@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร สามีตีตรา ตอนที่ 5 วันที่ 23 ก.พ. 57

อ่านละคร สามีตีตรา ตอนที่ 5 วันที่ 23 ก.พ. 57

กะรัตมองด้วยความรู้สึกเต็มตื้นหัวใจและเจ็บปวดว่าทำไมผู้ชายดีที่สุดในโลกต้องมารักผู้หญิงอย่างตน...คำด่าทอของใครที่ผ่านมาดังก้องในโสตประสาท แม้แต่คำสุดท้ายที่น้ำผึ้งตอกย้ำว่าผู้ชายกี่คนของตนก็ตายหมด กะรัตรับไม่ได้ดึงริบบิ้นที่ข้อมือออกแล้ววิ่งลงจากเวที ออกจากงานไป พิศุทธิ์ตกใจวิ่งตาม พวงหยกหัวเราะสะใจที่เห็นลูกฉลาดไม่ปล่อยให้เห็บหมัดมาสูบเลือดสูบเนื้ออีก แต่เจ้าสัวกลับโต้ว่าสงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร

พิศุทธิ์วิ่งตามกะรัตเข้าลิฟต์ไม่ทันจึงวิ่งลงบันไดมาแต่ก็เห็นเธอขึ้นรถขับออกไป กันตาวิ่งตามออกมาโยนกุญแจรถตัวเองให้เขาขับตามพี่สาวไป...กะรัตขับรถมาจอดริมถนนด้วยน้ำมันหมด เธอเดินมายืนมองดูโบสถ์เล็กๆที่เปิดไฟสวยงาม รู้สึกเศร้าใจกับชีวิตตัวเอง พอนึกได้ว่าแถวนี้เปลี่ยว จึงพยายามโบกรถให้ช่วย แต่ไม่มีรถยอมจอด เธอ ตัดสินใจโดดลงไปขวางรถที่แล่นมาอีกคัน ปรากฏว่าเป็นรถพิศุทธิ์ เขารี่ลงมาคว้าตัวเธอไว้ กะรัตดิ้นรนจะหนีห่าง เธอก้มลงกัดมือเขา พิศุทธิ์ร้องโอ๊ย...ทำไมถึงฤทธิ์มากขนาดนี้


“แล้วใครใช้ให้คุณมายุ่งกับฉันล่ะ ฉันไล่คุณให้ไป คุณก็ไปสิ...ฉันก็จะไปตามทางของฉัน คุณกับฉันไม่มีวันที่ไปด้วยกันได้หรอก”

“ไม่จริงหรอก จำได้ไหม...วันที่คุณโบกรถอยู่กลางทางด่วน ผมมองคุณอย่างลังเลว่า ผมควรจะจอดรับผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักไปด้วยดีไหม ผมเกือบจะขับผ่านไป แต่หัวใจผมกลับรู้สึกว่า ทิ้งคุณไปไม่ได้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนั้น แล้ววันนี้ผมก็รู้ว่า...วันนั้นที่ผมจอดรถรับคุณ และคุณโบกรถผม เพราะเราสองคนถูกกำหนดให้ต้องร่วมทางกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณไปที่ไหน คุณก็ต้องเจอผมที่นั่น คุณหนีผมไปไม่ได้ และผมก็ไม่มีวันจะทิ้งคุณ”

“คุณพิศุทธิ์...” กะรัตสบตาพิศุทธิ์ที่มองด้วยสายตารักหมดใจ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นว่า

“แต่งงานกับผมนะครับ...กั้ง”

กะรัตตะลึงเต็มตื้นไปด้วยความดีใจก่อนจะเอ่ยถาม “จะขอแต่งงานน่ะ ไหนล่ะแหวน”

พิศุทธิ์หยิบถุงขนมที่ทำขึ้นเองยื่นให้ เธอถามว่า เอาขนมมาขอแต่งงานเนี่ยนะ เขายิ้มๆ

“คุณจำได้ไหม คุณเคยบอกให้ผมคิดรสชาติขนมที่เป็นเฉพาะของคุณคนเดียว แล้วรสชาตินี้แหละที่ผมมีไว้เพื่อคุณเท่านั้น”

กะรัตมองชื่อรสชาติที่ข้างถุงขนมแล้วยิ้มอย่างมีความสุข...รสพิศุทธิ์...เธอแกะถุงขนม แล้วเห็นกล่องแหวนอยู่ในถุง พิศุทธิ์หยิบกล่องนั้นขึ้นมา เปิดให้เห็นแหวนเพชรก่อนจะสวมใส่ให้เธอ “ขนมรสพิศุทธิ์ ไม่ค่อยหวาน ไม่ค่อยเผ็ด เป็นขนมที่จืดชืด เพราะมันผลิตด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีสารเติมแต่งรส ไม่รู้คุณจะชอบกินไหม”

กะรัตมองแหวนที่พิศุทธิ์สวมให้อย่างตื้นตันใจ ยิ้มเจ้าเล่ห์ “กั้งจะกินให้หมดทั้งตัวเลย”

พิศุทธิ์กลับเป็นฝ่ายเขินกับคำพูดกำกวมของกะรัต เธอโผกอดเขาด้วยความรักหมดใจ พิศุทธิ์บรรจงจูบกะรัตด้วยหัวใจเบ่งบาน เต็มไปด้วยความสุข...

ต่างจากน้ำผึ้งที่เปิดกล่องของขวัญพิศุทธิ์ออกมาเป็นกล่องดนตรี เหมือนฝันสลาย เธอปาของทิ้งร้องกรี๊ด...ไม่จริง รสสุคนธ์ตกใจวิ่งขึ้นมาดู น้ำผึ้งหันมารื้อค้นกระเป๋าว่าแหวนร่วงหล่นอยู่บ้างไหม ฉุกคิดว่าพิศุทธิ์ซื้อแหวนไปให้ใคร ตนจะต้องรู้ให้ได้

ooooooo

พวงหยกโมโหวิ่งไล่ตีกะรัตที่รับคำขอแต่งงานของพิศุทธิ์ หาว่าทำอะไรไม่เห็นหัวก๋งบ้าง ทำให้ก๋งเสียใจ...เสียงเจ้าสัวบัญชา โพล่งขึ้น “อั๊วก็โอเคนะ ไม่ได้แย่อะไร”

พวงหยกถลึงตาใส่ที่พ่อไม่ เข้าข้างตนบ้าง เจ้าสัวให้นั่งรอคนมาสู่ขอลูกก็พอ พวงหยกไม่ยอมหันไปสั่งกฤชให้บอกเนื้อแพรล่ามลูกชายตัวเองไว้ อย่าปล่อยมายุ่งกับลูกเรา กะรัตโวย ไม่มีใครขวางตนกับพิศุทธิ์ได้ ตนรักเขา พวงหยกเอานิ้วจิ้มหัวลูก ตราหน้าว่า พิศุทธิ์ก็ไม่ต่างจากผัวทั้งสามคนที่หวังทรัพย์สมบัติของเธอเท่านั้น กะรัตกรีดร้อง

“ไม่จริง! ครั้งนี้จะไม่มีใครทิ้งใคร เพราะกั้งจะจดทะเบียนกับเขา”...พวงหยกแทบช็อก

ด้าน พิศุทธิ์ ถูกหม่อมมลุลีมาต่อว่าถึงบ้าน สั่งห้ามไม่ให้แต่งงานกับกะรัต เอาเรื่องกะรัตดวงกินผัวมาอ้าง แต่พิศุทธิ์โต้ “ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกครับ ไม่ช้าหรือเร็วผมก็ต้องตาย”

“พูดอย่างนี้แปลว่าหน้ามืดเข้าขั้น เหมือนพ่อชายไม่มีผิด!” หม่อมมลุลีปรี๊ดแตก

ท่าน ชายอ๊อดสะดุ้งปรามแม่วันนี้มาคุยเรื่องหลาน ไม่ใช่ตน แต่หม่อมมลุลียังด่าว่าไปถึงเนื้อแพรเป็นดาราหนังผ่านมือชายมาไม่รู้เท่า ไหร่ เนื้อแพรเหลืออดกัดเล็กๆ บ้างว่า

“หม่อมพูดถูก อาชีพฉันผ่านมือชายให้แตะโน่นแตะนี่ แต่ก็เลี้ยงชายมาจนโต ดีกว่าให้คนบางคนแตะทั้งตัวแต่ไม่เคยเลี้ยงลูกสักแดงเดียว”

ท่าน ชายอ๊อดหน้าเจื่อนติงแม่ไม่น่าเริ่มเลย พิศุทธิ์ยืนกรานไม่เปลี่ยนใจ ตนเห็นใจกะรัตที่แต่งงานสามครั้งแต่ถูกผู้ชายทรยศทั้งหมดสุดท้ายก็ต้องตาย เพราะอุบัติเหตุ แล้วทุกคนก็ประณามว่ากะรัตเป็นผู้หญิงกินผัว ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องมาเสียใจและสูญเสีย มันไม่ยุติธรรม

หม่อม มลุลีโกรธ พิศุทธิ์กล่าวขอโทษที่ทำให้เธอเสียใจ แต่ตนยืนยันว่าจะแต่งงานกับกะรัต หม่อมมลุลีจึง บอกให้ไปหาผู้ใหญ่สู่ขอเอาเอง เนื้อแพรแทรกขึ้นว่าไม่คิดจะรบกวนอยู่แล้ว ตนจะไปสู่ขอให้ลูกเอง พิศุทธิ์หันมองแม่ด้วยความดีใจ เนื้อแพรส่งยิ้มให้ลูกด้วยความรักเต็มหัวใจ

ออกมาหน้าบ้าน หม่อมมลุลีโวยวายใส่ท่านชายอ๊อด หาว่าเนื้อแพรข้ามหัวตนที่ไปสู่ขอกะรัตเอง ท่านชายงงแต่เสนอแนะ “ผมยอมรับว่ากะรัตไม่มีคุณสมบัติที่จะมาร่วมสกุลเรา ยัยนั่นเน่าเสียยิ่งกว่ามูลสัตว์ แต่อย่าลืมสิครับ มูลสัตว์มันแปรรูปเป็นปุ๋ยหมักสร้างเงินให้เราได้”

“นี่พ่ออ๊อดอย่าบอกนะว่า...” หม่อมมลุลียิ้มกระหยิ่มใจกับความฉลาดของลูกชาย...

รถ หม่อมมลุลีแล่นออกไป พิศุทธิ์หันมาขอบคุณเนื้อแพรที่ยืนอยู่ข้างตน เนื้อแพรกล่าวอย่างกังวล “ถ้าถามแม่จริงๆ แม่ไม่เคยแน่ใจในตัวกะรัต หวั่นว่ากะรัตจะพาความวุ่นวายมาให้ลูก กลัวว่าความสุขที่ลูกหวังมันจะมีแต่อุปสรรค และจากความสุขมันจะกลายเป็นความทุกข์”

“ผมเชื่อว่าคนรักทุกคู่ต้องมี อุปสรรค ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเป็นความทุกข์แล้วจมกับมัน หรือจะมองว่าเป็นบททดสอบแล้วสู้กับมัน ซึ่งผมเชื่อว่าผมกับกะรัตพร้อมจะสู้ครับ”

“แม่อยากให้ชายรู้ว่า เรื่องนี้แม่ไม่เคยอยากสนับสนุน แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ชายตัดสินใจแล้วแม่ก็จะไม่ขวาง แต่แม่อยากเตือนไว้ว่าความสุขที่แสนมีค่า มันมาพร้อมกับบททดสอบที่แสนสาหัสเสมอนะลูก” เนื้อแพรลูบแก้มลูกด้วยมือทั้งสอง พิศุทธิ์โผกอดซาบซึ้งกับความรักของแม่

พลัน กะรัตโทร.เข้ามา เนื้อแพรเห็นสีหน้าลูกชายยิ้มละไม จึงตัดสินใจจะทำให้ปัญหาลูกจบลง...กะรัตบอกพิศุทธิ์ว่า เธอคิดถึงเขาจนอยากจะหอบเสื้อผ้าไปอยู่ด้วยคืนนี้เลย

พิศุทธิ์ทำเสียงดุ “คุณนี่จริงๆเลย รีบนอนเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน”

“เดี๋ยวค่ะ แล้วผู้ใหญ่ที่คุณจะพามานี่ใครเหรอคะ อย่าบอกนะว่าหม่อมย่าของคุณ”

“ไม่ใช่ ครับ แม่ผมเอง...ผมรู้ว่ามันลำบากใจ แต่แม่เป็นคนที่ผมรักและเทิดทูนมากที่สุดในชีวิต พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญที่ชีวิตผมจะเปลี่ยน ผมอยากให้แม่เป็นส่วนสำคัญในวันนั้น”

“ค่ะ ไม่ว่าผู้ใหญ่ของคุณจะเป็นใคร กั้งไม่มีปัญหา ขอแค่คนที่กั้งรักเป็นคุณก็พอ”

พิศุทธิ์ ให้กะรัตนอน แต่เธอให้เขาจุ๊บ...จุ๊บ...ก่อน เขาเขินไม่อยากทำ เธอรบเร้าให้ทำก่อนถึงจะนอนหลับ เขาจึงมองซ้ายมองขวาไม่มีใครแล้วยอมทำจุ๊บ...จุ๊บ...กะรัตกระเซ้า แต่งงานกันเมื่อไหร่จะไม่บังคับให้แค่พูด แต่จะให้ทำทุกคืนก่อนนอน พิศุทธิ์อมยิ้มกับความเฮี้ยวของคนรัก

ooooooo

คืนนี้กันตา อยู่เวร ศิวาบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนถูกพาตัวเข้ามา กันตาคิดว่าเขาแกล้งอีกจึงทำรุนแรงกับ เขา พยาบาลรีบกระซิบว่าเขาบาดเจ็บจริงๆ เธอจึงตกใจรีบดูแลทำแผลเข้าเฝือกที่ขาให้ ก่อนจะส่งตัวเข้าพักห้องคนไข้ ศิวาอ้อนจะให้กันตาอยู่ดูแล แต่เธอปฏิเสธไม่ใช่หน้าที่

ศิวาไม่ยอม แพ้ คนอย่างตนถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้...รุ่งเช้า ศิวาจึงโวยวายไม่ให้ใครทำแผลนอกจากกันตา ไม่ทันไร กันตาโทร.เข้ามาเพื่อบอกเขาว่า โวยวายอย่างไรตนก็ไม่เข้าไปทำให้เพราะตนเป็นแค่หมอฝึกหัด และถือโอกาสสั่งสอน

“คุณนี่มันโดนใครต่อใครพะเน้าพะนอเอาใจจนเสีย นิสัย คิดว่าคนทั้งโลกต้องทำอย่างที่คุณต้องการ แต่เสียใจด้วยนะ โลกนี้มันโหดร้ายกว่านั้น แล้วฉันนี่แหละ จะสอนให้คุณรู้จักความโหดร้ายนั้นเอง” กันตายิ้มเยาะโบกมือยั่วเขาหน้าช่องกระจกประตู ด้วยออกเวรแล้ว...

เช้า วันนั้น น้ำผึ้งมาถึงที่ทำงาน ตรงจะเข้าห้องพิศุทธิ์เพื่อจะถามเรื่องแหวน ฟองดาวรีบบอกว่าวันนี้พิศุทธิ์ลางานไปทำธุระส่วนตัว ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าอะไร น้ำผึ้งยิ่งคุกรุ่น

เช้าวันเดียวกัน หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดชิงมาหาเจ้าสัวบัญชาก่อน เพื่อเรียกร้องค่าชื่อเสียงเกียรติยศของพวกตนกับพิศุทธิ์ที่จะต้องด่างพร้อย เพราะมาดองกับกะรัต และชวดผลประโยชน์นับสิบล้านที่จะลงทุนกับรัฐมนตรีอิสระไปด้วย เจ้าสัวไม่ค่อยพอใจ แต่เพราะรักหลานคนนี้มาก และสงสารชะตาชีวิตของเธอ จึงยอมเซ็นเช็คให้ไปเป็นเงินจำนวนมาก

กุนตีอ่อนใจที่พวงหยกไม่ยอมลง ไปร่วมฟังการมาสู่ขอกะรัต กุนตีพยายามกล่อมให้แม่ใจอ่อน ว่าพิศุทธิ์เป็นคนดีคนเดียวที่น้องเจอะเจอ แม่ไม่ควรเอาเรื่องเนื้อแพรมาทำลายความสุข

“เลือดเดียวกันมันจะดีไปสักกี่น้ำ แล้วยังท่านชายอ๊อดนั่นอีก กำพืดก๊กนี้ฉันรู้ปรุโปร่ง ตั้งแต่หัวยันหาง”

“ถ้าแม่คิดว่าเลือดไม่ดี แล้วที่กั้งออกนอกลู่นอกทางให้คนนอกเขาคุยกันสนุกปาก แม่จะยอมรับไหมคะว่าเป็นเพราะเลือดในตระกูล”

อ่านละคร สามีตีตรา ตอนที่ 5 วันที่ 23 ก.พ. 57

ละครเรื่อง สามีตีตรา บทประพันธ์โดย นาวิกา
ละครเรื่อง สามีตีตรา บทโทรทัศน์โดย วรรณวิภา สามงามแจ่ม
ละครเรื่อง สามีตีตรา กำกับโดย อำไพพร จิตต์ไม่งง
ละครเรื่อง สามีตีตรา ผลิตโดย บริษัททองเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โดยผู้จัด แอน ทองประสม
ละครเรื่อง สามีตีตรา ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง สามีตีตรา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557
ที่มา ไทยรัฐ