@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/3 วันที่ 6 ก.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/3 วันที่ 6 ก.ย. 55

“ให้ภาไปเถอะค่ะ” ปากบอกไปอย่างนั้น แต่มือคว้ามืออารักษ์มากุม เกาะเกี่ยวจับยกมาแนบ
แก้มอย่างอาวรณ์ “เพราะถ้าไม่มีภา คุณหญิงกับคุณพี่จะได้ไม่มีปัญหากัน”
“ต่อให้ไม่มีภาคุณหญิงก็สร้างปัญหาให้พี่อยู่แล้วภาอย่าไปไหนเลยนะ พี่ขอร้อง”
ภาพิศดึงมือออก พลิกตัวนอนตะแคงหน้าเข้าหนีไปอีกด้าน “แต่ภาตัดสินใจแล้ว...”
อารักษ์คราง “ภา...”

ภาพิศพูดโดยไม่หันมามอง “ขอภาอยู่คนเดียวนะคะ”
“ไว้ให้ภาสบายใจ แล้วพี่จะมาใหม่”
ภาพิศยืนกรานเสียงเด็ดขาด “ไม่ต้องมาค่ะ ภาขอยุติความสัมพันธ์ทุกอย่างที่เราเคยมี”
อารักษ์ตกใจกับท่าทีภาพิศ “ภา...” ถอนหายใจ
พออารักษ์จะเดินออกไป ภาพิศก็อ้อนต่อ โดยยังไม่หันหน้ามามอง
“รู้ไว้นะคะ..ภาเจ็บที่ต้องเดินจากคนที่ภารักที่สุดในชีวิตไป”
อารักษ์มองภาพิศสีหน้าเสียใจมาก ก่อนจะเดินออกมา
สรวงรีบหลบฉากอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาพิศคลี่ยิ้ม...อย่างเป็นต่อ
สรวงหลบอารักษ์ออกมาที่หน้าห้อง ขณะเดียวกันที่ด้านหลังสรวง กรรณนรีเดินขึ้นมา
เห็นอารักษ์เดินไปอีกทาง สรวงมองจนพ่อลับตัวไป จึงมองเข้าไปในห้องภาพิศก่อนจับลูกบิดประตู เปิดเข้าไป กรรณนรีตาโต รีบเดินตามเร็วรี่



ภาพิศยินเสียงประตูเปิด จึงหันมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“คุณสรวง” รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันควัน “ขอบคุณมากค่ะที่มาเยี่ยม”
“ให้มันแน่นะสิ่งที่เธอพูดกับคุณพ่อน่ะ” สรวงแดกดันเป็นการทักทาย
ภาพิศตกใจ ไม่คาดคิดว่าสรวงจะได้ยิน จังหวะเดียวกันนั้นเองกรรณนรีแง้มประตูแอบฟัง ได้ยินภาพิศเอ่ยขึ้น
“แต่คุณสรวงก็ได้ยินนี่คะ...ว่าท่านไม่ยอมเลิก”
สรวงยิ้มเย้ย “นึกแล้วที่แท้ก็เป็นแค่มารยาของเธอ ที่เรียกร้องความสนใจจากพ่อ” ขยับตัวเดินมาเอามือค้ำเตียง จ้องหน้าภาพิศ “เพราะถ้าคนตั้งใจจะเลิกจริงๆ ก็แค่...ขายบ้าน ย้ายไปต่างประเทศ ยุติการติดต่อทุกทาง แค่นี้ทุกอย่างก็จบ...แต่ที่สิ่งเธอทำคือ การเล่นเกม ขอโทษ...ที่เกมนี้เธอจะไม่ได้เป็นคนชนะอย่างที่คิด คุณพ่อจะไม่มีวันกลับมาหาเธออีก ภาพิศ”
เจอไม้นี้ ภาพิศยิ้มยั่ว เย้ยหยันในสายตา “เหรอคะ”
“คนที่มั่นใจตัวเองมากๆ ตกม้าตายมาแล้วทุกคน”
สรวงหันกลับเดินออกไป กรรณนรีรีบหลบ ภาพิศมองตามสรวงสายตาเหยียดเย้ย
“กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น” ภาพิศยิ้มอย่างมั่นใจ

สรวงเดินมาจะออกอาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้ว กรรณนรีเดินตามสรวงออกมาจนทัน
“สิ่งที่คุณทำมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย...” กรรณนรีพูดขึ้นเสียงดังฟังชัด
สรวงได้ยิน หันมามองกรรณนรีสีหน้าเยาะเย้ย “นึกแล้วไม่มีผิด ยังไงเธอต้องมาที่นี่
กรรณนรีโต้ “ก็ฉันเป็นนักข่าว ฉันมาตามงานของฉัน”
สรวงบอกเสียงเข้ม “ใช่...ตามมาดูว่างานของเธอสำเร็จหรือเปล่า? ให้แม่ทำทีเป็นเลิก...เพื่อที่ลูกสาวจะได้สวมบทนางบำเรอคนใหม่แทน”
“เลว” กรรณนรีกำมือแน่น “ในหัวคุณมีแต่ความคิดเลวๆ”
“ฉันจะเลวเพื่อปกป้องคุณแม่...แตกต่างจากพวกเธอ ที่เลว...เลวเพราะอยากได้ของของคนอื่น” สรวงเดินหนีไปไม่แยแส
กรรณนรีกำมือแน่น น้ำตาคลอ แค้นใจยิ่งนัก
ออกจากโรงพยาบาล กรรณนรีขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่โตของภาพิศ ก่อนก้าวลงมา กรรณนรีกวาดสายตามองดูด้านใน เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอฬาร เดินเข้าไปใกล้ๆ รั้ว ขณะที่น้ำตาไหลรินออกมา หญิงสาวตะโกนก้องร่ำร้องในใจอย่างคับแค้น
“เพราะสิ่งนี้เองเหรอ? แม่ถึงยอมให้คนดูถูก เหยียดหยาม..ดูหมิ่นดูแคลน อย่างไร้ศักดิ์ศรี และตอนนี้มันก็ไม่ใช่แค่แม่คนเดียว แต่มันลามมาถึงหนู...ที่ต้องถูกตราหน้าว่าเลว”
ค่ำคืนนั้น คุณหญิงสุดาดูมีท่าทีสบายใจมากขึ้นหลังรู้เรื่องจากบุตรชาย สุขฤทัยแวะมาหา พูดประจบเอาใจ
“ฤทัยไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะว่าคนนิ่งๆ อย่างสรวงจะลุกขึ้นมาทำอะไรอย่างนี้ได้”
สุดายิ้มเยื้อนสีหน้าพอใจ “เป็นเพราะสรวงทนความร้ายกาจของนังภาพิศไม่ได้ไงล่ะจ้ะ”
“มันก็จริงค่ะ ไม่มีลูกคนไหนทนเห็นแม่ตัวเองเจ็บได้หรอกค่ะ”
“เมื่อก่อนน้ารู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว แต่พอมีสรวง น้ารู้เลยว่าต่อไปน้าไม่ต้องสู้คนเดียว”
สุขฤทัยประจบต่อ “สรวงคนเดียวที่ไหนล่ะคะ? คุณน้าลืมไปแล้วเหรอว่ายังมีฤทัยด้วย ฤทัยก็ไม่ยอมให้คุณน้าเจ็บคนเดียวเหมือนกันค่ะ”
สุดายิ้มพอใจ สุขฤทัยยิ้มตอบ แววตาร้าย กะประจบเต็มที่
“แต่วิธีของผู้ชาย...ยังไงมันก็ไม่แสบเข้าไส้เหมือนวิธีของผู้หญิงหรอกค่ะ...” สุขฤทัยว่า
“งั้นฤทัยต้องมาช่วยน้าทำให้นังภาพิศมันเจ็บมันแสบ ถึงขั้นไอซียูเลยนะลูก”
“โอ๊ย...ไอซียูเบาไปค่ะคุณน้า...ไหนๆ จะทำแล้ว เราต้องเล่นถึงวัด จองวันเผากันเลยค่ะ”

สองคนมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ
วันต่อมา รถยนต์ของภาพิศแล่นมาจอดที่หน้าตึก ทันที่รถมาจอด น้อยกับเมตตี้ก็วิ่งออกมารับ

น้อยนั้นมีหน้าตาท่าทีแปลกๆ “คุณคะคุณ”
ภาพิศฉงน “อะไรน้อย?”
“ของที่คุณสั่ง เค้าเอามาให้แล้วค่ะ”
ภาพิศงงหนัก “ฉันสั่งอะไร”

โลงศพลวดลายวิจิตรหลากหลายแบบ ราว 5 - 6 ใบ วางเรียงรายกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ภาพิศยืนจ้องมอง วงหน้าซีดเผือด ดวงตาฉายแววว่าตื่นตระหนก เมตตี้ถามแบบกลัวๆ
“คุณสั่งโลงมาแก้เคล็ดเหรอคะ?”
น้อยเอ็ด “นังเมตตี้” เม็ตตี้รีบเอามืออุดปาก หลบไปยืนข้างหลัง ถามเสียงนอบน้อม “คุณไม่สบายมากเหรอคะ ถึงได้” พูดเบาๆ “แก้เคล็ดหนักขนาดนี้”
เมตตี้เงียบไปหน่อย แล้วหลุดปากอีก “ตั้งหลายโลงเลย”
ภาพิศน้ำตาคลอ เชิดหน้าขึ้นพยายามเข้มแข็ง “ฉันไม่ได้สั่ง”
สองคนตกใจร้องประสานเสียง “อ้าว แล้วใครสั่งคะ”
เมตตี้ปากไวโพล่งออกมาอีก “หรือว่าจะเป็นคุณหญิงสุดาคะ”
น้อยพลอยพยัก “ใช่! ต้องเป็นคุณหญิงสุดาแน่ๆ โถ…ทำไมต้องแช่งกันขนาดนี้”
ภาพิศโงนเงนคล้ายจะเป็นลม สองคนร้องลั่น
“คุณหญิง” รีบถลาเข้าไปประคองภาพิศที่ทำท่าหมดสติลง
อารักษ์รู้ข่าวรีบตรงมาเยี่ยมภาพิศที่บ้าน ซึ่งเวลานี้นอนอยู่บนเตียงน้ำตาไหลพราก อารักษ์จับมือภาพิศกุมเอาไว้
ภาพิศพูดตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภาอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เมื่อคุณหญิงโกรธ” มองอารักษ์ “ทำให้คุณพี่ไม่สบายใจ ภาก็ต้องเอาตัวเองออกมาทั้งๆ ที่ภารักคุณพี่ แล้วทำไมคุณหญิงถึงทำกับภาอย่างนี้อีก”
“พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ แต่พี่ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์มันจะรุนแรงถึงขนาดนี้...”
ภาพิศน้ำตาไหล พูดออดอ้อน “แล้วต้องให้ภาทำอย่างไร คุณหญิงถึงจะพอใจ ต้องให้ภาตายไปจากโลกนี้เลยหรือเปล่าคะ”
“ไม่..ภาไม่....พี่จะจัดการเรื่องนี้เอง และพี่รับปาก เรื่องร้ายๆ แบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นกับภาอีก” อารักษ์กุมมือภาพิศแน่น พูดให้สัญญา

เวลาต่อมาอารักษ์กลับมาบ้าน ยืนนิ่งมองหน้าสุดาด้วยสายตาห่างเหิน น้ำเสียงเหนื่อยใจ
“คุณรู้มั้ย..ผมได้คุยกับภาพิศแล้ว...เค้าตัดสินใจที่จะไปจากผม เราสองคนตกลงที่จะเลิกกัน...แต่พอคุณหญิงทำแบบนี้...ผมรู้สึกว่าผมคิดผิด เพราะคนที่ผมควรที่จะไปให้ห่าง คือคุณหญิง ไม่ใช่ภาพิศ”
สุดาช็อก ตกใจสุดท้ายกลายเป็นงง “อะไรของคุณอีก? จะกล่าวหาอะไรฉันอีก”
“กล่าวหา” ขึ้นเสียงดังลั่น “แล้วใครกันที่ส่งโลงไปที่บ้านภาพิศ”
สุดางงหนักกว่าเดิม “โลง? โลงอะไร”
“คุณหญิงจะบอกว่าภาพิศบ้า ถึงขนาดส่งโลงให้ตัวเองงั้นเหรอ”
สุดางงอยู่อย่างนั้น “หมายความว่ามีคนส่งโลงให้นังภาพิศ”
อารักษ์โกรธ “คุณหญิงไม่ใช่สาว16 เลิกปั้นหน้าไร้เดียงสาได้แล้ว พอกันซักที ผมไม่ไหวแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เราเลิกกัน”
อารักเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว
“คุณอารักษ์ อย่าเพิ่งไป กลับมาคุยกันก่อน ฉันไม่ได้ทำ” คุณหญิงสุดาร้องไห้โฮ

เสียงโทรศัพท์มือถือของฤทัยดังลั่น ฤทัยกำลังเดินเข้าบ้านรับสาย
“คุณน้าใจร้อนจังเลยค่ะ...ฤทัยเพิ่งกลับมาจากไปหานักเลง เอ๊ย! ลูกน้องของคุณพ่อ แต่พอดีเค้าไม่อยู่”
สุดาร้องไห้ไม่หยุด “แล้วทำไมส่งโลงศพไปให้นังภาพิศโดยไม่บอกน้าล่ะ?”
สุขฤทัยตกใจ “ว้าย! โลงศพ? เปล่านะคะ ฤทัยไม่ได้ทำ...” ทำท่าขนลุกขนพอง “แค่คิด ยังไม่
เคยคิดเลยค่ะ อี๋! ขนลุก”
“งั้นเป็นมันจริงๆ....ต้องเป็นมันจริงๆ” เขวี้ยงมือถือทิ้ง “แกได้ใช้โลงศพของแกแน่ๆ นังภาพิศ” สุดาถลันออกนอกบ้าน
สุดาวิ่งร้องไห้ถลันออกมา และจะตรงไปที่รถ สรวงกลับมาพอดี วิ่งไปคว้าตัวไว้ ถามผู้เป็นมารดาอย่างร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่”
“แม่จะไปฆ่ามัน แม่จะไปฆ่ามัน” สุดาดึงดันจะไป
สรวงยื้อไว้ “อะไรครับคุณแม่ ฆ่าใคร”
สุดาร้องกรี๊ด “จะมีใครอีก นอกจากนังภาพิศ มันส่งโลงศพไปให้ตัวเอง ให้พ่อเข้าใจผิด ว่าเป็นแม่ทำ แล้วพ่อแกก็มาด่าแม่ ขอเลิกแม่...แม่จะไปฆ่ามัน แม่จะไปฆ่ามัน” จะไปให้ได้
สรวงดึงเอาไว้สุดแรง จนสุดาล้มลง สีหน้าสรวงทั้งโกรธ และเครียด “อย่าครับคุณแม่”
สุดานั่งกอดลูกอย่างเจ็บปวด “แล้วสรวงจะให้แม่ทำยังไง สรวงจะให้แม่ทำยังไง” สุดาร้องไห้คร่ำครวญแทบจะหมดแรง “นับวัน มันยิ่งทำให้พ่อโกรธ พ่อเกลียดแม่...ทั้งๆ ที่แม่ไม่เคยทำอะไรมันเลย ที่สำคัญพ่อไม่เคยฟังแม่ ไม่เคยฟังแม่แม้แต่คำเดียว”
ระหว่างนั้นสาวใช้ในบ้านวิ่งถือมือถือออกมา พอเห็นท่าทางของสรวงกับสุดาก็หน้าซีดจะเดินไป
“มีอะไร?”
“นักข่าวจะขอสัมภาษณ์คุณหญิงค่ะ
สุดาร้องกรี๊ด “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันไม่คุยกับใครหน้าไหนทั้งนั้น”
สาวใช้ตกใจ “ค่ะๆ” วิ่งเข้าไปในบ้าน
สุดาร่ำไห้ “สรวง..คุณพ่อต้องไปอยู่กับมันแน่ๆ ลูกต้องไปตามพ่อกลับบ้านนะบอกพ่อ..แม่ไม่ได้ทำ...อย่าทิ้งแม่ไป อย่าทิ้งแม่ไป แม่รักพ่อ..แม่ขาดพ่อไม่ได้”

คุณหญิงสุดากอดสรวงร้องไห้สะอึกสะอื้น สรวงกอดตอบ ยิ่งเห็นสภาพของแม่ ยิ่งเจ็บปวด
สรวงขับรถมาตามทาง หน้าเครียดขึ้ง โกรธเอามากๆ ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออก

ที่ออฟฟิศ สตาร์ อิน เทรนด์ นิค มะยม และกรรณนรี นั่งทำงานอยู่ด้วยกัน นิคหาวหวอดๆ
“อะไร? ยังไม่ถึงสองทุ่ม หาวหวอดๆ ซะแล้ว” มะยมว่า
“เมื่อคืนทำงานดึกเหรอ?” กรรณนรีสงสัย
“เปล่า ดูคลิปหลุดดารา ดูตั้งแต่ตีหนึ่งยันตีสี่ ดูยังไง๊ก็ดูไม่ออกว่าเป็นใคร...” พลางชี้ให้ดูในคอมพ์ เห็นเป็นภาพโมเสค เบลอจนไม่เห็นอะไร “จะใส่โมเสคอย่างนี้ไม่ต้องลงรูปเลยดีกว่า” นิคจบด้วยการบ่น
“ฉันก็อ่านคอมเม้นท์ในเว็บไซต์ ข่าวน้องติ๋ม ดังระเบิด ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ สาวไส้กันซะสนุก อ่านทั้งคืนก็ไม่ง่วง” มะยมบอก
กรรณนรีขำ “เรื่องชาวบ้าน คืองานของพวกเราจริงๆ”
จังหวะนั้นเสียงมือถือของกรรณนรีดัง กรรณนรีรับมาดู จำเบอร์ได้
“คุณสรวง” เดินออกไป
“งานเข้า” นิคว่า
“ฉันว่าคุณสรวงกับกาว มันชักจะยังไงๆ แล้วนิค”
มะยมตั้งข้อสังเกต สองคนมองตามกรรณนรีไป

กรรณนรีเดินออกมาที่หน้าสำนักงานแล้ว
“มีอะไรกับฉันอีก”
สรวงขับรถมาตามทาง พูดเสียงเข้ม “ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่มั้ยกรรณรี ถ้าแม่ฉันเจ็บ พวกเธอ
ต้องเจ็บกว่า โลงศพที่แม่เธอส่งให้ตัวเอง ได้ใช้แน่ๆ ตามไปเก็บศพแม่เธอที่บ้านได้เลย” กดตัดสาย แล้วขับรถแล่นฉิวไปตามแรงโทสะในใจ
“แม่” กรรณนรีเป็นห่วงภาพิศจับใจ

ภาพิศมองสรวงด้วยท่าทางตื่นๆ ดวงตาของสรวงกร้าวร้าวขณะมองมา
ภาพิศตกใจ กับท่าทีน่ากลัวของสรวง “ถ้าคุณสรวงจะมาตามท่าน ท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”
สรวงบอกเสียงเข้ม “งั้นก็ดี! ฉันจะได้สนองความต้องการของเธอ โดยที่ไม่มีคุณพ่อมาขัดขวาง” ก้าวเข้าไปด้านในทันที
ภาพิศกลัวปนงง “คุณสรวงหมายถึงอะไรคะ”
“ไหนๆ เธอก็ส่งโลงให้ตัวเองแล้ว ฉันจะให้เธอได้ใช้มัน”
ว่าแล้วสรวงก็กระชากข้อมือของภาพิศสุดแรง ภาพิศตกใจ ยื้อตัวเองเอาไว้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ปล่อยพี่นะคะคุณสรวง”
สรวงกระชากตัว ตะคอกใส่อย่างดุดัน “เธอส่งโลงให้ตัวเอง แล้วยังมาปรักปรำใส่ร้ายแม่ฉัน”
กรรณนรี วิ่งเข้ามาทันได้ยินพอดี กรรณนรีหน้าซีดตกใจ ไม่ได้ปักใจเชื่อ แต่ได้ยินเต็มสองหู
ภาพิศร้องไห้ “เพราะคุณหญิงเป็นแม่คุณใช่มั้ย? คุณถึงได้เชื่อ ฉันไม่บ้าแช่งตัวเองอย่างนั้นหรอก”
กรรณนรี และสรวงชะงักสะดุดใจในคำว่า...เพราะเป็นแม่ สรวงยอมปล่อยมือ
ภาพิศเสียงสั่นเครือ “ฉันรู้ว่าผิดที่มาทีหลัง แต่คนที่มาทีหลัง มันก็เจ็บเป็นนะคะ”
สรวงสวนคำออกมา “งั้นเธอก็รีบไป...จะได้ไม่เจ็บ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีใครเรียกร้อง เธอกระเสือกกระสนเข้ามาเอง” กวาดตามองรอบๆ ห้อง “แต่ก็อย่างว่า...” สีหน้าดูถูก “มันคุ้ม เพราะทรัพย์สินศฤงคารทั้งหมด” ลดน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย้ย “น้ำหน้าอย่างเธอ ชาตินี้ทั้งชาติไม่มีวันหาเองได้”
ภาพิศร้องไห้ กรีดร้องออกมา “คุณสรวง”
สรวงตะคอก “ทำไม?ฉันพูดผิดตรงไหน? ไม่ใช่เพราะทรัพย์สมบัติพวกนี้หรอกเหรอ? เธอถึงได้ทิ้งศักดิ์ศรีมาเป็นเมียน้อยพ่อฉันน่ะ” ปรี่เข้าไปต่อว่าอีก ภาพิศถดตัวถอยหลัง “เฮอะ! ทำเป็นหน้าเชิดคอตั้ง วางตัวเป็นนางพญา แต่คนอย่างเธอเป็นได้แค่นางพญาปลวกเท่านั้นภาพิศ!!
กรรณนรีวิ่งเข้ามากระชากสรวง แล้วเอาตัวกันภาพิศเอาไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณสรวง เลิกพูดจาดูถูกคนอื่นได้แล้ว”
สรวงหัวเราะกวนใส่ “ดูถูกที่ไหน? ในเมื่อเป็นสิ่งที่หล่อนทำเอง” ประชดกรรณนรีแต่มองภาพิศ “ผู้หญิงที่ทิ้งลูก ทิ้งผัว มาเป็นเมียน้อยคนอื่น มีตรงไหนที่น่ายกย่อง ถ้าฉันเป็นลูกของผู้หญิงคนนี้” มองจ้องหน้ากรรณนรีแต่ชี้หน้าภาพิศ “อย่าว่าแต่จะถามหาความภูมิใจเลย ฉันคงทำได้แต่เอาหน้ามุดดิน ไม่กล้าเอาหน้ามาเผยอสู้หน้าใครหรอก”
ขณะที่สรวงยืนด่า ภาพจำในอดีตตอนที่ตัวเองยังเป็นนุดี กำลังกอดลูก ลูกชายป่วย และในวันตัดสินใจทิ้งลูกมา หลั่งไหลราวสายน้ำ ภาพิศหน้ามืดยืนโงนเงน เป็นลมหมดสติไป กรรณนรีรีบเข้าไปประคองรู้สึกเจ็บปวดแทนภาพิศ พูดขอร้อง “พอได้แล้วคุณสรวง พอ”
“ฉันไม่ทะเลาะกับคนตายหรอก” มองไปยังภาพิศ “เก็บเข้าโลงไปเลย อย่าทิ้งไว้ มันอุจาดตา”
กรรณนรีกอดภาพิศร้องไห้ มองด้วยความสงสาร สลดหดหู่ในใจ
สรวงหันมามองกรรณนรีกอดภาพิศ มีแต่ความสังเวชใจ

ภาพิศนอนอยู่บนเตียง มีกรรณนรีนั่งจับมือกุมอยู่ข้างๆ น้อยกับเมตตี้เอาผ้าเย็น และยามาให้ ก่อนจะออกไป กรรณนรีหยิบผ้าซับที่ใบหน้าภาพิศอย่างทะนุถนอม ภาพิศลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้ายังพร่ามัว สิ่งแรกที่เห็นคือวงหน้าเลือนรางของกรรณนรี
“หนู”
กรรณนรีชะงักหยุดซับหน้าและถอยตัวออกห่าง “คุณไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันกลับเลยนะคะ”
“อย่าเพิ่งสิหนู...” ทำท่าเหมือนทบทวนชื่อ แต่จำผิด “ก้าง”
กรรณนรีกลั้นก้อนสะอื้น หยุดยืน ภาพิศบอกแกมอ้อนวอน ขอร้องจากใจจริง
“ฉันขอร้อง....อย่าให้เรื่องเป็นข่าวเลยนะ”
“แต่ถ้าเสนอข่าวตอนนี้..คุณจะได้คะแนนอื้อนะคะ” กรรณนรีเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นประชด “อย่างน้อย คนก็จะได้รู้ คุณเป็นบ้านที่สอง” และจบลงด้วยเสียงเย้ยหยัน “ที่น่าสงสาร”
“ฉันเข้าใจคุณสรวง” ภาพิศบอก
กรรณนรีหันมามอง สีหน้าไม่เข้าใจ “ฉันไม่รู้เหตุผลของคุณมันคืออะไร แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ยอมให้คนมาดูถูกเหยียดหยามอย่างนี้”
“คนเราถ้าได้เดินได้ก้าว...คงไม่มีใครคิดที่จะเดินย้อนกลับหลัง” น้ำเสียงกร้าว “ไม่ว่าจะมีขวากหนามยังไงก็ต้องเดิน”
“คุณอาจจะทนได้...แล้วคุณเคยคิดถึงลูกคุณบ้างมั้ยคะ ตอนนี้ลูกของคุณอาจจะเป็นอย่างที่คุณสรวงพูดก็ได้อายจนแทบจะเอาหน้าซุกดิน”

พูดจบกรรณนรีก็เดินออกไป ภาพิศน้ำตาไหล เจ็บปวดในอก แต่ไม่มีเสียงสะอื้น
กรรณนรีขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่ริมน้ำ ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ขณะที่อีก
ฝั่ง สรวงนั่งอยู่ในรถ สายตามองเหม่อไปที่ท้องน้ำ

สรวงและกรรณนรี นั่งกันอยู่คนละมุม คนละฝั่ง แต่สายตาทั้งสองคนเหมือนกัน มีแต่ความเจ็บปวด
กรรณนรีรำพึงเสียงเครือ ทั้งเสียใจ และน้อยใจ “ยังไง.. แม่ก็เลือกความสุขสบายอยู่ดี” สีหน้าเจ็บปวด สลดเศร้าสลด “ทั้งๆ ที่ความสุขสบายของแม่มันตั้งอยู่บนกองไฟ”
สรวงเครียดพูดเสียงเข้ม เจ็บปวดเหลือแสน ทอดสายตามองผืนน้ำเบื้องหน้า “พ่อไม่รู้เลยเหรอ...ว่าพ่อเป็นคนเอาไฟเข้ามาเผาบ้าน...แล้วก็ไม่มีน้ำจากบ่อไหนจะดับได้ เพราะไฟที่พ่อเอาเข้ามามันคือ...ไฟมาร”
กรรณนรีกับสรวงมีแต่ความทุกข์ใจ

คืนนั้น สุขฤทัย ผุดลุกผุดนั่ง นอนไม่หลับ
“ข่าวน้องติ๋ม ตอนนี้สู้ข่าวภาพิศไม่ได้หรอก เอาไงดีๆ” คิดไปคิดมา “นึกออกแล้ว” หยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออกทันที
ขณะนั้นมะยม และนิคยังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ สตาร์ อินเทรนด์ เสียงโทรศัพท์ในออฟฟิศดังขึ้น
มะยมรับสาย “สตาร์ อินเทรนด์ ค่ะ”
สุขฤทัยกร่างใส่ตามนิสัย “นี่ ไปตามนักข่าวที่คุยกับฉันวันนั้นมาให้หน่อย”
มะยมงง ถามสุภาพ “คุณชื่ออะไรคะ ข่าวไหน แล้วนักข่าวคนไหนที่คุยกับคุณ”
สุขฤทัยหงุดหงิด “ก็ฉันไง....” ขึ้นเสียงสูง “ชั้น”
มะยมพยายามใจเย็น ถามอย่างสุภาพ “ก็ฉันไหนล่ะคะ”
สุขฤทัยปรี๊ด “สุขหฤทัย”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้จักค่ะ...กรุณารอซักครู่นะคะ” มะยมเอามือปิดโทรศัพท์ถามนิค “นิค
...แกได้คุยข่าวอะไรกับคุณสุขหฤทัยหรือเปล่า?”
นิคตอบเสียงสุภาพ “เปล่า..ไม่เคยได้ยินชื่อเลย...สุขหฤทัย”
มะยมตะโกนถามคนอื่นๆ ในออฟฟิศ “มีใครคุยข่าวค้างไว้กับคุณสุขหฤทัยรึเปล่า?”
เพื่อนๆ ในออฟฟิศตะโกนกลับมา “ไม่มี” เสียงดัง
สุขฤทัยได้ยิน โกรธจัด ตะโกนใส่ “ก็ฉันไง..สุขหฤทัยที่ไปกับคุณหญิงสุดา”
มะยมตาโต

วันต่อมาสุขฤทัยแต่งตัวสวยเดินเข้าไปในออฟฟิศสตาร์ อินเทรนด์ มะยมกับนิค หน้าเหลอหลา
“ดูให้เต็มตาซะ...ฉันนี่แหละ สุขหฤทัย”
มะยมไม่ได้ตั้งใจกวน “แล้วไงคะ”
“แล้วไง? เป็นนักข่าวแล้วไม่รู้จักฉันเนี่ย” ทำท่าเอียงคอส่ายหัวไปมา กร่างหน่อยๆ “ไหวป่ะ??
นิคสวนกวนกลับ “ก็แล้วทำไมผมต้องรู้จัก ในเมื่อคุณไม่ใช่คนดัง แค่จำได้ว่าคุณเป็นคนติดตามคุณหญิงสุดา ก็เท่านั้น”
“ฉันไม่ใช่คนติดตาม ฉันเป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณสรวง อริยะวรรต” สุขฤทัยคุยโอ่
กรรณนรีเดินเข้าออฟฟิศมาทันได้ยิน คราวนี้ตั้งใจกวน เพราะหมั่นไส้
“แล้วไงคะ”
สุขฤทัยหันมามองกรรณนรี “แล้วไง? ว่าที่คู่หมั้นก็ต้องเดือดร้อนแทนคู่หมั้นน่ะสิจ้ะ ที่คู่กรณีของคุณหญิงแม่ เล่นสกปรก ส่งโลงไปให้ตัวเอง แล้วปรักปรำว่าเป็นฝีมือคุณหญิงแม่น่ะ”
มะยมกับนิคมองหน้ากรรณนรีด้วยความตกใจ กรรณนรีหน้าเจื่อน สุขฤทัยว่าต่อ
“อย่าบอกนะว่าพวกเธอจะไม่เขียนข่าว เพราะเป็นพรรคพวกเดียวกันกับภาพิศน่ะ”
“คุณเป็นคนให้ข่าวฝ่ายเดียว หลักฐานก็ไม่มี ขืนลงไปโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อมูล เกิดไม่ใช่เรื่องจริง พวกเราก็โดนฟ้องสิครับ”
ที่ด้านหลังยามนั้น จ๋ายืนฟังอยู่
“เรื่องพวกนี้ตรวจสอบไม่ยากหรอก ถ้าพวกเธอเป็นนักข่าวคุณภาพจริง นอกซะจากว่า พวกเธอเป็นพวกของภาพิศ” หมุนตัวกลับเดินออกไปทันที
ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจ

ครู่ต่อมาสามเกลอนั่งอยู่ในห้องจ๋า
“ตรวจสอบเรื่องนี้ด่วน อย่าให้ตกข่าว ที่สำคัญ ต้องเป็นกลาง อย่าให้มีใครว่าได้ ว่าเราเป็นฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่ง” จ๋าสั่งการ

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 2/3 วันที่ 6 ก.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager