อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 11 วันที่ 25 ก.ย. 56
หญิงนิ่มพิมพ์มาอีกว่า "พรุ่งนี้พี่ชายฉันจะขอผู้หญิงที่เขารักแต่งงาน"พงศ์จันทรอึ้งเพราะถึงจะโดนประกายดาวปฎิเสธมาแล้ว แต่เขาก็อดใจหายไม่ได้ เขาพิมพ์ตอบ ไปว่า "ยินดีด้วย"
คุณหญิงนิ่มไปนั่งรอที่ห้องอาหารจนถึงสามทุ่มครึ่ง ไม่เห็นพงศ์จันทรก็คิดว่าเขาไม่อยากมารับรู้เรื่องแสลงใจ เธอจึงกลับ
พงศ์จันทรอยู่ที่ทำงานเห็นเวลาสามทุ่มก็นึกได้รีบออกไปที่ร้านอาหารแห่งนั้น เจอคุณหญิงนิ่มจะกลับพอดี
เธอร้องไห้เดินหนี เขาเดินตามไปดึงแขน
"เก็บคำขอโทษของนายไว้เถอะ มันไม่ช่วยอะไรหรอก"
"คุณหญิงจะให้ผมทำยัง คุณถึงยกโทษให้ผม"
"ใช่สินะ..คนอย่างนายทำได้ทุกอย่างทำได้แม้กระทั่งลงทุนฝืนใจคุยกับฉัน ทำให้ฉันยอมมอบความรู้สึกดีๆให้
กับคนที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า"
"ผมไม่เคยฝืนใจคุยกับคุณ"
"เลิกโกหกสักทีได้ไหม แค่นี้ฉันยังเสียใจไม่พอหรือไง"
คุณหญิงนิ่มผลักอกเขาเซไป แต่เขาเข้ามาอีกเธอร้องไห้โฮ เขาแตะแขนปลอบแต่เธอสะบัด
"อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ที่จริงฉันน่าจะเอะใจมาตั้งนานแล้ว ว่านายคือคุณชายไร้หัวใจ เพราะนายมันคนไม่มีหัวใจ
เป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจที่สุด ฉันเกลียดนาย...ฉันเกลียดนาย !!"
คุณหญิงนิ่มวิ่งออกไป พงศ์จันทรมองตามแววตาเศร้า เตะต้นไม้แถวนั้นระบายอารมณ์
นันทินียังไม่ละความพยายาม หวนกลับไปที่วังนพรัตน์อีก พอถึงก็นั่งพับเพียบเกาะขาอ้อนหม่อมสุรีย์
"หม่อมป้าต้องเชื่อนัน นันไม่ได้เป็นอย่างที่หม่อมป้าเห็น นันแค่จะลองใจคุณชาย มันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น"
"งั้นเธอก็แสดงได้แนบเนียนมาก ไปเป็นดาราซะเถอะ อย่ามาเป็นสะใภ้ป้าเลย"
หม่อมสุรีย์สะบัดออกจากการเกาะกุมของนันทินีและจะเดินไป นันทินีกอดขาไว้อีกทำให้หน้าคะมำจะล้ม
แต่คุณชายจันทร์ประคองไว้ทัน
"นันไม่ได้ทำนะคะ หม่อมป้าโกรธจนขาแข้งอ่อน"
"นังนี่ ไม่เคยยอมรับผิด"
เป็นคำพูดในใจของหม่อมสุรีย์ นันทินียังไม่รู้สำนึก
"เห็นไหมคะหม่อมป้า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า เดี๋ยวพอหม่อมป้าหายโกรธหม่อมป้าก็จะมีสติกลับมาคิดได้เหมือนเดิม
ว่านันเหมาะสมกับคุณชายที่สุด เพราะนันสวย รวย ดูดี มีชาติตระกูล และที่สำคัญนันไม่เคยยุ่งกับสามีชาวบ้าน"
"งั้นคุณนันก็ดีเกินไปคุณนันไปหาคนที่เขารักคนดีๆอย่างคุณนันเถอะครับ เผอิญผมเป็นคนชอบอะไรที่มันพอดีๆคุณนมส่งแขก"
คุณชายจันทร์พูจบคำก็ประคองหม่อมสุรีย์ออกไป นันทินีจะตามแต่แม่นมพรขวางแล้วชี้ที่ประตู ถ้าไม่เดินกลับดีๆ
เดี๋ยวมีคนมาช่วยอุ้มนันทินีกระแทกเท้าเดินออกไปตัวเปล่า ลืมกระเป๋าสะพายเอาไว้
ลับหลังนันทินีไม่นานอภิเชษฐ์ก็มาถึง คุยเรื่องสงสัยประกายดาวจะพัวพันแก๊งยาเสพติดเพราะเห็นสนิทกับพลมาก
"ฉันไปคุยกับคุณดาวมาแล้ว คุณดาวบอกว่าเคยเจอพลแค่ไม่กี่ครั้ง แล้วเรื่องที่เธอคุยกับพลก็มีแต่เรื่องวาดรูป คุณดาวชอบ
ฝีมือวาดรูปของพวกเขา ส่วนกับคุณปุระชัย เธอไม่เคยเจอกันเป็นการส่วนตัวเลย"
"คุณดาวเธอยินดีให้ความร่วมมือ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอบริสุทธฺ์ใจ ?"
"ไม่ต้องห่วง คุณดาวได้ให้ความร่วมมือแน่"
"ทำไมวะ ?"
"เราเช็คประวัติคุณดาวดูแล้ว เราก็พบว่าคุณดาวมีทรัพย์สิน ทั้งเงินสด อสังหาริมทรัพย์ รวมๆกันแล้วก็หลายสิบล้าน"
นันทินีกลับมาเอากระเป๋าได้ยินก็ชะงักไม่อยากเชื่อว่าประกายดาวรวยกว่าตัวเองอีก
วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ลงข่าวประกายดาวว่าที่สะใภ้ตระกูลนพรัตน์มีทรัพย์สินมากมายร่ำรวยผิดปกติ ทั้งที่เป็นช่างภาพ
ทำงานรับจ้างจึงน่าสงสัยว่าจะได้เงินมาทางค้ายานักข่าวมาดักรุมสัมภาษณ์ถ่ายภาพ เธอแจงและแสดงหลักฐานการได้มา
ของทรัพย์สินโดยมีมิลินทร์กับจิตสุภางค์เป็นผู้ช่วย
"นีเป็นสัญญาซื้อขายที่ดินใจกลางสุขุมวิทจำนวนสิบไร่มูลค่าร้อยห้าสิบล้าน เตี่ยฉันขายตั้งแต่สิบปีที่แล้ว
เตี่ยเก็บเงินใส่บัญชีไว้กินดอกเบี้ย ไม่เคยถอนออกมา"
จิตสุภางค์โชว์สมุดบัญชีเก่าๆ
"บัญชีเงินเก็บของเตี่ยคุณดาวค่ะ ดูแต่ตามืออย่าต้องนะคะ มันเก่าเดี๋ยวขาด"
"พ่อแม่คุณดาวมีเงินมากขนาดนี้ แต่ยังขายข้าวขาหมูหรือ ?"
"เงินทองไม่ได้ทำให้เตี่ยกับม้าฉันมีความสุข การทำงานต่างหากที่สร้างความสุขให้พวกเขา แล้วพอเตี่ยกับม้าตาย
เพราะอุบัติเหตุ ฉันกับพี่ชายก็ได้เงินประกันชีวิตอีกหลายสิบล้าน รวมกับเงินเก็บที่เตี่ยกับม้าเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต
และเงินค่าขายบ้านเก่าที่สาธร ฉันกับพี่ชายได้สมบัติที่เตี่ยกับม้าทิ้งไว้ให้ หารกันแล้วก็ได้คนละเกือบสองร้อยล้าน"
บรรดานักข่าวตาโตตื่นเต้น
“ทีนี้ฉันหมดข้อกล่าวหาแล้วนะคะ” ประกายดาวบอก
จิตสุภางค์พูดเสียงดัง “ขอเสียงปรบมือค่ะ”
จิตสุภางค์นำปรบมือ พวกนักข่าวงงๆ แต่ก็ปรบมือตาม จันทรภานุยิ้มให้ประกายดาว
ประกายดาว , จันทรภานุ , อภิเชษฐ์ , ต้นอ้อ , และจิตสุภางค์เดินออกมาจากสถานีตำรวจ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณดาวต้องเสียเวลา แล้วก็เกือบจะเสียชื่อ” อภิเชษฐ์บอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเชษฐ์ทำตามหน้าที่” ประกายดาวพูด
มิลินทร์เดินเข้ามาขยิบตาให้ประกายดาวและจิตสุภางค์ด้วยท่าทางมีลับลมคมใน
“เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะคะ” ประกายดาวบอก
จันทรภานุอาสา “ผมจะไปส่งคุณ”
“ฉันก็อยากให้คุณชายไปส่งค่ะ แต่พอดีเรามีธุระกันนิดหน่อย” ประกายดาวบอก
“ธุระแบบสาวๆ รับรองไม่มีหนุ่มอื่นมาเกี่ยวข้อง คุณชายไม่ต้องกังวลค่ะ” จิตสุภางค์ว่า
“ฉันไปนะคะ”
ประกายดาวเดินออกไปกับมิลินทร์และจิตสุภางค์ จันทรภานุมองตามตาละห้อย อภิเชษฐ์ตบบ่าจันทรภานุ
“ทำใจไว้เลยนะไอ้ชาย เวลาผู้หญิงอยู่รวมกัน ผู้ชายอย่างเรากลายเป็นสสารไร้ตัวตนทันที”
“ดูผู้กองเข้าใจผู้หญิงดีจังเลยนะคะ มิน่า...ถึงโสดมาจนถึงทุกวันนี้” ต้นอ้อแซว
“เอ๊ะ นี่หลอกด่านี่”
ต้นอ้อทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินเข้าไปข้างใน
อภิเชษฐ์เรียก “หมวด กลับมาคุยกันก่อนสิหมวด”
จันทรภานุส่ายหน้าพลางยิ้มขำๆ เพราะเหนื่อยใจกับเพื่อน
ประกายดาว , มิลินทร์ และจิตสุภางค์เดินมาที่รถของมิลินทร์
“รู้แล้วใช่ไหมว่าใครมันเป็นปล่อยข่าว” ประกายดาวถาม
มิลินทร์ตอบทันที “เรียบร้อย”
จิตสุภางค์เกามือแกรกๆ
มิลินท์ถาม “เป็นหิดเหรอ”
“คันมือย่ะ ขอเจอหน้านังผีเจาะปากมาพูดหน่อยเถอะ แม่จะตบล้างน้ำแก้คันสักทีสองที”
ประกายดาวบอก “งั้นลุยเลยเพื่อนรัก”
ทั้งสามสาวขึ้นรถ
นันทินีที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จเดินเช็ดเหงื่อพร้อมกับชม้ายสายตาให้หนุ่มๆ ในฟิตเนส
“สถานโสดหมาดๆ ถ้าจะเอาเบอร์เจอกันหลังไมค์”
หนุ่มๆ กลัวจึงเดินหนี
“ทุเรศ ! คิดเหรอว่าฉันจะเอาจริง ระดับฉันต้องเป็นคุณชายเท่านั้นย่ะ”
นันทินีมองไปข้างหน้าก็เห็นประกายดาว มิลินทร์ และจิตสุภางค์ยืนมองมาทางเธออย่างเอาเรื่อง
นันทินีหุบยิ้มเพราะรู้ว่าหายนะกำลังมาเยือน เธอรีบผลุบหลบไปอีกทาง ประกายดาว มิลินทร์ จิตสุภางค์พยักหน้าให้กันแล้วเดินตาม
นันทินีเดินเร็วๆ หนีมา จิตสุภางค์กับมิลินทร์โผล่มาดักหน้า นันทินีชะงักหยุดแทบไม่ทัน นันทินีจะหันหลังแต่ก็เจอประกายดาวดักหลัง นันทินีไปไหนไม่รอด
“ฉันไม่ได้ปล่อยข่าวของแกนะ ฉันไม่รู้เรื่อง” นันทินีแก้ตัว
“กินปูนร้อน "ห้อง" จิตสุภางค์บอก
“ร้อนท้องย่ะ” นันทินีแก้คำ
“สติยังดีอยู่นี่ เวลาใส่ร้ายคนอื่น ทำไมไม่เอาสติยั้งคิดบ้าง มันบาป ไม่รู้บ้างหรือไง”
“ฉันไม่ได้ทำ ! ฉันไม่ได้ใส่ร้ายใคร”
“โกหก !” ประกายดาวว่า “เพื่อนฉันสืบมาหมดแล้ว เธอเป็นคนโทรไปให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์ แถมยังยัดให้เงินพวกเขาลงให้ไวที่สุดอีกด้วย”
“เธอคิดว่าเธอยัดเงินปิดปากพวกเขาได้ แล้วเพื่อนฉันที่รวยกว่าเธอหลายเท่า จะยัดให้อ้าปากบ้างไม่ได้เหรอ” มิลินทร์ถาม
“ถ้าเธออยากให้เรื่องนี้จบ เธอต้องไปลงข่าวขอโทษฉัน” ประกายดาวบอก
“ฝันไปเถอะย่ะ ฉันไม่ได้ทำ ทำไมฉันต้องขอโทษ” นันทินีว่า
“ปากแข็งอย่างนี้ อย่าพูดให้เปลืองน้ำลายเลย พาไปคุยต่อที่โรงพักเถอะ” มิลินทร์บอก
มิลินทร์คว้าแขนนันทินี นันทินีสะบัดอย่างแรง
“ปล่อยฉัน !”
มิลินทร์กระเด็นจนล้มกองไปบนพื้น
ประกายดาวตกใจ “ลินทร์ !”
ประกายดาวช่วยประคองมิลินทร์ขึ้นมา
“เฮ้ย ! ทำเพื่อนฉันเรอะ” จิตสุภางค์โมโห
จิตสุภางค์จะเข้าไปตบกับนันทินี ทั้งสองยกมือดันกันไปมาโดยยังไม่มีใครตบใคร
นันทินีชี้ไปข้างหลังจิตสุภางค์ “มนุษย์ต่างดาว !”
จิตสุภางค์ มิลินทร์ และประกายดาวเผลอหันไปมอง นันทินีได้โอกาสจึงผลักจิตสุภางค์เต็มแรงแล้ววิ่งหนี จิตสุภางค์ล้มไปทับมิลินทร์กับประกายดาวจนล้มระเนระนาด
จิตสุภางค์กับมิลินทร์ร้องโอดครวญ ประกายดาวช่วยประคองเพื่อนขึ้นมา
“พวกแกใจเย็นๆเถอะ อย่าถึงขนาดลงไม้ลงมือกันเลย” ประกายดาวปรามเพื่อน
จิตสุภางค์กับมิลินทร์นิ่งเหมือนจะยอม แล้วทั้งสองก็สบตาพร้อมพยักหน้าให้กัน
“ไอ้ลินทร์ ลุย !”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์วิ่งปรู๊ดไปหานันทินี
“เฮ้ย !” ประกายดาววิ่งตาม
นันทินีวิ่งหนีมาถึงบันได จิตสุภางค์กับมิลินทร์วิ่งตามมาดึงตัวนันทินีไว้
“จะไปไหนอีนังมะนาวต่างดุ๊ด”
“อ้าย ปล่อยฉันนะ”
จิตสุภางค์ล็อคนันทินีจากข้างหลัง
“ไอ้ลินทร์ จัดการ”
มิลินทร์พูด “ตบนี้ ของตอบแทนที่แกใส่ร้ายเพื่อนฉัน”
มิลินทร์ตบนันทินี แต่นันทินีก้มตัวทำให้มือมิลินทร์ฟาดลงไปบนหน้าจิตสุภางค์
มิลินทร์ตกใจ “ไอ้จิต !”
นันทินีหัวเราะสะใจ
“ฮ่าๆๆ เล่นกับใครไม่เล่น”
มิลินทร์พุ่งเข้าไปกอดด้านหลังนันทินี
“ไอ้จิตเอาคืน เดี๋ยวฉันจ่ายค่าปรับให้เอง”
“ปล่อยฉันนะอีพวกชะนีหน้าวอก ! ปล่อย !!”
นันทินีสะบัดมิลินทร์ออกอย่างแรงจนหลุด นันทินีจะหนีแต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ประกายดาววิ่งมาถึงแล้วยืนขวางหน้านันทินีไว้พอดี นันทินีคิดว่าประกายดาวจะเล่นงานเธอ
“ถอยไป !”
ประกายดาวยังไม่ทันตั้งหลัก นันทินีคว้าตัวประกายดาวแล้วจับเหวี่ยงให้หลบ แต่ร่างประกายดาวถูกเหวี่ยงไปทางบันไดพอดีทำให้ข้อเท้าประกายดาวพลิก ประกายดาวเซจะตกบันได
ประกายดายตกใจ “ว้าย !!”
ประกายดาวกลิ้งตกบันไดโดยก้นกระแทก นันทินี มิลินทร์ จิตสุภางค์ตกใจ
“ดาว !!”
นันทินีรีบหนีไปอีกทาง มิลินทร์กับจิตสุภางค์ลงไปดูประกายดาว ประกายดาวโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
ศิวะดูข่าวในหนังสือพิมพ์
“ถ้ารู้ว่าดาวรวยขนาดนี้ จับยัดความเป็นผัวให้ตั้งแต่คบกันซะก็ดี”
ศิวะตาเยิ้มเมื่อนึกถึงความเซ็กซี่ของประกายดาว
เขานึกถึงตอนที่ยืนดูประกายดาวตีสควอช
ศิวะตัวสั่น สะท้าน
“เสียดายโว้ย !”
ศิวะยกรูปประกายดาวในหนังสือพิมพ์ขึ้นจูบ คนใช้เดินเข้ามา ศิวะรีบลดหนังสือพิมพ์ลง
“มีอะไร” ศิวะถาม
“คุณรสมาค่ะ”
“เชิญเข้ามา”
คนใช้เดินออกไป ศิวะยิ้มกริ่ม
“แหม...มาได้จังหวะพอดี”
คนใช้เดินนำรติรสเข้ามา หน้าตารติรสหม่นหมองอย่างคนที่มีความทุกข์ ศิวะสั่งคนใช้
“เดี๋ยวออกไปซื้อส้มตำด้วยนะ คุณอรเพิ่งโทรมาสั่ง เอาเจ้าหน้าปากซอยนะ กลางซอยไม่เอา”
“ค่ะ” คนใช้เดินออกไป
ทันทีที่คนใช้ออกไปจากห้อง ศิวะก็โผเข้าไปกอดจูบรติรสอย่างหื่นกระหาย แต่รติรสเบี่ยงตัวหลบ
“อย่า ! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” รติรสว่า
“คุณไม่คิดถึงผมเหรอ” ศิวะถาม
“คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรเลย ฉันต้องพึ่งยัยอร ถ้ายัยอรจับได้ว่าเรามีอะไรกัน ชีวิตฉันต้องซวยยิ่งกว่านี้แน่ๆ”
“ทำไมจะไม่เหลือ คุณลืมผมไปแล้วเหรอ” ศิวะกระซิบข้างหูรติรส “ผมไม่มีวันทิ้งคุณ”
รติรสซึ้ง “ศิวะ...”
“รีบเถอะ เรามีเวลาไม่มาก”
ศิวะดึงมือรติรสขึ้นไปบนชั้นสอง รติรสตกใจแต่ก็เดินไปตามแรงดึง
ศิวะดึงมือรติรสเข้ามาในห้อง เขาเหวี่ยงรติรสลงบนเตียง ศิวะเดินเร็วไปรูดม่านให้สนิทแล้วกลับมาที่เตียบ เขาปลดกระดุมเสื้อของตัวเองแล้วก้มลงหารติรส รูปถ่ายคู่ระหว่างอรอุมากับศิวะยังตั้งอยู่ที่หัวเตียง
คนใช้เดินเกาหัวงงๆ อยู่ริมถนน อรอุมาขับรถเข้ามาจากทางหน้าหมู่บ้าน คนใช้เห็นรถอรอุมา
“คุณอร !”
คนใช้โบกเรียก อรอุมาจอดรถแล้วลดกระจกลง
“มีอะไร
“คุณอรจะเอาตำไทยหรือตำปูปลาร้าคะ หนูลืมถามคุณศิวะ”
อรอุมางง
รถอรอุมาจอดเอี๊ยดที่หน้าบ้าน อรอุมาลงจากรถและกำลังจะเข้าไปในบ้าน แต่สายตาเหลือบขึ้นไปบนชั้นสองก็เห็นว่าผ้าม่านห้องนอนปิดสนิท
“ทำไมผ้าม่านปิด”
อรอุมายิ่งหวั่นใจ เธอรีบก้าวเข้าไปในบ้าน
อรอุมาเดินฉับๆ เข้ามาในบ้านแต่ไม่เห็นศิวะกับรติรส
“ศิวะ ศิวะ”
ไม่มีวี่แววของศิวะ อรอุมาแหงนมองขึ้นไปบนชั้นสองเพราะแน่ใจว่าทั้งคู่ต้องขึ้นไปกินกันในห้องนอนแน่ๆ
“นี่พวกแกขึ้นไปกินกันถึงห้องฉันเลยเรอะ”
อรอุมาเดินปึงปังกลับไปทางหน้าบ้าน
คนสวนเอาบันไดพาดกับระเบียงห้องชั้นสอง อรอุมายืนคุมอยู่ด้วย
“จับไว้แน่นๆ ถ้าฉันหล่นลงมา ฉันจะไล่ออกให้หมด”
คนสวนจับบันไดแน่น อรอุมาถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นบันไดด้วยหน้าตาถมึงทึง แต่ขาสั่นพั่บๆ
ศิวะกับรติรสกำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง จู่ๆ รติรสก็ชะงักเพราะรู้สึกคลื่นไส้กะทันหัน เธอผลักศิวะออกแล้วลุกวิ่งเข้าไปอ้วกในห้องน้ำ ศิวะงงว่ารติรสเป็นอะไร ศิวะลุกตามเข้าไปในห้องน้ำ อรอุมาปีนขึ้นมาถึงก็วิ่งมาส่องผ่านผ้าม่าน อรอุมาพยายามส่องผ่านช่องผ้าม่านแต่ไม่เห็นศิวะกับรติรสอยู่ในห้อง
รติรสอาเจียนที่อ่างล้างหน้า ศิวะยืนเซ็งอยู่ข้างหลัง
“คุณเป็นอะไรอีกล่ะ”
“ฉันคงเครียดๆ” รติรสบอก
ศิวะสวมกอดรติรสทางด้านหลัง
“งั้นยิ่งต้องคลายเครียดนะครับ”
ศิวะกอดจูบรติรสต่อ รติรสเคลิ้ม
อรอุมาส่องผ้าม่านแต่ไม่เห็นใครจึงถอยออกจากหน้าต่าง
“ไม่อยู่ในห้อง แล้วมันไปอยู่ไหนกัน”
อรอุมาหันหลังให้หน้าต่างและกำลังจะลงจากระเบียง จู่ๆ ศิวะกับรติรสก็ฟัดกันออกมาจากห้องน้ำ ศิวะดันร่างรติรสมาติดกับหน้าต่างโดยแรงกระแทกทำให้เกิดเสียง อรอุมาสะดุ้ง
อรอุมาหันขวับกลับไปมองก็เห็นศิวะกำลังจูบไซร้ซอกคอรติรสเต็มๆ อรอุมาช็อค ! ศิวะชำเลืองขึ้นมาเห็นอรอุมาอยู่ข้างนอกพอดี รติรสแปลกใจว่าศิวะหยุดทำไมจึงมองตามจนเห็นอรอุมาอยู่ข้างนอก
รติรสตกใจ “อร !”
อรอุมากรี๊ด
รติรสในสภาพผมยุ่งเหยิงถูกคนสวนเหวี่ยงลงพื้น
“โอ๊ย !”
รติรสยังไม่ทันจะตั้งหลักขึ้นมา อรอุมาก็เอาน้ำในถังสาดใส่หน้ารติรสเต็มๆ ศิวะตามมาห้าม
“อร พอได้แล้ว”
“พอเรอะ นี่ไง พอ !”
อรอุมาฟาดถังน้ำใส่หน้าศิวะจนศิวะกระเด็น อรอุมาเหวี่ยงถังน้ำทิ้งแล้วปราดเข้าไปจิกผมรติรสขึ้น
“ฉันรู้ว่าแกแอบแทงข้างหลังฉัน แต่ฉันอุตส่าห์ไม่เอาเรื่อง เห็นว่าแกเป็นเพื่อนฉันแล้วชีวิตแกก็ซวยมามากพอแล้ว แต่แกมันก็เลวเหมือนพ่อของแก ตกอับขนาดนี้ยังไม่สำนึก ยังแส่หาเรื่องขึ้นมาเล่นชู้กับผัวฉันถึงบนเตียงของฉัน อยากมีปัญหากับฉันนักใช่ไหมฮะอีรส !”
อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 11 วันที่ 25 ก.ย. 56
ละครดาวเกี้ยวเดือน บทประพันธ์โดย : รอมแพงละครดาวเกี้ยวเดือน บทโทรทัศน์โดย : ปณธี - สุธิสา วงษ์อยู่
ละครดาวเกี้ยวเดือน กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น จำกัด
ละครดาวเกี้ยวเดือน ดำเนินงานโดย : อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3