@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 วันที่ 26 ก.ย. 56

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 วันที่ 26 ก.ย. 56

“ฉันได้ยินมาว่าตั้งแต่คุณปุระชัยถูกจับ ยัยรสก็เก็บตัวเงียบ สงสัยคงไม่อยากออกไปเจอผู้คน คนจนตรอกแบบนี้ แกยิ่งต้องระวังตัวนะดาว” มิลินทร์เตือน
รติรสจะเอาแผนของประกายดาวที่คิดล่าสเปิร์มของคุณชายไปข่มขู่ประกายดาว แต่ถูกชายคนร้ายคนหนึ่งมาจี้ตัวพาไป

รติรสรู้ว่าจะต้องเป็นอรอุมาว่าจ้างแน่นอน
ขณะคนร้ายพารติรสเดินไป ประกายดาวสวนทางมองเห็นอาวุธก็รู้รติรสอยู่ในอันตราย ประกายดาวช่วยรติรสด้วยการผลัก
คนร้ายเซเสียหลัก รติรสวิ่งหนีทันที คนร้ายไล่ตามทันกระชากล้มกระแทกพื้นแล้วมันก็หนีไปเพราะเห็น รปภ.จะเข้ามาช่วย
รติรสแท้งลูกเลือดไหลออกมาตามหน้าขาแดงฉาน อรอุมาได้รับโทรศัพท์บอกเล่าจากชายคนร้ายก็หัวเราะสะใจ
ศิวะรู้ก็ว่าอรอุมาทำรุนแรงเกินไป


"น้อยไปด้วยซ้ำกับความชั่วของมันกับคุณ นี่ถ้าฉันไม่เห็นว่ามันเคยเป็นเพื่อน ฉันสั่งฆ่ามันไปแล้ว
ส่วนคุณถ้าฉันไม่เห็นว่าคุณเป็นผัว ฉันก็ไม่ปล่อยคุณไว้เหมือนกัน !!"
ศิวะหน้าซีดไม่กล้าเถียง อรอุมากระชากคอข่มขู่
"แต่อย่าคิดว่าชีวิตคุณจะสงบสุขเหมือนเดิมนะศิวะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้อีผู้หญิงหน้าไหนมาทำร้ายหัวใจฉันได้อีกแล้ว
ถ้าฉันรู้ว่าใครมายุ่งกับคุณ หรือคุณไปยุ่งกับใคร ฉันจะฆ่ามัน...!!"
"จ้ะ มันจะไม่มีอีกแล้ว ผมจะรักคุณคนเดียว"
ศิวะโอบกอดออดอ้อนเอาใจอรอุมา แต่สีหน้าของเขาไม่สบายใจเรื่องรติรส อยากจะช่วยก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยได้
ประกายดาวพารติรสส่งโรงพยาบาลแล้วยืนคอยฟังอาการอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง จนกระทั่งหมอออกมาบอกรติรส
ปลอดภัยส่วนเด็กในท้องไม่สามารถช่วยได้ รติรสรู้ว่าลูกตายก็ร้องไห้เสียใจทำให้ประกายดาวพลอยน้ำตาไหลไปด้วย
เพราะประกายดาวช่วยรติรสไปโรงพยาบาล คุณชายจันทร์จึงติดต่อไม่ได้ หม่อมสุรีย์ให้เขามารับเธอไปกินข้าวแช่
เขาจึงไม่ได้มารับเธอ กว่าเขาจะติดต่อเธอได้ก็ตอนค่ำๆคืนนั้น
"หม่อมสุรีย์โกรธฉันมากไหมคะ ?"
"ไม่หรอกครับ หม่อมแม่เข้าใจ แต่ขอบอกเลยว่าวันนี้คุณพลาดข้าวแช่ที่อร่อยที่สุดในโลก"
"วันหลังฉันขอแก้ตัวนะคะ"
ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
"คุณชายไม่ถามฉันหรอคะ ว่าธุระด่วนของฉันคืออะไร"
"ไม่ถามครับ ถ้าคุณอยากบอกคุณก็จะบอกเอง แต่ถ้าคุณไม่อยากบอกผมถาม คุณก็จะต้องโกหก"
"คุณชายเกลียดการโกหกมากหรือคะ ?"
"ครับ คนเราคบกันไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ควรจะจริงใจต่อกัน โลกนี้ถึงจะน่าอยู่"
ประกายดาวหนักใจ อยากจะบอกความจริงกับเขาสักทีแต่แล้วก็ไม่พูด
วันรุ่งขึ้นประกายดาวไปเยี่ยมรติรส และบอกถ้าหายป่วยแล้วไม่มีที่อยู่ก็ไปอยู่กับเธอได้ รติรสมองประกายดาวอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
"ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าสุดท้ายแล้ว คนที่ดีกับฉันที่สุดจะเป็นคุณ"
"ฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาดูแลคุณ"
"คุณดาวคะ ฉันขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับคุณ"
"ฉันให้อภัยค่ะ แต่คุณต้องบอกฉันคุณรู้เรื่องแผนล่าสเปิร์มได้ยังไง ?"
"ฉันได้ยินคุณกับเพื่อนคุยกันที่โรงพยาบาลค่ะ"
ประกายดาวคิดทบทวนแล้วก็นึกได้ วันที่เธอไปตรวจภายในนั่นเอง
"ตอนนั้นฉันพึ่งรู้ว่าฉันท้อง และก็พึ่งรู้ว่าฉันโดนผู้ชายที่รักมากที่สุดหลอกมาตลอด ฉันอยากมีเงินซักก้อน
จะได้พาลูกหนีไปให้ไกล แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะไม่บอกคุณชายจันทร์"
"ค่ะ แล้วเรื่องคนร้าย คุณจะไม่เอาเรื่องจริงๆหรอคะ ?"
"ยังไม่เอาตอนนี้ค่ะ รอให้ฉันหายดีซะก่อน ฉันค่อยไปจัดการกับมันด้วยตัวเอง"
"คุณรู้หรือคะ ว่าเป็นฝีมือใคร ?"
"นังอรอุมา มันแค้นเรื่องฉันกับศิวะ ศิวะเป็นพ่อของลูกฉัน ไม่เคยมีใครรู้เรื่องฉันกับศิวะหรอกค่ะ อีอรมันก็พึ่งรู้เพราะมั่นใจมาตลอด
ว่ามันฉลาด แต่ความจริงแล้ว คนที่โง่ที่สุดก็คือมัน ที่ส่งคนมาทำร้ายจนลูกฉันต้องตายฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่"
ประกายดาวฟังรติรสพูดอย่างโกรธแค้นแล้วไม่สบายใจ เธอกลับมาเล่าให้มิลินทร์กับจิตสุภางค์ฟังแล้วน้ำตาซึมสงสารลูกของรติรส
มิลินทร์ถามประกายดาวรู้หรือเปล่า รติรสจะเอาคืนอรอุมาด้วยวิธีการอย่างไร ประกายดาวบอกไม่รู้ แต่ไม่อยากให้รติรสทำบาปจึงต้องช่วย
"แกช่วยยัยรสมากพอแล้วดาว บอกตามตรงนะฉันไม่อยากให้แกไปยุ่งกับสามคนนี้เลย ฉันกลัวแกจะเดือดร้อนไปด้วย"
"ฉันไม่ได้จะช่วยยัยรส แต่ฉันจะช่วยเด็กน้อย ถ้าวิญญาณมีจริงเขาจะต้องนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ ที่แม่เขายังเป็นทุกข์อยู่แบบนี้
ฉันต้องช่วยห้ามไม่ให้คุณรสกับยัยอรมีปัญหากันมากไปกว่านี้อีก"
"คิดว่าตัวเองเป็นรถดับเพลิงหรือไงจ๊ะ ถึงคิดจะไปดับไฟโลกันต์"
"ฉันไม่ดับเองหรอก ต้องให้ไอ้คนจุดไฟเป็นคนไปดับ"
ประกายดาวพูดด้วยสีหน้าแววตามุ่งมั่นว่าจะต้องทำให้ได้ แล้ววันนั้นเธอกับเพื่อนทั้งสอง ก็ไปดักพบศิวะที่หน้าร้านขายเพชร โดยประกายดาว
ยืนอยู่คนเดียว อีกสองคนยืนห่างออกไป ศิวะเห็นก็ทักทาย
"ไม่เจอกันซะนานสบายดีนะครับคุณเศรษฐี"
"สบายตัวแต่ไม่สบายใจ ดันไปรับรู้เรื่องของไอ้ผู้ชายเฮงซวย"
"ใคร...คุณชายจันทร์หรอ ?"
ศิวะแกล้งถามกวนๆ ประกายดาวโกรธแต่อดทนระงับไว้ไม่โต้ตอบ
"คุณรสอยู่กับฉัน...เธอแท้ง"
"แล้วมาบอกผมทำไม ?"
"นายรู้ดีว่าฉันมาบอกนายทำไม !"
ศิวะสะอึก ประกายดาวรู้เรื่องเขากับรติรสแล้ว
"เกิดเป็นผู้ชายไม่ใช่แค่มีหน้าที่ผลิตสเปิร์ม แต่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตที่เกิดจากสเปิร์มของตัวเองด้วย ไม่ใช่เสร็จกิจแล้วเสร็จกัน
ไม่งั้นนาย มันก็ไม่ต่างจากหมา !!"
"ดาว..เด็กคนนั้นอาจไม่ใช่ลูกผมก็ได้ รสมั่วจะตาย"
ประกายดาวทนระงับความโกรธไม่ได้ ตบหน้าศิวะเต็มแรง ฉาดแรกเพื่อรติรสที่เขาหยามเกียรติ ฉาดที่สองเพื่อวิญญาณเด็กน้อย ฉาดสาม
ไม่มีเหตุผลเพื่อใครแต่เธออยากตบ ศิวะโกรธมากเงื้อมือจะตบคืนแต่มิลินทร์กับจิตสุภางค์ปราดเข้าประชิด ทำให้ศิวะไม่กล้าตบได้แต่พูด
"รสแท้งไปแล้วจะให้ไปรับผิดชอบอะไรอีก !!"
"รับผิดชอบผลที่กำลังจะตามมา คุณรสเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่ต่างกับยัยอร อีกไม่นานคุณรสกับยัยอรจะต้องทำสงครามกันแน่ ถ้านายไม่หยุด
ปัญหานี้ให้เร็วที่สุด นายจะต้องเดือดร้อน"
"แล้วจะให้ผมทำยังไง ?"ศิวะถาม
“นั่นแหละคือสิ่งที่นายต้องคิด ในเมื่อนายเป็นคนผูก นายก็ต้องเป็นแก้”
ศิวะหนักใจ

รติรสฝันเห็นตัวเองตอนโดนชกท้องแล้วมีเลือดไหลออกหว่างขา
รติรสร้องกรี๊ดพร้อมกับลืมตาตื่นมาเจอศิวะนั่งคอยอยู่ข้างๆ ศิวะปราดเข้าไปจับมือรติรสแล้วเก๊กหน้าพระเอกเต็มที่
“รส คุณเป็นยังไงบ้าง”
รติรสตบหน้าศิวะดังผัวะ
“ไปให้พ้น !”
รติรสคว้าของใกล้มือปาใส่ศิวะ ศิวะยกมือป้องหน้า
“ฟังผมก่อนสิรส ที่วันนั้นผมต้องพูดทำร้ายจิตใจคุณ ผมจำเป็น เพราะอรยืนอยู่ข้างๆ ผม ถ้าผมพูดดีๆ กับคุณ อรก็จะฆ่าผม ผมไม่ได้กลัวตายหรอกนะ แต่ผมเป็นห่วงคุณกับลูก ถ้าผมตาย คุณกับลูกจะอยู่กันยังไง”
รติรสหยุดปาของ ศิวะค่อยๆ ก้าวเข้าไปหารติรส
“ผมพูดจริงๆ นะรส พอผมรู้ว่าคุณท้อง ผมดีใจแทบตาย ลูกคือของขวัญที่มีค่าที่สุดของผม”
“คุณโกหก !”
“ผมสาบาน ถ้าผมโกหก ขอให้ผมเป็นหมัน มีลูกไม่ได้อีกเลย” ศิวะจับมือรติรสมาวางที่แก้ม “ผมรักคุณกับลูกมากนะ”
รติรสใจอ่อนแล้วโผเข้าไปกอดศิวะ
“ศิวะ ลูกตายแล้ว”
ศิวะลูบหลังปลอบรติรส แต่สีหน้าเซ็งมาก
“เขาไปสบายแล้ว ทำใจเถอะนะ”
“ฉันไม่มีวันทำใจได้ จนกว่ายัยอรจะชดใช้ ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว ฉันจะแฉความเน่าความเลวของมัน มันต้องชดใช้”
“รสใจเย็นๆ ก่อนนะ อรต้องชดใช้แน่ แต่ผมขอจัดการเองนะ”
“คุณจะทำยังไง”
“ผมจะหย่ากับอร” ศิวะบอก

จิตสุภางค์ยืนเอาหูแนบกับประตู มิลินทร์กับประกายดาวอยู่ที่โซฟา
“เงียบไปแล้ว หรือว่าฆ่ากันตายไปแล้ววะ เรียกปอเต๊กตึ้งเหอะ”
“ศิวะปอดแหกจะตาย ส่วนคุณรสก็รักศิวะมาก เขาไม่ฆ่ากันหรอก” ประกายดาวบอก
“ที่จริงเราน่าจะปล่อยให้พวกเขาหาทางเคลียร์ปัญหากันเอง” มิลินทร์ว่า
“ฉันบอกแล้วไง ฉันทำเพื่อให้วิญญาณลูกของคุณรสได้นอนตายตาหลับ” ประกายดาวบอก
“แต่พวกนี้เป็นพวกไม่มีต่อมจิตใต้สำนึกที่ดี ฉันกลัวว่าความซวยจะมาเยือนแกอะดิ”
จิตสุภางค์พยักหน้าเห็นด้วย แต่ประกายดาวเฉยเพราะไม่คิดว่าจะมีความซวยอะไร

ศิวะส่งเงินปึกใหญ่ให้รติรส
“คุณเก็บเงินไว้ใช้ แล้วเดี๋ยวผมหย่ากับอรเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะบินตามไป แต่ระหว่างนี้คุณต้องเก็บตัวเงียบๆ อย่าไปหาเรื่องอร เพราะถ้าอรโกรธ เอาเรื่องคุณมาฟ้องหย่าผม เราจะไม่เหลืออะไรเลย”
“ฉันต้องรอนานเท่าไหร่”
ศิวะมีสายตาที่ล่อกแล่กเอาไงดีวะตรู แล้วเขาก็ตอแหล
“หนึ่งเดือน”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณ”
ศิวะยิ้มโล่งใจ
“แต่ถ้าเกินหนึ่งเดือน คุณยังไม่หย่ากับมัน ฉันจะกลับมาจัดการมันกับคุณ” รติรสว่า
ศิวะฝืนยิ้มแล้วเฉไฉเปลี่ยนเรื่องด้วยการจูบแก้มรติรส แต่รติรสสะดุ้ง
รติรสร้อง “โอ๊ย !”
“คุณเจ็บมากเลยเหรอ”
“ค่ะ ถ้าคุณดาวไม่มาช่วย ฉันก็คงตายไปด้วย คุณดาวเป็นคนดีมาก ฉันยังรู้สึกผิดไม่หายที่เคยทำไม่ดีกับเธอ ขนาดฉันแบล็คเมล์เธอ เธอยังช่วยฉัน”
“แบล็คเมล์ ? คุณแบล็คเมล์ดาวเรื่องอะไร” ศิวะงง
ศิวะเปิดประตูออกมาจากในห้องนอนแล้วเก๊กหน้าเศร้า ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ที่อยู่ในห้องโถงหันไปมองศิวะเป็นตาเดียว
“รสหลับไปแล้ว” ศิวะบอก
ประกายดาวพยักหน้า
“ดาว..ออกไปข้างนอกกับผมหน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์แปลกใจ

ศิวะเดินนำประกายดาวมาที่รถ โดยที่ประกายดาวมาตัวเปล่า
“คุยกันข้างบนก็ได้ ทำไมต้องลงมาถึงที่นี่ด้วย” ประกายดาวถาม
“ผมไม่อยากอ่อนแอให้ลินทร์กับจิตเห็น” ศิวะบอก
จู่ๆ ศิวะก็ปิดหน้าร้องไห้แล้วชกกำแพง ประกายดาวรีบห้าม
“เฮ้ย ! นายทำอะไร จะบ้าไปแล้วหรือไง”
“ผมเกลียดตัวเอง ผมเป็นเหตุทำให้ลูกตาย ผมไม่ควรเกิดเป็นคนด้วยซ้ำ”
“ก็จริง”
ศิวะมองประกายดาว
ประกายดาวรีบพูด “ไม่ๆ ฉันหมายถึงว่า ก็จริงที่นายเป็นต้นเหตุทำให้ลูกตาย เห็นหรือยังว่าความมักมาก
ไม่รู้จักพอ มันไม่เคยให้อะไรดีกับชีวิตนายเลย แต่ถ้านายคิดได้แล้วก็กลับเนื้อกลับตัวซะ อย่าให้เกิดปัญหาขึ้นอีก”
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะดาว ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไร แล้วนายจะทำยังไงต่อไป”
“รสเสียสละเพื่อผมมามากแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องทำเพื่อรสบ้างแล้ว ผมจะเลิกกับอรแล้วมาอยู่กับรส ผมกับรสจะมีลูกใหม่ด้วยกัน รสจะได้มีความสุข”
“วิญญาณลูกนายนอนตายตาหลับแล้วล่ะ”
ศิวะยิ้ม “รสอยากได้กระเป๋าที่ห้อง คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” ศิวะตื่นเต้น “เสร็จแล้ว..ผมอยากจะให้คุณช่วยเลือกของขวัญปลอบใจรสสักชิ้น”
“ก็ได้ ฉันขึ้นไปเอากระเป๋าก่อน”
“ผมต้องรีบไปรีบกลับ เดี๋ยวอรกลับบ้าน ไม่เจอผม อรจะอาละวาดอีก”
“ไหนว่าจะเลิกกับคุณอร”
“ขอเวลาตั้งหลักก่อนไม่ได้หรือไง ถ้าผมขอเลิกกับอรตอนนี้ รสเดือดร้อนอีกแน่ๆ”
ประกายดาวไม่แน่ใจ
“คุณจะกลัวอะไรฮะดาว ถึงผมคิดจะทำอะไรคุณ ผมเคยทำอะไรคุณได้เหรอ”
ประกายดาวนิ่งไป

มิลินทร์คุยโทรศัพท์
“โอเค แล้วรีบกลับมานะ” มิลินทร์วางสาย
“ไอ้ศิวะโทรหาแกทำไม” จิตสุภางค์ถาม
“ดาวยืมมือถือศิวะโทรมาบอกว่าจะไปที่ห้องคุณรสกับศิวะ คุณรสอยากได้ของ”
ระหว่างนั้นรติรสก็เปิดประตูออกมาด้วยหน้าตางัวเงีย รติรสถือแก้วน้ำเปล่าออกมาจากห้องแล้วได้ยินที่สองสาวคุยกันพอดี
รติรสแปลกใจ “หือ ? ฉันไม่ได้อยากได้อะไรนี่คะ”
มิลินทร์กับจิตสุภางค์แปลกใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้อง มิลินทร์ จิตสุภางค์ รติรสหันขวับไปมองทางประตู

ศิวะไขประตูเข้ามาในห้องรติรส เขาเปิดประตูให้ประกายดาวเดินนำเข้ามาในห้องก่อน ประกายดาวมองหาของในห้อง ศิวะปิดประตูแล้วมือถือของศิวะก็สั่น หน้าจอมือถือขึ้นชื่อ "มิลินทร์" ศิวะรีบกดตัดสาย
ประกายดาวถาม “กระเป๋าคุณรสอยู่ตรงไหน”
ศิวะกดล็อคประตู
“ไม่มีกระเป๋า มีแต่เราสองคน”
ประกายดาวนิ่วหน้าทันที
“นายโกหก ?”
“ผมก็ไม่คิดว่าคุณเชื่อง่าย” ศิวะบอก
“ฉันคิดว่านายจะยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ทำให้ลูกตายแทนที่จะสำนึก นายไม่ควรเกิดเป็นคนอย่างที่นายพูดจริงๆ”
“ผมบอกแล้วไง ลูกของรสอาจจะไม่ใช่ลูกของผมก็ได้”
“เลว ! นายต้องการอะไร”
“ไม่น่าถาม” ศิวะมองประกายดาวด้วยสายตาโลมเลีย
“จำคำพูดตัวเองไม่ได้หรือไง นายไม่เคยทำอะไรฉันได้ อยากลองดีใช่ไหม”
“ยอมผมดีๆ ดีกว่าดาว ไม่ต้องห่วงนะ ผมแค่อยากเป็นผัวไม่ได้อยากเป็นพ่อ สเปิร์มของผมจะไม่ทำให้คุณมีลูก ลูกคุณจะยังเกิดจากสเปิร์มของจันทรภานุอย่างที่คุณต้องการเหมือนเดิม”
ประกายดาวอึ้ง!
“นายพูดบ้าอะไร”
“ไม่ต้องมาแอ๊บ รสเล่าเรื่องแผนล่าสเปิร์มให้ผมฟังหมดแล้ว มิน่า...ถึงหวงท้องตัวเองจัง”

ภาพในอดีตย้อนกลับมา ชายที่ศิวะจ้างพูด
“คุณน่าจะบอกผมว่าผู้หญิงคนนั้นท้องอยู่ ผมจะได้ไม่รับงานนี้ ถึงผมจะเลวแต่ผมก็ไม่ชั่วนะครับ”
“นังดาวไม่ได้ท้อง” ศิวะว่า
“เหรอครับ ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นพูดลูกในท้อง ผมคิดว่าท้องอยู่ซะอีก”
ศิวะครุ่นคิดกับตัวเอง “หรือดาวมีอะไรปิดบังอยู่”
ศิวะพูดต่อ
“เพราะคุณอยากมีลูกกับคุณชายจนตัวสั่นนี่เอง”
ประกายดาวจะเดินไปที่ประตู แต่ศิวะขวางไว้
“จะไปไหนคุณยังไม่จ่ายค่าปิดปากผมเลยนะ ถ้าไม่อยากให้คุณจันทรภานุรู้เรื่องนี้ ให้ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณซะดีๆ แล้วผมจะรูดซิบปิดปากให้สนิทเลย”
“ลูกนายเพิ่งจะตาย เมียนายสองคนกำลังจะฆ่ากัน นายยังมีใจคิดเรื่องชั่วๆ อีกเหรอ” ประกายดาวว่า
“เป็นความสามารถส่วนบุคคลจ้ะดาร์ลิ่ง”
ศิวะคว้าแขนประกายดาวยึดติดกับกำแพง
“ปล่อยฉันไอ้ทุเรศ !”
ประกายดาวยกเข่าจะกระทุ้งเป้าศิวะ แต่ศิวะหลบทัน
“ต้องหามุขใหม่แล้วนะ” ศิวะบอก
ศิวะจับแขนประกายดาวไพล่หลังแล้วคว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่ใกล้ๆ มามัดสองมือของประกายดาวไว้ด้วยกัน ประกายดาวดิ้น
“ปล่อยฉันนะศิวะ !”
“ปล่อยก็โง่สิจ๊ะ ยังไงเธอก็หนีฉันไม่รอด”
“ฉันยอมแล้ว อยากจะทำอะไรฉันก็ทำเลย” ประกายดาวบอก
“อย่าคิดตุกติกนะประกายดาว”
“ตุกติกบ้าอะไรเล่า ฉันกลัวนายจะไปบอกคุณชายเรื่องนั้นจะตายอยู่แล้ว แล้วถ้าฉันยอมนาย แล้วนายเอาเรื่องฉันไปบอกจันทรภานุ ฉันจะให้ยัยลินทร์ลงข่าวเรื่องนายกับคุณรส”
“โอเค ตามนั้น”
ศิวะคลายตัวจากประกายดาวแล้วจับประกายดาวหันหน้ามาก่อนจะให้ประกายดาวนอนลงบนเตียง
“ไม่แก้มัดฉันก่อนเหรอ”
“จะสู้กับงูพิษ ต้องมัดปากเอาไว้ ถ้าเผลอเดี๋ยวงูฉก”
ประกายดาวเจ็บใจที่ศิวะไม่หลงกล
ศิวะถอดเสื้อตัวเองพลางมองประกายดาวอย่างหื่นกระหาย ประกายดาวแกล้งทำตัวสั่นเทิ้ม ศิวะถอดเสื้อเสร็จก็ก้มลงลูบไล้หน้าประกายดาว
“ตัวสั่นเชียว น่ารักจัง ก่อนอื่นขอทำโทษที่วันนี้ตบฉันตั้งสามครั้งก่อนนะจ๊ะ”
ศิวะก้มลงจะจูบประกายดาว ประกายดาวใช้ทีเผลอกัดหัวไหล่ศิวะเต็มแรง
ศิวะร้องลั่น “อ๊าก !”

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 วันที่ 26 ก.ย. 56

ละครดาวเกี้ยวเดือน บทประพันธ์โดย : รอมแพง
ละครดาวเกี้ยวเดือน บทโทรทัศน์โดย : ปณธี - สุธิสา วงษ์อยู่
ละครดาวเกี้ยวเดือน กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น จำกัด
ละครดาวเกี้ยวเดือน ดำเนินงานโดย : อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3