อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 3 วันที่ 2 ก.ค. 56
จันทร์สงสารยอดที่ต้องทนรับความเกลียดชังของฉัตต์ หาโอกาสถามถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุจริมาตกน้ำ ยอดบอกว่าเขาเดินแกร่วแถวนั้นจริงเพราะเป็นห่วงรุ้งจึงเข้าไปช่วยทันเวลา จันทร์เข้าใจดีพยายามปลอบไม่ให้คิดมากขณะเดียวกัน...พจน์คร่ำเคร่งทำงานในบ้าน จริมา เข้ามาออดอ้อน เขาจึงกอดรัดด้วยความรักแล้วรู้สึกผิดปกติเพราะลูกสาวตัวรุมๆเหมือนจะมีไข้ จริมาขอไปนอนกับรุ้ง พจน์ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะรุ้งก็ไม่สบาย จริมา ยังดื้อ ตัดพ้อพ่อด้วยความน้อยใจเพราะอยากได้ความอบอุ่นอ่อนโยนจากแม่บ้าง พจน์พูดไม่ออกได้แต่อุ้มลูกสาวไปส่งที่ห้อง
ผู้พิพากษาใหญ่เก็บคำพูดลูกไปคิดแล้วไปหาจันทร์ถึงเรือนเล็ก เธอตกใจเมื่อรู้ว่าจริมาไม่สบายเลยขออนุญาตไปดูแลแต่เขารั้งไว้ อ้อมๆแอ้มๆแต่สุดท้ายก็โพล่งออกไปถึงเรื่องคาใจ
จันทร์ทำท่าเหมือนจะร้องไห้เพราะตื้นตันแต่เขาคิดว่าพูดสะกิดใจจึงละล่ำละลักขอโทษ จันทร์ยกมือห้ามพัลวัน
“ไม่ค่ะ ฉันคิดเสมอว่าบุญยังคุ้มครองดิฉันให้มาพบที่นี่”
“ไม่จริง...ต้องเรียกว่าเรามีบุญมากกว่าเพราะจู่ๆ เธอก็มา...มาทำให้พวกเราสบายกันทุกคน ถ้าจะขอบใจใครก็คงเป็นสายน้ำที่พัดพาเธอมาท่าน้ำบ้านนี้ไม่ใช่บ้านอื่น ไม่อย่างนั้นฉันคงอิจฉาเขามาก”
น้ำเสียงเย้าแหย่ทำให้จันทร์หายเกร็งและยิ้มให้เขาอย่างสนิทใจมากขึ้น พจน์ตะลึง เปรยเสียงเบาแต่หนักแน่น
“บางทีคงถึงเวลาแล้วที่เธอสองแม่ลูกจะสุขสบายขึ้น”
จันทร์มองมาด้วยความฉงน พจน์ไม่ขยายความมากกว่านี้แล้วไล่เธอไปนอน แต่ไม่ทันขยับ สารภีก็วิ่งหน้าตื่นมาแจ้งข่าวร้ายเสียก่อนว่าจริมาไข้ขึ้นสูง จันทร์รีบไปดูและเฝ้าพยาบาลอย่างดีจนพจน์อดทึ่งไม่ได้ จริมาเพ้อเพราะพิษไข้ โอบกอดจันทร์แสวงหาความอบอุ่นและอ้อนให้เอารุ้งมานอนด้วยกัน
พจน์อาสาอุ้มรุ้งที่หลับเพราะฤทธิ์ยาเหมือนกันจากเรือนเล็ก เห็นเด็กหญิงนอนน่าเอ็นดูก็อดเปรยกับจันทร์ไม่ได้
“รุ้งเป็นเด็กดีมากนะจันทร์ เธอเลี้ยงลูกได้ดีมาก ฉันเชื่อว่าต่อไปรุ้งจะเป็นสุภาพสตรีที่ดีพร้อม ฉันจะรอดูวันนั้น”
จันทร์ดีใจที่มีคนชื่นชมลูกสาวจึงยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มจริงใจ พจน์เองก็รู้สึกดีที่ได้พูดจาและใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ทั้งสองพูดคุยกันเบาๆพร้อมกับเฝ้าดูอาการจริมา ไม่รู้เลยว่าละเมียดแอบมองห่างๆ...ยิ้มบางๆเพราะท่าทางบ้านปัณณธรคงจะมีเรื่องดีๆในไม่ช้า
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น...ท่านหญิงแขไขเจิดจรัสจะไปหาท่านหญิงอัปสราภาหรือท่านหญิงเล็กน้องสาวคนละแม่ที่วัง ชายเดียวขอติดรถไปด้วยเพราะอยากแวะบ้านฉัตต์ซึ่งเป็นทางผ่าน อ้างว่าเพื่อนรุ่นพี่มีขนมสูตรชาววังจะถวาย ท่านหญิงไม่ได้สนใจขนมแต่อยากตามใจลูกชายมากกว่า ยิ้มละมุนแล้วเร่งให้เขาไปแต่งตัวเพราะมีเวลาไม่มาก
ฟากฉัตต์คาใจเรื่องรุ้งกล้าเฆี่ยนเขาจึงหาโอกาสคุยด้วย รุ้งยืนกรานจะทำเหมือนเดิมถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ฉัตต์ถึงกับอึ้งแล้วพาลหัวเสีย โวยวายใส่เด็กสาวจนเธอน้ำตาคลอ ชายเดียวโผล่มาพอดีพร้อมๆกับจริมาที่ตามมาเอาเรื่องด้วยความหมั่นไส้เพื่อนพี่ชายเป็นทุน ฉัตต์เข้ามาขวางและปกป้องชายเดียว สองเด็กสาวจึงจูงมือกันไปเล่นที่อื่น ทิ้งชายเดียวให้หน้าจ๋อยเพราะอยากผูกมิตรด้วย ต่างจากฉัตต์ที่มองตามอย่างเย็นชา... เชอะ! ไม่เห็นอยากจะง้อ
ฝ่ายท่านหญิงนั่งคอยชายเดียวบนรถที่สนขับมาให้ ราชนิกุลสาวอ่านหนังสือเล่มเล็กด้วยท่วงท่าสงบ ไม่ทันมองว่าจันทร์เดินลัดเลาะผ่านสวนไปต่อหน้าต่อตา ส่วนสนทันเห็นด้านหลังไวๆ รู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาดแต่ไม่อยากคิดมากเพราะมั่นใจว่าหม่อมบุหลันอดีตคนโปรดของท่านชายรังสิโยภาสตายไปนานแล้ว
ขณะเดียวกัน...ชายเดียวนำหนังสือมาให้ฉัตต์ยืมแล้วถือโอกาสถามถึงรุ้งเพราะติดใจในความน่ารักอ่อนหวาน ฉัตต์ชักสีหน้า เฉไฉพูดเรื่องอื่นจนชายเดียวล่าถอยเพราะเข้าใจว่าละลาบละล้วงเกินไป จันทร์นำขนมมาให้พอดี ฉัตต์ทำเย็นชาใส่แล้วส่งถุงขนมให้ชายเดียว สองแม่ลูกพบกันครั้งแรกแต่จำกันไม่ได้ มีเพียงความรู้สึกอ่อนโยนและห่วงหาแปลกๆ ชายเดียวยิ้มให้ เป็นการขอบคุณ จันทร์ได้แต่มองตามแล้วทวนชื่อช้า...ชายเดียวงั้นหรือ...คือใครกัน
ด้านจริมา...ไม่ชอบใจฉัตต์ที่ชอบแกล้งรุ้ง แถมทำมึนไม่ยอมแนะนำรุ้งให้รู้จักกับชายเดียวจึงไปฟ้องพ่อทันทีที่เขากลับจากทำงาน พจน์ส่ายหน้าเอ็นดูลูกสาวที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนรุ้ง รับปากจะคอยปรามฉัตต์ให้ ฉัตต์แอบได้ยินก็ร้อนตัว รีบตามหารุ้งเพื่อหาทางดักไว้ก่อนแต่ไม่ได้ผลเพราะเธอยืนยันจะพูดความจริง คุณหนูคนโตของบ้านปัณณธรฉุนจัด เดินกระแทกไหล่เล็กๆกลับเข้าบ้าน พจน์ผ่านมาเห็นเต็มตาจึงได้ทำตามคำขอของจริมาเร็วกว่าที่คิด ผู้พิพากษาใหญ่เรียกฉัตต์มาคุยในห้องทำงาน จริมาร้องขอมาฟังด้วยแถมลากรุ้งมาเป็นพยานด้วยอีกคน
“นั่งลงสิฉัตต์เพราะพ่อจะพูดหลายอย่าง เดี๋ยวจะเมื่อย”
“ผมยืนได้ครับ เพราะถ้าคุณพ่อให้ใครตีผมอีกจะได้ไม่เสียเวลา”
พจน์ส่งสายตาปรามจนฉัตต์ยอมผ่อนท่าที ก้าวไปนั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเสียไม่ได้ จริมายุยงเต็มที่เพราะเคืองพี่ชายที่ชอบแกล้งเพื่อนรัก พจน์ส่ายหน้าอ่อนใจแล้วบอกให้สองเด็กสาวไปรอข้างนอก จริมาจะไม่ยอมแต่โดนรุ้งลากไปจนได้ พจน์จึงได้เริ่มพูดกับฉัตต์อย่างจริงจังเรื่องรุ้งกับจันทร์
“แม่ของลูกตายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสองแม่ลูกโตแล้วนะลูก...หรือต้องรอให้โตเป็นหนุ่มก่อนถึงจะยอมเข้าใจ”
“มันมาคุณแม่ก็ตาย คุณแม่ตายเพราะมันมา โตไม่โตผมก็รู้แค่นี้”
ฉัตต์ผลุนผลันออกไปด้วยความน้อยใจที่พ่อเห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้ พจน์ได้แต่มองตาม เหนื่อยใจที่ลูกชายไม่ยอมเปิดใจ คุณหญิงเพ็งทราบเรื่องเข้าก็พยายามปลอบให้ใจเย็นเพราะสงสารหลานที่กำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก
“แม่ว่าเขารับรู้แล้วล่ะแต่ทิฐิไม่ยอมรับมากกว่า ลูกชายพ่อพจน์เป็นคนดื้อนะ ตอนแม่ตายเขาสะเทือนใจมากเพราะกะทันหันเหลือเกิน ไม่รู้จะโทษใครเลยลงกับจันทร์และรุ้ง ยิ่งเขาไม่มีปากเสียงตาฉัตต์เลยสนุกปากใหญ่”
“คุณแม่จะให้ตาฉัตต์เที่ยวหาเรื่องจันทร์กับรุ้งอย่างนี้หรือครับ...หาเรื่องเขาตั้งแต่เด็กจนโต”
“นั่นสิ...ทั้งแม่ทั้งลูกตัวลีบเวลาเจอตาฉัตต์ แม่ก็กลุ้มนะ”
“ผมสังเกตว่าถ้าเราขวางเขาจะยิ่งชอบ แต่ถ้าเราทำเฉยๆ เขาก็จะดีกับสองแม่ลูก”
“คนที่ทำเฉยไม่ได้คือลูกสาวเรามากกว่า เลือดผู้พิพากษาแรง ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก ไม่ผิดอย่ามาว่ากันเชียวเถียงหัวชนฝา หารู้ไม่ว่ายิ่งปกป้องรุ้งยิ่งทำให้รุ้งโดนหนักขึ้น”
จริมากำลังทำอย่างที่ย่าว่าจริงๆที่สนามหน้าบ้าน พอรู้ว่าพี่ชายโวยวายเพราะถูกดุก็ซ้ำเติม ฉัตต์คิดว่ารุ้งยุแยงก็จะเอาเรื่อง จริมาปกป้องเพื่อนรักเหมือนเคยจนพี่ชายหัวเสียหนัก พาลลงกับจันทร์ที่มาตามเขาไปพบคุณหญิงเพ็ง
“ถึงคุณย่าแล้วเหรอ ใครสาระแนล่ะคราวนี้ อย่ามาทำหน้าไม่รู้เรื่องหน่อยเลย ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็มีแต่เรื่อง”
จบคำก็ตรงเข้าหารุ้งแต่ยอดโผล่มาขวางไว้ ฉัตต์เลือดขึ้นหน้ากระโดดถีบยอดอกเจ้าใบ้เต็มแรง รุ้งถลันไปประคองยอดแล้วส่งสายตาโกรธจัดให้ ฉัตต์ถึงกับหน้าเสีย ความโมโหเลือนหายเหลือทิ้งไว้แต่ความรู้สึกผิดในใจ
ooooooo
ฉัตต์โดนพ่อทำโทษจากเหตุการณ์นั้น โดยมีคุณหญิงเพ็ง ยอด รุ้งและจริมาคอยเป็นพยาน บ่าวไพร่ในบ้านรวมถึงจันทร์เฝ้ามองห่างๆด้วยความสงสารแต่เข้าใจพจน์ว่าไม่ต้องการให้ลูกชายทำตัวเป็นอันธพาลระรานคนไปทั่ว ฉัตต์ไม่ร้องขอความเห็นใจแถมประกาศกร้าวไม่ยอมขอโทษเจ้าใบ้เด็ดขาด
“แต่ลูกผิดนะ นอกจากเจ้าใบ้จะไม่ได้ทำอะไรลูกเลย เขายังพิการ รังแกคนพิการไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย”
“มันไม่ได้พิการ มันพูดได้ คุณพ่อน่ะถูกมันหลอก มันหลอกคุณย่าและหลอกพวกเราทุกคน”
“จนกว่าลูกจะมีหลักฐานชัดเจนพ่อถึงจะเชื่อ ตอนนี้พ่อเชื่อว่าเขาเป็นใบ้จริงๆ”
ยอดไม่สบายใจที่พ่อลูกขัดใจกันเพราะตน ก้มกราบเพื่อจบเรื่องแต่พจน์ไม่ยอม ฉัตต์ยิ่งโกรธเพราะเข้าใจว่าพ่อเข้าข้างคนอื่น ตวาดลั่นด้วยถ้อยคำหยาบคายจนคุณหญิงเพ็งสะอึก เช่นเดียวกับพจน์ที่ตัดสินใจพูดแดกดันให้คิด
“พ่อก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกันฉัตต์ ทำกับเขาอย่างนั้นเพราะคิดว่าเขาต่ำกว่าเราหรือ หรือคิดว่าเขาไม่ใช่คนเหมือนเรา...ไม่ตอบพ่อ แสดงว่าคิดเป็นอย่างอื่น คิดว่าเขาเป็นอะไร เขาเป็นคนเหมือนเราหรือเปล่า”
ฉัตต์ชะงัก เริ่มได้คิดและพยักหน้ารับ พจน์ถอนใจยาวด้วยความอ่อนใจ โยนไม้เรียวทิ้งแล้วกลับเข้าบ้านพร้อมคุณหญิงเพ็ง ทิ้งฉัตต์ให้จ้องหน้าเจ้าใบ้ด้วยสายตาโกรธจัด
“ฉันก็คนแต่ไม่ใช่คนอย่างแกที่โกหก หลอกลวงและเจ้าเล่ห์ แกมันตัวเวรตัวกรรม ทั้งสามคนนั่นแหละ!”
รุ้งน้ำตาคลอ สงสารยอดที่มองมาด้วยแววตาเจ็บปวด เด็กสาวกลับไปร้องไห้กับแม่ที่เรือนเล็ก จันทร์พยายามกอดปลอบแต่ลูกสาวตัวน้อยสะอื้นฮักไม่หยุด
“รุ้ง...ฟังแม่นะลูก คนเราจะทุกข์จะสุขอยู่ที่ใจ แม่เคยบอกลูกหลายทีแล้ว ตอนนี้ใจของลูกทุกข์หรือสุข”
รุ้งร้องไห้หนักขึ้นเหมือนเป็นคำตอบ จันทร์สงสารลูกมาก โยกตัวเบาๆเหมือนจะกล่อมให้นอน
“คุณฉัตต์ว่าลูกอย่างนั้น ลูกร้องไห้เสียใจ แม่ไม่ว่าเลยแต่จะคอยเช็ดน้ำตาให้รุ้งด้วยซ้ำ แต่แม่ไม่อยากให้คิดมากกว่านั้น คุณฉัตต์รวมทั้งคุณๆทุกคนในบ้านนี้เป็นผู้มีบุญคุณกับเราที่สุด”
“ลูกจะไม่โกรธคุณฉัตต์ ถ้าเธอพูด...ลูกก็จะไม่ฟัง”
“ถ้ารุ้งทำได้อย่างนั้น ลูกรู้ไหมว่าใครจะมีความสุข”
รุ้งสบตาแม่แล้วยิ้มให้ จันทร์จูบแก้มลูกเบาๆด้วยความรัก ขอบใจลูกสาวที่รักและเชื่อฟังเสมอ สองแม่ลูกกอดกันกลม ไม่รู้เลยว่าละเมียดแอบดูจากมุมหนึ่ง น้ำตาคลอด้วยความซึ้งใจ นึกชื่นชมจันทร์ที่สอนลูกสาวได้ดีเหลือเกิน
ooooooo
วันเวลาผ่านไปจนรุ้งกับจริมาอายุย่างเข้าสิบหก เป็นสาวสะพรั่งงดงาม จริมายังรักและเอ็นดูเพื่อนเล่นวัยเด็กเหมือนเดิม และวันนี้ก็เช่นกัน...เธอวิ่งจากบ้านไปหารุ้งที่เรือนเล็กและออกปากชวนแกมบังคับให้ไปโรงเรียนพร้อมกันเพราะฉัตต์จะไปส่ง รุ้งจะไม่ยอมแต่ขัดจริมาไม่ได้เลยต้องปล่อยให้เลยตามเลย
ฟากฉัตต์เข้าใจว่าจะไปส่งจริมาคนเดียวเลยยืนคอยอย่างอารมณ์ดี แต่ครั้นเห็นรุ้งก็ตั้งท่ารวนจนจริมาต้องลงมืออ้อน ฉัตต์ทนเสียงรบเร้าไม่ไหว รับปากแบบขอไปทีแต่ไม่วายบ่นจนรุ้งแทบอยากลงจากรถแล้วไปเองให้รู้แล้วรู้รอด
ทั้งสามนั่งรถออกไปด้วยกันในที่สุด เจอกับรถชายเดียวซึ่งสนเป็นคนขับจากวังรังสิยาที่ปากทาง ฉัตต์บอกให้สนขับกลับเพราะอยากให้ชายเดียวนั่งไปด้วยกัน จริมาหน้าคว่ำ หาเรื่องค่อนแคะเขาทันทีเพราะหมั่นไส้เป็นทุน โดยเฉพาะที่เขาชอบส่งตาหวานให้รุ้งบ่อยๆ แถมยังพูดแดกดันเรื่องสนว่าขับรถมานานแต่ไม่เคยดูตาม้าตาเรือ จะชน
รถบ้านเธอแทบทุกครั้งที่เจอกัน ฉัตต์กับรุ้งหน้าเสีย ต่างจากชายเดียวที่อมยิ้มแล้วสวนกลับขำๆ
“ผมขอโทษครับริมา ต่อไปจะบอกนายสนว่าขับถึงบ้านนี้ให้จอดคอยรถจากบ้านนี้ไปก่อน”
รุ้งกับฉัตต์แอบหัวเราะคิก จริมาของขึ้นเพราะเสียหน้า หันไปเอาเรื่องชายเดียวที่ตั้งใจโต้กลับเพื่อยั่วโมโห
“ผมตอบจริงๆไม่ได้หาเรื่อง ถ้าผมหาเรื่องก็ต้องตอบว่านายสนขับมากี่ปีแล้วริมาจะทำไม”
ฉัตต์หัวเราะดังกว่าเดิม ไม่รักษาน้ำใจน้องสาวแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับรุ้งที่พลอยขำไปด้วย จริมาได้แต่เซ็ง ฮึดฮัดกลบเกลื่อนสั่งให้นายแนบคนขับออกรถ... เดี๋ยวจะสายกันไปหมด!
ชายเดียวเห็นฉัตต์อารมณ์ดีจึงแอบถามถึงรุ้ง สาวน้อยหน้าหวานที่อยากทำความรู้จักให้มากกว่าเดิมแต่ไม่สบโอกาสเพราะโดนจริมาขวางตลอด ฉัตต์ตีหน้าขรึมและชวนคุยเรื่องอื่นเหมือนไม่อยากพูดถึง ชายเดียวไม่ละความพยายามแต่ฉัตต์ก็ไม่ยอมปริปาก ราชนิกูลหนุ่มน้อยได้แต่ถอนหายใจ...อยากรู้เรื่องรุ้งแต่สงสัยคงต้องคอยไปก่อน
ชายเดียวกลับถึงวังตอนเย็นก็ยืนเหม่อที่ท่าน้ำ รู้สึกหดหู่อย่างประหลาดเหมือนทุกครั้งที่มายืนตรงนี้ ความรู้สึกโหวงๆราวกับมีเรื่องบางอย่างไม่ดีทำให้น้ำตาคลออย่างช่วยไม่ได้ ท่านหญิงแขไขฯเป็นกังวลแต่ไม่อยากให้ลูกคิดมาก ชวนกลับตำหนักเพื่อรับของว่างและไปช่วยสนเช็ดตัวให้ท่านชาย
สนกำลังทำหน้าที่นั้นอยู่แล้วตอนที่ราชนิกูลหนุ่มน้อยไปถึง ท่านชายรังสิโยภาสยังมีอาการอัมพาตที่ท่อนล่างเหมือนเดิม เขาเหลือบตามองลูกชายคนเดียวราวกับอากาศธาตุและพาลอารมณ์เสียเหมือนทุกครั้งที่เจอหน้า ไม่ยอมให้สัมผัสองค์แถมตะเพิดไล่ออกจากห้อง สนรีบตามไปปลอบใจคุณชายหนุ่มน้อยแต่ไม่ค่อยได้ผล
“อย่าพูดเลยสน ฉันรู้ว่าท่านพ่อไม่รักฉัน บอกฉันทีว่าทำไม อย่าปดกับฉันนะ ฉันโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ”
สนพูดไม่ออก เช่นเดียวกับท่านหญิงที่แอบฟังจากอีกมุม...สงสารลูกมากแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง
ooooooo
ท่านหญิงกลุ้มใจที่ท่านชายไม่ยอมเปิดใจรับชายเดียว ภาพความทรงจำตั้งแต่ลูกยังเด็กจนโต ท่านชายไม่เคยโอบอุ้มหรือแสดงความรักเฉกเช่นพ่อลูกแม้แต่ครั้งเดียว ผีเฟืองทนเห็นท่านหญิงเสียใจไม่ไหว ตัดสินใจเข้าสิงและพาไปยืนข้างเตียงท่านชาย แผลงอิทธิฤทธิ์ต่างๆนานาจนมุ้งและม่านปลิวสะบัด
ท่านชายไม่ตื่นแต่นอนกระสับกระส่ายเพราะฝันร้ายเห็นผีเฟืองเข้ามาอาละวาดในห้อง ลมกรรโชกแรงขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะแหลมบาดหูของผีเฟือง ท่านชายกุมขมับแล้วสะดุ้งสุดตัวเมื่อผีเฟืองพุ่งมาประจันหน้า
“ทรงจำไว้ อย่าทำให้ท่านหญิงของหม่อมฉันเสียพระทัยเป็นอันขาด หม่อมฉันเตือนไว้ก่อน”
“ไม่กลัวโว้ย...เข้ามาเลยนังเฟือง มึงเก่งจริงก็เข้ามา”
ท่านชายลืมตาตื่นเวลาต่อมา เหงื่อแตกพลั่กทั่วกายเพราะฝันร้าย สำรวจรอบตัวแล้วถอนใจเบาๆเพราะทุกอย่างเงียบสนิทเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจหน้าเสียเมื่อเห็นท่านหญิงยืนหน้าทะมึนอยู่หน้าเตียง
“มีเรื่องเดียวที่หญิงอยากทูลเจ้าพี่...”
“ทำไม...อีเฟืองมันบอกให้มาพูดหรือ มันตายไปแล้วเธอยังให้มันครอบงำไม่เลิก จนเธอตายน่ะหญิงแขไข...ตายแล้วก็คงไปอยู่เป็นวิญญาณเร่ร่อนเป็นเพื่อนมัน”
ท่านหญิงยังใจเย็นจะทูลเรื่องที่ตั้งใจแต่โดนขัด “เธอมันไม่ใช่ตัวเธอแล้ว ไม่มีสติปัญญารู้หรือว่าอีเฟืองมันอุบาทว์ชาติชั่วตั้งแต่ยังมีชีวิต ไม่รู้เป็นอะไร...ยอมมันตั้งแต่มันเป็นจนมันตาย เธอออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว”
ท่านหญิงยังพยายามจะทูลแต่ท่านชายโวยวายไม่ยอมฟัง ราชนิกูลสาวเหลืออด ดำเนินถึงเตียงแล้วโน้มองค์ไปใกล้ จับตัวสามีแน่นแล้วจ้องตาเขม็ง
“ชายเดียว...ศักดินาเป็นลูกชายของเจ้าพี่ที่เกิดจากนังบุหลัน ถึงหญิงจะเสียใจเรื่องเจ้าพี่มากแค่ไหน หญิงก็ไม่ไร้สติเอาเด็กไม่มีเชื้อสายเจ้าพี่มายกย่องเป็นทายาทราชสกุลรังสิยา หญิงไม่สิ้นคิดแก้แค้นแบบนั้น”
ท่านชายขนหัวลุกเพราะเสียงภรรยาเกรี้ยวกราดเหมือนเสียงผีบ่าวคนสนิทไม่มีผิด
“เฟืองตายไปแล้ว อย่ารับสั่งใส่ร้ายเขาเพราะหญิงจะโกรธมาก และถ้าหญิงโกรธ...เฟืองเขาจะโกรธกว่าหญิง”
ท่านชายตาลุกโพลง ขว้างปาข้าวของรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง ท่านหญิงไม่สนใจเดินไปเปิดประตูด้วยท่าทางมาดมั่นแล้วทรุดลงกับพื้นหน้าห้องด้วยสภาพอ่อนแรง หูแว่วเสียงสามีด่าทอเฟืองลั่นห้อง เธอลุกกลับห้องช้าๆ ไม่สนใจจะดูแลหรือเรียกใครเข้าไปรับใช้สามีแม้แต่น้อย
ooooooo
ท่านชายแค้นผีเฟืองมากที่มาอาละวาดทั้งในความฝันและเข้าสิงท่านหญิงจนเขาแทบบ้าตาย รับสั่งเรียกประชุมคนทั้งวังและประกาศกร้าวถึงแผนการโต้ตอบผีเฟือง
“สน...เอ็งไปหาหมอผีที่เก่งมากๆมาคนหนึ่ง ข้าจะให้เขาทำพิธีปัดรังควาญไล่ผี คนชั่วอย่างอีเฟือง ตายไปก็เป็นวิญญาณชั่วไม่เกรงบาปกรรม ต้องเอามันไม่ให้ผุดให้เกิด ให้เขาสะกดวิญญาณลงอเวจี!”
ทุกคนลอบยิ้มด้วยความสะใจเพราะต่างก็เดือดร้อนโดนรังควาญไม่หยุดหย่อน ยกเว้นผ่องที่ตกใจกลัวแทนผีเฟือง เช่นเดียวกับท่านหญิงที่ร้อนใจไม่ต่างกัน แม้จะแอบฟังจากชั้นบนก็ได้ยินสามีชัดทุกประโยค นึกเคืองเขาที่ไม่ยอมหยุดอาฆาต...แล้วเมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมกันสักที!
ขณะที่บรรยากาศในวังรังสิยาอึมครึม...ที่บ้านปัณณธรกลับเต็มไปด้วยความเข้าใจ จันทร์ได้รับการยอมรับจากคนในบ้านจนคุณหญิงเพ็งไว้ใจให้ดูแลทุกอย่าง แถมเปิดโอกาสให้ดูแลพจน์เป็นพิเศษ เช่นวันนี้ที่เขาไม่สบาย
จันทร์ลงครัวทำซุปและเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาด้วยตัวเอง พจน์พึงพอใจมาก ความดีและความอ่อนโยนของจันทร์ทำให้หัวใจที่เคยด้านชากลับมามีเลือดเนื้ออีกครั้ง คุณหญิงเพ็งกับบ่าวไพร่ทั้งบ้านก็รู้สึกได้ ส่งสายตาและยิ้มให้กันอย่างสนุกสนาน ลุ้นสุดตัวให้ทั้งคู่ลงเอยในเร็ววันหลังจากรอมานาน
อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 3 วันที่ 2 ก.ค. 56
ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภาละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศ: เร็ว ๆ นี้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ