อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 4 วันที่ 5 ก.ค. 56
“คุณพจน์ยังรักคุณราตรี ท่านไม่ให้ใครไปแทนที่ท่านหรอก ตัวฉันก็ไม่อยากได้ชื่อว่าสองผัว...ฉันอายลูก”ยอดยุให้อดีตหม่อมกลับวังรังสิยาไปหาท่านชายและทวงสิทธิ์ให้รุ้ง จันทร์ถอนใจหนักหน่วง
“ยอดคิดว่าคนที่ฆ่าฉันจะปล่อยให้ฉันรอดตายเป็นครั้งที่สองหรือ ฉันคิดถึงท่านชายเสมอ...ทุกวันทุกคืน แต่ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้พบท่านอีกแล้ว สงสารแต่
ยายรุ้งคงไม่มีโอกาสได้พบพักตร์ท่านพ่อในชีวิตนี้”
จันทร์สะเทือนใจ ยอดหวังว่าคงมีสักวันที่เป็นของเธอ จันทร์ยิ้มทั้งน้ำตา อย่างน้อยชีวิตเธอกับลูกก็ไม่อับเฉาเกินไปนัก ยังมีมิตรแท้และที่ซุกหัวนอน...ไม่เลวร้ายเหมือนในวันวาน
จันทร์ร้องไห้ตัวโยนทันทีที่กลับถึงห้อง เสียใจ
ที่สูญเสียสามีโดยไม่ทันได้ร่ำลา หยิบสายสร้อยที่ท่านเคยประทานให้มาเก็บลงหีบ นึกถึงอนาคตของรุ้งแล้วก็พานน้ำตาไหล “แม่จะเก็บชีวิตของคุณหญิงวิมลโพยมไว้ในนี้นะลูก”
ooooooo
งานศพท่านชายจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในวังรังสิยา โดยมีบ่าวไพร่กับท่านหญิงช่วยกันเตรียมงาน ท่านหญิงเล็กมาถึงก่อนเวลา นั่งปรับทุกข์กับพี่สาวโดยเฉพาะเรื่องคุณหญิงทอแสงรัศมีที่ดื้อรั้นเกินเยียวยา ไม่เหมือนชายเดียวที่ว่านอนสอนง่าย
ท่านหญิงนิ่งฟังแล้วต้องของขึ้นเมื่อน้องสาวเปรียบพฤติกรรมเรียบร้อยของคุณชายว่าเหมือนแม่ ตวัดเสียงถามห้วนๆว่าหมายถึงแม่คนไหน
“หมายถึงแม่บุหลันนั่นแหละค่ะ แหม...หญิงจะหมายถึงพี่หญิงได้ยังไงกัน”
“หญิงเล็ก...เธอหยุดพูดให้คนเสียใจสักวันได้ไหม”
“แล้วหญิงพูดจริงไหมล่ะคะ พูดถึงอีนังหม่อมบุหลัน...เมื่อเช้าหญิงเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าเหมือน
มันมากแต่คงไม่ใช่หรอกค่ะ คนนี้เขาสวยกว่าและก็ท่าทางผู้ดีกว่ามัน”
“มันก็ท่าทางดี ท่านชายสอนไว้จนมันดูดีทีเดียว”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ มันไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนมารถคันโก้เชียว แถมมีคนขับแต่งเครื่องแบบเรียบร้อย”
แขกเหรื่อเริ่มมาถึงงานไม่นานหลังจากนั้นท่านหญิงแขไขฯ กับท่านหญิงเล็กจึงต้องช่วยกันรับแขก จนกระทั่งรถบ้านปัณณธรมาถึง ทุกคนคุ้นเคยกับคุณหญิงเพ็งกับพจน์เป็นอย่างดี จะมีก็แต่จันทร์ลูกสาวคนใหม่ที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาของคนแทบทั้งงานโดยเฉพาะวงของท่านหญิงแขไขฯ กับท่านหญิงเล็ก
คุณหญิงเพ็งพาครอบครัวไปถวายบังคม พร้อมมาลัยดอกพุดที่ทำให้ท่านหญิงแขไขฯ จ้องตาไม่กะพริบเพราะรู้ว่าเป็นดอกไม้ที่ท่านชายโปรดเป็นพิเศษ ท่านหญิงเล็กก็รู้เรื่องนี้ดี ถือโอกาสแหย่ตามประสาคนช่างพูด
“มาลัยสวยเหลือเกิน อุ๊ย...ร้อยดอกพุดด้วยค่ะพี่หญิง”
“ท่านชายโปรดดอกพุด เหมือนรู้เลยนะคุณหญิง”
ท่านหญิงแขไขฯ เปรยเสียงเรียบ คุณหญิงเพ็งรีบบอกว่าลูกสาวเป็นคนร้อยพลางเรียกจันทร์มาแนะนำ ท่านหญิงจึงถามเรื่องคาใจเพราะไม่เคยได้ยินว่าพจน์มีน้องสาว พจน์เอะใจท่าทีแปลกๆแต่เลือกนิ่งและออกหน้าแทนจันทร์
“น้องสาวกระหม่อมออกเรือนไปนานแล้ว สามีเสียเลยพาลูกสาวกลับมาอยู่กับกระหม่อมและคุณแม่”
ท่านหญิงแขไขฯ พยักหน้ารับรู้...น่าแปลกที่จันทร์มีอะไรหลายอย่างเหมือนบุหลันโดยเฉพาะหน้าตา แถมมีลูกสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับชายเดียวอีกต่างหาก
คณะท่านหญิงแขไขฯ ขอตัวไปรับแขกอื่น พจน์จึงถือโอกาสคุยกับจันทร์เพราะสังเกตว่าเธอมีอาการแปลกๆ เหมือนมองหาใครตลอดเวลา จันทร์สะดุ้งแล้วเฉไฉว่าไม่มีอะไรเหมือนเคย ผู้พิพากษาใหญ่ไม่คิดเช่นนั้นแต่เลือกไม่ถามอะไรตอนนี้ รอจนสวดศพเสร็จจึงพาเธอไปสมทบกับแม่เพื่อทูลลาท่านหญิง
“ขอบใจนะ...เสียดายลูกชายไม่อยู่ คุณจันทร์คงอยากเห็น”
“มังคะ...อยากเห็นมังคะ”
“ลูกชายฉันอายุสิบเจ็ดแล้ว น่ารักมาก พ่อแม่ทุกคนอิจฉาฉันที่มีลูกชายแสนดี”
“พี่หญิงโชคดีมากที่ลูกชายได้ดั่งใจทุกอย่าง เป็นลูกชายคนเดียวที่อยู่ในโอวาทแล้วก็รักท่านแม่เหลือเกิน”
ท่านหญิงเล็กอดผสมโรงอวดหลานชายด้วยไม่ได้ พจน์เหลือบมองน้องสาวบุญธรรม เห็นเธอไม่มีพิรุธใดๆ
แต่เชื่อว่าต้องมีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับวังรังสิยาแน่ หมายมาดรอโอกาสเหมาะๆแล้วค่อยถาม
จันทร์เลี่ยงไปกราบพระศพท่านชาย กลั้นสะอื้นจนตัวสั่นไปหมด ภาพความทรงจำคืนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันกลับมาอีกครั้งโดยเฉพาะตอนท่านประทานชื่อลูกชายกับลูกสาว พจน์เห็นอาการของเธอตลอด ตัดสินใจแน่วแน่ต้องถามให้รู้เรื่องเพราะไม่อยากเห็นน้องสาวแบกทุกข์หนักหนาไว้คนเดียว
ขณะเดียวกันอีกฟากของงาน...ท่านหญิงแขไขฯกับท่านหญิงเล็กซุบซิบกันเรื่องความเหมือนของจันทร์กับบุหลัน
“คนนี้ไงคะที่หญิงเจอที่โรงเรียนของหญิงทอแสง เหมือนนังหม่อมบุหลันมากอย่างไม่น่าเชื่อแต่ต้องเชื่อเพราะแม่กับพี่ชายเห็นอยู่ทนโท่”
“มีอะไรที่น่าสงสัยหลายอย่าง ข้อแรกเขาชื่อจันทร์...ความหมายเหมือนชื่อบุหลัน ข้อสองเขาร้อยมาลัยดอกพุดที่ร้อยยากกว่าดอกมะลิ” ท่านหญิงเล็กพยักหน้าเห็นด้วย พี่สาวเลยตั้งข้อสังเกตต่อ “ฝีมือเหมือนของบุหลันมากทีเดียว ข้อสามเขาพูดมังคะกับเรา ไม่ใช่เพคะแบบคนทั่วไป แถมพูดแบบชาววังแท้ๆ แม้แต่คุณหญิงเพ็งยังพูดเพคะเลย”
ท่านหญิงเล็กทึ่งในความช่างสังเกตของพี่สาว ท่านหญิงแขไขฯ ยังคาใจเรื่องเดียวคือจันทร์มีลูกสาวอายุพอๆกับชายเดียว...มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อคืนนั้นบุหลันก็คลอดชายเดียวออกมาแล้ว...หรือว่ามีเด็กผู้หญิงอีกคน?
กว่าจะเสร็จงานท่านหญิงก็อ่อนเพลียเต็มที รับสั่งให้สนไปรับชายเดียวจากโรงเรียนเย็นวันรุ่งขึ้นเพื่อมาถวายบังคมพระศพท่านพ่อ หลังจากนั้นจึงกลับเข้าห้องบรรทม ผีเฟืองรออยู่และรู้ถึงความสงสัยในตัวจันทร์ ส่งเสียงหัวเราะเบาๆพร้อมคำพูดวางอำนาจลอยมาตามลม
“ถ้าใช่มัน...มันก็โชคดี ชีวิตเดียวได้ตายสองหน”
“ถ้าใช่เขาจริง อย่าทำอะไรเขาเด็ดขาด เพราะเขายังไม่ตายก็เท่ากับเฟืองยังไม่ได้ทำบาป”
มีลมกระโชกพร้อมเสียงกระแทกข้าวของเป็นสัญญาณว่าเฟืองกำลังโกรธ ท่านหญิงไม่หวั่นแต่เอ่ยถามเสียงเย็น
“ว่าแต่ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเขาตายแล้ว ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าฆ่าเขา เขารู้กันทั่ววังแล้ว ใครๆก็รู้ว่าเฟืองเกลียดเขา อยากฆ่าเขาให้ตาย คนในวังนี้น่ะไม่โง่หรอกนะ”
คนปากสว่างที่ว่าก็ไม่ใช่ใครนอกจากสาลี่อดีตคู่ปรับไม้เบื่อไม้เมาตลอดกาลของเฟือง แม่ครัวใหญ่เตรียมตัวจะนอนแต่แล้วถึงกับตาลุกโพลงเมื่อเห็นผี
เฟืองในสภาพน่าเกลียดน่ากลัว ความกลัวจับจิตจนเป็นลมหมดสติคาห้องพัก!
ooooooo
รุ้งกับจริมารอสมาชิกในบ้านกลับจากงานศพด้วยใจจดจ่อ เมื่อได้ยินเสียงรถจึงวิ่งไปต้อนรับ ฉัตต์คอยดักรออยู่แล้วกระชากหางเปียรุ้งจนหน้าหงาย เด็กสาวไม่ร้องสักแอะแถมขอร้องให้ปล่อย แต่ไม่ได้ผลเพราะฉัตต์ยังยิ้มกวนๆจนเธอโมโห ปล่อยหมัดใส่ท้องเขาแล้วรีบตามจริมาไป
จันทร์โผกอดรุ้งทันที ความเสียใจท่วมท้นจนต้องก้มหน้าซ่อนน้ำตาซบไหล่ลูกสาว พจน์เห็นอาการตลอด ตัดสินใจรอจนน้องสาวส่งแม่เข้านอนจึงขอพูดด้วยตรงๆถึงที่มาที่ไปของเธอ
“น้องคิดว่าสมควรแก่เวลาหรือยังที่พี่จะรู้ความจริงว่าน้องเป็นใครและมาจากไหน ถ้าอดีตของน้องเป็นเรื่องอันตราย ให้พี่รู้ความจริง พี่อาจช่วยน้องกับรุ้งได้มากกว่านี้”
อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 4 วันที่ 5 ก.ค. 56
ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภาละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศ: เร็ว ๆ นี้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ