อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 11 วันที่ 31 ก.ค. 56
“สัญญานะลูกว่าจะชอบคุณชายแค่นี้ จะไม่ข้ามเส้นเป็นอย่างอื่นถ้าอยากเห็นแม่มีชีวิตอยู่” จันทร์น้ำตาคลอจนลูกสาวตกใจ “หลีกเลี่ยงไปที่วังน่ะยากแม่รู้ แต่แม่ขอสัญญาอย่างหนึ่ง ลูกต้องไม่ชอบคุณชายมากกว่าเพื่อน ไม่ใช่แค่นั้น...ต้องอย่าให้คุณชายคิดกับลูกเป็นอย่างอื่นด้วย”ฉัตต์ยืนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อชายเดียวพารุ้งออกไป พิสินีต่อว่าเขาเบาๆที่โมโหเกินเหตุ ปยุตเห็นด้วย เอ่ยปากอย่างมีอารมณ์
“เขายังไม่พูดอะไรเลย ขนาดสอบสวนผู้ต้องหา จำเลยยังได้พูด คุณคิดว่าเป็นเทพเจ้าหรือไง” ฉัตต์ยังอึ้งกับคำพูดของตนจนแทบไม่ได้ยิน “ผมทุเรศคุณตั้งแต่วันนั้น แต่ตอนนี้มันมากขึ้น คุณเก่งและยิ่งใหญ่เหลือเกินที่ทำผู้หญิงตัวเล็กๆไม่มีทางสู้ ด่าและประณามเขาต่อหน้าคนมากมาย คุณมันไม่ใช่คน!”
ooooooo
เรื่องฉัตต์ไล่รุ้งออกจากบ้าน สร้างความตื่นตะลึงให้แก่เหล่าคนงานบ้านปัณณธร โดยเฉพาะยอดวิ่งตามรุ้งถึงหน้าบ้านแต่ก็ไม่ทันเพราะเธอกลับไปกับชายเดียว เสียแล้ว อดีตคนสวนหน้าถอดสี...แล้วเขาจะบอกอดีตหม่อมอย่างไร
ฝ่าย รุ้งก็เครียดจัดเรื่องฉัตต์จนถึงกับเป็นลม ชายเดียวต้องช่วยประคองและปฐมพยาบาลจนได้สติและพาไปพักในห้องรับรองแขก เขารู้ว่าเธอสะเทือนใจมากจึงพยายามปลอบ
“ทำใจให้สบายและอย่าเพิ่งคิด อะไร ยังมีเวลาเสียใจอีกมาก” รุ้งยังทำใจไม่ได้ ไม่อยากเชื่อว่าฉัตต์จะทำขนาดนี้ ชายเดียวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน “ทำไมพี่ฉัตต์ต้องโกรธถึงกับไล่ เรื่องทั้งหมดก็พูดกันได้ คุณลุงเป็นคนสั่งไว้ก่อนตาย ใครจะกล้าขัดคำสั่ง เขาควรรอพูดกับผู้ใหญ่ก่อน วู่วามแบบนี้เหมือนไม่ใช่พี่ฉัตต์คนเดิม”
รุ้งถอนใจหนักหน่วงเพราะ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ที่สำคัญแม่คงไม่ยอมให้อยู่ที่นี่ ชายเดียวข้องใจ รุ้งจึงเฉไฉว่าเกรงใจไม่อยากรบกวน เขาจึงปลอบไม่ให้คิดมากเพราะไม่มีทางเลือกดีกว่านี้ เมื่อคุณหญิงเพ็งกับจันทร์กลับจากวัดแล้วค่อยคุยกับฉัตต์อีกครั้ง รุ้งน้ำตาไหลพรากเพราะเชื่อว่าฉัตต์ไม่เปลี่ยนใจแน่
“ไม่มีใครทัดทาน คุณฉัตต์ได้ เขาเป็นเจ้าของบ้าน รุ้งไม่มีวันอยู่กับเขาอีก เขาเกลียดรุ้งมาตลอดชีวิต รุ้งผิดเองที่ไปวุ่นวายก้าวก่ายชีวิตเขา”
ชาย เดียวส่ายหน้าเบาๆ กล่อมให้เธอพักพร้อมเช็ดน้ำตาให้ “นอนซะคนดี ทุกปัญหาต้องมีทางออก รุ้งเป็นคนดีที่สุดที่ผมเคยรู้จัก อย่าคิดว่าตัวเองไม่ดีจนถูกขับไล่ วันหนึ่งเขาต้องรู้ความจริง ไม่ต้องกลัวไปหรอก”
รุ้งพยักหน้ารับ ชายเดียวจึงขอตัวไปทูลท่านแม่ เธอผล็อยหลับเพราะความอ่อนเพลียไม่นานหลังจากนั้น ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าคุณหญิงทอแสงแอบฟังจากหน้าห้อง ยิ้มเยาะสะใจที่ศัตรูหัวใจคนสำคัญถูกไล่ออกจากบ้าน
ด้าน ฉัตต์...เสียใจที่พลั้งปากไล่รุ้ง ภาพความทรงจำเกี่ยวกับเธอตั้งแต่เด็กจนนาทีสุดท้ายที่เจอกันยังเวียนวนในหัว จนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหลือจะกล่าว พิสินีอยู่เป็นเพื่อนจนเย็นจึงขอตัวกลับเพราะคิดว่าเขาคงอยากอยู่ตามลำพัง
ฉัตต์ อาสาไปส่งแต่เธอปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ ลำบาก เขาจึงไปส่งที่หน้าประตูแทน เห็นเธอชื่นชอบบ้านเขามากจึงบอกให้มาอยู่ด้วยกันดื้อๆ พิสินีเขินแต่พยายามเก็บอาการและแกล้งถามว่าในฐานะอะไร ฉัตต์กำลังสะเทือนใจเรื่องรุ้งจึงโพล่งออกไปเพราะอยากประชด
“ผมควรแต่งงานกับคนที่รักผม บัวจะแต่งงานกับผมไหม”
ooooooo
ท่าน หญิงนั่งมองรูปท่านชายในห้องทำงานเหมือนที่ชอบทำตั้งแต่ท่านสิ้น ภาพความทรงจำตั้งแต่รักยังหวานจนกระทั่งวันที่เขาแต่งตั้งบุหลันเป็นหม่อม ยังแจ่มชัด รวมทั้งคำพูดแก้ตัวของเขาด้วย
“ถึงมีบุหลันแต่พี่ก็รักหญิง พี่รู้ดีว่าทำร้ายจิตใจเธอ...พี่ขอโทษ”
“เจ้า พี่รักผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกัน ความรักอยู่ใกล้เหลือเกินกับความแค้น รักแค่ไหนก็แค้นมากเท่านั้น เวลาผ่านไป...ความแค้นหมดไปแต่หญิงยังเสียใจและคงเป็นไปจนตาย”
ท่าน หญิงค่อยๆดึงตัวเองกลับมา จ้องภาพท่านชายแล้วตัดพ้อ “เจ้าพี่ห่วงชายเดียว ไม่ต้องห่วงนะคะ หญิงเลี้ยงมาก็รักเหมือนลูกตัวเอง หญิงไม่ใจร้ายกับเชื้อสายวังรังสิยาหรอกค่ะ เขาน่าสงสาร...กำพร้าทั้งพ่อและแม่”
ฉับพลันนั้น...ท่านหญิงก็ฉุกคิด เพราะยังคาใจว่าบุหลันอาจมีชีวิตอยู่ เธอพยายามส่งกระแสจิตคุยกับผีบ่าวคนสนิทแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ท่านหญิงหงุดหงิดมาก ตั้งท่าจะอาละวาดแต่ต้องหยุดตัวเองไว้เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ชายเดียวนั่นเองที่มาขออนุญาตให้รุ้งอาศัยที่วังจนกว่าคุณหญิงเพ็งกับจันทร์ จะกลับจากวัด
“พี่ฉัตต์โกรธที่เธอไม่บอกเรื่องคุณลุงพจน์และไม่บอกเรื่องทำร้านอาหาร”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ทำไมต้องไล่ออกจากบ้าน รุ้งเป็นน้องสาวนะ ลูกของน้องสาวพ่อ...ไม่ใช่ใครที่ไหน”
ชายเดียวก็ไม่เข้าใจ เริ่มใจไม่ดีเพราะท่านแม่ยังไม่รับปาก
“อย่า มองแม่อย่างนั้น แม่เป็นผู้ใหญ่ต้องคิดมาก บางทีเราอาจยุ่งเรื่องครอบครัวเขาเกินไป รุ้งเป็นลูกหลานบ้านนั้น ใครจะขับไล่ไสส่งกันจริงจัง มันก็แค่อารมณ์...เว้นแต่จะไม่ใช่ลูกหลาน”
ชาย เดียวนิ่วหน้าจนท่านหญิงเริ่มรู้ตัวว่าพูดมากไป กลบเกลื่อนด้วยการให้พารุ้งมากราบขออนุญาต ท่านชาย ชายเดียวดีใจมาก รีบไปปลุกรุ้งให้มาหาท่านแม่กับท่านพ่อที่ห้อง
ท่านหญิงจ้องมองรุ้ง ด้วยสายตาใคร่ครวญแล้วประทานอนุญาตให้พักที่วังจนกว่าคุณหญิงเพ็งกับจันทร์ จะกลับมาจัดการทุกอย่าง รุ้งก้มลงกราบขอบคุณและยิ้มบางๆให้ ท่านหญิงเมินหน้าหนีเพราะยังแคลงใจสถานะของหญิงสาว ชายเดียวหมดห่วงเรื่องรุ้งจึงทูลลาเพราะต้องกลับไปท่องหนังสือที่หอ
เมื่อ ได้อยู่กันตามลำพัง ท่านหญิงจึงสังเกตเห็นว่ารุ้งสวมสร้อยคล้องเหรียญแลดูคุ้นตา สะดุ้งเฮือกเพราะจำได้ว่าเป็นของประจำกายสามี รุ้งไม่รู้อิโหน่อิเหน่บอกว่าแม่เป็นคนสวมให้กับมือเพราะเป็นของขวัญจากพ่อ ท่านหญิงหน้าซีดแล้วถามถึงวันเกิดของหญิงสาว กลัวจับจิตว่าลางสังหรณ์จะเป็นจริง...มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!
ท่าน หญิงมีท่าทีสงบจนกระทั่งกลับถึงห้องบรรทม รับสั่งเรียกผีบ่าวคนสนิทเสียงสั่นเพราะความจริงที่ค้นพบทำให้ยืนแทบไม่ไหว หนามยอกอกยังคงมีชีวิตและสร้างความเจ็บปวดให้ถึงเดี๋ยวนี้ ผีเฟืองได้ยินทุกอย่างแต่ไม่ยอมปรากฏตัวเพราะยังไม่กล้าสู้หน้า เมื่อเห็นคุณหญิงทอแสงโดนท่านหญิงที่กำลังโมโหไล่ตะเพิดจึงเข้าไปปลอบใจ
“อิฉัน ก็โดนไล่ออกจากวังบ่อยๆ แต่อิฉันไม่ยอมไปหรอก อิฉันรักท่านหญิง เมื่อมีความรักแล้วเราจะทนได้ทุกอย่าง ถ้าคุณหญิงรักก็ต้องอดทนค่ะ แล้วหนทางจะมาเอง”
คุณหญิงทอแสงลังเลเพราะยังไม่ไว้ใจข้าหลวงเก่าแก่ ราชนิกุลสาวหมุนตัวกลับห้อง แต่ก็เก็บเรื่องนี้ไปคิดจนค่อนคืน...อดทนแล้วจะได้แต่งงานกับพี่ชายจริงๆ หรือ
ฝ่ายท่านหญิงก็กลุ้มใจจนแทบคลั่ง เดินไปเดินมาทั่วห้องพร้อมรับสั่งหาผีบ่าวคนสนิทแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ ทรงทราบดีว่าผีเฟืองได้ยินทุกอย่างแต่ไม่ยอมออกมาจึงทรงตัดพ้ออย่างหัวเสีย
“เขาคือบุหลันจริงๆ เขามาแล้ว ฉันจะทำยังไงดี เฟืองอยู่ไหนมาช่วยกันคิดที ไหนเฟืองว่ามันตายไปแล้วไง”
ไม่มีเสียงตอบรับจากผีเฟืองเหมือนเดิม ท่านหญิงได้แต่หงุดหงิดคนเดียวจนค่อนคืนจึงผล็อยหลับไป
ooooooo
รุ้ง ทรมานกับคำพูดของฉัตต์จนนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายจนเกือบเช้าและหลับไปทั้งน้ำตากลบหน้า ส่วนฉัตต์ก็อาการหนักไม่แพ้กันแต่แสดงออกด้วยความฉุนเฉียวจนใครก็เข้าหน้า ไม่ติด เขาเข้าไปในห้องรุ้งเพียงเพื่อจะพบกับความว่างเปล่า ภาพความสดใสน่ารักยังเวียนวนในหัวจนต้องหยิบรูปเธอกระแทกพื้นอย่างแรงเพื่อ หยุดความฟุ้งซ่านนั้น
ฉัตต์ผลุนผลันออกจากห้องรุ้งพร้อมอารมณ์ที่ยังพลุ่งพล่าน เห็นยอดที่หน้าบ้านก็พาลโมโห ตวาดลั่นอย่างต้องการระบายความคับแค้นใจ
“แกมันก็พวกหลอกลวงเหมือนกัน แกทุกคนหลอกฉัน พ่อฉันเจ็บก็ไม่มีใครบอก พวกแกคิดถึงใจฉันบ้างไหม”
ยอดทำท่าเหมือนอยากบอกอะไรบางอย่างแต่ฉัตต์ไม่ฟัง มัวแต่ฝังใจกับความโกรธของตัวเอง
“บ้าน ฉันเป็นที่สาธารณะงั้นหรือ ร้านอาหารใหญ่โตและขายดีแต่ฉันไม่เคยเห็นเงินสักบาท ใครกอบโกยเข้าตัวและทำท่าเป็นเจ้าของร้าน ที่แท้พวกแกเป็นใครล่ะ...ก็พวกมาจากน้ำซมซานมาให้ย่ากับพ่อฉันเลี้ยง!”
ยอด มองมาด้วยแววตาสงสารและเห็นใจ ฉัตต์ยิ่งเดือดเพราะไม่ชอบให้ใครเห็นความอ่อนแอ ซัดหมัดเข้าหน้ายอดเต็มแรงจนเลือดกบปาก ยอดไม่ตอบโต้ ฉัตต์เลยยิ่งโมโหเพราะรู้สึกผิด อาละวาดไล่ตะเพิดไปให้พ้นสายตา
บรรดา คนงานได้ยินเสียงเอะอะก็กลัวหัวหดเพราะรู้จักอารมณ์ร้ายของฉัตต์ดี สำลีตัดสินใจไปตามยอดและพาไปทำแผล ยอดซาบซึ้งใจ รับรู้ถึงความรู้สึกดีๆที่เธอมอบให้ แต่ก็มิอาจตอบสนองเพราะกลัวเธอเดือดร้อน สำลีไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่และยืนยันขอดูแล ยอดจนปัญญาจะค้าน ได้แต่เดินตามแรงลากของเธอกลับไปพักที่ห้อง
รุ้งเตรียมตัวไปทำงานตอน เช้าและออกไปโดยไม่ยอมรับการรับส่งจากวังรังสิยา ผ่องพยายามกล่อมแต่ไม่เป็นผล เธอยืนกรานไปกลับเองเพราะเกรงใจ แถมต้องแวะร้านตอนเย็นเพราะจันทร์ยังไม่กลับจากวัด บ่าวเก่าแก่ได้แต่ถอนใจยาว ปลื้มในความไม่ถือตัวแต่ก็อดสงสารไม่ได้ที่รุ้งต้องแบกรับภาระและความกดดัน ทุกอย่างจากคนรอบข้าง
ด้านฉัตต์...ทนเก็บความข้องใจไม่ไหว ตามไปดักรอรุ้งที่โรงพยาบาลเพื่อพูดกันให้รู้เรื่อง เขาเฝ้ามองเธอตั้งแต่มาถึงจนสบโอกาสเมื่อเธออยู่ตามลำพังจึงปรากฏตัว รุ้งตกใจแต่พยายามทำใจให้สงบและยกมือไหว้เรียบร้อย ฉัตต์ไม่ยอมเสียเวลาขอคุยเป็นการส่วนตัว รุ้งจึงพาไปสวนหย่อมเล็กๆค่อนข้างลับตาเพื่อเจรจาด้วย
“เธออยากพูดกับฉันสองคนหรืออยากให้แม่เธออยู่ด้วย”
“เรื่องที่คุณฉัตต์จะพูดเกี่ยวกับแม่หรือเปล่าล่ะคะ”
“ถามทำไม...พวกเธอทั้งสองเกี่ยวทั้งหมดแหละ ถ้าไม่ใช่พวกเธอก็คงไม่เป็นแบบนี้”
รุ้งนิ่งเฉยจนฉัตต์แปลกใจ มองแววตาใสซื่อก็ยิ่งรู้สึกผิดจนต้องย้อนถามว่าเธอคิดอะไร
“ก็ถ้าคุณฉัตต์ต้องการอะไร...คุณฉัตต์จะได้ทุกอย่าง”
ฉัตต์ อ้าปากค้างเพราะคาดไม่ถึงกับคำตอบ ได้แต่จ้องหน้าเธออย่างค้นหา รุ้งจึงถือโอกาสถามเพราะอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ฉัตต์ประชดประชันไม่เลิกจนเธออ่อนใจ ส่ายหน้าน้อยๆเหมือนกำลังพูดกับเด็ก
“อย่า ทำท่าเหมือนฉันพูดไม่รู้เรื่อง ถ้าเธอจากบ้านไปไกลสุดหล้า กลับถึงบ้าน...พ่อก็ตายแล้ว แถมบ้านยังกลายเป็นร้านอาหารที่มีคนสารพัดแบบมาเดินเหยียบย่ำจนเป็นรอยเต็ม ไปหมด เธอจะรู้สึกยังไง”
รุ้งจะปลอบแต่เขาไม่ยอมเปิดใจฟัง ค่อนแคะและแดกดันจนรุ้งต้องยกมือไหว้ขอโทษเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรดีกว่า นี้ ฉัตต์เกือบใจอ่อนแต่ยังฝืนไว้ เมื่อเธอขอตัวทำงานและจะกลับไปคุยด้วยใหม่ตอนเย็น เขาก็หัวเสียขึ้นมาใหม่และประกาศกร้าว
“ยังจะมีหน้ากลับไปที่ร้าน มันจะไม่มีอีกต่อไปเพราะฉันจะสั่งปิด ไม่มีการขายอาหารอีกต่อไป”
จบ คำก็หมุนตัวจากไป ทิ้งรุ้งไว้กับความเงียบงัน อยากตามไปอธิบายใจแทบขาดแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเกดเพื่อนพยาบาลมาตามไปพบคนไข้อุบัติเหตุที่กำลังจะออกจากโรงพบาบาล
รุ้ง เดินเหม่อไปตลอดทางจนถึงห้องคนไข้ พยายามฝืนยิ้มเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองแต่ไม่ได้เรื่องนัก คนไข้ก็สังเกตเห็น เอื้อมไปจับมือพยาบาลฝึกหัดคนโปรดแล้วปลอบประโลมเสียงอ่อน
“มีคนทำให้หนูไม่สบายใจแต่หนูเป็นคนดี ไม่มีใครทำอะไรหนูได้หรอก ในที่สุดความดีจะชนะทุกอย่าง”
รุ้งซาบซึ้งใจมาก...หวังว่าความดีจะคุ้มครองคุณฉัตต์ด้วยให้ยอมเปิดใจฟังเรื่องราวทั้งหมดเมื่อถึงเวลา
ooooooo
แม้ ปากจะห้ามไม่ให้มาแต่เมื่อถึงเวลาเย็น...ฉัตต์ก็อดชะเง้อคอคอยรุ้งไม่ได้ เช่นเดียวกับยอดที่ตั้งตารอจนในที่สุดก็ยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นเธอมาถึง ฉัตต์วิ่งพรวดไปดักหน้า จ้องตากับเธออยู่พักใหญ่ก็หาเรื่องรวนเหมือนเคย
“ฉันบอกว่าไม่ต้องมา เธอไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งหรือออกความเห็น”
“คุณฉัตต์ไม่เคยเป็นพ่อค้า รุ้งเป็นแม่ค้า...รู้ว่าลูกค้าสำคัญสุด จะปิดร้านเลยไม่ได้เพราะทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว”
ฉัตต์ อยากเอาชนะจึงสั่งปิดร้าน รุ้งขอร้องให้เปิดอีกหน่อยแต่เขาก็ไม่ยอมจนทุกคนเหนื่อยใจ แต่แล้วคำสั่งฉัตต์ก็ต้องเป็นหม้ายเมื่อเสด็จพระองค์หญิงมาเสวยที่ร้าน ทุกคนจึงพักเรื่องฉัตต์ไว้ก่อนและถวายการต้อนรับอย่างแข็งขัน
ฉัตต์ ปลีกตัวไปเดินเล่นในสวนเพราะไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง แม้พิสินีจะโทร.มาหาแต่เขาก็ไม่รับสายเพราะไม่มีอารมณ์พูดกับใคร ฝ่ายพิสินีวางหูด้วยความแปลกใจที่เขาหมางเมินและเย็นชา หลวงวิเศษได้ยินทุกอย่างจึงขอคุยด้วยเพราะมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับฉัตต์ที่ ลูกสาวควรรู้
“บัวรู้ว่าคุณพ่อจะพูดอะไร บัวไม่ยอมเลิกกับฉัตต์แน่ๆค่ะ”
คุณนาย หลวงวิเศษปรามลูกสาวเพราะกลัวสามีโกรธแต่ไม่ได้ผล พิสินียังรั้นและยืนยันเจตนาเดิมแถมโยนภาระความรับผิดชอบการเรียนปริญญาโท ให้ปยุตเพราะอยากแต่งงานมากกว่า หลวงวิเศษทนฟังเมียและลูกทั้งสองเถียงกันอยู่นานจึงยกมือห้ามและประกาศกร้าว
“ที่ฉันปล่อยให้เถียงกันเพราะพอฉันพูดจบแล้วจะไม่มีการโต้เถียงอีก...โดยเฉพาะแกยายบัว”
“บัวไม่เถียงแต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามใช่ไหมคะ”
“แกสมเป็นลูกฉันจริงๆ ฉันเลี้ยงแกมาไม่ผิดหวังเลย ลูกฉันก็ต้องเป็นตัวของตัวเองแบบนี้”
พิสินียิ้มร่าแต่ก็ต้องหุบแทบไม่ทันเมื่อพ่อเอ่ยถึงประเด็นสำคัญ
“คู่รักของแก...นายฉัตต์ ปัณณธร เขามีคนที่ครอบครัวหาไว้ให้ตบแต่งแล้ว...แกจะว่ายังไงยายบัว”
ทุกคนเงียบกริบ พิสินีนิ่งไปอึดใจแล้วประกาศ “ฉัตต์ ขอบัวแต่งงาน บัวจะแต่งกับเขา...ไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น”
“อีก เรื่องที่ฉันจะพูด ฉันรับปากคุณพจน์ว่าจะจัดการให้เรื่องนี้เกิดขึ้น พ่อเขาขอร้องให้ฉันจัดการให้ลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม เพราะฉะนั้น...นอกจากแกจะต้องสู้กับครอบครัวเขาแล้ว แกยังต้องสู้กับพ่อด้วย”
“บัวพร้อมจะสู้ค่ะ...ทั้งกับครอบครัวและกับคุณพ่อ”
หลวงวิเศษถอนใจเหนื่อยหน่ายแล้วลุกจากไป ทิ้งสามแม่ลูกให้มองหน้ากันเครียดๆ
“หนูเคยคิดมาตลอดว่าคุณพ่อไม่รักหนู เพิ่งแน่ใจวันนี้ว่าหนูคิดไม่ผิด”
คุณนายหลวงวิเศษพยายามอธิบายว่าไม่จริงแต่พิสินีไม่เชื่อ ปยุตจึงต้องช่วยแม่เหมือนเคย
“แต่ ฉันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเกลียดหรือไม่เกลียด คุณพ่อเป็นคนซื่อสัตย์และรักษาคำพูดมาก ท่านให้สัญญากับคุณลุงพจน์แล้ว ท่านต้องทำตาม...มันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย”
“ฉัตต์เขาก็เป็นลูกผู้ชาย เขาสัญญากับบัวเหมือนกัน เอาสิ...สัญญาของใครจะมั่นคงกว่ากัน”
พิสินีลุกออกไปอีกคน คุณนายหลวงวิเศษได้แต่ส่ายหน้าเซ็งๆในความรั้นของลูกสาว
“คุณพ่อรู้ว่าผู้ชายเขารักใคร ท่านเห็นเด็กสองคนนี้มาตั้งแต่เด็ก เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อรุ้ง”
ร้อยตรีหนุ่มถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินชื่อรุ้งเพราะเขาก็แอบหลงรักหญิงสาวหน้าหวานคนนี้เข้าอย่างจัง
“ถ้าเขารักคุณรุ้ง เขามาขอแต่งงานกับน้องสาวผมทำไม คุณพ่อน่าจะตอบให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำตามสัญญา”
ปยุตออกไปทำงานแล้ว คุณนายหลวงวิเศษได้แต่มองตามปลงๆ...ท่าทางบ้านนี้จะมีคนอกหักหลายคน
ooooooo
เวลา เดียวกันที่ร้านสวนราตรี...ลูกค้าแน่นขนัดจนบรรดาคนงานไม่มีใครว่าง ฉัตต์ต้องรออยู่นานจนลูกค้าเริ่มบางตาจึงสั่งให้สำลีไปตามรุ้งมาพบในบ้าน เพื่อสั่งให้ปิดร้านเป็นการถาวรในวันรุ่งขึ้น
“ขอเวลาอีกสักหน่อยเถอะค่ะคุณฉัตต์ อย่าเพิ่งปิดร้านเลย...จนกว่าคุณริมาจะเรียนจบอีกแค่เทอมเดียวเท่านั้น”
ฉัตต์ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับน้องสาว รุ้งเฉไฉว่าจริมารู้เรื่องร้านด้วยและสมควรทราบว่าร้านจะปิดกิจการ
“ไม่จำเป็นต้องบอกใคร ฉันสั่งให้ปิด...เลิกขาย!”
“ขายอาหารมันเสื่อมเสียเกียรติยศของปัณณธรมากหรือคะ”
“ไม่เห็นต้องถาม คุณพ่อเป็นข้าราชการ คุณย่าก็เป็นคุณหญิงรับตราพระราชทาน ท่านไม่เคยเป็นแม่ค้า”
“แม่ค้าเป็นอาชีพสุจริตพอๆกับข้าราชการ คุณย่ายังเคยมาต้อนรับแขกที่มาทานข้าวเลย”
“เธอไม่ต้องอ้างใครทั้งนั้น ฉันเป็นเจ้าของบ้าน ฉันบอกให้ทำอะไรก็ทำตามนั้นไม่ต้องถามหรือโต้แย้ง”
“รุ้งไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ คุณฉัตต์สั่งอะไรรุ้งจะทำตามทั้งๆที่เห็นว่ามันไร้เหตุผล เกิดจากอารมณ์ล้วนๆ”
รุ้ง วิ่งร้องไห้เข้าไปในห้องนอนของตัวเองและหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดูด้วยความวิตก เธอไม่แน่ใจว่าเงินเก็บที่เหลือจะพอค่าเทอมของจริมาหรือไม่ แต่จะพยายามรวบรวม ถึงกระนั้นก็ไม่หายกังวลเลยตัดสินใจเขียนจดหมายถึงจริมา เล่าเรื่องทุกอย่างและย้ำหนักหนาไม่ให้เพื่อนรักบอกฉัตต์เรื่องสาเหตุ แท้จริงที่เปิดร้านอาหารเพราะกลัวเขารับไม่ได้
อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 11 วันที่ 31 ก.ค. 56
ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภาละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ