@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12/3 วันที่ 27 ก.ย. 56

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12/3 วันที่ 27 ก.ย. 56

“ห้างใหญ่ขนาดนี้ แกจะเดินหาคุณจันทรภานุเจอได้ยังไง” มิลินทร์ว่า
“ก็เลขาฯ เขาบอกว่าคุณจันทรภานุมาตรวจงานโซนนี้ คุณชายก็ต้องอยู่แถวนี้แหละ” ประกายดาวบอก
“แล้วทำไมแกไม่โทรหาคุณจันทรภานุไปเลยล่ะ ตามหาให้เหนื่อยทำไม”
“ถ้าเขารับสายฉันก็ดีน่ะสิ” ประกายดาวบอก
กองทัพนักข่าวเดินผ่านมา หนึ่งในนั้นหันมาเห็นประกายดาว
“คุณประกายดาว”

นักข่าววิ่งกรูกันมาทางประกายดาว ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ตกใจ
“แย่แล้วดาว แกโดนอีแร้งจิกกินหมดตัวแน่”


“ใช้คาถาหลวงพ่อ...” จิตสุภางค์บอก มิลินทร์กับประกายดาวสนใจ “โกยเถอะโยม”
จิตสุภางค์กระชากแขนประกายดาววิ่งหนี มิลินทร์วิ่งตาม นักข่าวก็วิ่งตาม
จิตสุภางค์ฉุดแขนประกายดาวพาวิ่งหนีมาหลบมุม ขณะที่มิลินทร์ตามหลังมาด้วย
“หลบตรงนี้ก่อนนะ เหนื่อยฉิบเป๋ง” จิตสุภางค์บอก
“ดาว...แกคิดซะ จะแต่งเรื่องสตรอเบอรี่ตอบคำถามนักข่าวว่ายังไง” มิลินทร์แนะนำ
“เอางี้มะ สตรอเบอรี่ไปว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ มีคนไม่หวังดีกับความรักของแกกับคุณจันทรภานุ ก็เลยแต่งเรื่องบ้าๆ ขึ้นมา”
ประกายดาวท้วง “แล้วทำไมฉันต้องโกหก”
“หรือแกจะบอกนักข่าวว่าแกอยากได้สเปิร์มคุณจันทรภานุจริงๆ แกได้เป็นตัวตลกไปทั้งชีวิตแน่” มิลินทร์ว่า
ประกายดาวนึกถึงจันทรภานุ
เธอนึกถึงตอนที่จันทรภานุต่อว่าเธอ
“ตรงไหนที่คุณเรียกว่าจริงใจหรือประกายดาว”

ประกายดาวคิด นักข่าววิ่งมาถึงพอดี จิตสุภางค์เห็น
“มากันแล้ว หลบๆ”
จิตสุภางค์ดันตัวประกายดาวมาหลบหลังเสา
จู่ๆ ประกายดาวก็โผล่ออกไปขวางหน้านักข่าว สองสาวตกใจ
“ไอ้ดาว”
นักข่าวถามทันที “คุณดาวคะ คุณดาวคิดแผนล่าสเปิร์มจริงหรือเปล่าคะ”
ประกายดาวตัดสินใจตอบ “จริงค่ะ”
มิลินทร์กับจิตสุภางค์เหวอ

ภาพประกายดาวให้สัมภาษณ์ผ่านทางจอโทรทัศน์
“สมัยนี้ผู้ชายดีๆ หายากค่ะ ยิ่งผู้ชายแท้ยิ่งหายากไปใหญ่ เป็นสามีเราแต่ไปเป็นภรรยาคนอื่นมีเยอะแยะ ไหนจะปัญหาครอบครัว ปัญหาหย่าร้าง พวกคุณทราบไหมคะ...สถิติการหย่าร้าง คือหนึ่งในสามของคู่แต่งงาน นี่ยังไม่นับรวมบรรดา ที่ต้องกล้ำกลืนทนกินน้ำใต้ศอก น้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะความไม่รู้จักพอของผู้ชาย แล้วทำไมฉันต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องพรรค์นี้ ในเมื่อฉันยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวต้องมีความสุขที่สุดค่ะ แล้วความสุขของฉันก็คือการมีลูก ลูกจะทำให้ชีวิตฉันมีความหมายขึ้น แต่ฉันมีลูกไม่ได้ถ้าไม่มีสเปิร์ม นี่คงเป็นเรื่องเดียวมั้งคะที่ผู้หญิงอย่างฉันจะต้องพึ่งผู้ชาย ถ้าฉันผสมพันธ์ได้ด้วยตัวเองเหมือนไส้เดือน พวกผู้ชายทั้งหลายอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาในชีวิตของฉัน”
ภาพประกายดาวหยุดแล้วเลื่อนไปอยู่มุมหนึ่งของจอ
แอนตี้เป็นพิธีกรของรายการ หัวมุมของจอด้านหนึ่งมีชื่อรายการ "ผู้หญิงถึงผู้ชาย"
แอนตี้พูด “ว้าว...เป็นยังไงล่ะคะกับการเปิดใจของคุณประกายดาวสาวล่าสเปิร์ม อึ้งกันไปเลยใช่ม้า สาวๆ คนไหนที่เคยคิดอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีเหมือนเธอคนนี้ยกมือขึ้น” แอนตี้ยกมือ “แฮะ..แอนตี้ก็เคยคิดค่ะ” แอนตี้ยกมือป้องปาก “แหม...สมัยนี้ผู้ชายแท้หายากเหมือนที่คุณประกายดาวพูดจริงๆ นี่คะ ตอนนี้เราไปดูกันดีกว่า ว่าสาวๆ คิดยังไงกับเรื่องนี้ ขอบอกว่าแซ่บเว่อร์”
สาวออฟฟิศให้สัมภาษณ์ “เห็นด้วยค่ะ ผู้หญิงสมัยนี้เก่งอยู่แล้ว เป็นได้ทั้งพ่อและแม่”
แม่บ้านวัยห้าสิบให้สัมภาษณ์ “ไม่เห็นด้วย จะมีลูกก็ต้องแต่งงานสิ ผิดธรรมเนียม”
นักศึกษาสาวสามคนให้สัมภาษณ์ “เห็นด้วยค่ะ”
สาวเล่นฟิตเนสมาดเท่ให้สัมภาษณ์ “เออ ไอเดียดีนะ ผู้ชายยิ่งมีน้อย จะได้ไม่ต้องไปใช้สามีร่วมกับใคร”
แอนตี้พูดต่อ “ต่างคนก็ต่างความคิด แต่ที่แน่ๆ คุณประกายดาวช่างภาพสาวสวยของเรากลายเป็นไอดอลของสาวๆ ยุคใหม่ที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีไปแล้ว ขอกดไลค์ให้เธอคนนี้คร่า”
ภาพนิ่งของประกายดาวหยุดนิ่งเต็มหน้าจอ มีแอฟเฟ็คใส่มงกุฎ มีพลุรอบๆ และเสียงปรบมือ

จันทรภานุดูภาพสัมภาษณ์ของประกายดาวผ่านทางทีวี ภาพบนทีวีเน้นตรงที่ประกายดาวพูดว่า
“ถ้าฉันผสมพันธ์ได้ด้วยตัวเองเหมือนกิ้งกือ พวกผู้ชายทั้งหลายอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาในชีวิตของฉัน”
จันทรภานุกดปิดทีวีไปอย่างเศร้าสร้อย

มิลินทร์กับจิตสุภางค์กำลังดูไอแพด ประกายดาวนั่งอยู่ด้วย
“โอ้โห...ยอดแชร์ข่าวแกเร็วปรี๊ดยิ่งกว่าข่าวพระมั่วสีกาอีกว่ะ” จิตสุภางค์บอก
“ไม่แปลกหรอก ประเด็นแซ่บๆ ฉาวๆ ชอบแชร์ชอบไลน์กันนักแหละ แต่ก็เขียนซะเว่อร์ ใครอ่านจะคิดว่าแกเป็นโรคจิตได้เลย” มิลินทร์ว่า
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นพวกลูกค้าจะโทรมาแคนเซิ่ลงานฉันหมดเหรอ ดีนะที่รวย ไม่งั้นได้แทะกล้องกินแก้หิวแน่” ประกายดาวว่า
“ทำตัวเงียบๆ ไปสักพัก เดี๋ยวคนก็ลืม” มิลินทร์เสนอ
“เรื่องไม่เงียบง่ายๆ หรอก ถ้าเรายังไม่เอาตะกร้อไปครอบปากมัน” ประกายดาวบอก
มิลินทร์สงสัย “แกรู้เหรอว่าใครเป็นคนทำ”
“จะมีใคร ถ้าไม่ใช่มัน” ประกายดาวมั่นใจ
ศิวะเปิดดูเฟชบุ๊คบนมือถือพลางยิ้มสะใจ คนใช้เดินเข้ามาหา
“คุณศิวะคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
ศิวะสงสัย “ใคร ?”
ประกายดาวเดินเข้ามา “นอนในคุกคงสบายดีสิท่า ถึงหาเรื่องกลับเข้าไปนอนอีก”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์เดินตามหลังมาด้วย
“นึกว่าใคร...สาวล่าสเปิร์มนี่เอง” ศิวะพูดกวนๆ “ว้ายๆ อย่าเข้ามานะ เค้าห่วงสเปิร์มเค้านะ”
“ไอ้บ้า! ใครเอาสเปิร์มนายไปทำพันธ์ก็โง่เต็มทนแล้ว” จิตสุภางค์ด่า
“ใครเอาผู้หญิงหนังหน้าอย่างเธอเป็นแม่พันธ์ ฉลาดตายล่ะ” ศิวะสวน
“ทำไม ! ถึงหน้าตาไม่ดีแต่มีลีลาเป็นจุดขายโว้ย ไม่งั้นไม่ลูกดกหรอก”
“ใจเย็นจิต อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเห็บหมา” ประกายดาวพูดกับศิวะ “นายจะเอายังไงกับฉัน”
“ฉันไม่ได้โพสต์เรื่องเธอ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ ไม่งั้นพวกเธอนั่นแหละที่จะต้องเข้าไปนอนในคุก” ศิวะว่า
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไร กินปูนร้อนขนาดนี้ อย่าพูดอีกนะว่าไม่รู้เรื่อง เหม็นปาก”
ศิวะเจ็บใจที่เสียรู้

อรอุมาขับรถเข้ามา พอเห็นรถประกายดาวจอดอยู่หน้าบ้าน อรอุมาก็แปลกใจ
“รถใคร ?”

ประกายดาวกับศิวะจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง
“เอาเซ่ ถ้าหาหลักฐานได้ว่าฉันทำ ฉันยอมช่วยเธอจับคุณจันทรภานุมารีดสเปิร์ม แต่ถ้าฉันไม่ได้ทำ เธอต้องยอมรับสเปิร์มของฉันนะ”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์ขยะแขยง “อี๋ แหวะ !”
อรอุมาเดินเข้ามา พอเห็นประกายดาวกับเพื่อนก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
“ใครอนุญาตให้พวกเธอเข้ามาในบ้านฉัน”
“พวกฉันไม่ได้อยากเข้ามาหรอกย่ะ แต่ถ้าดาวออกไปเคลียร์กับผัวเธอข้างนอก เธอก็จะหาว่าเพื่อนฉันอ่อยผัวเธออีก” จิตสุภางค์บอก
อรอุมางง “มีเรื่องอะไรต้องเคลียร์กัน”
“ดาวหาว่าผมเป็นคนโพสต์แฉดาวเรื่องแผนล่าสเปิร์ม” ศิวะบอก
“อ๋อ...เรื่องนี้เอง อดอยากปากแห้งมากถึงขนาดต้องวางแผนหาสเปิร์มเลยเหรอ นอกจากคุณจันทรภานุแล้ว มีใครตกเป็นเหยื่อหรือยังล่ะ” อรอุมาแขวะ
“ไม่มีใครตกเป็นเหยื่อ แต่มีคนเสนอตัวอยากมาเป็นเหยื่อให้ฉัน” ประกายดาวมองไปที่ศิวะ
อรอุมาสะบัดหน้ามองศิวะตาเขียว
“อย่าไปเชื่อนะอร ผมสัญญากับคุณแล้วว่าผมจะรักคุณซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว” ศิวะบอก
จิตสุภางค์กับมิลินทร์เบ้ปาก
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” อรอุมาไล่
ศิวะทำหน้ากวนบาทาใส่ประกายดาว ประกายดาวหมั่นไส้มาก
“รู้ตัวบ้างไหมอรอุมา เธอกำลังถูกไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ใช้ความรักที่เธอมีให้เอามาปิดหูปิดตาเธอ เธอถึงทำเรื่องเลวร้ายสร้างเวรสร้างกรรมไว้กับเพื่อนรักของเธอเอง” ประกายดาวบอก
อรอุมาแปลกใจ “แกรู้เรื่องนังรส?”
“รู้ แล้วก็รู้ด้วยว่าเธอส่งคนไปซ้อมคุณรส จนคุณรสแท้งลูก” ประกายดาวบอก
อรอุมาอึ้ง “รสแท้ง !”
ประกายดาวพูดต่อ “เธอคงไม่รู้สินะว่าคุณรสท้องอยู่ แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้รู้ และมันก็ไม่คิดจะรับผิดชอบคุณรสกับลูกเลยด้วย”
“ลูกรสไม่ใช่ลูกผม” ศิวะแย้ง
“คุณคบกับคุณรสมานาน คุณน่ารู้จักคุณรสดีที่สุด ว่าเธอเป็นยังไง คุณรสโหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอด จนได้มาเจอกับผู้ชายที่รู้จุดอ่อนของเธอ แล้วมันก็หลอกให้เธอรัก หลอกให้มีความหวังว่าจะเลิกกับเมียที่มันด่าเช้าด่าเย็น แถมยังบอกว่ามันไม่เคยรักเมียมันเลย คุณรสถึงยอมทำเรื่องเลวร้ายกับคุณ แต่แล้วมันก็ไม่เคยทำในสิ่งที่มันพูด แถมยังไม่รับผิดชอบลูกที่เกิดมาจากสเปิร์มของมันด้วย”
ศิวะโมโห “อีดาว มึงจะพูดมากไปแล้ว มึงกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ยอมรับความจริงไม่ได้ล่ะสิ” ประกายดาวว่า
“อีดาว !”
ศิวะโกรธจัดจะพุ่งเข้าไปหาประกายดาว แต่จิตสุภางค์กับมิลินทร์ขวางไว้ มิลินทร์เอามือยัดไปในกระเป๋าสะพายทำท่าเหมือนในกระเป๋ามีปืน
“ถ้าแตะเพื่อนฉันแม้แต่ปลายเล็บ เจอดีแน่”
ศิวะชะงัก
“หรืออยากจะอยากกลับเข้าไปนอนในคุกเหมือนเมื่อวันก่อน” จิตสุภางค์ว่า
อรอุมาแปลกใจ “วันไหน หรือว่าวันที่คุณไม่กลับบ้าน ไหนบอกว่าจะไปนอนกับคุณแม่ไง”
“อุ๊บส์ ! ยังไม่ได้บอกเมียเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น ขอโทษนะ หลุดปาก” จิตสุภางค์พูดอย่างเร็ว “มันหลอกดาวไปปล้ำในโรงแรม เอาแผนล่าสเปิร์มมาแบล็คเมล์ ดาวเลยจับมันเข้าคุก อุ๊บส์ ! หลุดปากอีกแล้วอะ”
อรอุมาหันไปถาม “จริงเหรอศิวะ”
“มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้นแหละอร” ศิวะพูดกับประกายดาว “พวกเธอกลับไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะต้องโทรเรียกตำรวจ ไป”
“ฉันไปแน่ แต่อย่าลืมข้อตกลงของเรา ถ้านายยังเห่าเรื่องฉันไม่หยุด ฉันจะเห่าเรื่องนายคืนบ้าง ให้คนทั้งโลกรู้ไปเลย ว่านายมัน "หน้าตัวเมีย" แค่ไหน” ประกายดาวบอก
ประกายดาวหันกลับออกไป มิลินทร์กับจิตสุภางค์เดินตาม มิลินทร์ยังไม่วายกำของในกระเป๋าขู่ศิวะก่อนจะเดินตามเพื่อนออกไป
อรอุมาเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเครียดๆ ศิวะตามเข้ามาสวมกอดด้านหลัง
“อรจ๋า...อรอย่าไปเชื่อที่นังดาวพูดนะ อรก็รู้ว่าดาวร้ายกาจแค่ไหน ดาวอยากทำให้เราเลิกกัน แต่เราต้องทำให้ดาวเห็น ว่าไม่มีอะไรจะมาทำลายความรักของเราได้ ใช่ไหมจ๊ะที่รัก”
อรอุมายิ้มนิดๆ ศิวะจูบแก้มอรอุมาแล้วดึงไปสวมกอด ศิวะถอนหายใจโล่งอก ขณะที่อรอุมาหน้านิ่งเพราะกำลังคิดอะไรบางอย่าง

ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์เดินหงุดหงิดออกมาจากในบ้านเดินตรงไปที่รถของประกายดาว
“ท่าทางจะเป่าปี่ใส่หูควาย แต่ช่างเถอะ เวรกรรมใครกรรมเวรมัน ถ้ายัยอรยังโง่เชื่อไอ้ศิวะ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้” จิตสุภางค์พูดกับมิลินทร์ “เออ...แกพกปืนมาด้วยเหรอลินทร์”
“เปล่า ฉันเคยดูหนัง เวลาทำแบบนี้ดูน่ากลัวดี เลยทำมั้ง” มิลินทร์บอก
“เออ...เริ๊ด”
ประกายดาวหน้าเครียด
“ดาว..แล้วเรื่องแกจะเอายังไงต่อ ให้ฉันลงแก้ข่าวได้ไหม”
“ไม่ต้องหรอก ใครจะคิดยังไงกับฉันก็ช่าง ฉันห่วงแต่ความรู้สึกของคุณจันทรภานุคนเดียวเท่านั้น” ประกายดาวบอก

จันทรภานุขับรถเข้ามาจอดก่อนจะลงจากรถ เขากำลังจะเดินเข้าไปในห้าง แต่หันไปเห็นประกายดาวยืนอยู่
“คุณชายคะ ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ผมขอพูดตรงๆ ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับคุณตอนนี้ ขอเวลาผมทำใจก่อนแล้วกัน”
จันทรภานุเดินไป ประกายดาวโพล่งขึ้น
“คุณจะด่าฉัน โกรธฉัน เกลียดฉันก็ได้ ฉันยอมรับผิดในสิ่งที่ฉันทำหมดแล้ว แต่อย่าเย็นชากับฉันแบบนี้ ฉันทรมานจะตายอยู่แล้ว สงสารฉันเถอะนะคะคุณชาย เราไม่ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ แต่ฉันอยากให้คุณรู้สิ่งที่ฉันคิด แล้วฉันจะให้คุณเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าเรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไป”
“คุณมีอะไรก็ว่ามา”
“ฉันอยากให้คุณชายรู้ว่า...”
สุรีย์เดินเข้ามา “ชายไม่จำเป็นต้องรู้อะไรอีกแล้ว เพราะเราทุกคนรู้แล้วว่าเธอเป็นยังไง”
หญิงนิ่มเดินมากับสุรีย์ด้วย หญิงนิ่มไม่สบายใจและพยายามดึงแขนห้ามปรามสุรีย์
“หม่อมแม่ครับ...”
“ชายไม่ต้องห้ามแม่ ไหนๆ เจอตัวก็ดีแล้ว จะได้พูดกันไปให้รู้เรื่อง” สุรีย์บอก
“เอาไว้ใจเย็นกันก่อนดีกว่าครับ น้องหญิงคะ พาหม่อมแม่ขึ้นข้างบนเถอะค่ะ” จันทรภานุบอก
“แม่ไม่ไปไหนทั้งนั้น แม่จะต้องพูดกับผู้หญิงคนนี้ !” สุรีย์ยืนกราน
จันทรภานุไม่สบายใจ “หม่อมแม่...”
“คุณชายไม่ต้องห้ามหม่อมหรอกค่ะ ฉันต้องยอมรับในสิ่งที่ฉันทำ” ประกายดาวบอก
“ก็ดี ประกายดาว...ฉันเข้าใจความรู้สึกที่เธออยากมีลูก เพราฉันเองก็เคยอยากมีลูกเหมือนเธอ และฉันก็มีความสุขมากที่ลูกของฉันสมบูรณ์แบบอย่างจันทรภานุ แต่สิ่งที่เธอทำเธอคิดมันสร้างความอับอายให้ครอบครัวของเรา จันทรภานุต้องเป็นตัวตลกเพราะเธอ และสิ่งที่เธอผิดอีกอย่างคือ เธอไม่รู้ว่า...จันทรภานุเกลียดคนโกหกมากที่สุด”
“ฉันขอโทษ”
สุรีย์พูดต่อ “เอาเป็นว่าฉันจะไม่ถือโทษโกรธเคืองเธอ แต่เธอต้องออกไปจากชีวิตของเรา ถ้าอยากได้สเปิร์มไปหาจากที่อื่น คนที่วังนพรัตน์ไม่มีให้เธอ”
ประกายดาวต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่เพราะทั้งเสียใจทั้งอาย จันทรภานุมองประกายดาวอย่างห่วงใย

ประกายดาวขึ้นมาบนรถแล้วฟุบหน้าร้องไห้โฮกับพวงมาลัย

สุรีย์เปิดภาพถ่ายน้องน้ำหวานบนมือถือแล้วส่งให้จันทรภานุดู
“หนูน้ำหวาน ลูกสาวของคุณหญิงจันทิมา เพิ่งจบด้านอาหารมาจากสวิต”
“หม่อมป้าจะจับคู่ให้พี่ชายอีกแล้วเหรอคะ” หญิงนิ่มถาม
“ทำยังไงได้ ขืนปล่อยให้จันทรภานุโสดอยู่แบบนี้ เกิดไปเสียท่าพวกผู้หญิงประหลาดๆ ป้าก็แย่สิ จันทรภานุต้องไปเดทกับหนูน้ำหวาน”
“ถ้าหม่อมแม่ต้องการ ผมก็จะไปให้” จันทรภานุบอก
“ดีมากจ้ะลูกรัก เดี๋ยวแม่ไปโทรบอกคุณหญิงจันทิมาก่อนนะ”
สุรีย์เดินออกไปจากห้อง จันทรภานุถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ หญิงนิ่มสงสารจันทรภานุ
“ถ้าพี่ชายไม่อยากไป พี่ชายก็ไม่เห็นต้องตามใจหม่อมป้าเลยค่ะ”
“พี่ทำให้หม่อมแม่กลุ้มใจมามากแล้ว อะไรที่จะทำให้ท่านสบายใจขึ้นมาได้บ้าง พี่ก็จะทำ”
“แล้วพี่ชายจะยอมเสียพี่ดาวไปจริงๆ เหรอคะ”
“สิ่งที่เกิดขึ้นมันสร้างแผลให้พี่ ทำให้พี่ไม่แน่ใจว่าคุณดาวจะจริงใจกับพี่จริงหรือไม่ แล้วคนเรารักกันคบกันแต่ไม่เชื่อใจกัน มันจะมีความสุขได้ยังไง”
“เวลาอาจจะช่วยให้แผลหายก็ได้นะคะ” หญิงนิ่มว่า
“แล้วถ้ามันไม่หายล่ะคะ คุณดาวก็ต้องไม่มีความสุขกับความหวาดระแวงของพี่ ถ้าตอนนี้พี่รั้งคุณดาวไว้ก็เท่ากับว่าพี่เห็นแก่ตัว พี่ควรปล่อยคุณดาวไปเจอคนใหม่ที่พร้อมจะรักและเชื่อใจคุณดาวได้อย่างเต็มหัวใจไม่ดีกว่าหรือคะ”
หญิงนิ่มเถียงไม่ออกได้แต่นั่งกลุ้มใจ

หญิงนิ่มเดินเข้ามาในเฟรม เธอหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
“คืนนี้พี่ดาวอยู่ไหมคะ”

เสียงกริ่งหน้าประตูห้องประกายดาวดังขึ้น ประกายดาวยิ้มและเดินไปเปิดประตูแต่คนที่มาคือ พงศ์จันทร
“อ้าว...คุณพงศ์”
พงศ์จันทรรีบพูด “นั่นไง คุณดาวยังไม่หายโกรธผมจริงๆ ด้วย ผมถึงต้องรีบมาแก้ตัว...เรื่องแผนล่าสเปิร์มไม่ได้หลุดมาจากผมนะครับ”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่ได้โกรธอะไรคุณเลยด้วย แต่ฉันแค่แปลกใจที่เห็นคุณมา ฉันคิดว่าจะเป็นน้องหญิงซะอีก”
“น้องหญิง หญิงนิ่ม ?”
“ค่ะ น้องหญิงโทรมาบอกว่าจะมาหาฉัน” ประกายดาวบอก
พงศ์จันทรตกใจ “หญิงนิ่มกำลังมา !”
ประกายดาวงง “ตกใจทำไมคะ”
หญิงนิ่มกำลังเดินเข้าไปในคอนโด นักข่าวที่ยืนอออยู่หน้าคอนโดหันมาเห็นหญิงนิ่ม
“คุณหญิงนิ่ม !”
นักข่าวกรูกันเข้าไปหาหญิงนิ่ม
“คุณหญิงครับ ขอสัมภาษณ์เรื่องแผนล่าสเปิร์มหน่อยครับ”
หญิงนิ่ม อึกอัก “เอ่อ...”
“ในฐานะที่คุณหญิงเป็นน้องสาวคุณจันทรภานุ คุณหญิงรู้สึกยังไงคะที่ตอนนี้สาวๆ ทั้งประเทศต้องการสเปิร์มของคุณจันทรภานุ”
“เอ่อ...หญิง...หญิงไม่มีความคิดเห็นค่ะ”
“แล้วหม่อมสุรีย์ว่ายังไงบ้างคะ” นักข่าวถามต่อ
หญิงนิ่มไม่ตอบคำถาม “หญิงขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงนิ่มเดินหนีเข้าไปในล้อบบี้ แต่นักข่าวยังตามตื้อ
“แล้วคุณหญิงมาทำอะไรที่คอนโดคุณประกายดาวคะ”

หญิงนิ่มเดินเร็วมาที่ลิฟต์ นักข่าวกำลังเดินตามมา
“คุณหญิงคะ สัมภาษณ์หน่อยเถอะค่ะคุณหญิง”
หญิงนิ่มกำลังจะกดลิฟต์ ทันใดนั้นก็มีมือมาดึงแขนหญิงนิ่มเข้าไปในลิฟต์
หญิงนิ่ม ตกใจ “ว้าย !”
ในลิฟต์ หญิงนิ่มถูกพงศ์จันทรโอบกอดจนแนบชิดกำแพงข้าง พงศ์จันทรกดปิดลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดพอดีกับที่นักข่าววิ่งมาทำให้นักข่าวไม่เห็นว่าหญิงนิ่มอยู่ไหน

พงศ์จันทรยังยืนคร่อมร่างหญิงนิ่ม ทั้งสองสบตากัน แล้วหญิงนิ่มก็ผลักพงศ์จันทรออก
“ถอยไป !”
“ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ใจดำ” พงศ์จันทรว่า
หญิงนิ่มไม่ตอบโต้ เธอกดปุ่มลิฟต์ชั้นต่อไปที่ลิฟต์กำลังไปถึง
“ไหนว่าจะมาหาคุณดาวไง ห้องคุณดาวอยู่ชั้น 10 นะคุณ”

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12/3 วันที่ 27 ก.ย. 56

ละครดาวเกี้ยวเดือน บทประพันธ์โดย : รอมแพง
ละครดาวเกี้ยวเดือน บทโทรทัศน์โดย : ปณธี - สุธิสา วงษ์อยู่
ละครดาวเกี้ยวเดือน กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น จำกัด
ละครดาวเกี้ยวเดือน ดำเนินงานโดย : อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3