@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 3 ม.ค. 56

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 3 ม.ค. 56

แสงกล้ากระชากผ้ายันต์ศาตราขนาดใหญ่ของสมิงออกมา
“ผ้ายันต์ศาสตรา”
แสงกล้าขว้างผ้ายันต์ศาสตราเข้าใส่เหล่าร้ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ เหล่าร้ายยิงเข้าใส่แสงกล้าอย่างเคย เปรี้ยงๆๆ
ผ้ายันต์ที่แสงกล้าขว้างออกไป ปลิวไสวรับกับสายลม บังเกิดคลื่นบางอย่างโดยรอบ ดึงกระสุนปืนของเหล่าร้ายที่กำลังพุ่งตรงเข้าใส่แสงกล้า เปลี่ยนทิศทาง...พุ่งเข้าไปรวมอยู่ในผ้ายันต์ผืนนั้น
เหล่าร้ายต่างตาเหลือกมองตามด้วยความตกใจ
แสงกล้า ตะโกนลั่น

“ถึงเวลาเอาจริง !”
แสงกล้ายืนขึ้นบนเจ็ทสกี ชูแขนขึ้นเหนือศีรษะ...ผ้ายันต์ปลิวไสวเข้ามายังมือของแสงกล้า
ฉับพลัน...แสงกล้าสะบัดผ้ายันต์ศาสตรา กระสุนของเหล่าร้ายทั้งหมดกลับพุ่งตรงเข้าไปยังร่างของเหล่าร้ายที่ยิงกระสุนเหล่านั้นออกมา โดนทุกคนแม่นราวจับวาง...



แสงกล้า แพรไพลินมองไปรอบๆ เห็นเหล่าร้ายโดนเล่นงานจนราบคาบ ไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว
บริเวณสวนสนุก ขบวนรถคมศรกับอินทนนท์แล่นเข้ามาใกล้เครื่องเล่นขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง
บนเครื่องเล่นชนิดนั้น จักร ดาหลา กับสมุน ที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น กระหน่ำยิงเข้าใส่ขบวนรถคมศรอย่างบ้าคลั่ง แบบไม่นับ ปัง ๆๆ
“ฮ่าๆๆ” จักรหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ขบวนรถที่โดนจักรยิงกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง แบบชนิดไม่มีทางมีใครรอด

แสงกล้ากับแพรไพลินขึ้นจากเจ็ทสกี รีบเดินไปทั่วบริเวณเจดีย์ริมแม่น้ำ
“เราต้องหาทางเข้าถ้ำใต้ภูผามหาคีรีให้เจอ ก่อนที่พวกมันจะหลอมศาสตราวุธ
สำเร็จ" แสงกล้าบอก
“แล้วเราจะหาเจอได้ยังไง”
“มันน่าจะมีสัญลักษณ์บางอย่าง... ลองแยกย้ายกันหา”
แสงกล้ากับแพรไพลินแยกกันออกไปเดินหาบริเวณรอบเจดีย์

ที่สวนสนุก จักรยิงกระหน่ำจนกระสุนหมด จักรหัวเราะชอบใจ
“มันก็แค่นี้...ยังสนุกไม่สาแก่ใจเลยโว๊ย”
เบื้องบน ยานบินติดกล้องขนาดเล็ก บินอยู่เหนือกลุ่มของจักรโดยที่พวกจักรไม่รู้ตัว ดาหลาตรงเข้าไปยังขบวนรถ หันมารายงานด้วยสีหน้างง
“ไม่มีใครอยู่บนรถเลยค่ะ !”
บนรถยนต์ไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว จักรกับพวกยืนมองด้วยความตกใจ ในรถ... แมลงบังคับกระโดดออกมาจากภายในหลายตัว พุ่งตรงเข้าใส่พวกสมุนของจักรอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยๆๆ อะไรวะเนี่ย” ลูกน้องร้องขึ้น
แมลงบังคับแต่ละตัวระเบิดตูมๆ ๆ ๆ พวกจักรร่วงกันระนาว จักรกับดาหลาตกใจมากมองเหลียวซ้ายแลขวา
“การต่อสู้...มันต้องใช้สมอง มากกว่าใช้กำลัง !”
ยานบินติดกล้องโฉบลงมาทางด้านล่าง ปล่อยระเบิดขนาดเล็กเข้าใส่กลุ่มจักรอีกชุดหนึ่ง ตูมๆๆ จนกำลังพลของจักรเหลือน้อยเต็มที จนการยิงต่อสู้ไปในทิศทางที่สะเปะสะปะ คมศรโผล่ออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ยิงต่อสู้กับดาหลา จนดาหลาต้องแยกออกมาจากจักร

แพรไพลินกับแสงกล้าพยายามหาสัญลักษณ์ที่เจดีย์แต่ไม่พบ เธอหันไปบอกเขา
“เราพลาด... พวกมันไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ถ้าไม่อยู่ มันต้องเคยมาที่นี่ ที่บริเวณนี้ต้องบอกเราได้ว่าวิญญูจะหลอมรวมศาสตราวุธที่ไหน"
“ถึงตอนนี้...ปาฏิหาริย์เท่านั้นแหละที่จะช่วยเราได้”
แสงกล้านิ่งอย่างใช้สมอง สูดลมหายใจยาวเหมือนกำลังรวบรวมสมาธิทั้งหมด
“ผมนี่แหละ...ปาฏิหาริย์ !”
แสงกล้าก้าวไปหยุดยืนที่กลางลานหน้าเจดีย์ ส่งสายตาจ้องไปยังทั่วทั้งบริเวณเจดีย์กลางน้ำ รอบตัวเขา บังเกิดลมพัดแรงไปทั่วทั้งบริเวณ เขาเห็นเงาร่างของวิญญูที่เคยยืนจ้องดูแผนที่ทางไปถ้ำฯ นั้น
วิญญูยืนอยู่กลางศาสตราวุธ และแสงศาสตราวุธ ที่ระบุว่าถ้ำใต้ภูผาฯ อยู่ที่ไหน
แสงกล้าเคลื่อนตัวเองไปหยุดในตำแหน่งเดียวกับวิญญูที่เคยยืน มองจ้องไปในทิศทางเดียวกับที่วิญญูเคยจ้องมองอยู่
“ผมรู้แล้วว่าถ้ำใต้ภูผามหาคีรีอยู่ที่ไหน !”
แพรไพลินแววตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น

ผู้การอินทนนท์กับคมศรต่อสู้ จนสามารถเข้าประชิดตัวจักรกับดาหลาจนทั้งสองต้องจนมุมในที่สุด
คมศรตรงเข้าไปปลดอาวุธจักรกับดาหลา จักรยกมือยอมแพ้ อินทนนท์จ่อปืนทั้งคู่ไว้อย่างระแวดระวัง จักรจ้องหน้าอินทนนท์อย่างไม่เกรงกลัว
“เก่งสมเป็นผู้การอินทนนท์” จักรว่า
“หุบปาก... แกต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในคุก” คมศรบอก
“แน่ใจแค่ไหนว่าพวกแกจะล้มวิญญูได้”
คมศรชะงักไปทันที จักรยื่นเงื่อนไข
“ฉันมีข้อต่อรอง ถ้ากันฉันไว้เป็นพยาน ฉันมีวิธีเล่นงานพญามารให้แพ้อย่างไม่มีทางสู้"
คมศรกับอินทนนท์ชะงักไปทันที จักรมองทั้งคู่อย่างเหนือชั้น

ท้องฟ้าเหนืออาคารอะตอมมิค แสงกล้ากับแพรไพลินบินมาเหนือเมฆด้วยเครื่องร่อนพารามอเตอร์แบบสองที่นั่ง ทั้งคู่มองไปทางด้านล่าง เห็นอาคารอะตอมมิครูปร่างแปลกๆ
แสงกล้าหันมาคุยกับแพรไพลิน
“ปรอทกรอของจ่าสมิงไม่เคยพลาด วิญญูอยู่ที่นี่จริงๆ”
“แล้วทำไมเราไม่ได้รับการติดต่อจาก ผบ.นภา เลยล่ะคะ”
แสงกล้าชี้ไปทางด้านล่าง เห็นเหล่าร้ายกำลังเข้าไปใกล้ร่างของนภากับสมิงที่สลบไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น เครื่องร่อนของแสงกล้าบินเข้าไปใกล้พวกเหล่าร้าย
แสงกล้ากำมือแน่นทาบไว้ที่อกตัวเองเพื่อทำสมาธิบางอย่าง แล้วเอามือแตะที่บริเวณเครื่องร่อนบังเกิดเงาบางๆ ทาทับเครื่องร่อนนั้นอย่างฉับพลัน เหล่าร้ายได้ยินเสียง ต่างเงยหน้าขึ้นมองด้านบนท้องฟ้า แต่มองไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่ท้องฟ้าเวิ้งว้างเบื้องบน
“อาคมกำบังกายใช้ได้ผล”
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณเป็นหมอผีด้วย”
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณนึกไม่ถึง...ดอกเตอร์แพรไพลิน”
เครื่องร่อนของแสงกล้าบินลงจอดที่อีกด้านหนึ่งของอาคาร

บริเวณใกล้อาคารฯ แสงกล้าเดินมากับแพรไพลิน ทั้งสองเข้าไปใกล้เหล่าสมุนของวิญญู
“รีบเข้าไปสิคะ ใกล้จะถึงเวลาหลอมอาวุธแล้ว”
“คุณเสี่ยงอันตรายมากเกินไปแล้ว ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณโดนผูกติดกับระเบิดอีกแน่”
แสงกล้าดึงร่างแพรไพลินมาจ้องหน้า ส่งสายตาบอกความรักและจริงใจ
“รอผมอยู่ที่นี่”
“ห้ามฉันไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็จะไปกับคุณ”
“อย่าไป ! ผมขอร้อง”
แสงกล้ากอดร่างแพรไพลินไว้ดึงร่างเธอมาแนบด้วยความรัก เธออึ้งไปนิดหนึ่ง รู้สึกได้ถึงความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ เขาคลายอ้อมกอดออก แล้วใช้มือลูบร่ายเวทย์มนต์ไปทั่วบริเวณใบหน้าของเธอ

แพรไพลินตาแข็งชะงักไปทันที รู้สึกตัวแต่ขยับตัวไม่ได้เลย
“ขอโทษที่ต้องใช้วิธีกับคุณ ผมรักคุณนะ ดอกเตอร์แพรไพลิน”
แสงกล้าประคองแพรไพลินไปนั่งหลบที่ด้านหนึ่ง เสียงโทรศัพท์มือถือแสงกล้าดังขึ้น เขารับสาย
“ว่าไงคมศร...คุณมีวิธีเล่นงานไอ้วิญญู”
แสงกล้าเดินออกมาพร้อมๆ กับพูดโทรศัพท์กับคมศร

บริเวณด้านหลังอาคาร วิญญูวางกำลังสมุนระแวดระวัง ที่ถนนด้านหลังมีเต๊นท์ขนาดใหญ่ล้อมอยู่และมีป้าย “ห้ามเข้า เขตหวงห้าม” ชัดเจน
ภายในเต๊นท์นั้น ปรากฏเป็นรอยขุดเจาะสามารถลอดลงไปได้พร้อมข้าวของ รอบๆ เต๊นท์มีป้ายล้อมกั้นไว้อย่างแน่นหนา
แสงกล้าแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่งของด้านหลัง เขายกนาฬิกาขึ้นดูเห็นปรากฏเวลา 23.30 น.
จู่ๆ แสงกล้าก็ก้าวออกมาทางด้านหน้าปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าสมุนทั้งหมด
“หมวดแสงกล้า !”
แสงกล้ากำมือแน่น...เหยียดแขนขวาออกไปทางด้านหน้า จ้องตรงไปยังเหล่าร้ายทุกคน แล้วจึงคลายมือแบบมือออกอย่างรวดเร็ว บังเกิดเป็นแสงสว่าง พุ่งเวียนวนเข้าใส่เหล่าร้ายแต่ละคนอย่างรวดเร็ว
เหล่าร้ายแต่ละคนชะงักไปทันที เขาเดินผ่านเหล่าร้ายแต่ละคนไปอย่างเหนือชั้น ไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย แสงกล้าแอบเข้าไปภายในเต๊นท์แล้วทิ้งตัวลงไปในหลุมที่ขุดเจาะไว้อย่างรวดเร็ว

ภายในอุโมงค์ แสงกล้าเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้บริเวณที่จะทำพิธีมากขึ้นเรื่อยๆ เขามาถึงตรงที่จักรแอบซ่อนกระเป๋าใส่ปืนที่บรรจุกระสุนยาพิษไว้ หยิบกระเป๋าขึ้นมาค้นจนพบ เขาหยิบปืนของจักรขึ้นมา มองด้วยแววตามุ่งมั่น

บริเวณที่หลอมศาสตราวุธ นาฬิกาขนาดใหญ่บอกเวลา 23.55 น. วิญญยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหน้าศาสตราวุธทั้งสี่ รอเวลา
แสงกล้าลอบมองวิญญูอยู่ทางด้านหลังเพื่อหาทางบุกเข้าใส่
วิญญูพูดน้ำเสียงนิ่งเหมือนรู้ตัว
“คิดจะลอบกัดกันลับหลัง มันไม่ใช่วิสัยของลูกผู้ชายเลยนะหมวดแสงกล้า"
แสงกล้าตัดสินใจออกไปเผชิญหน้ากับวิญญูแบบซึ่งหน้า
“นึกแล้วว่าหมวดต้องมา กำลังรออยู่เลย หมวดจะทำให้อำนาจของฉันครบถ้วนสมบูรณ์”
แสงกล้า ชี้หน้าด้วยความโกรธแค้น
“แกฆ่าพ่อฉัน ฆ่าดอกเตอร์เมฆา ฆ่าคนดีทุกคนที่ขวางทางชั่วของแก วันนี้แกต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้"
“แล้วไง”
แสงกล้าพุ่งเข้าใส่วิญญูทันที ทั้งสองต่อสู้กันไปพักหนึ่งโดยแสงกล้าไม่มีท่าทีที่จะสู้วิญญูได้เลย
แต่แล้วจังหวะหนึ่งที่เขาเล่นงานวิญญูได้จนล้มคว่ำไป
แสงกล้ากระชากปืนออกมา เหยียดแขนตรงยิงเข้าใส่วิญญู...เปรี้ยง ! กระสุนพุ่งตรงเข้าใส่ดวงตาของวิญญูแม่นราวจับวาง กระสุนยาพิษแทงทะลุเข้าไปในดวงตาวิญญู ส่งยาพิษรุนแรงใส่ร่างวิญญู
ยาพิษจากกระสุนปืนเข้าสู่ร่างของวิญญู สีผิวและใบหน้าของวิญญูเปลี่ยนไปทันที เส้นเลือดดำขึ้นเป็นสาย เป็นทาง ขึ้นเป็นริ้วๆ คล้ายได้รับสารพิษเข้าสู่ร่าง
วิญญูร้องลั่น ร่างนิ่งเหมือนกำลังถูกสะกดให้นิ่งอยู่ตรงนั้น
“อ๊าก”
แสงกล้าคว้ากริชขึ้นมาถือไว้ กำลังจะแทงเข้ากลางหัวใจวิญญู
“หมวดแสงกล้า...หมวดไม่มีทางฆ่าฉันได้หรอก”
แสงกล้าเงื้อกริชสุดแขนจะจ้วงแทงเข้าไปที่กลางหัวใจวิญญู แต่แล้วกริชที่ตัวเองถืออยู่กลับลอยกลับไปวางอยู่ที่พื้นดังเดิม เขาชะงักแปลกใจ คว้ากริชมาอีกครั้ง เงื้อจะแทงหัวใจวิญญู แต่กริชยังลอยกลับไปวางที่เดิม
วิญญูจ้องแสงกล้าสีหน้าเหี้ยม
“ด้วยฤทธาสายเลือดไสยศาสตร์ขาวในตัวหมวด ลูกไม่มีวันทำปิตุฆาต ฆ่าพ่อแท้ๆ ของตัวเองได้”
แสงกล้าชะงัก เสียงวิญญูยังคงกึกก้องในโสตประสาทของเขา “ด้วยฤทธาสายเลือดของไสยศาสตร์ขาวในตัวหมวด ลูกไม่มีวันทำปิตุฆาต ฆ่าพ่อแท้ๆ ของตัวเองได้” เสียงนี้ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
ทั้งคู่ต่างจ้องมองกัน ผ่านการถ่ายทอดอดีตให้รับรู้

ภาพความทรงจำในอดีต วิญญูกำลังอุ้มทารกแสงกล้าด้วยความยินดี โดยมีจอมแสงยิ้มยินดีอยู่ทางด้านข้าง, วิญญูเอาแสงกล้าขี่คอด้วยความรัก ยิ้มแย้มมีความสุข, วิญญูร้องเพลงกล่อมแสงกล้าให้หลับ โดยจอมแสงกำลังไกวเปลอยู่ทางด้านข้าง

วิญญูจ้องหน้าแสงกล้าอย่างจริงจัง
“ไอ้ลูกชาย ! ฉันคือโชติฌาณ... พ่อแท้ๆ ของแก”
แสงกล้าชะงัก เสียงของวิญญูก้องกังวาลในโสตประสาททั้งสองประโยค สลับกันไปมาท่ามกลางความสับสนในใจของแสงกล้า
“ลูกไม่มีวันทำปิตุฆาต...ฆ่าพ่อแท้ๆ ของตัวเองได้ / ฉันคือโชติฌาณ.. พ่อแท้ๆ ของแก”
แสงกล้าตะโกนลั่น
“ไม่... ไม่จริง ไม่จริง!”
วิญญูยิ้มเหี้ยมพอใจ รวบรวมพลังอีกครั้ง ร่างวิญญูกำลังขับยาพิษย้อนกลับออกมาทุกทิศทาง
“ไสยศาสตร์ดำไม่มีวันตาย... ยาพิษกระจอกทำได้แค่หยุดฉันในช่วงเวลาสั้นๆ”
ฉับพลันร่างวิญญูกลับกลายเป็นปกติ วิญญูลุกพรวดขึ้นมาซัดแสงกล้าจนล้มกองไปที่พื้น วิญญูหยิบกริชที่ตกอยู่บนพื้น
“ไสยศาสตร์ขาวฆ่าพ่อไม่ได้ แต่ไสยศาสตร์ดำทำทุกอย่างได้เพื่อความยิ่งใหญ่ ทำได้แม้กระทั่งฆ่าแก...ไอ้ลูกชาย”
“ไม่... ไม่แกไม่ใช่พ่อของฉัน”
“เลือดทายาทคนเดียวของไสยศาสตร์ขาวจะเพิ่มความเป็นอมตะให้กับฉัน เพื่อความยิ่งใหญ่ที่เป็นนิรันดร์”
วิญญูแทงกริชเข้าที่กลางอกแสงกล้า บังเกิดแสงตลบอบอวลไปทั่ว
“อ๊าก”
แสงกล้าร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลนองไปตามพื้น เขาจ้องหน้าวิญญูอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
วิญญูหันไปมองที่นาฬิกาขนาดใหญ่ซึ่งตอนนี้บอกเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี เขาหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ
“ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้อีกแล้ว ฉันจะมีอำนาจอมตะ... อยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกใบนี้” วิญญูมองไปที่เทวาศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้นที่เคลื่อนที่ลงไปหลอมรวมกันในบ่อที่ไฟลุกโชติช่วง
“จบสิ้นกันที...นี่คือบทพิสูจน์ที่แท้จริง ต่อไปนี้จะไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เป็นนิรันดร์ไปกว่าอำนาจแห่งเทวาศาสตราวุธ นี่คือการสิ้นสลายของศรัทธาแห่งความดี ! ฮ่า ๆๆ”
“ไม่...ไม่จริง”

“มันเป็นความจริงที่แกปฏิเสธไม่ได้...ไอ้ลูกรัก !”
แสงกล้ามีสีหน้าผิดหวัง อาการเหมือนกำลังจะสิ้นลมหายใจ เลือดไหลนองไปเต็มพื้นในบริเวณนั้นเขาค่อยๆ หมดลมไปทั้งที่ดวงตายังเปิดอยู่
“ลาก่อน... แสงกล้า ตัวแทนของความดีที่ไร้ค่า ฮ่าๆ ๆ”
ทันทีที่ศาสตราวุธทั้งหมดหลอมละลายรวมกัน กลับบังเกิดระเบิดกึกก้อง ! เสียงระเบิดดังกัมปนาท... แสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ
วิญญูที่ยืนอยู่กลางพิธีกรรม เบิกดวงตาลุกโพลง ยิ้มด้วยความสะใจมากที่สุดในชีวิต !
บังเกิดแสงเทามืดดำ อำนาจมืดไสยเวทย์ดำฤทธานุภาพ อาถรรพ์เวทย์อันเปรียบเหมือนเป็นตัวแทนความชั่วร้ายในตัววิญญู รวมตัวกันตรงหน้าพวยพุ่งลอยวนอบอวลไปทั่วบริเวณ
ลำแสงสีเทานั้น...ม้วนกลับเข้าปะทะเข้าที่กลางร่างวิญญู เขาร้องโหยหวนด้วยทรมานแสนสาหัส
วิญญูดวงตาเบิกกว้าง ภาพความทรงจำในอดีตเข้ามา วิญญูกำลังอุ้มทารกแสงกล้าด้วยความยินดี โดยมีจอมแสงยิ้มยินดีอยู่ทางด้านข้าง … วิญญูเอามือกุมหัวตัวเองคล้ายเจ็บปวด...
“อ๊าก”
วิญญูเอาแสงกล้าขี่คอด้วยความรัก ยิ้มแย้มมีความสุข , วิญญูร้องเพลงกล่อมแสงกล้าให้หลับ โดยจอมแสงกำลังไกวเปลอยู่ทางด้านข้าง... วิญญูเอามือกุมหัวเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
“อ๊าก”
ตัววิญญูเจ็บปวดราวกายกำลังจะแตกออกเป็นสองเสี่ยง พร้อมๆ กับเสียงของโชติฌาณที่สุขุม เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ดังก้องไปทั่วโสตประสาท
“แกกำลังทำอะไรอยู่ แกกำลังทำผิด ทำผิดต่อทุกสรรพสิ่งในโลก”
วิญญูมองไปด้านหน้า เห็นภาพของตัวเองในชุดขาวอันเป็นตัวแทนความดีของโชติฌาณ
โชติฌาณกำลังยืนจ้องวิญญูอยู่
“แก... แกเป็นใคร”
โชติฌาณยืนมองวิญญูด้วยแววตาอ่อนโยนและมีเมตตา ต่างจากวิญญูที่แววตาก้าวร้าวและรุนแรง
“ฉันก็คือแก เราเคยเป็นมนุษย์คนเดียวกัน มนุษย์ที่มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง มีทั้งความดีและความชั่ว แต่ความรู้จักผิดชอบชั่วดี ละอายและเกรงกลัวต่อบาป ทำให้เรารู้จักใช้ชีวิต... ดำรงอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างถูกต้อง”
“ไม่จริง ไม่จริง”
“ถึงเวลากลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เราฝืนสัจธรรมไปไม่ได้หรอก ไม่มีวันที่ความดีจะดับสลายไปจากโลกใบนี้ คุณค่าและผลของกรรมดีจะต้องคงอยู่ตลอดไป”
ร่างวิญญูทรุดลงกองแทบพื้น ลำแสงสีเทาลอยวกวนปะทะร่างวิญญูครั้งแล้วครั้งเล่า วิญญูร้องด้วยความเจ็บปวดทุกครั้ง
“ฤทธานุภาพแห่งความดีงาม ไม่มีวันหลอมรวมเพื่อความชั่วร้าย ! ความดีจะสถิตย์อยู่ ณ จุดที่ถูกต้อง”
โชติฌาณตรงเข้ามาที่ร่างวิญญู ทั้งสองปะทะสายตากัน ด้านหนึ่งดูเมตตาเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ส่วนอีกด้านหนึ่งยังคงแข็งกร้าว ดูเหี้ยมเกรียม
“ฉันกำลังจะยิ่งใหญ่ อำนาจกำลังจะอยู่ในมือฉันตลอดไป”
“ไม่มีอะไรคงอยู่ได้ ทุกอย่างมีเกิด...ต้องมีดับ”
“ฉันกำลังจะเป็นที่หนึ่ง”
“จะมีประโยชน์อะไร ถ้าการเป็นที่หนึ่งหมายถึงการต้องอยู่โดดเดี่ยว มันเป็นความยิ่งใหญ่ที่ไม่จีรัง... และไร้ค่าสิ้นดี สำนึกบ้างมั้ย ... กิเลสและความโลภทำลายคนที่แกรักไปแล้วกี่คน”
วิญญูนิ่งคิดตามคำพูดของโชติฌาณ - - การตายของไตรรัตน์ จอมแสง และรวิ
วิญญูอึ้ง แววตาเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“กิเลสทำลายได้แม้กระทั่งคนที่รักและพร้อมสละทุกอย่างได้เพื่อแก”
วิญญูอึ้งมากขึ้น...
“การเป็นที่หนึ่ง... โดยปราศจากการเป็นที่รัก มันโดดเดี่ยวและไร้ค่าที่สุด !”
วิญญูอึ้งและดูเหมือนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว... โชติฌาณชี้ไปที่ร่างแสงกล้าที่แน่นิ่งไม่ไหวติง
“คนๆ นี้เป็นลูกของแก แสงกล้าเป็นสัญญลักษณ์ของความดี คุณค่าของความดีที่จะต้องอยู่คงอยู่บนโลกใบนี้"
แววตาที่แข็งกร้าวของวิญญูกลับเปลี่ยนไป เขาจ้องไปที่ดวงตาของโชติฌาณ แววตาของวิญญูเปลี่ยนไปเป็นเมตตาเหมือนโชติฌาณ
“ถึงเวลาที่แกต้องทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
วิญญูค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเหนือร่างของแสงกล้าที่เลือดไหลนองอยู่เวลานี้ เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง เขาทรุดลงนั่งข้างร่างของแสงกล้า
“แสงกล้า...พ่อทำอะไรลงไป พ่อฆ่าลูกของตัวเอง !”
โชติฌาณเริ่มบางเบามากขึ้นไปเรื่อยๆ
“ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไข ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแก”
เสียงสุดท้ายก่อนร่างของโชติฌาณบางเบาและสลายไปในที่สุดกล่าวว่า
“จงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

วิญญูน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ แววตาแข็งกร้าวหายไปกลายเป็นโชติฌาณคนเดิม
“แสงกล้า...พ่อเสียใจ พ่อขอโทษ”
วิญญูดึงกริชออกมาจากร่างแสงกล้าที่สิ้นลมไปแล้ว บังเกิดแสงสาดจ้าขึ้นเหนือร่างแสงกล้า
“ความดีจะสถิตย์อยู่ ณ จุดที่ถูกต้องตลอดไป !”
วิญญูเงื้อกริชขึ้นสุดแขน กระแทกกริชแทงทะลุเข้าที่กลางอกตัวเอง !
บริเวณบ่อหลอม แสงสีแผดจ้า ศาสตราวุธที่ถูกหลอมละลาย กลับผกผันหล่อรวมกลับสภาพเดิม
เทวาศาสตราวุธ ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักระนารายณ์ และ สังข์ไชยมงคล กลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง ! พร้อม ๆ กับพุ่งลอยหายวับไป
แสงเมลืองแผดจ้าพุ่งเข้าไปหาร่างของแสงกล้า เลือดที่ไหลนองทั่วพื้นไหลกลับเข้าสู่ร่างของแสงกล้าอย่างรวดเร็ว
ร่างของวิญญูที่มีกริชแทงกลางอก เรืองแสงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหายวับไป
ฉับพลันสร้อยวัชระประจำตัวของแสงกล้ากลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ตกอยู่ข้างตัวแสงกล้า ณ ตำแหน่งที่วิญญูกลายร่างหายไปนั้นเอง

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 3 ม.ค. 56

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2 ผลิตโดย : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manage