@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 วันที่ 25 ก.ย. 56

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 วันที่ 25 ก.ย. 56

“ฉันรู้ว่าแกแอบแทงข้างหลังฉัน แต่ฉันอุตส่าห์ไม่เอาเรื่อง เห็นว่าแกเป็นเพื่อนฉันแล้วชีวิตแกก็ซวยมามากพอแล้ว แต่แกมันก็เลวเหมือนพ่อของแก ตกอับขนาดนี้ยังไม่สำนึก ยังแส่หาเรื่องขึ้นมาเล่นชู้กับผัวฉันถึงบนเตียงของฉัน อยากมีปัญหากับฉันนักใช่ไหมฮะอีรส !”
อรอุมาตบหน้ารติรสดังผัวะแล้วตามเข้าไปจิกผมขึ้นมา
“แกทำอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้ว”

รติรสกัดฟันทนเจ็บ แล้วจ้องตาอรอุมาอย่างท้าทาย
“สองปี” รติรสตอบ
อรอุมาอึ้ง
“ประทับไว้แล้วทุกที่ที่แกเคยทำ เตียง...โซฟา...ห้องน้ำ...ในรถของแก” รติรสบอก
อรอุมารับไม่ได้จึงร้องกรี๊ดออกมา
“อีชั่ว !”
อรอุมาตบรติรสแต่รติรสสู้โดยตบอรอุมาคืน อรอุมาล้มหน้าคว่ำเลือดกลบปาก
“ถึงกูจะไม่เหลืออะไร แต่กูก็ยังเหลือมือเหลือตีน”
รติรสจะตามเข้าไปตบกับอรอุมา ทั้งสองตบกันนัว
ศิวะเข้าไปห้าม
“รส อร พอแล้ว !” ศิวะพูดกับคนสวนที่ยืนละล้าละลัง “มาช่วยกันสิ”
คนสวนเข้าไปช่วยจับรติรส ส่วนศิวะจับอรอุมา


“เอาออกไป” ศิวะสั่ง
อรอุมาพยายามดิ้นจากศิวะ แต่ศิวะจับไว้แน่น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ! ปล่อย !” อรอุมาตะโกน “อีรส แกต้องตาย ! ฉันไม่เอาแกไว้แน่ !”
“อร พอสักทีได้ไหม !” ศิวะบอก
อรอุมาหันมาทุบตีศิวะ
“ใครกันแน่ที่ไม่รู้จักพอ ไอ้ผัวชั่ว !”
ศิวะยกมือป้องเป็นพัลวัน

คนสวนหิ้วปีกรติรสมาปล่อยหน้าบ้านแล้วปิดประตู รติรสโกรธมาก

รติรสในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตาบอบช้ำเดินโซซัดโซเซมาด้วยสีหน้าโกรธจัด
“นังอร ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทนกับแกอีกแล้ว !”
ทันใดนั้นรติรสก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน เธอเห็นภาพข้างหน้าเบลอ รติรสตาลอยคว้าง แล้วเป็นลมล้มฟุบไป คนที่เดินแถวนั้นรีบวิ่งเข้าไปดู

ประกายดาวนอนให้หมอตรวจอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล มิลินทร์กับจิตสุภางค์อยู่ด้วย
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยครับ กระดูกไม่เคล็ด ไม่หัก ไม่ฟกช้ำเลยด้วย เลย”
“บอกแล้วว่าไม่ต้องมาหาหมอหรอก” มิลินทร์บอก
“ที่ฉันมาเพราะฉันอยากให้คุณหมอตรวจภายในให้ค่ะ” ประกายดาวว่า
“ตรวจทำไมย่ะ กลัวมดลูกบิดเบี้ยว งี้ ?” จิตสุภางค์ถาม
“ประมาณนั้น คุณหมอตรวจให้ฉันถอะนะคะ เอาแบบให้แน่ใจสุดๆ” ประกายดาวพูดกับหมอ “ฉันกลัวมีลูกไม่ได้น่ะค่ะ”
สองสาวเหนื่อยใจกับประกายดาว
รติรสที่หน้าตาฟกช้ำจากการถูกอรอุมาตบค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาอย่างมึนงง เธอมองไปรอบๆ ถึงเห็นว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล หมอเดินเข้ามา
“หมอคะ ดิฉันเป็นอะไรคะ” รติรสถาม
“ร่างกายอ่อนแอ คงจะพักผ่อนไม่เพียงพอก็เลยเป็นลมครับ รอยเขียวช้ำบนหน้า คุณไปโดนอะไรมาครับ”
“โดนตบค่ะ”
หมอทำหน้าไม่ถูก
“ยังไงก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ ตั้งครรภ์ระยะสามเดือนแรกเป็นช่วงอันตรายมากที่สุด”
รติรสตกใจ “คุณหมอว่าไงนะคะ !”
“คุณตั้งท้องได้สามเดือนแล้วครับ”
รติรสตกใจสุดขีด !

มิลินทร์เข็นรถให้ประกายดาว โดยมีจิตสุภางค์เดินมาด้วย
“หมอบอกแล้วว่าข้างในแกไม่มีอะไรกระทบกระเทือน มดลูกปลอดภัย เดินเองได้แล้วมั้งจ๊ะคุณเพื่อน”
“ฉันขอนั่งอีกแปบนะ ให้ช่วงล่างฉันได้พักผ่อนอีกหน่อย ถึงมันจะไม่กระทบกระเทือน แต่มันอาจจะตกใจ” ประกายดาวบอก
ทั้งสามสาวเดินมาถึงตรงมุมทางเดิน โดยไม่รู้ว่ารติรสนั่งร้องไห้อยู่อีกมุม
“ดาว ฉันถามจริง ทำไมแกต้องกลัวขนาดนี้ด้วยวะ” จิตสุภางค์ถาม
รติรสได้ยินเสียงจึงหันไปมองจนเห็นประกายดาว
ประกายดาวตอบ “เอ้า พวกแกก็รู้อยู่แล้วว่าฉันอยากมีลูก เดี๋ยวพอฉันแต่งงานกับคุณจันทรภานุ เปิดอู่ปับ ลูกจะได้ติดปับเลยไง”
“ไม่ติดก็ลองใหม่ แกลองได้บ่อยๆ อยู่แล้ว” มิลินทร์บอก
“ถูกต้อง แผนล่าสเปิร์มคุณจันทรภานุของแกถ้ามันสำเร็จ แกจะได้สเปิร์มของคุณชายมาผลิตลูกในปริมาณที่จำกัด แต่นี่แผนแกมันเลยเถิดไปถึงขนาดว่าได้ทั้งตัวและหัวใจของคุณจันทรภานุ แกไม่ต้องกลัวสเปิร์มหมดแล้วเพื่อน เพราะแกจะมีให้ใช้ไม่อั้น”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์หัวเราะคิกคัก
ประกายดาวว่าเพื่อน “ทะลึ่ง !”
“ทำมาเป็นอาย ถึงเวลาเข้าห้องหออย่าอายแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวไม่คุ้มกับแผนล่าสเปิร์ม ที่แกต้องฝ่าด่านอรหันต์ไปตีซี้ทำความรู้จักกับคุณจันทรภานุ จนคุณชายจันทร์ตกหลุมรักแกจนโงหัวไม่ขึ้น”
“พอได้แล้ว ! ถ้าคุณจันทรภานุอยู่ ห้ามเผลอพูดเรื่องนี้ล่ะ เดี๋ยวเขารู้ จบเห่กันหมด”
มิลินทร์เข็นประกายดาวออกไป โดยมีจิตสุภางค์เดินประกบไปด้วย รติรสได้ยินหมดทุกอย่าง

นันทินีที่หน้าตาเขียวช้ำจากการแต่งหน้าและอมสำลีไว้ข้างกำลังคร่ำครวญอย่างฟังไม่รู้เรื่อง
“อังอะอายอาว อาอักเองอาอุมอัน อันอ่ออังอบอ้าย..อบอ๋า”
“ไปรักษาหน้าให้หายก่อนดีไหม” สุรีย์ว่า
นันทินีคายสำลีในปากออกทำให้พูดได้ชัดเจน
“นังประกายดาวพานักเลงมารุมนัน มันก็ยังตบซ้ายตบขวา พวกมันหาว่านันเป็นคนใส่ร้ายเรื่องที่มันพัวพันกับแก็งค์ค้ายา”
“เธอมาบอกป้าทำไม”
“นันอยากให้หม่อมป้าเห็นใจนัน นันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มักจะถูกรังแกเสมอ”
“คนเราถ้าไม่ทำคนอื่นก่อน ใครเขาจะมาทำเราได้” สุรีย์บอก
“ใช่ซี...พอรู้ว่านังดาวมันรวย หม่อมป้าก็เข้าข้างมัน”
“พูดอะไรให้เกียรติหม่อมป้าด้วยนะคะพี่นัน” หญิงนิ่มว่า
“พี่ไม่มีให้หรอกค่ะ "เกียรติ" น่ะ มีแต่เกลียดดด วังนพรัตน์คงมีแต่เปลือก พอรู้ว่านังดาวมันรวยถึงตัวสั่นระริกระรี้อยากได้มันมาเป็นสะใภ้ ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่ลูกแม่ค้าขายข้าวขาหมู น่าสมเพชสิ้นดี !”
“เอ๊ะ! ถ้าจำไม่ผิด คุณแม่ของพี่นันเคยเป็นแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้มาก่อนไม่ใช่หรือ” หญิงนิ่มว่า
นันทินีเหวอ
“ก็ยังดีกว่าเด็กกำพร้าอย่างน้องหญิงล่ะมังคะ” นันทินีสวน
“ตอนเด็กพี่นันชื่อ เต้าหู้ พอโตถึงเปลี่ยนมาเป็นนันทินี ใช่ไหมคะพี่เต้าหู้” หญิงนิ่มแกล้งถาม
นันทินีโกรธ “อ้าย น้องหญิงล้อเลียนพี่ !”
“หญิงไม่ได้ล้อเลียนค่ะ หญิงแค่ไม่อยากให้พี่นันไปดูถูกกำพืดคนอื่น เกียรติของคนไม่ได้อยู่ที่อาชีพหรือฐานะ แต่อยู่ที่การกระทำ ถ้าได้เกิดมาในตระกูลสูงส่ง แต่ทำตัวไม่ดี ไม่มีความจริงใจ ตีหน้าซื่อไปวันๆ ชาติตระกูลสูงส่งแค่ไหนก็ช่วยให้คนๆนั้นน่าชื่นชมไม่ได้หรอกนะคะ
สุรีย์คิดได้ตามคำพูดของหญิงนิ่ม
“ถึงพี่ดาวจะเป็นแค่ลูกคนขายข้าวขาหมู แต่เธอก็ทำตัวให้มีคุณค่า ไม่เคยนั่งงอมืองอเท้า ก็ไม่เคยอวดรวย ไม่ทำตัวสวยไปวันๆ คนอย่างนี้สิคะที่น่ายกย่อง”
นมพรปรบมือให้ นันทินีสะบัดหน้าไปถาม
“เป็นอะไรมิทราบ”
“เป็นแม่นมของคนรักคุณดาวค่ะ” นมพรตอบทันที
“ฮึ่ย... เข้าข้างนังดาวมันเข้าไป คอยดูเถอะ ถ้าวันหนึ่งนังลูกแม่ค้าขาย ข้าวขาหมูมันดีแตก แสดงธาตุแท้แซ่บๆ ของมันออกมา ลูกแม่ค้าน้ำเต้าหู้คนนี้จะมาหัวเราะให้ดู เชอะ !”
นันทินีเดินสะบัดหน้าออกไป คนอื่นๆ มองตามอย่างเหนื่อยใจ
หญิงนิ่ม พูด “หม่อมป้าไม่ต้องกลัวนะคะ พี่ดาวเป็นคนดีจริงๆ ถ้าหม่อมป้ารู้จักพี่ดาว หม่อมป้าจะต้องรักพี่ดาวค่ะ”
สุรีย์นิ่งไป

จันทรภานุนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น สุรีย์เปิดประตูเข้ามา
“หม่อมแม่ยังไม่นอนอีกหรือครับ”
“แม่เพิ่งจะไหว้พระเสร็จจ้ะ ชาย...พรุ่งนี้ชายว่างหรือเปล่า แม่ว่าจะทำข้าวแช่”
“ถ้าไม่ว่างก็ต้องว่างครับ ข้าวแช่ฝีมือหม่อมแม่อร่อยที่สุดในโลก”
“ชวนประกายดาวมาทานด้วยกันสิ แม่อยากรู้ว่าอาหารวังเราจะถูกปากประกายดาวหรือเปล่า”
จันทรภานุยิ้ม

ประกายดาวฟังจันทรภานุเล่าก็ตกใจ
“หม่อมสุรีย์ชวนฉันไปวัง !”
“ครับ”
ประกายดาวเครียด
“คุณกังวลอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
จันทรภานุจับมือประกายดาวมาเกี่ยวก้อย
“ถ้าคุณมีเรื่องอะไรคุณจะไม่ปิดบังผม เราจะคุยกันทุกเรื่อง คุณสัญญากับผมแล้ว”
“คุณชายขี้โกง” ประกายดาวว่า
“ถ้าคุณไม่สัญญา ผมก็จะไม่ปล่อย อยู่กันอย่างนี้ทั้งคืนก็ได้นะ”
จันทรภานุเกี่ยวก้อยประกายดาวแน่น ประกายดาวยิ้มแล้วยอมเอ่ยปาก
“ฉันสัญญาค่ะ”
“โอเค งั้นคุณก็บอกผมได้แล้ว คุณกังวลเรื่องอะไรอยู่”
“หม่อมสุรีย์ไม่ชอบฉัน” ประกายดาวบอก
“หม่อมแม่อาจจะเคยเข้าใจคุณผิด ตอนนี้ท่านกำลังเปิดใจกับคุณ แต่ผมต้องขอออกตัวแทนหม่อมแม่ก่อน การที่ท่านจะเปิดใจกับคุณ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินของคุณ”
“ฉันรู้ค่ะ เงินของฉันมีไม่ถึงครึ่งของพวกคุณหรอก แต่ฉันกลัวว่าจะไปทำอะไรเปิ่นๆ ให้หม่อมสุรีย์ผิดหวัง”
“ไม่มีใครอยู่ใกล้คุณ แล้วจะไม่รักคุณ”
ประกายดาวยิ้มอบอุ่น
“ค่ะ” ประกายดาวกอดแขนจันทรภานุแล้วซบหน้ากับแขนของเขา “ฉันจะพยายามทำตัวให้น่ารัก ทำให้หม่อมสุรีย์รักฉันให้ได้ เพื่อความรักของเรานะคะ”
“น่ารักจัง”
จันทรภานุหยิกแก้มประกายดาวอย่างเอ็นดู
“โอ๊ย ! เจ็บ”
ประกายดาวลูบแก้มตัวเองป้อยๆ แต่พอลดมือลง จันทรภานุก็โน้มมาหอมแก้มประกายดาวฟอดใหญ่
“หายเจ็บหรือยัง”
ประกายดาวเขินจนหน้าแดงก่อนจะตอบ
“ยังค่ะ”
จันทรภานุโน้มหน้ามาจะหอมแก้มอีกแต่ประกายดาวหลบ
“ฉันล้อเล่น”
“ผมไม่เชื่อ มาให้ผมทายาให้ซะดีๆ”
จันทรภานุไล่หอมแก้มประกายดาว ประกายดาววิ่งหลบ ทั้งสองหยอกล้อกันไปมาในบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
ศิวะที่หน้าตาฟกช้ำจากการถูกอรอุมาเล่นงานกำลังคุยโทรศัพท์ ศิวะตกใจ
“ท้อง!”
รติรสที่คุยโทรศัพท์กับศิวะมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า
“ค่ะ สามเดือนแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องเลิกกับนังอรแล้วนะคะ”
“ผมเลิกกับอรไม่ได้” ศิวะบอก
รติรสอึ้งแล้วโวยวาย “แต่คุณเคยสัญญากับฉัน”
รติรสนึกถึงอดีต

เหตุการณ์ในอดีต รติรสกับศิวะนัวเนียกันและหัวเราะคิกคักอยู่บนเตียงของอรุมา มือศิวะเลื่อนไปจะถอดเสื้อรติรส แต่รติรสห้าม
“พอแล้วค่ะ ห้ามต่อ วันนี้เราไม่มีของป้องกัน”
“ไม่เห็นต้องป้องกันเลย” ศิวะบอก
“ไม่กลัวฉันท้องหรือไง”
ศิวะพูดอย่างคะนองปาก “ไม่กลัว ถ้าคุณท้อง ผมจะได้เลิกกับอรซะเลย”
ศิวะก้มจูบรติรสต่อ รติรสเต็มใจ

รติรสโวยวาย
“คุณยังบอกฉันด้วยว่าคุณอยากมีลูก แต่อรท้องไม่ได้ คุณถึงให้ฉันเป็นแม่ของลูกคุณ”
“รส ผมพูดเล่น” ศิวะบอก
“พูดเล่น ?! พูดออกมาได้ยังไงว่าพูดเล่น ฉันถามจริง...คุณรักฉันบ้างหรือเปล่าศิวะ”
“เราไม่ได้รักกันรส เราแค่สนุกกัน คุณมีความสุขที่จะได้ทำอะไรท้าทายอร ไม่อย่างงั้นคนอย่างคุณจะยอมกินน้ำใต้ศอกอรนานเป็นปีๆ เหรอ”
“ก็เพราะฉันรักคุณ ฉันมั่นใจว่าสักวันคุณจะต้องเลิกกับนังอรมาอยู่กับฉัน”
“คุณคิดไปเอง”
“จะยังไงก็ช่าง ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบฉันกับลูก แล้วก็ไม่ต้องมาบอกให้ฉันไปทำแท้ง ฉันไม่มีวันฆ่าลูก”
“ถ้าคุณดื้อนัก เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก” ศิวะวางสาย
“ศิวะ ไอ้ศิวะ ! อย่าทำกับฉันแบบนี้”
รติรสปาโทรศัพท์ลงพื้นแล้วปัดข้าวของทิ้งก่อนจะระเบิดร้องไห้
“ไอ้เลว ! แกหลอกฉัน !”
มือของรติรสปัดไปโดนกองหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้อ่างล้างหน้าจนหล่นลงพื้น รติรสทรุดตัวลงกับพื้นแล้วเอามือลูบท้อง
“แม่สัญญา...แม่จะไม่ฆ่าหนู”
พลันสายตาของรติรสก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าหนังสือพิมพ์ สิ่งที่รติรสเห็นเป็นข่าวเม้าท์ประกายดาวที่เขียนว่า
" เพิ่งรู้ว่าประกายดาวช่างภาพแสนสวยว่าที่สะใภ้จันทรภานุจะมีทรัพย์สินรวมๆ กันกว่าสิบล้าน ไม่น่าเชื่อว่าอาชีพช่างภาพจะทำเงินได้มากขนาดนี้ อุตะ ! หรือว่านางมีอาชีพเสริมที่บอกใครไม่ได้ คุณจันทรภานุทราบแล้วสืบด่วน ไม่งั้นจะหาว่าเดี๊ยนไม่เตือน"
รติรสอึ้ง
ภาพข่าวในทีวีเป็นตอนที่ประกายดาวแถลงข่าวกับนักข่าว
“รวมกับเงินเก็บที่เตี่ยกับม้าเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต และเงินค่าขายบ้านเก่าที่สาธรของฉัน ฉันกับพี่ชายได้สมบัติที่เตี่ยกับม้าทิ้งไว้ให้ หารกันแล้วก็ได้คนละเกือบสองร้อยล้าน”
รติรสนั่งดูข่าว
“นังดาวรวยขนาดนี้เลยเหรอ”
รติรสคิดถึงสิ่งที่ได้ยินได้เห็นตอนที่ประกายดาวพูดกับเพื่อนๆ
มิลินทร์พูดกับประกายดาว “ทำมาเป็นอาย ถึงเวลาเข้าห้องหออย่าอายแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวไม่คุ้มกับแผนล่าสเปิร์ม ที่แกต้องฝ่าด่านอรหันต์ไปตีซี้ทำความรู้จักกับคุณจันทรภานุ จนคุณจันทรภานุตกหลุมรักแกจนโงหัวไม่ขึ้น”
“พอได้แล้ว ! ถ้าคุณจันทรภานุอยู่ ห้ามเผลอพูดเรื่องนี้ล่ะ เดี๋ยวเขารู้ จบเห่กันหมด” ประกายดาวว่า
รติรสลูบท้องตัวเองแล้วคิดอะไรบางอย่าง

วันต่อมา ประกายดาวยืนเช็คตัวเองอยู่หน้ากระจกแล้วหันไปพูดกับรูปพ่อแม่
“เตี่ยม้า...ช่วยให้ว่าที่แม่สามีเขาปลื้มดาวด้วยนะ”
ทันใดมือถือของเธอก็ดังขึ้น ประกายดาวหยิบขึ้นมาพูด
“ฉันกำลังจะออกไปแล้วค่ะคุณชาย”
รติรสพูดโทรศัพท์กับประกายดาวอยู่ที่ห้องพัก
“แผนล่าสเปิร์มใกล้สำเร็จแล้วสิ”
ประกายดาวอึ้ง !

สุรีย์ หญิงนิ่ม และนมพรช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร
“หญิงเลื่อนจานพริกยัดไส้มาให้ป้าหน่อย”
หญิงนิ่มเหม่อลอย
สุรีย์เรียกซ้ำ “หญิงนิ่ม !”
“คะ ?”
“เป็นอะไรฮะเรา พักนี้เหม่อลอยตลอดเลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
จันทรภานุเดินหน้าเครียดเข้ามาในห้อง
“หม่อมแม่ครับ คุณดาว...”
“ดาวมาถึงแล้วเหรอ นมพรไปยกข้าวออกมาเลย” สุรีย์พูดกับคนใช้ “ไปดูสิ...ว่าน้ำมะตูมเสร็จหรือยัง”
“หญิงไปดูให้เองค่ะ”
ทุกคนตื่นเต้นกับการมาของประกายดาว จันทรภานุโพล่งขึ้น
“คุณดาวโทรมาบอกว่า..มาไม่ได้แล้ว ติดธุระด่วน”
หญิงนิ่ม สงสัย “ธุระอะไรคะพี่ชาย”
จันทรภานุส่ายหน้าเพราะไม่รู้
ประกายดาวขับรถเข้ามาจอดหน้าโรงแรมพลางคุยโทรศัพท์
“ฉันถึงแล้ว”
มิลินทร์คุยโทรศัพท์กับประกายดาว
“เงินตั้งสิบล้านนะแก แกจะให้เงินยัยรติรสจริงๆ เหรอดาว”
ประกายดาวตอบทันที “ไม่ให้”
“เอ้า แล้วแกจะไปทำไม”
“ฉันต้องมาเคลียร์ ฉันอยากรู้ว่ายัยรสรู้เรื่องแผนล่าสเปิร์มมาจากไหน แล้วก็ต้องหาทางปิดปากยัยรสไม่ให้ปากโป้งด้วย แต่ไม่เข้าใจ ทำไมมันต้องนัดมาที่ห้องด้วย คุยกันข้างนอกก็ได้
“ฉันได้ยินมาว่าตั้งแต่คุณปุระชัยถูกจับ ยัยรสก็เก็บตัวเงียบ สงสัยคงไม่อยากออกไปเจอผู้คน คนจนตรอกแบบนี้ แกยิ่งต้องระวังตัวนะดาว” มิลินทร์เตือน

อ่านละคร ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 12 วันที่ 25 ก.ย. 56

ละครดาวเกี้ยวเดือน บทประพันธ์โดย : รอมแพง
ละครดาวเกี้ยวเดือน บทโทรทัศน์โดย : ปณธี - สุธิสา วงษ์อยู่
ละครดาวเกี้ยวเดือน กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น จำกัด
ละครดาวเกี้ยวเดือน ดำเนินงานโดย : อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครดาวเกี้ยวเดือน ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3