ ถึงยังไงผมก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของคุณ ผมไม่...”
ศิวะยังพูดไม่ทันจบ เสียงปืนก็ดังปัง !
ศิวะสะดุ้งสุดตัวก่อนจะล้มตกเก้าอี้ ศิวะก้มลงไปมองที่หว่างขาตัวเองก็เห็นเลือดไหลนองเป็นทางยาว
“อร ! อร...”
อรอุมาลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนดูสภาพของศิวะอย่างเลือดเย็น
“คุณบอกเองนะคะ ถ้าคุณโกหก ฉันจะทำอะไรกับคุณก็ได้ ฉันให้โอกาสคุณแล้ว...ถ้าคุณพูดความจริงว่าคุณกับรสมีอะไรกัน ฉันจะไม่โกรธคุณเลย แต่สุดท้ายคุณก็ยังโกหกฉันอย่างหน้าด้านๆ คุณไม่เคยรักฉันอย่างที่ประกายดาวพูดจริงๆ”
ศิวะดิ้นทุรนทุราย “อ๊าก ! เจ็บ”
“เจ็บเหรอ ? เวลาฉันเจ็บปวดช้ำใจเพราะ "มัน" ฉันทรมานกว่านี้หลายเท่า ในเมื่อมันสร้างปัญหามากนัก ก็อย่ามีมันซะเลย จะได้ไม่ต้องมีผู้หญิงคนไหนตกเป็นเหยื่อความมักมากของคุณอีก”
ศิวะร้อง “ช่วย...ด้วย...”
อรอุมาหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรหา "โรงพยาบาล"
“ในฐานะอดีตภรรยา ฉันช่วยคุณได้แค่นี้ ลาก่อน”
อรอุมาโยนมือถือให้ศิวะแล้วเดินออกไป ศิวะตะเกียกตะกายคลานไปเอาโทรศัพท์มือถือ
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ตกใจหลังจากฟังเรื่องที่รติรสเล่า
“ไอ้ศิวะโดนยิงน้องชาย โอ้ว...แม่เจ้า ยัยอรใจเด็ดชะมัด” จิตสุภางค์ชม
“อรคงหมดความอดทนแล้วจริงๆ ถึงกล้าทำแบบนั้น พอยิงศิวะเสร็จ อรก็นั่งคอยให้ตำรวจมาจับ อรโดนข้อหาพยายามฆ่า แต่ตอนนี้อรประกันตัวออกมา ส่วนคดีก็ต้องสู้กันต่อไป” รติรสเล่า
“สะใจดีแท้ นี่แหละน้า..ผลกรรมของความมักมาก ไม่รู้จักพอ”
มิลินทร์ถาม “เอ๊ะ ว่าแต่คุณกับยัยอรดีกันแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ เราเข้าใจกันแล้ว อรให้เงินฉันมาก้อนหนึ่งด้วย เขาอยากจะชดเชยให้ในสิ่งที่อรทำกับฉัน ฉันตั้งใจว่าจะบินไปอยู่ที่อเมริกา ฉันมีญาติอยู่ที่นั้น ฉันขอบคุณพวกคุณมากนะคะสำหรับความช่วยเหลือ” รติรสพูดกับประกายดาว “โดยเฉพาะคุณ..ถ้าไม่ได้คุณ ป่านนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณได้ยังไง”
“แค่คุณเริ่มต้นชีวิตใหม่ ลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านมา แค่นี้ก็เป็นการตอบแทนฉันแล้วค่ะ”
รติรสยิ้มอย่างรู้สึกดี
“คนดีอย่างคุณต้องได้รับแต่สิ่งดีๆ ฉันขอให้คุณปรับความเข้าใจกับคุณจันทรภานุได้ในเร็ววันนะคะ คุณสองคนจะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม”
“ฉันก็ภาวนาขอให้เป็นอย่างงั้นค่ะ” ประกายดาวบอก
ประกายดาวมีสีหน้าและแววตามุ่งมั่น
จันทรภานุแต่งตัวหล่อเนี้ยบแต่หน้าตาไม่ได้มีความสุขขณะกำลังออกไปดินเนอร์กับสาว สุรีย์กับนมพรเดินออกมาจากอีกทางแล้วเรียกไว้
“ชาย”
จันทรภานุขานรับ “ครับ”
สุรีย์ส่งกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ให้จันทรภานุ
“แม่ฝากให้หนูน้ำหวานด้วย บอกว่าเป็นของขวัญต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่”
“ไม่เร็วไปหรือครับหม่อมแม่”
“แล้วจะช้าทำไมล่ะจ๊ะ แล้วถ้าหนูน้ำหวานถามเรื่องประกายดาว ชายต้องบอกว่าไม่รู้จัก ไม่สนิท เข้าใจไหมชาย”
จันทรภานุนิ่งไม่ตอบ
“ไปได้แล้วจ้ะ เป็นผู้ชายไม่ควรให้ผู้หญิงคอย”
จันทรภานุรับกล่องกำมะหยี่แล้วเดินออกไป สุรีย์มองตามอย่างกังวล
“ขึ้นไปไหว้พระกันเถอะนม ไปขอพรให้ท่านช่วยดลใจให้ชายชอบหนูน้ำหวาน ประกายดาวจะได้ออกไปจากชีวิตเราสักที”
สุรีย์เดินกลับเข้าไปด้านใน นมพรเดินตามพลางส่ายหน้าเหนื่อยใจ
หญิงนิ่มซุ่มแอบอยู่ด้านหนึ่งมองตามจันทรภานุ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“นายพงศ์ พี่ชายออกไปแล้ว”
พงศ์จันทรคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเดินเข้าไปหาประกายดาว
“คุณชายออกมาจากวังแล้ว คุณพร้อมนะ”
“ค่ะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังอีก ฉันกับคุณชายจะเป็นยังไงต่อไป คืนนี้ฉันต้องหาบทสรุปให้ได้”
ประกายดาวมุ่งมั่น
ช่างทำผมให้น้ำหวานเสร็จก็ออกปากชม
“ว้าวๆๆ น้องน้ำหวานสวยมาก สวยที่สุดในปฐพีค่ะ คืนนี้น้องน้ำหวานจะไปดินเนอร์กับใครเอ่ย”
“คุณจันทรภานุค่ะ” น้ำหวานตอบ
“นั่นแน่ อยากได้สเปิร์มคุณจันทรภานุอีกคนใช่ม้า ขอเผื่อพี่บ้างได้ไหมคะ พี่อยากมีลูกเฟอร์เฟ็คๆ”
“พี่น่ะ น่าเกลียด น้ำหวานไปนะคะ” น้ำหวานเดินออกไป
ผู้หญิงที่นั่งม้วนผมอยู่ข้างๆ ลดหนังสือพิมพ์ลงทำให้เห็นว่าเป็นนันทินี !
“คุณจันทรภานุไปเดท !”
ณ ร้านอาหารฝรั่งสุดหรู จันทรภานุกับน้ำหวานนั่งกินอาหารฝรั่งเศสซึ่งต้องใช้ส้อม มีด และอุปกรณ์การกินหลายคู่ จันทรภานุมองการกินของน้ำหวานก็เห็นน้ำหวานใช้อุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว
จันทรภานุมองกิริยาการรับประทานอาหารของน้ำหวาน แต่เขากลับนึกถึงผู้หญิงอีกคน
ภาพตอนที่ประกายดาวเต้นบ้าๆ บอๆ แวบเข้ามาในหัวของจันทรภานุ
จันทรภานุยิ้มกับตัวเอง น้ำหวานจับบริเวณก้านแก้วไวน์วางลงบนโต๊ะหลังจากจิบเสร็จแล้ว แล้วก็หยิบผ้าบนตักขึ้นเช็ดมุมปากด้วยสีหน้าดื่มด่ำกับการรสชาติอาหารสุดๆ
“จิบไวน์โซวินญองบลองเวลาทานสเต็คปลาแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ คืนนี้เราจะไปต่อที่ไหนกันดีคะคุณชาย แต่น้ำหวานขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยนะ น้ำหวานกลับดึกไม่ได้ แต่กลับเช้าได้” น้ำหวานส่งสายตายั่วยวนให้จันทรภานุ
จันทรภานุพูดอย่างสุภาพ “ผมต้องขอโทษด้วย คืนนี้ผมต้องกลับไปเคลียร์งาน”
น้ำหวานหน้าแตก บ๋อยเดินเข้ามา
“ขอประทานโทษครับคุณผู้หญิง รถของคุณสัญญาณกันขโมยดังครับ”
น้ำหวานพูดกับจันทรภานุ “ขอตัวสักครู่นะคะ”
น้ำหวานหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกไป จันทรภานุเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลายกว่าตอนอยู่กับน้ำหวาน
สัญญาณกันขโมยของรถน้ำหวานดัง น้ำหวานเดินมาแล้วล้วงหยิบรีโมทรถในกระเป๋ามากดปิดสัญญาณ ก่อนจะหันหลังกำลังจะกลับเข้าไปในร้าน แต่ก็ชนเข้ากับใครบางคน
“ว้าย !”
คนที่ชนรวบตัวน้ำหวานไว้ในอ้อมกอด ทำให้เห็นว่าเขาคือพงศ์จันทร
“ขอโทษครับ”
พงศ์จันทรใช้สายตาพิฆาตจ้องน้ำหวาน น้ำหวานยิ้มเขิน
จันทรภานุนั่งคอย สักพักมือถือของจันทรภานุก็ดังขึ้น จันทรภานุหยิบขึ้นมาดูเห็นหน้าจอมือถือเป็นข้อความมาจากน้ำหวาน ว่า "กลับแล้ว ปวดหัว" จันทรภานุแปลกใจ
พงศ์จันทรขับรถโดยมีน้ำหวานนั่งข้างๆ จู่ๆ พงศ์จันทรก็เบรครถเอี๊ยด น้ำหวานตั้งตัวได้จากการหัวทิ่ม
“จอดทำไมคะ” น้ำหวานถาม
“ผมนึกขึ้นได้ว่าผมมี...”
“มีนัดเหรอคะ”
“มีแฟนแล้ว ตะกี้ความจำผมเละเลือนคิดว่าตัวเองโสด แต่ตอนนี้นึกได้แล้วว่าหัวใจไม่ว่าง ต้องขอโทษด้วย ผมพาคุณไปต่อไม่ได้”
น้ำหวานขยับปากจะพูด แต่พงศ์จันทรขัดจังหวะ
“อ่อ... ผมว่าสวยๆ สาวๆ อย่างคุณกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า ดึกๆ เสือสิงห์กระทิงแรดออกหากิน เดี๋ยวจะตกเป็นเหยื่อ โชคดีนะครับ”
พงศ์จันทรลงจากรถ น้ำหวานอ้าปากค้าง
พงศ์จันทรลงมาจากรถแล้วเดินมาจากรถของน้ำหวานก่อนจะพูดกับตัวเอง
“คุณดาว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของคุณแล้วนะ”
จันทรภานุเซ็นต์บัตรเครดิตเสร็จก็ส่งสลิปคืนให้พนักงาน พนักงานเดินออกไป จันทรภานุลุกขึ้นกำลังจะออกไปแต่พบประกายดาวยืนอยู่ตรงหน้า จันทรภานุแปลกใจ
ประกายดาวเอ่ย “คุณชายคะ ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ทำไมคุณรู้ว่าผมอยู่ที่นี่” จันทรภานุถาม
“คุณชายก็รู้ ถ้าฉันต้องการอะไร ฉันก็ต้องทำให้ได้ แล้วตอนนี้ฉันก็ต้องการคุยกับคุณให้รู้เรื่องสักที”
จันทรภานุมองประกายดาว
นันทินีเดินฉับๆ มาหน้าร้านอาหารฝรั่งเศส
“ฝันไปเถอะนังน้ำหวานน้ำเน่า ถ้าฉันไม่ได้คุณชาย ชะนีหน้าไหนก็ต้องไม่ได้”
นันทินีกำลังจะผลักประตูเข้าไปในร้านแต่เห็นประกายดาวยืนอยู่กับจันทรภานุ
“นังดาว!” นันทินีนึกได้ “ต้าย...มาสะกัดดาวรุ่งเร็วกว่าฉันอีกนะยะ แกสะกัดนังน้ำเน่าฉันก็จะสะกัดแก ฮ่าๆๆ”
นันทินีกำลังจะเข้าไปในร้าน แต่ถูกใครบางคนโผล่เข้ามาดึงแขนไว้
นันทินีตกใจ “ว้าย !”
นันทินีเซก่อนจะหันไปเห็นว่าเป็นหญิงนิ่ม
“น้องหญิง !? มาทำอะไรที่นี่คะ”
“มาทานอาหารค่ะ พี่นันล่ะคะ จะไปไหน”
“พี่หิวค่ะ พี่อยากทาน Cod with Chive Butter Sauce ม้ากมาก”
นันทินีจะเข้าไปในร้านแต่หญิงนิ่มห้าม
“ไปทานร้านอื่นเถอะค่ะ หญิงเลี้ยงเอง”
“ไม่ค่ะ พี่จะทานที่นี่”
นันทินีกับหญิงนิ่มยื้อกันไปมา
ประกายดาวกำลังจะพูดกับจันทรภานุ
“ถ้าคุณพยายามมากขนาดนี้ ผมก็ยินดีจะคุยกับคุณ”
ประกายดาวยิ้มแต่แล้วก็หันไปเห็นนันทินีกับหญิงนิ่มกำลังยื้อกันไปมาอยู่ที่หน้าร้าน
ประกายดาวนิ่วหน้า
จันทรภานุกำลังจะหันไปมองตาม แต่ประกายดาวดึงแขนจันทรภานุเอาไว้
จันทรภานุงง “ไปไหน”
อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12/4 วันที่ 27 ก.ย. 56
ละครดาวเกี้ยวเดือน บทประพันธ์โดย : รอมแพงละครดาวเกี้ยวเดือน บทโทรทัศน์โดย : ปณธี - สุธิสา วงษ์อยู่
ละครดาวเกี้ยวเดือน กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น จำกัด
ละครดาวเกี้ยวเดือน ดำเนินงานโดย : อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3