อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 9 วันที่ 27 ก.ค. 56
หลังไปส่งฉัตต์กลับเมืองไทย ในอีกหลายวันต่อมา พิสินีก็รีบไปหาจริมาเพื่อแจ้งข่าวร้าย เล่าเรื่องจดหมายปริศนาที่บอกเรื่องราวทางเมืองไทยแต่ไม่ยอมลงชื่อจริมาถอนใจหนักหน่วง เดาได้เลยว่าพี่ชายต้องอาละวาด หนักแน่
“ก็เพราะอย่างนี้ โกรธแล้วทำอะไรๆก็ได้ แม้แต่สิ่งที่ไม่น่าทำ แต่จะโกรธแค่ไหนริมาก็ไม่สนแล้ว”
“จะบ้าหรือ...ขอโทษค่ะ คุณพ่อเป็นผู้พิพากษานะ ใครจะมาเสี้ยมท่านได้ ดูถูกแม้กระทั่งพ่อตัวเอง” จริมาพยายามสงบสติอารมณ์ “ฝากคุณบัวไปบอกพี่ชายริมาด้วยว่า...เขาคิดผิดมาก คนคนนั้นช่วยครอบครัวเรามาตลอด เขาเหมือนแม่ที่ริมาไม่เคยมี ถ้าให้เลือกพี่ชายคนเดียว...ริมาไม่สนหรอกค่ะ”
พิสินีพูดไม่ออก ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะซับซ้อนขนาดนี้ ส่วนจริมาอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก ได้แต่สูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติ “แล้วเขาไม่เคยคิดหรือไงว่าโตมาถึงขนาดนี้ ใครกันที่ทำให้ทุกอย่าง...สุดท้ายเรื่องแค่นี้ก็ไปโทษเขา ฝากไปบอกเขาด้วยแล้วกันค่ะว่าอยากทำอะไรก็...เชิญตามสบายเลย”
“แต่...คุณฉัตต์กลับเมืองไทยไปแล้วเมื่อเช้านี้”
จริมาอ้าปากค้าง นึกเป็นห่วงทางบ้านโดยเฉพาะรุ้งที่คงเป็นที่ระบายความโกรธของพี่ชายเหมือนตอนเด็กๆ
วันเดียวกันที่เมืองไทย คุณหญิงทอแสงตัดสินใจแน่วแน่จะไปอยู่กับท่านป้าและชายเดียวที่วังรังสิยา เก็บกระเป๋าและข้าวของจำนวนหนึ่งเดินผ่านหน้าท่านหญิงเล็กที่มองมาด้วยความแปลกใจ ครั้นพอทราบเรื่องก็พยายามรั้งแต่ไม่ค่อยได้ผล
“ถ้าจะไปก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ท่านป้าแขไขไม่เคยมีรับสั่งให้หญิงไปอยู่ด้วย วังนั้นมีชายเดียวคงไม่งาม”
“ท่านแม่...หญิงไม่ได้จะไปปล้ำพี่ชายซะหน่อย รับสั่งแบบนี้ทุกครั้ง หญิงฟังจนเบื่อ...เบื่อด้วยงงด้วยว่าท่านแม่คิดว่าผู้หญิงผู้ชายอยู่ที่เดียวกันแล้วจะต้องมีอะไรกันตลอดเวลาหรือคะ”
สองแม่ลูกยื้อยุดกันจนท่านหญิงปั้นที่เสด็จมาเยี่ยมต้องเป็นฝ่ายห้ามทัพ คุณหญิงทอแสงสบโอกาสรีบทูลลาแล้วออกจากวัง ทิ้งท่านหญิงเล็กให้เครียดจัดเพราะไม่อาจปรามลูกสาวคนโตได้ ท่านหญิงปั้นส่ายหน้าน้อยๆ
ให้กับความดื้อรั้นของหลานสาว รับสั่งให้ตักเตือนดีๆ
เพราะกลัวใจเหลือเกินว่าจะไปก่อเรื่องไม่งามเข้าสักวัน!
ooooooo
เมื่อถึงเมืองไทย...ฉัตต์ตรงไปร้านสวนราตรีทันทีแต่ไม่ยอมเผยตัวจริง เขาปลอมเป็นชายหนุ่มผมและเครายาวรุงรัง ป่วนและอาละวาดพนักงานเสิร์ฟในร้านจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด บรรดาคนงานในครัวกลุ้มใจมาก รอจนรุ้งกลับจากโรงเรียนจึงส่งไปเจรจาพร้อมอาหารที่ปรุงใหม่
“เราปรุงใหม่ให้ทั้งหมดแต่ถ้ายังไม่ถูกใจ เราก็พร้อมจะทำใหม่จนกว่าคุณจะพอใจ”
ฉัตต์ตะลึง แอบดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้งแต่เมื่อนึกถึงความโกรธที่มีต่อกันจึงละสายตาและหาเรื่องกวนประสาท ปยุตที่มาเป็นแขกประจำพยายามข่มใจนั่งฟังจากอีกโต๊ะ ได้ยินเต็มสองหูว่าสาวน้อยที่ตนประทับใจโดนรวนอย่างไรบ้าง
“ร้านก็สวยแต่แม่ครัวไร้ฝีมือ เธอจะให้ลูกค้า
กินแต่บรรยากาศหรือ อยากรู้ไหมว่าแต่ละอย่างมันกินไม่ลงยังไง”
“ขอประทานโทษที่อาหารไม่ถูกปาก ดิฉันจะไม่คิดเงินค่าอาหารทั้งหมดนี้ค่ะ”
“แล้วเวลาที่เสียไปล่ะ เธอจะเอาอะไรมาชดเชย”
“เวลาที่เสีย...ดิฉันจะออกค่าน้ำมันรถให้คุณ”
ฉัตต์ตบโต๊ะและตวาดลั่นว่าเธอดูถูก รุ้งพยายามไกล่เกลี่ยแต่ชายหนุ่มผมยาวไม่ยอมเลิกรา เซ้าซี้ขอพบเจ้าของร้านแต่เธอปฏิเสธและอ้างว่าเขาอยู่ต่างประเทศ ฉัตต์ยิ่งโมโห กระชากแขนเธอจะพาไปคุยข้างนอกแต่ถูกปยุตขัดขวาง สองหนุ่มเถียงกันใหญ่โตจนเป็นเป้าสายตาของแขกทั้งร้าน
“ไม่ใช่กงการของผมแต่คุณจะทำร้ายสุภาพ
สตรีในที่สาธารณะ เธอเป็นแค่ผู้จัดการ คุณจะเอาอะไรนักหนา”
“ไม่เอาอะไร แค่จะขอพบเจ้าของร้านเท่านั้น ทำไมถึงเรียกไม่ได้...ผมมีสิทธิ์”
“ผมนั่งโต๊ะนั้นได้ยินชัดว่าเธอบอกว่าเจ้าของอยู่ต่างประเทศ ทำไมคุณไม่ฟัง เธอไม่คิดค่าอาหารสักบาท แถมจะให้ค่าน้ำมันเป็นค่าเสียเวลา เป็นผมจะเอาเงินไปหาร้านอื่นกินดีกว่า”
รุ้งเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจบอกความจริง “เจ้าของบ้านและร้านเป็นคนเดียวกัน เขาชื่อคุณฉัตต์ ปัณณธร”
ฉัตต์ชะงักแต่ยังไม่ยอมลงให้ “คุณไม่ใช่เจ้าของ ทำไมทำตัวเหมือนเจ้าของ”
“ดิฉันทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ทราบว่าเหมือนเป็นเจ้าของตรงไหน”
ฉัตต์กัดกรามแน่นและข่มเสียงให้เป็นปกติ
“ฉัตต์ ปัณณธร...ไม่ทราบว่าเป็นอะไรกับคุณพจน์ ปัณณธร ผมขอเข้าพบคุณพจน์ ผมรู้ว่าเขาเป็นผู้พิพากษาใหญ่
ท่านต้องยุติธรรมแน่ว่าใครเป็นคนผิดเรื่องนี้”
รุ้งยืนยันคำเดิมว่าไม่สามารถพบได้เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ฉัตต์ไม่ยอมจนหญิงสาวเหลืออด โพล่งออกไปว่าคงไม่โอกาสแล้วเพราะผู้พิพากษาใหญ่เพิ่งเสียชีวิต ฉัตต์อึ้งแล้วปัดแก้วน้ำตกแตก รุ้งเอะใจท่าทางแปลกๆ เบิกตาโพลงเพราะสังหรณ์ว่าชายหนุ่มจะเป็นคนที่นึกถึงและกลัวใจมาตลอด เธอมองเขาผลุนผลันออกจากร้านด้วยแววตาหวาดๆ เมื่อแม่เข้ามาหาจึงกระซิบทั้งน้ำตาว่าฉัตต์กลับมาแล้ว!
สองแม่ลูกเก็บกวาดร้านและฝืนทำงานจนหมดวัน เมื่อได้อยู่ตามลำพังจึงเริ่มหารือถึงเหตุการณ์เมื่อเย็น รุ้งยืนกรานว่าเป็นฉัตต์เพราะจำท่าทางเขาได้ จันทร์ทึ่งที่ลูกสาวความจำดีมากโดยเฉพาะทุกอย่างเกี่ยวกับฉัตต์แต่เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันจึงได้แต่ปลอบไม่ให้คิดมาก รุ้งสะเทือนใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะกลัวเขาโกรธจนไม่ยอมให้อยู่ด้วย จันทร์โอบกอดลูกด้วยความสงสารแม้อยากให้รุ้งสบายใจแต่ก็ไม่อาจทิ้งครอบครัวผู้มีพระคุณไปได้
ooooooo
ฉัตต์กลับไปนอนโรงแรมด้วยความหดหู่ ความจริงจากปากรุ้งทำให้ปวดร้าวไปหมด การสูญเสียบุพ-การีโดยไม่ทันตั้งตัวหวนกลับมาทำร้ายอีกครั้ง และเจ็บกว่าเดิมเพราะคิดว่าถูกหญิงสาวที่แอบมีใจหักหลัง เขาอาละวาดในห้องจนหมดแรงจึงทรุดนั่งกับพื้นนึกถึงคำสอนของพ่อที่ให้ระวังการกระทำแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้...หรือว่าเขากำลังเข้าใจผิด
ฝั่งวังรังสิยา...อยู่กันอย่างสงบเพราะผีเฟืองหายหน้าหายตาไม่ออกอาละวาดมาพักใหญ่ พิกุลกับสาลี่จึงย่ามใจพูดจากระแนะกระแหนท่านหญิงกับผีบ่าวคนสนิทอย่างสนุกปาก สนผ่านมาได้ยินจึงเตือนให้ระวังปากแต่สองบ่าวก็ไม่หวั่น นินทาต่อจนผีเฟืองทนไม่ไหว ปรากฏตัวหลอกหลอนจนพิกุลแทบจับไข้หัวโกร๋น
สาลี่ก็โดนเล่นงานไม่น้อยเพราะพูดท้าทายด้วยความคะนองปาก ผีเฟืองจึงแก้แค้นด้วยการเข้าสิงจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ผ่องเห็นท่าทางประหลาดของแม่ครัวใหญ่แล้วนึกสงสัย เมื่อเห็นแกยืนตบปากตัวเองเลยถึงบางอ้อ ปราดเข้าไปกล่อมให้ผีเฟืองออกจากร่างเพราะไม่อยากให้ทำบาปกรรม
“มันสองคนบังอาจมาก นังพิกุลจ้วงจาบถึงท่านหญิง กูจะเอาไว้ทำไมนังผ่อง ใครมาหยามท่านหญิงมึงยอมรึ”
“ไม่ยอมหรอกแต่พี่ให้พวกเราจัดการกันเองสิ พี่ลงมือเองมันบาปนะ พี่ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ท่านหญิงทรงห่วงพี่เฟืองหนักหนา ทรงใส่บาตรและสวดมนต์ให้พี่ทุกวัน อย่าทำให้ท่านห่วงเลย ท่านอยากให้พี่ไปเกิด”
“ข้ารู้...ข้ารู้น้ำพระทัยท่านทุกอย่าง ไม่มีใครแล้วที่จะรักเฟืองเหมือนท่านหญิง”
ผ่องขอร้องอีกครู่ใหญ่จึงขอตัวเพราะไม่อยากเห็นสภาพจริงๆของผีบ่าวรุ่นพี่ ผีเฟืองไม่สำนึก ลงโทษสาลี่ให้ทำร้ายตัวเองอีกหลายอย่างจนสาแก่ใจจึงออกจากร่างฟากผ่องมั่นใจว่าผีเฟืองคงไม่ยอมง่ายๆจึงไปทูลฟ้องท่านหญิง ผีบ่าวคนสนิทจึงถูกเรียกตัวไม่นานหลังจากนั้น
“ต่อไปนี้...ถ้าแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรอีกก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ทุกคนในวังเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง ไม่ต้องสงสัย
ใครว่าคิดไม่ดีกับหญิง ถ้าต่อไปจะมีใครคิดก็มีแต่เฟืองเท่านั้นเพราะทำอะไรไม่คิด ไม่รู้หรือว่าทำอย่างนี้ใครทุกข์ที่สุด” เฟืองเจ็บปวดก้มหน้าติดพื้นตาแดงก่ำ “หญิงจะยอมให้เฟืองทำบาปมากไปกว่านี้ไม่ได้!”
เฟืองสะเทือนใจที่ถูกตำหนิจึงค่อยๆสลายร่างผ่องเข้าประคองท่านหญิงแล้วต้องตกใจเมื่อท่านจะเป็นลม ครั้นคุณหญิงทอแสงทราบเรื่องก็โกรธมาก ผ่องไม่กล้าทูลว่าเป็นเพราะผีเฟืองจึงได้แต่ก้มหน้ารับผิด คุณหญิงทอแสงฯ เห็นสมควรจะเรียกชายเดียวกลับมาดูอาการท่านป้าจึงรีบโทร.หา...ตนจะได้มีเวลาใกล้ชิดกับพี่ชายเสียที!
ooooooo
อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 9 วันที่ 27 ก.ค. 56
ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภาละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ