@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4 วันที่ 12 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4 วันที่ 12 ก.ย. 55

“แต่ปกติสรวงไม่ชอบให้ใครมาถามเรื่องในบ้าน” สุขหฤทัยงง
“ถ้ามันปิดไม่ได้ ถึงเวลาก็คงต้องเปิด”
“ปิดได้ ถ้าสรวงอยากปิด แต่ที่สรวงอยากเปิด เป็นเพราะนักข่าวที่ชื่อกรรณรี”
สุขหฤทัยจ้องเขม็ง สรวงอึ้งไป เผลอหลุดปาก

ไม่นานต่อมา สุขหฤทัยเดินหน้าบูดบึ้งเข้ามาในออฟฟิศสตาร์ อินเทรนด์
“กรรณรีอยู่ไหน”
คนในออฟฟิศเงยหน้าขึ้นมามอง สุขหฤทัยตวาดย้ำเสียงดัง ด้วยท่าทีกร่าง
“ฉันถามว่า กรรณรีอยู่ไหน”
นิคมองหน้าสุขหฤทัยอาการยียวน หันมาถามมะยม “สก๊อยที่ไหนมาแว๊นซ์แถวนี้วะ”
“ไม่รู้ ไม่อยากมอง ได้ยินเสียงก็รำคาญแล้ว” มะยมก้มหน้าทำงานต่อ ไม่สนใจ
สุขหฤทัยร้องกรี๊ด ด่าเป็นชุด “พวกสุนัขขี้เรื้อน อย่ามาทำเลียหน้าเลียปากฉันนะ”
“ปากทั้งเสียทั้งเน่าทั้งเหม็นขนาดนี้ อย่าว่าแต่เลียเลย ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรอก” นิคว่า
สุขหฤทัยเอามือพ่นลมปากใส่มือตัวเองแบบในหนังโฆษณา “จะเหม็นได้ยังไง” พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้นิค “ลมหายใจหอม...สดชื่น”



นิคเอามือปิดจมูกแทบไม่ทัน “หอมจนจะอ้วก”
สุขหฤทัยชักสีหน้า แว๊ดใส่ “กล้าดียังไงมาว่าฉัน รู้ไว้...ฉันสุขหฤทัย”
นิคร้อง บอกอย่างหมั่นไส้ “อ๋อ! คุณบอกผมทุกครั้งที่เจอกัน ผมจำได้แล้วครับ คุณขี้ไคล”
สุขหฤทัยโกรธจนตัวสั่น “ฉันสุขหฤทัย ...กรรณรีอยู่ไหน”
กรรณนรีเดินเข้ามาทันได้ยิน พูดกวนๆ ใส่ “ฉันอยู่นี่ มีอะไร”
สุขหฤทัยหันกลับมามองหน้ากรรณนรี ปรี่เข้าหา “หน้าด้านหน้าทนสมกับเป็นลูกน้องนังภาพิศ สรวงเค้าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ยังจะตามตื้อเค้าอยู่ได้”
กรรณนรีพูดใส่หน้า “เค้าโทร.นัดฉันเอง”
สุขหฤทัยเยาะ “ก็เพราะเธอไปตามตื้อ ตามเช็ด จนคู่หมั้นฉันเค้ารำคาญไง” เดินวนรอบตัว มองจิก “นี่ ถ้าคิดจะเอางานมาอ้างเพื่อจับผู้ชาย ขอบอกว่าไม่ได้ผล เพราะฉันกับสรวงกำลังจะแต่งงานกัน และถ้าเธอใช้วิธีหน้าด้านแบบภาพิศ ฉันพาพวกรุมตบเธอแน่”
สะบัดหน้าพรืด เดินออกไปอย่างฉุนเฉียว
กรรณนรีโกรธจนตัวสั่น มะยมกับนิครีบเข้ามาหา
“ตกลง จะเอายังไงกาว”

กรรณนรีตาวาว “คนอย่างฉันไม่ปล่อยให้ใครมาด่าฟรีๆ หรอก”
สรวงทำงานอยู่ เสียงมือถือดัง พอชายหนุ่มเห็นเป็นเบอร์กรรณนรีก็ยิ้มพราย

“กรรณรี” รับสาย “ไง? อยากสัมภาษณ์ผม จนรอเวลาไม่ไหวเลยเหรอคุณ”
“สำคัญตัวผิดอีกตามเคย” กรรณนรีบอก หยันอยู่ในที
“นี่มันเรื่องอะไรกันคุณ รับสายปุ๊บ ด่าปั๊บ”
“ฟังไว้นะคุณสรวง ฉันไม่ได้ไปบีบคอจะฆ่าคุณ ถ้าคุณไม่ให้สัมภาษณ์บอกมาคำเดียว ทุกอย่างจบ ไม่ใช่ให้คุณขี้ไคลมาด่าฉัน” กรรณนรีว่า
สรวงงง “อะไรของคุณ ขี้ไคล”
กรรณนรีบอกต่อ “ก็คุณสุขหฤทัย คู่หมั้นของคุณไงไปบอกเค้าด้วยว่าเค้าด่าผิดคน คนที่ต้องถูกด่าคือคุณ เพราะคุณเป็นคนบอกจะให้สัมภาษณ์ฉันเอง”
วางสาย อย่างมีอารมณ์
“กรรณรี เดี๋ยวก่อน กรรณรี” สรวงปวดหัวบ่นอุบ “อะไรวะเนี่ย ถูกด่าฟรีอีกแล้ว”

กรรณนรีหน้าบึ้งตึง โกรธขึ้งอยู่ นั่งทำงานไม่รู้เรื่อง เอาปากกาเขียนเป็นลายเส้นใบหน้าสรวง แล้วก็เอาปากาขีดๆ แรงๆ ระบายอารมณ์รวม ทั้งจิ้มๆ ๆ ใส่รูปสรวงเป็นานสองนาน นิคเดินมายื่นปากกาให้
กรรณนรีแว้ดใส่ “อะไร”
“แกทิ่มแรงขนาดนี้ แท่งเดิมมันสึกแล้วนังเจ๊ แหม ทิ่มอยู่ได้เป็นชั่วโมงยังไม่หายโมโหอีก”
“ฉันไม่ได้โมโห! ฉันโกรธ” เอาปากกาทิ่มอีก
มะยมเอากล่องปากกาที่มีหลายสิบแท่งมาวางให้ ยิ้มๆ “แท่งเดียวคาดว่าไม่พอ”
“ก็ฉันโกรธนี่....อยู่ดีๆก็ถูกด่าฟรี” กรรณนรีบอกฉุนๆ
“คนที่แกควรโกรธ คือยัยขี้ไคล ไม่ใช่คุณสรวง” มะยมว่า
“เค้าน่ะแหละ เพราะเค้าเป็นต้นเหตุให้ฉันถูกด่า พอกันซะที ต่อให้พี่จ๋าไล่ออก ฉันก็จะไม่ยุ่งกับเค้าอีกแล้ว” กรรณนรีพ่นต่อ
นิคเหลียวมองไปข้างหลังกรรณนรี แล้วอมยิ้มถามต่อ “แล้วถ้าคุณสรวงเค้ามายุ่งกับแกล่ะ”
“ฉันก็จะต่อยเค้าให้หน้าหงายเลย” กรรณนรีบอกเสียงแข็ง
มะยมล้อๆ “จริงดิ”
กรรณนรีพูดอย่างขึงขัง “จริง”
นิคก้มลงกระซิบกรรณนรี “งั้น...จะต่อยจะเตะ เชิญตามสบาย”
นิคกับมะยมยิ้มให้สรวง พูดทักทายคำเดียวกัน “สวัสดีครับคุณสรวง” / “สวัสดีค่ะคุณสรวง”
กรรณนรีตกใจหันขวับไปมองทันที เห็นสรวงยืนอยู่ในออฟฟิศ
“คุณสรวง”

กรรณนรีกอดอกเดินลิ่ว ที่หน้าออฟฟิศ สรวงเดินตาม
“นี่คุณ..ฟังกันหน่อยสิ”
“ฉันไม่ฟัง”
สรวงอมยิ้ม พูดแหย่ “ไม่ฟัง แต่ได้ยิน”
กรรณนรีหันขวับมามองจ้องหน้าสรวง “คุณ” กำมือแน่น
สรวงบอก “เอาสิ! จะเตะจะต่อยผมก็ยอม ถ้าทำให้คุณหายโกรธ”
“แน่ใจ” กรรณนรี ถามย้ำ
“แน่!!”
กรรณนรีกำมือแน่นจะเหวี่ยงกำปั้น วินาทีนั้นภาพเหตุการณ์ตอนตัวเองจะชก ถูกสรวงจับมือค้างไว้ผุดขึ้นมา กรรณนรีชะงัก
“ทำไมไม่ชกผมล่ะ กลัวผมเจ็บเหรอ?”
“ทำไมฉันต้องกลัว”
“ก็คุณไม่ชกผม”
“ฉันจะเตะคุณต่างหาก” กรรณนรียกเท้าจะเตะ แต่ต้องร้อง “ว๊าย”
เมื่อสรวงคว้าตัวกรรณนรีเอาไว้ กลายเป็นสรวงกอดกรรณนรี สองคนสบตากันซึ้ง
โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลังมะยมกับนิคแอบมองตาโตร้อง “อูว์”
กรรณนรี ดันตัวออก บอกสรวง “ปล่อยฉัน”
“ปล่อยแน่...แต่คุณต้องฟังผมก่อน” มองจ้องตา “ผมยินดีให้คุณสัมภาษณ์ผมจริงๆ นะ”
กรรณนรีผลักออก “แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากสัมภาษณ์คุณแล้ว”
สรวงบอกจริงจัง “ผมต้องทำยังไง คุณถึงอยากสัมภาษณ์”
“แล้วคุณจะยอมทำตามเหรอ”
“ฮื่อ! แลกกับข้าวมื้อเดียวพอ”
สรวงยิ้มง้อ กรรณนรีอมยิ้มทำหน้าดุ

มะยมกับนิคเดินกลับเข้ามาด้านใน ตบมือกัน
“คุณสรวงตามกาวอย่างนี้มิน่ายัยขี้ไคลถึงหึง” เห็นนิคมองอึ้งๆ “แกเป็นไร?”
นิคปฏิเสธเสียงสูง “ไม่ได้เป็นไร...” รีบเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน “หรือที่คุณสรวงมาตามกาว เพราะคุณนพช่วยพูดวะ”
มะยมนึกได้ “จริงสิ..คุณนพ”
“แกควรไปขอบคุณเค้านะมะยม”
มะยมยิ้มกริ่ม

ไม่นานต่อมา มะยมพาตัวเองมาอยู่ที่บริษัทสรวง กำลังเดินคุยอยู่กับนพ
“มะยมขอบคุณคุณนพมากนะคะ ที่ช่วยพูดให้ จนคุณสรวงยอมสัมภาษณ์”
นพยิ้ม “ผมไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลยนะ”
มะยมอึ้ง “จริงเหรอคะ”
“จริง! ขึ้นอยู่กับตัวสรวงเอง”
“แปลกจังเลยนะคะ...ตอนแรก คุณสรวงไม่ให้สัมภาษณ์เลย แต่ตอนนี้คุณสรวงกลับเดินเข้าไปหากาว”
“เสน่ห์นักข่าวของ สตาร์ อินเทรนด์ แรง” นพสัพยอก
มะยมแซวขำๆ “งั้นต้องรวมมะยมด้วยแน่ๆ”
“เป๊ะเลยครับ เป๊ะ”
สองคนหัวเราะกันสนุกไม่ได้คิดอะไรเกินเลย แต่ถูก2 สาวพนักงานจับตามอง และเมาท์เอา
“คุณนพพาสาวที่ไหนมาคุยถึงนี่เนี่ย? สวยซะด้วย” สาวหนึ่งว่า
“คุยงานกันมั้ง ไม่มีอะไรหรอก คุณนพรักภรรยาออกจะตาย” อีกนางบอก
“ก็ดี....ไม่งั้นยุ่งเหมือนพ่อคุณสรวงแน่” สาวคนแรกบอก

สองขาเม้าท์มองไปที่มะยมกับนพที่ยิ้มแย้มคุยกันอยู่
ที่ร้านข้าวต้มข้างทางแห่งนั้น กรรณนรีเดินนำสรวงเข้ามา เป็นร้านข้าวต้มข้างทางธรรมดาๆ กรรณนรีเอ่ยขึ้น

“ฉันไม่มีเงินไปเลี้ยงคุณร้านหรูๆ หรอกนะ เงินเดือนฉันก็เลี้ยงคุณได้แค่นี้”
“แค่นี้ก็ดีแล้ว” สรวงชะโงกหน้าดูหม้อต่างๆ “มีแต่ของน่ากินๆ ทั้งนั้น”
“จะทานอะไรคุณสั่งเลย”
“ให้คุณสั่งดีกว่า”
“ก็สั่งสิ”
“ก็ถ้าเกิดผมสั่ง แล้วคุณไม่มีเงินจ่าย ผมก็ต้องนั่งล้างจานสิ คุณสั่งเถอะอะไรอร่อยสั่งเลย”
“ได้...” กรรณนรียิ้มได้ทีแกล้ง เดินไปสั่ง สรวงไม่ได้ยิน เดินไปนั่งรอ
กรรณนรีเดินมานั่งตรงข้ามสรวง ก่อนที่สองคนจะยิ้มให้กัน
“ว่าไงอยากสัมภาษณ์ผมหรือยัง”
“ยัง”
“อ้าว”
“แต่เพื่องาน ยังไงฉันก็ต้องทำ”
“แปลว่าคุณหายโกรธผมแล้ว”
“โกรธคุณ ฉันก็ไม่ได้งาน เลิกโกรธดีกว่า อาหารมาแล้วทานข้าวเถอะ”
สรวงมองจานปลาเค็มหนึ่งชิ้น โรยด้วยพริกแดงเยอะๆ หอม มะนาว
กรรณนรีซี้ดปากบอกเด็กเสิร์ฟ “ขอพริกเพิ่มได้มั้ยคะ? หอมกับมะนาวด้วย”
สรวงยังยิ้มอยู่ “คุณทานรสจัดจัง”
“ฉันชอบ” กรรณนรีบอก เด็กเสิร์ฟเดินมาเอาพริก มะนาว หอมมาเพิ่ม กรรณนรีเทใส่จานบอกสรวง “ทานสิคุณ..อร่อยนะ”
“ไม่เป็นไร คุณชอบก็ทานเถอะ” มองไปในร้าน “ผมรออย่างอื่นก็ได้”
“ฉันสั่งอย่างเดียว”
สรวงตาโต “หา! สั่งปลาเค็มอย่างเดียว”
“ก็ถ้ามากกว่านี้ฉันไม่มีเงินจ่าย คุณก็ต้องล้างจานสิ....น่าปลาเค็มอร่อย ไม่ต้องเกรงใจ ทานให้หมดเลยคุณ” กรรณนรีนั่งกินอย่างอร่อย

สรวงต้องนั่งกินเมนูปลาเค็มรสเลิศกับกรรณนรีอย่างจำใจ กรรณนรีแอบยิ้ม แกล้งตักพริกใส่จานให้สรวงอีก

หลังจากนั้นไม่นานนัก สองคนนั่งรถมาด้วยกันตามทาง กรรณนรีมองสรวงด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
“ตกลง..คุณจะสัมภาษณ์ผมวันไหน”
“แล้วแต่คุณ..คุณสะดวกวันไหนก็บอกมาแล้วกัน”
“งั้นเดี๋ยวผม นัดกับคุณพ่อ คุณแม่” จู่ๆ ทำท่าสะดุ้งร้อง “อุ๊ย”
“ทำไมคะ”
สรวงเริ่มบิดตัวเพราะปวดท้อง จะบอกว่าท้องเสียก็อาย “เปล่า” แต่สะดุ้งอีก
กรรณนรีตกใจ “คุณเป็นอะไร”
“ปลาเค็มคุณทำพิษ”
สรวงโก่งตัวตัวงอ เลี้ยวเข้าปั๊มทันที

กรรณนรียืนพิงรถรอ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม สักครู่หนึ่ง สรวงเดินออกมาจากห้องน้ำท่าทีดีขึ้น

“หมดไส้หมดพุงเลย” สรวงบอกยิ้มๆ
“ประโยชน์ของปลาเค็ม สามารถดีท็อกซ์ได้”
“คุณแกล้งผม” สรวงว่า
“แกล้งที่ไหน? ฉันหวังดีต่างหาก อยากให้คุณหุ่นดีๆ เวลาถ่ายรูปออกมาจะได้หล่อๆ ไง” กรรณนรีบอกขำๆ
“แค่นี้ก็หล่อแล้ว” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “หรือคุณว่าไง”
“หล่อตายล่ะ” กรรณนรีแลบลิ้นใส่
สรวงควักมือถือขึ้นมาถ่ายไว้พอดี “น่าเกลียดจริงๆ เลยคุณ”
สองคนหัวเราะให้กัน

สรวงขับรถมาส่งกรรณนรีที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง” กรรณนรีเอ่ยขึ้น แกล้งเย้า “วันหลัง ไปทานข้าวด้วยกันอีกนะคะ”
“ได้...แต่ผมขอเลือกร้านเอง....แล้วเจอกัน” สรวงยิ้ม โบกมือให้
กรรณนรีโบกมือ “ขับรถดีๆ ค่ะ”
สรวงขับรถไป กรรณนรีรอจนรถสรวงแล่นผ่านไปจนลับตา จึงหันหลังกลับจะเข้าบ้าน แต่ต้อง
สะดุ้งโหยง เมื่อเห็นภรตยืนอยู่
“พี่ภรต”
คืนนั้น ที่มุมหนึ่งตรงหน้าบ้าน ภรตคุยอยู่กับกรรณนรี
“คุณสรวงเค้ามาหากาวบ่อยจัง”
“เรามีงานติดค้างกันอยู่น่ะค่ะ”
“งานอะไรไม่เสร็จไม่สิ้นซักที กาวไม่ได้คิดอะไรกับคุณสรวงแน่นะ”
เกริกเดินออกมาได้ยินชื่อสรวง ยังไม่ทันคิดอะไร ก็ได้ยินกรรณนรีว่า
“กาวจะคิดกับเค้าได้ยังไง ในเมื่อ...พี่ภรตก็รู้ว่าเค้าเป็น...” อึ้ง แล้วนิ่งไป ไม่พูดต่อ
“พี่ก็หวังอย่างนั้น....แต่จากท่าทางที่เค้ากับกาวมีให้กัน....พี่กลัว”
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้...”
“ขอให้มันเป็นอย่างนั้น ดึกแล้วพี่กลับก่อนดีกว่า กาวจะได้พักผ่อน”
ภรตเดินจ๋อยออกไป กรรณนรีหน้าหมอง พึมพำ
“ระหว่างกาวกับคุณสรวง มันเป็นอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
ระหว่างนั้นเกริกเดินเข้ามาถาม “กาว...คุณสรวงคือใคร”

สรวงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนอนเดินมานั่งลงที่เตียง หยิบไอโฟนขึ้นมาดู กดดูปฏิทินตารางนัดหมาย สรวงใส่รูปกรรณนรีที่แลบลิ้นใส่ลงไป พลางยิ้มอย่างมีความสุข
สองพ่อลูกอยู่ในห้องนั่งเล่น เกริกถามเพราะอยากรู้ ไม่ได้สงสัย แต่เป็นห่วงประสาพ่อที่มีคนมาจีบลูกสาว

“ว่าไงกาว คุณสรวงเป็นใคร? เค้ามาจีบลูกเหรอ”
กรรณนรีร้องปฏิเสธเสียงหลง “เปล่าค่ะพ่อ เปล่า”
“แล้วทำไมภรต ถึงได้พูดเหมือนเค้ามาจีบกาว” เกริกว่า
กรรณนรีรีบบอก “พอดีช่วงนี้กาวกับเค้าเจอกันบ่อยน่ะค่ะ ไม่มีอะไร” ไม่กล้าสบตาพ่อ
เกริกซัก “แล้วทำไมกาวต้องเจอเค้าบ่อยๆ ล่ะลูก”
กรรณนรีเริ่มยิ้มขำพ่อหวง “เค้าเป็นเซเลบที่กาวต้องสัมภาษณ์น่ะค่ะ” กอดพ่อ “ไม่มีอะไรจริงๆ”
“งั้นถ้าวันหลัง...เค้ามาบ้านเราอีก กาวพาเค้ามาให้พ่อรู้จักหน่อยนะลูก” เกริกว่า
กรรณนรีหน้าเจื่อนลงไปอีก “ค่ะ”

ภาพิศนั่งอยู่ในร้านของแฉล้มท่าทีกลัดกลุ้ม แฉล้มเดินมาหา
“นี่คุณ! ดึกมากแล้ว กลับบ้านเถอะ คุณจะได้พักผ่อน”
“กลับไปฉันก็นอนไม่หลับ”
แฉล้มงง “ท่าทางอย่างนี้มันไม่ใช่คุณนี่” ภาพิศหันมามอง “หรือ..คุณกลัวว่าท่านจะทิ้ง
คุณจริงๆ” แฉล้มว่า
“ไม่...ท่านไม่มีวันทิ้งฉัน” ภาพิศคลื่นไส้จะอาเจียน
“เครียดจนอาเจียนยังไม่ยอมรับอีก คุณกลัวจริงๆ นะแหละว่าจะเอาท่านไม่อยู่”
“ฉันบอกว่าไม่ไง อุ๊ปส์ !” ทำท่าจะอาเจียนอีก ภาพิศรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ

ในห้องน้ำ ภาพิศอาเจียน แฉล้มตามเข้ามาลูบหน้าลูบหลัง
“ไหวมั้ยคุณ? ไปหาหมอรึเปล่า? เดี๋ยวฉันพาไป”
ภาพิศพูดแผ่วๆ “ไม่เป็นไร” จะอาเจียนอีก
“ไม่เป็นไรได้ยังไง คุณอาเจียนจนจะหมดแรงอยู่แล้ว ทำยังกับคนแพ้ท้อง” แฉล้มว่า
ภาพิศเหมือนพึ่งนึกได้ “ท้อง”

ที่ห้องน้ำในบ้านภาพิศเวลาต่อมา ในมือของภาพิศถืออุปกรณ์ตรวจครรภ์ และผลตรวจออกมาเห็นชัดว่าภาพิศท้อง ดวงตาของภาพิศเป็นประกายวาบขึ้นมา ยิ้มบอกกับตัวเอง

“ฉันรู้แล้ว ฉันควรทำยังไง”

เช้าวันต่อมา นิคขับรถของสตาร์อินเทรนด์ มาจอดที่หน้าบ้านสรวง พร้อมกรรณนรี และมะยม สามคนลงรถมามองหน้ากัน
มะยมพูดกิริยาแหยงๆ “นี่ถ้าคุณหญิงสุดาเห็นหน้าพวกเราเค้าจะไล่ออกจากบ้านรึเปล่าเนี่ย”
“นั่นน่ะสิ...วีรกรรมครั้งนั้น ฉันยังจำได้ไม่ลืม” นิคว่าตาม
กรรณนรีบอก “คุณสรวงคงบอกแล้วมั้ง”
“แล้วถ้าไม่บอกล่ะ” มะยมไม่วางใจ
นิคพูดขำๆ “ก็ตัวใครตัวมัน ปะ เข้าไปกันเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ลุย”
นิคบอกพลางเดินนำมะยม และกรรณนรีเข้าไป

ตรงโถงด้านในของคฤหาสน์ คุณหญิงสุดาแต่งตัวแบบสวยเต็ม ยืนยิ้มแย้ม ข้างๆ เป็นสุขหฤทัย ท่าทีมีความสุขมาก
“วันนี้แม่เป็นยังไงบ้างฤทัย”
“สวยเวอร์ๆเลยค่ะ” สุขหฤทัยเรียกช่างผม ช่างหน้า “ฟลุคหลง... มะมาซับหน้ามันให้คุณหญิงแม่หน่อย ยัยหนอน มาหวีผมให้คุณหญิงแม่เร็ว ดูซิ..ผมชี้ตั้งเส้นหนึ่ง”
ช่างเดินเข้าไปทำหน้าผมให้สุดา สรวงเดินหล่อลงมา สุดาถามทันที
“สรวง...พวกเค้ายังไม่มากันอีกเหรอลูก”
“มาแล้วครับ ตอนนี้จอดรถอยู่หน้าบ้าน” พวกกรรณนรีเดินเข้ามา “นั่นไงครับมาแล้ว”
สุดากับสุขหฤทัยหันไปมอง เห็นเป็นกรรณนรี มะยม และนิค สามคนยกมือไหว้
สุดาตาเขียวพูดเสียงขุ่น “พวกนังภาพิศนี่”
สุขหฤทัยหันมาเอาเรื่องสรวง “ฤทัยเตือนแล้ว สรวงไม่ฟังฤทัยเลยเหรอคะ”
สุดามองหน้าพวกกรรณนรี พูดกับสรวง “ถ้าเป็นพวกมัน แม่ไม่ให้สัมภาษณ์ ไล่พวกมันกลับไป” พลางสะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปด้านในบ้าน
“ไป๊ ชิ่วๆๆ” สุขหฤทัยไล่แล้ววิ่งตามสุดาเข้าไป
สรวงมองหน้ากรรณนรีอย่างลำบากใจ จังหวะนั้นพลตรีอารักษ์เดินสวนออกมา เห็นสุดาหน้าหงิกก็งง
“อะไรคุณหญิง?” สุดาไม่ตอบ อารักษ์มองสรวงเป็นเชิงถาม
“เดี๋ยวผมคุยกับคุณแม่เองครับ” สรวงตามเข้าไป
อารักษ์มองหน้ากรรณนรีแวบหนึ่ง กรรณนรีหลบตาไม่อยากมอง อารักษ์เดินเข้าไปข้างใน

ด้านในบ้าน สุดาโวยวายเสียงดังลั่น
“แม่ไม่เข้าใจเลย สรวงคิดยังไง ถึงได้ให้คนของนังภาพิศเข้ามาเหยียบถึงบ้าน”
สุขหฤทัยพลอยพยัก “จริงด้วยค่ะ ทั้งๆ ที่สรวงก็รู้ว่าคุณหญิงแม่เกลียดคนพวกนี้เข้าไส้ ยังจะพาเข้ามาอีก”
สรวงเดินเข้ามาหาแม่ “เค้าแค่มาทำงานนะครับ ไม่ได้คิดร้ายกับพวกเรา”
อารักษ์ตามมา “แต่ที่คุณหญิงทำแบบนี้มันเสียมารยาท ถ้าเค้าไปเขียนด่าจะทำยังไง?” อารักษ์บอกด้วยท่าทีขรึมๆ “รับปากเค้าแล้วก็ทำให้มันเสร็จๆ อย่าให้เค้าว่าได้ดีกว่าคุณหญิง” หันไปพูดกับสรวง “ไปสรวง...” แล้วเดินออกไป
“เชิญครับคุณแม่”
สุขหฤทัยกระตุกมือสุดากระซิบ “ไม่ต้องออกไปค่ะคุณหญิงแม่”
“แม่จะออกไป ถ้านังภาพิศมันอยากเล่นกับแม่ แม่ก็จะเล่นกับมันเหมือนกัน”
สุดาเดินออกไป สุขหฤทัยหน้าหงิกบ่นงึมงำ
“จะเล่นอะไรกันเนี่ย”
แล้วสุขหฤทัยก็เดินตามออกไป

สุดาควงแขนอารักษ์ให้ถ่ายรูป เป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันหวานชื่นมาก นิคถ่ายภาพ กรรณนรีกับมะยมยืนอยู่ด้านหลังนิค จังหวะนั้นสุดากอดอารักษ์แสดงความเป็นเจ้าของ นิคสั่ง
“คุณหญิงเอาหน้าออกห่างท่านนิดหนึ่งนะครับ ชิดเกินไป หน้าคุณหญิงบังท่านน่ะครับ” นิคกำกับท่า
สุดาแอบค้อน คิดว่านิคเป็นพวกของภาพิศ ขยับตัวมากอดใกล้อารักษ์อีก นิคก็ติงอีก
“ก็ฉันจะถ่ายของฉันแบบนี้ เธอมีหน้าที่ถ่ายก็ถ่ายไปสิ”
อารักษ์บอกเบาๆ “ห่างนิดก็ได้นะคุณ ภาพจะได้สวย”
สุดาจำต้องห่าง กรรณนรีมองภาพสุดากับอารักษ์ รักกันปวดใจแทนภาพิศ
“เชิญคุณสรวงครับ”
สรวงเดินเข้าไปถ่ายภาพ เป็นครอบครัวแสนอบอุ่น สุขหฤทัยเดินมาหากรรณนรี
“พวกเธอรู้มั้ย วันนี้คุณสรวงจะเปิดตัวว่าที่เจ้าสาวด้วยนะ” สุขหฤทัยว่า
“ไม่รู้ค่ะ คุณสรวงไม่ได้บอก” กรรณนรีพูดใส่หน้า
“งั้นรู้ไว้เลยนะ เพราะฉัน ว่าที่เจ้าสาวคุณสรวงบอกเอง” สุขหฤทัยคุยโว
มะยมเยาะ “เรื่องแบบนี้ให้ผู้ชายพูดจะดีกว่ามั้ยคะ เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องจริง คุณฤทัยจะอายเปล่าๆ”
สุขหฤทัยโกรธ ด่าทันที “พวกหน้าด้าน อยากแย่งสรวงไปจากฉันล่ะสิ”
“พวกฉันมาทำงานค่ะ ในหัวไม่เคยคิดแย่งผู้ชาย ถ้าคุณอยากให้ฉันลงข่าวเรื่องนี้ ฉันจะไปถามคุณสรวง แต่ถ้าคุณสรวงปฏิเสธ คุณคงรู้ใช่มั้ยว่าฉันจะเขียนถึงคุณยังไง”
“แอร๊ย...นัง” สุขหฤทัยกรี๊ด มองกรรณนรีด้วยวสายตาวาวโรจน์โกรธเอามากๆ

มุมหนึ่งในคฤหาสน์ สรวงยืนพักดื่มน้ำอยู่ สุขหฤทัยโวยวาย
“ฤทัยไม่ยอมนะคะ นังนักข่าวปากรั่ว มันว่าฤทัย”
“เค้าว่ายังไง” สรวงถาม
สุขหฤทัยฟ้อง “ก็..ว่าฤทัยปั้นน้ำเป็นตัว โกหก แหล สตรอ…”
สรวงงง “ก็แล้วจู่ๆ ทำไมเค้าถึงได้ว่าคุณอย่างนั้นล่ะ”
“ก็....ฤทัยพูดเรื่องแต่งงานของเรา”
“ผมไม่เห็นว่าเค้าจะพูดอะไรผิด เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันนะฤทัย”
พูดเท่านั้นสรวงก็เดินออกไป สุขหฤทัยได้แต่ร้องกรี๊ดๆ อย่างขัดเคืองใจ

ที่ด้านนอก ทุกคนทำงานอย่างขันแข็ง อารักษ์ถามกลุ่มกรรณนรีด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ผมเพิ่งเคยเปิดบ้านให้สัมภาษณ์แบบเต็มๆก็ครั้งนี้ นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เหนื่อยจริงๆ”
สุดายิ้มแฉ่ง “แต่ฉันชอบนะคะ หนังสือวางแผงเมื่อไหร่บอกด้วย ฉันจะเหมาให้หมดเลย ทุกคนจะได้รู้” กอดแขนอารักษ์อวด “ว่าครอบครัวของเรารักกัน มีความสุข อบอุ่นแค่ไหน”

ระหว่างนั้นเองภาพิศเดินเข้ามา ด้านหลังมีคนถืออาหารว่างมาส่ง
“งั้นก็ควรมีน้องอีกคนนะคะคุณหญิงพี่ จะได้พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวกันจริงๆ”
ทุกคนหันขวับไปมองอย่างตกใจ

อารักษ์ตะลึง คาดไม่ถึง “ภาพิศ”
ตรงมุมหนึ่ง ด้านในคฤหาสน์ อารักษ์ตำหนิภาพิศด้วยสีหน้าไม่พอใจเอามากๆ

“ทำไมภาทำแบบนี้”
ภาพิศยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไร “ภาทำอะไรคะ? ก็แค่เป็นห่วง พอทราบว่า วันนี้คุณพี่เปิดบ้านให้สัมภาษณ์ เลยเอาของว่างมาให้ทาน สั่งจากเจ้าอร่อยด้วยค่ะ
“ภา....ภาเคยเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ? อย่าทำแบบนี้...กลับไปก่อน”
ภาพิศยิ้มหวานท่าทีเหมือนเข้าใจ “ก็ได้ค่ะ...แต่คุณพี่อย่าลืมทานของว่างนะคะ” ยื่นหน้าเข้า
มาจูบที่แก้ม “ภารักแล้วก็คิดถึงคุณพี่ค่ะ”
เจอไม้นี้สายตาแข็งกร้าวของอารักษ์ดูอ่อนลงอย่างชัดเจน ดวงตาภาพิศยิ้มมีเลศนัย

สักครู่หนึ่ง ภาพิศเดินออกมาด้วยดวงหน้าสดใสพร้อมยิ้มหวาน ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
ภาพิศยิ้มหวานไหว้ลาสุดา “คุณหญิงพี่ขา...น้องกลับก่อนนะคะ” หันมาบอกกับทีมงานและทุกคนยกมือบ๊ายบายประหนึ่งนางงาม “พี่กลับก่อนนะคะ”
ภาพิศเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างของภาพิศก็ซวนเซ ก่อนจะล้มลง
อารักษ์เดินออกมาเห็นพอดี ตกใจมาก “ภาพิศ”
กรรณนรีตกใจเช่นกันพูดออกมา ไม่มีเสียง “แม่”
อารักษ์เข้าไปโอบประคองภาพิศแบบห่วงเหมือนเดิม ก่อนสั่ง
“เอารถออก ฉันจะไปโรงพยาบาล”
คนรถรีบเอารถออก อารักษ์ประคองภาพิศอย่างห่วงใย สุดาเนื้อตัวสั่นแทบจะเป็นลม แต่ไม่กล้ากรี๊ด สรวงกับสุขหฤทัยจับมือเอาไว้ พอรถของอารักษ์ออกไป สุดาถึงร้องกรี๊ดออกมา
“อ๊าย....”
พร้อมกับร้องไห้โฮออกมา มะยมกะนิค ถ่ายรูปเอาไว้อย่างรวดเร็วด้วยสัญชาติญาณนักข่าว

ในห้องโถง สุดาร้องไห้โฮๆ ปิ่มว่าจะขาดใจ มีสุขหฤทัยประคอง
“คุณพ่อทำอย่างนี้กับแม่ได้ยังไงสรวง ทั้งๆ ที่แม่ยอมแล้วทุกอย่าง”
“ครั้งนี้นังมารร้ายมันมาเหยียบคุณหญิงแม่ถึงบ้าน คุณต้องจัดการนะคะ”
คำพูดของสุขหฤทัยทำเอาสรวงเครียด ถอนหายใจออกมา

ที่หน้าบ้าน มะยม นิค ช่วยกันเก็บของขึ้นรถ สรวงยืนคุยกับกรรณนรีหน้าเครียด
“ผมไม่เข้าใจ...นี่มันเรื่องอะไร เปิดบ้านผม ภาพิศมา แล้วก็เป็นลม”
กรรณนรีนิ่งหน้า งงไม่ต่างกัน “ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ
สรวงปรายตามองไปที่นิคและมะยม “แต่พวกคุณก็ถ่ายภาพเอาไว้”
นิคกับมะยมมองหน้ากันแบบไม่รู้เรื่องแผน นิคออกตัวขึ้นว่า “พวกเราไม่ได้มีแผนอะไรนะครับ”
“ก็แค่วิญญาณนักข่าว เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น เราก็ต้องถ่ายไว้” มะยมบอก
กรรณนรีขอร้อง “ลบเถอะนิค มะยม คุณสรวงจะได้สบายใจ”
นิคกับมะยมมองหน้ากัน ก่อนลบแบบจำยอม สรวงจ้องหน้ากรรณนรี
“ยังไงผมก็ไม่สบายใจ เพราะภาพกู้คืนได้ หวังว่าเรื่องที่เกิด จะไม่เป็นข่าว ที่สำคัญ คงไม่ใช่แผน ของคุณกับภาพิศนะกรรณรี”
กรรณนรีฟังแล้วเครียดขึ้นมา

สามคนกลับมานั่งกลุ้ม กุมขมับ อยู่ในออฟฟิศ
“คุณสรวงต้องเข้าใจผิด คิดว่าเรามีเอี่ยวกับคุณภาพิศแน่ๆ” มะยมเอ่ยขึ้น
“มันก็น่าคิด งานนี้คุณภาพิศขโมยซีนเห็นๆ” นิคว่า
“จะขโมยมากกว่านี้อีก ถ้าคุณภาพิศเป็นอะไร” มะยมบอก
“เป็นอะไร” นิคถาม
“อย่างที่เราเคยคุยกันไง...ถ้าคุณภาพิศเกิดท้องขึ้นมา”
คำตอบของมะยม ทำเอากรรณนรีหน้าซีดเผือด

ส่วนที่ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลเวลาเดียวกัน อารักษ์กุมมือภาพิศอยู่ หมอเดินเข้ามาหา ภาพิศถามกิริยาลุ้นๆ
“ตกลง...ฉันเป็นอะไรคะคุณหมอ?”
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี” หมอยิ้มบอก
อารักษ์ฉงน “แล้วทำไม”
“เป็นอาการเริ่มแรกของคุณแม่ตั้งครรภ์นะครับ” หมอบอกข่าวดี
“ฉันท้อง...” ภาพิศยิ้มตื้นตัน จับมืออารักษ์ “เรากำลังจะมีลูกด้วยกันค่ะคุณพี่”
ภาพิศกับอารักษ์มองหน้ากันอย่างดีใจ

ที่ห้องโถงภายในคฤหาสน์ มีคนที่แค้นใจเมื่อรู้ข่าว เป็นสุดาที่ร้องไห้แทบจะเป็นลม ริมฝีปากสั่นระริก
“นังภาพิศมันท้อง”
สุขหฤทัยเป็นเดือดเป็นแค้นแทน “ที่มันมาที่นี่ เป็นแผนชัดๆเลยค่ะคุณหญิงแม่”
สุดาตาวาววับ พูดออกมาด้วยความเกลียดชัง “ใช่!แผนของมัน ที่จะประกาศต่อหน้านักข่าว ฮึ! มันมีลูกตั้งหลายครอก มันจะไม่รู้ว่ามันท้องได้ยังไง”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 4 วันที่ 12 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager