อ่านละคร สามีตีตรา ตอนที่ 1 วันที่ 10 ก.พ. 57
นวลถือชามก๋วยเตี๋ยวเนื้อมาให้กะรัตที่ห้อง แล้วถามว่าจะยกเลิกการสัมภาษณ์ไหม กะรัตลุกพรวดออกจากอ่างอาบน้ำ นวลรีบเอาเสื้อไปคลุมให้“แม่พูดถูก ขืนฉันยกเลิก อีพวกกากชะนีมันก็ระริกระรี้คิดว่าฉันเลิกกับภูแล้วน่ะสิ ฉันจะทำให้พวกมันเห็นว่า สุดท้ายภูต้องเลือกฉันเพราะฉันมีปัญญาให้ภูได้ทุกอย่าง ในขณะที่พวกมันเป็นได้แค่ปลิงเกาะภู”
นวลถอนใจ สุดท้ายกะรัตก็ใช้เงินซื้อความสุขจอมปลอมแล้วจะได้ความสุขแท้จริงอย่างไร...ในขณะที่ภูเบศร์เพิ่งเสร็จภารกิจกับนิลุบลบนเตียงนอนโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เขาได้รับโทรศัพท์จากนวลว่ากะรัตให้รีบไปหา จึงคว้าเสื้อผ้ามาใส่อย่างรวดเร็ว บอกหญิงสาวว่าตนต้องรีบไปพัทยา หญิงสาวแขวะจะรีบไปง้อเมียปีศาจหรือ ภูเบศร์ไม่ใส่ใจ พลันมือถือดัง เขารับสาย
“จริงเหรอคะ งั้นถ้าคุณได้เงินแล้ว คุณก็เลิกกับเขาได้แล้วสิ ทีนี้พวกเราก็จะอยู่กันพร้อมหน้า พ่อแม่ลูกกันสักที”....ภูเบศร์รับคำวางสาย รีบไปขึ้นรถ นิลุบลแต่งตัวเสร็จตามออกมา
ooooooo
ทุกอย่างของกะรัตต้องเลิศหรู มีทั้งดีไซเนอร์ ช่างผม ช่างแต่งหน้ารุมปรุงแต่งความงามให้แก่เธอ ระหว่างนั้น เธอก็พร่ำบ่นที่ภูเบศร์ยังมาไม่ถึงเสียที พาลวีนใส่ดีไซเนอร์ว่าเอาชุดจากสำเพ็งมาให้ตนหรืออย่างไร ตนขอแบบใหม่ๆบ้าง ดีไซเนอร์รีบจัดแจงเอามาให้เลือก
นวลเห็นความตึงเครียดของทุกคน จึงเอาน้ำและอาหารว่างมาเสิร์ฟให้ กะรัตถามถึงเรื่องที่ตนให้เปลี่ยนโซนจัดงานจากนอกร้านมาเป็นในร้าน นวลอึกอักบอกแล้ว แต่ทางร้านทำไม่ได้ เพราะมีคนจองจัดงานในร้านอยู่ก่อน กะรัตหาว่าทางร้านยึกยักอยากได้เงินเพิ่ม
“ไม่ใช่ค่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่อยู่ที่คนอื่น”
กะรัตขมวดคิ้วไม่พอใจ ใครที่กล้ามีปัญหากับตน “ไอ้นั่นมันเป็นใครถึงกล้ามาสั่งให้ฉันจัดงานที่ชายหาด อ๋อ...นี่มันคงรู้ว่าฉันรวย เลยแกล้งมีปัญหาหวังเรียกร้องเงินจากฉันล่ะสิ”
นวลพยายามแก้ว่าทุกคนไม่คิดแบบนั้น แต่กะรัตโต้ว่าตลอดชีวิตตนเจอแต่คนแบบนั้น นวลโน้มน้าวให้กะรัตยอมจัดงานนอกร้านตามเดิม ที่ชายหาดก็สวยบรรยากาศโรแมนติก แต่กะรัตแว้ดไม่ยอมจะไปจัดการด้วยตัวเอง นวลร้อนรนคิดหาคนที่จะช่วยห้ามกะรัตได้...
พิศุทธิ์นักวิชาการหนุ่มหล่อ สมาร์ทมีชาติตระกูลดี กำลังบรรยายวิชาการแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา เจ้าของร้านเปิดประตูเข้ามาทำหน้าแหยๆ พิศุทธิ์มองอย่างระอาเพราะรู้ว่าเขามาเรื่องอะไร ทั้งสองออกมาคุยกันนอกห้องสัมมนา เจ้าของร้านอ้อนวอน
“นะครับอาจารย์ ผมทราบว่าอาจารย์จองร้านเพื่อเลี้ยงคณะอาจารย์ นักศึกษาและพวกเด็กๆไว้นานแล้ว แต่ผมลำบากใจจริงๆที่จะปฏิเสธคุณกะรัต”
พิศุทธิ์สะดุดหูกับชื่อเก๋ๆนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนไปจัดเลี้ยงริมหาด เพราะคณะของเขามีครอบครัวมาร่วมด้วย มีเด็กเล็กซึ่งจะอันตรายถ้าจัดนอกร้าน เขาย้ำ “คุณเป็นอีกคนที่ผมชื่นชมในจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี หวังว่าคุณคงไม่ปล่อยให้เงินของผู้หญิงคนนั้น ซื้อสำนึกของคุณได้”
เจ้าของร้านเครียด เสนอลดราคาให้ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่พิศุทธิ์ก็นิ่งเฉย...ด้านนวลคิดหาทางขวางไม่ให้กะรัตไปก่อเรื่องที่ร้าน จึงโทร.ตามน้ำผึ้ง เพื่อนสนิทที่กะรัตรักและเกรงใจมาช่วยห้าม กะรัตกำลังจะขึ้นรถ เห็นน้ำผึ้งมาจึงชวนไปด้วยกัน แต่น้ำผึ้งกลับขู่ ถ้าก๋งรู้ว่าเธอทำแบบนี้คงไม่ภูมิใจแน่ๆ กะรัตชะงักอ่อนยวบลง...นวลกระซิบสมหวัง ตนคิดไม่ผิดเลยที่ตามน้ำผึ้งมาช่วย
กะรัตหันมาต่อว่านวล คราวหลังจะยึดมือถือจะได้ไม่โทร.ไปฟ้องน้ำผึ้งอีก นวลทำหน้าจ๋อย น้ำผึ้งช่วยพูดให้กะรัตเห็นว่าการจัดงานริมทะเลก็ดูดี แต่ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนร้านไปเลย ไม่ใช่ใช้เงินบีบบังคับคนอื่น กะรัตโอดโอยว่าร้านนั้นเป็นร้านที่ตนกับภูเบศร์กินกันครั้งแรก น้ำผึ้งย้อนถามว่าหายโกรธภูเบศร์แล้วหรือ กะรัตกระฟัดกระเฟียดว่า
“ไม่หายหรอก แต่เราต้องทนมองหน้ามันไปทั้งชีวิต อีกหน่อยถ้ามีลูก ไม่อยากให้ลูกเห็นแม่ปั้นหน้ายักษ์ใส่พ่อมัน”
น้ำผึ้งสะอึก เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเพื่อนพูดเรื่องลูก แต่งงานสองครั้งก่อนไม่เคยสนใจ กะรัตบอกว่าตนใช้เงินสิบล้านซื้อความเจ้าชู้ของภูเบศร์ เพื่อให้เขาตั้งบริษัทของตัวเอง ตนพร้อมจะจดทะเบียนสมรสด้วย น้ำผึ้งใจหายวาบ กะรัตชวนน้ำผึ้งไปให้ช่างแต่งหน้าทำผม เพราะตนมีบางอย่างรอเซอร์ไพรส์...กะรัตจัดแจงให้เพื่อนรัก โดยไม่ได้สนใจว่าเพื่อนจะพอใจหรือไม่
บรรยากาศในร้านเป็นงานเลี้ยงของพิศุทธิ์ นักข่าวที่รอสัมภาษณ์กะรัตเข้ามานั่งรออยู่มุมหนึ่ง เด็กที่พิศุทธิ์พามาเลี้ยงเป็นเด็กพิการใบ้เสีย 5-6 คน เขาจึงใช้ภาษามือสนทนาด้วย ผู้เข้าร่วมสัมมนาต่างชื่นชมกับความใจบุญของเขา ที่เขาเอาเวลาส่วนตัวมาให้ความสุขกับเด็กด้อยโอกาสมากกว่าจะไปเที่ยวดูหนังฟังเพลงอย่างคนหนุ่มทั่วไป พิศุทธิ์อ้างว่าตนยังโสด เนื้อคู่ยังไม่เกิด ผู้ร่วมสัมมนาสัพยอก เรื่องแบบนี้เวลาอยากเจอไม่ค่อยเจอ แต่เวลาไม่อยากเจอก็มาอย่างคาดไม่ถึง
ทันใดก็มีเสียงฮือฮาจากกลุ่มนักศึกษาที่มองออกไปหน้าร้าน พิศุทธิ์จึงมองตาม เห็นน้ำผึ้งในชุดราตรีสั้นสวยงามเดินไปที่ซุ้มจัดงาน กลุ่มนักข่าวรีบออกจากร้านไปถ่ายภาพ ไม่ทันไร ทุกคนก็เบนความสนใจมาทางกะรัตที่เดินตามมา เธออยู่ในชุดราตรีสั้นเช่นกัน แต่ดูเซ็กซี่น่ามองอย่างยิ่ง น้ำผึ้งรู้สึกอิจฉาที่เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาตนไปไหนมาไหนกับกะรัต
กะรัตจะมีท่าประจำคือดีดนิ้วป๊อกๆ เรียกพนักงานเสิร์ฟให้มาบริการนักข่าว พลันเหลือบไปเห็นพิศุทธิ์ที่อยู่ในร้านกำลังส่งภาษามือกับเด็กๆ เธอรู้สึกสะดุดตากับมาดเท่ของเขา นึกเสียดายที่เขาเป็นใบ้ พิศุทธิ์เองก็แอบมองกะรัต เจ้าของร้านเข้ามาถามความเรียบร้อยแล้วขอตัวไปขอบคุณกะรัตที่ยอมเปลี่ยนใจไม่ใช้สถานที่ในร้าน พิศุทธิ์ถามขึ้น ผู้หญิงคนนั้นหรือ ที่ชื่อกะรัต
“ใช่ครับ...คุณหนูกะรัต เพิ่งขึ้นหน้าข่าวสังคมเลยครับอาจารย์” เจ้าของร้านหยิบหนังสือมาเปิดหน้าข่าวสังคมให้
พิศุทธิ์อ่านข่าวแล้วเงยหน้ามองท่าทีกะรัตที่กำลังคุยกับน้ำผึ้งดูน่ารักมีความสุขไม่เหมือนภาพข่าวที่ตบตีกันในงาน ตรงข้ามกับน้ำผึ้งที่นิ่งขรึมยิ้มเย็นๆ เขารู้สึกสองสาวนี้ต่างกันสิ้นเชิง
ooooooo
นิลุบลรบเร้าให้ภูเบศร์แวะส่งตนที่สัตหีบ เขาอึดอัดใจเกรงไปไม่ทันงาน กะรัตโทร.เข้ามา เขาไม่กล้ารับเกรงจะได้ยินเสียงนิลุบลเล็ดลอดเข้าไปแล้วต้องชวดเงินสิบล้าน จึงตัดสายทิ้ง
น้ำผึ้งรู้สึกมึนหัวจะอาเจียน เห็นไม่มีใครก็เอายาแก้แพ้ขึ้นมากิน กะรัตมาตามให้เธอไปร่วมสัมภาษณ์ “นี่แหละเรื่องเซอร์ไพรส์...กั้งบอกทีมงานว่าอยากให้ลงรูปเราสองคนในนิตยสารด้วย ผึ้งเป็นคนสำคัญอีกคนนึงในชีวิตกั้ง กั้งคงไม่มีวันเจอภูได้ ถ้าวันนั้นผึ้งไม่พาภูมาพบกั้ง”
สีหน้าน้ำผึ้งเหยียดหยาม กำมือเก็บความเจ็บแค้น กะรัตจูงมือน้ำผึ้งเข้ามานั่งให้สัมภาษณ์ บอกถึงความสนิทสนมของเราตั้งแต่มัธยมต้น ตนไม่ค่อยมีเพื่อน มีแต่น้ำผึ้งที่ยอมเป็นเพื่อนสนิท เรารักกันมากถึงขนาดซื้อต่างหูก็ต้องเหมือนกัน กะรัตเผลอพูดถึงปมด้อยของเพื่อน
“น้ำผึ้งไม่ค่อยยอมใส่ บอกว่ามันแพง กั้งเป็นคนแบบว่าถ้ากั้งมีอะไรต้องซื้อให้ผึ้งด้วย เราเคยสัญญาว่าถ้ามีอะไรก็ต้องคิดถึงอีกคนด้วย มีอะไรต้องบอกกัน ไม่มีความลับต่อกันจริงไหม”
น้ำผึ้งฝืนยิ้มกระซิบถามกะรัตถึงภูเบศร์ กะรัตตอบว่าส่งข้อความไปแล้วถ้าไม่มาภายในสิบนาทีจะไม่ให้เงิน น้ำผึ้งเผลอขึ้นเสียงเดี๋ยวเขาต้องรีบขับรถจนเกิดอุบัติเหตุได้ กะรัตผงะงงๆ น้ำผึ้งรู้ตัวกลบเกลื่อน “คือผึ้งอยากให้กั้งพูดจากับคุณภูดีกว่านี้ กั้งชอบให้คนอื่นเอาใจ พูดดีๆกับกั้งเท่าไหร่ คนอื่นก็อยากให้กั้งพูดดีๆด้วยเท่านั้น”
กะรัตกระเซ้าว่าเพื่อนทำเหมือนคนแต่งงานแล้ว น้ำผึ้งทำหน้านิ่งๆในใจเป็นห่วงภูเบศร์ ในขณะเดียวกัน ภูเบศร์บึ่งรถจะไปส่งนิลุบลเพื่อไปให้ทันงานของกะรัต แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได้...น้ำผึ้งทำแก้วน้ำในมือตกแตก เธอใจคอไม่ดี กะรัตดีดมือป๊อกๆเรียกนวลให้ตามพนักงานมาเก็บกวาด และให้น้ำผึ้งไปถ่ายภาพกับทีมงานก่อน กะรัตหงุดหงิดที่ภูเบศร์ไม่มาเสียที ไม่ทันไร พวงหยกโทร.มาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุกับภูเบศร์ เธอช็อกโทรศัพท์ร่วงจากมือ เดินรี่ไปที่รถ นวลตกใจละล้าละลังจะตามกะรัต หรือไปบอกน้ำผึ้งดี สุดท้ายตัดสินใจตามกะรัต กะรัตสั่งสมหวัง ให้รอรับน้ำผึ้งไปเจอโรงพยาบาลที่กันตาทำงานอยู่
กันตาในชุดกาวน์กับทีมพยาบาลรับรถเข็นร่างภูเบศร์เข้ามา พยาบาลรายงานว่า รถประสานงากับรถบรรทุก ถูกด้านหน้ารถอัดกระแทกอย่างแรง และโดนเหล็ก ของรถแทงตามร่างกาย เธอเห็นสภาพเขาแล้วเศร้าใจสงสารพี่สาวอย่างยิ่ง
กะรัตขับรถเร็วจี๋ปาดหน้ารถทุกคันจนเกือบชนกับรถของพิศุทธิ์ สุดท้ายก็ไปชนรถที่สวนมาอย่างจัง เธอตกใจหันมาดูนวลก่อนว่าบาดเจ็บตรงไหน นวลเห็นหน้าผากกะรัตเลือดไหล แต่เธอไม่สนใจสั่งนวลให้รอจัดการกับประกัน ตัวเองวิ่งไปโบกรถ ไม่มีใครยอมจอด ตัดสินใจเอาตัวเองขวางรถที่กำลังแล่นมา ปรากฏเป็นรถพิศุทธิ์ เขาลดกระจกลงจะต่อว่า แต่พอเห็นหน้ากะรัตมีเลือดก็ชะงัก กะรัตเห็นหน้าเขาก็จำได้ แต่นวลชิงพูดก่อนว่าขอติดรถเข้ากรุงเทพฯด้วยคน
“เขาฟังไม่ได้ยินหรอก เขาเป็นใบ้” กะรัตบอกนวล พิศุทธิ์มองเธองงๆ
กะรัตบอกว่าเห็นเขาส่งภาษามือที่ร้าน พิศุทธิ์จึงเลยตามเลย กะรัตทำมือพร้อมพูดขอติดรถไปกรุงเทพฯด้วยคน นวลเป็นห่วง แต่กะรัตว่า คนอย่างกะรัตไม่เสียท่าคนใบ้หรอก ว่าแล้วก็ควักเงินในตัวเป็นปึกให้นวลไว้เป็นค่าเดินทางกลับ พิศุทธิ์ส่ายหน้าขำๆไม่อยากจะแก้ไข
ระหว่างทาง พิศุทธิ์ขับรถช้า กะรัตร้อนใจทำมือสื่อให้เขาขับเร็วขึ้น แต่เขาก็ยังขับช้าอยู่ เธอคิดว่าเขาไม่เข้าใจที่พูด จึงร้องไห้ระบายความอัดอั้นออกมา เพราะคิดว่าพิศุทธิ์ฟังไม่รู้เรื่อง
“มันจะซวยอะไรนักหนา แค่จะไปหาภู อยากจับมือให้กำลังใจอย่างที่เมียควรจะทำ ฉันก็ยังทำไม่ได้ สมควรแล้วที่ผัวจะไปมีผู้หญิงอื่น อดทนไว้นะภู ถ้าภูหายคราวนี้ กั้งจะทำตัวใหม่ จะเป็นเมียที่ดี คอยอยู่บ้านทำอาหารรอภู ไม่อาละวาด จะคอยเอาใจดูแลภู”
พิศุทธิ์เหลือบมองกะรัต รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนท่าทางที่แสดงออก กลับอ่อนแอเสียอีก จึงเร่งความเร็วรถขึ้น กะรัตดีใจหันมายิ้มให้ เขาประทับใจรอยยิ้มนั้นมาก
เมื่อรถจอดหน้าโรงพยาบาล กะรัตลงจากรถวิ่งไป พิศุทธิ์สบถ จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี ไม่ทันไร กะรัตวกกลับมาจะควักเงินให้ แต่ไม่มีเพราะให้นวลไปหมด จึงถอดนาฬิกาข้อมือวางไว้ให้แทน “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เคยใช้ใครฟรีๆ”
พิศุทธิ์จะตามไปคืนให้แต่ถูกยามเป่านกหวีดไล่ไม่ให้จอดตรงนี้...กะรัตวิ่งมาหน้าห้องฉุกเฉิน พบพวงหยกกับกุนตีหน้าเศร้าไม่อยากเดาว่าอะไร พลันแม่ของภูเบศร์ร้องไห้โฮเข้ามา ผลักอกกะรัตหาว่าเป็นผู้หญิงกินผัว เป็นกาลกิณี พวงหยกเหลืออดตอบโต้ปกป้องลูกสาว เถียงกันสักพัก กันตาออกมาจากห้องฉุกเฉินสั่งพยาบาลพาแม่ภูเบศร์ไปสงบอารมณ์ พวงหยกยังโวย
“เพราะพ่อแกคนเดียว ร่านไปกับนังเนื้อแพร อีดาราหน้าด้าน ใครต่อใครถึงมาประณามฉัน ป่านนี้ไม่รู้ไปสำเริงสำราญอยู่ฮ่องกงหรือห้องไหนก็ไม่รู้”
กะรัตโพล่งขึ้นว่าต้องการเห็นภูเบศร์ แต่กันตาไม่อยากให้เข้าไป ก็ขวางไม่อยู่...พิศุทธิ์แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอึ้งๆ
ooooooo
น้ำผึ้งนั่งรถที่สมหวังขับด้วยความรู้สึกเครียดเป็นกังวล ห่วงภูเบศร์จนเกิดอาการคลื่นไส้ เกรงสมหวังจะรู้ว่าตัวเองแพ้ท้อง จึงขอลงรถ อ้างอยากกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน โดยไม่ให้เขาไปส่ง จากนั้นเธอก็โบกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลทันที
กะรัตตามเจ้าหน้าที่เข้ามาในห้องดับจิต เจ้าหน้าที่บอกว่ามีสองศพ เธอเอะใจหรือภูเบศร์จะนอกใจอีก พลันแม่ของนิลุบลโผล่มาเรียกร้องค่าเสียหาย เพราะนิลุบลเป็นเมียภูเบศร์ กะรัตปรี๊ดแตก ผลักศพนิลุบลไปชนแม่ของเธอ ผรุสวาทออกมา
“อยากได้ค่าเสียหายเหรออีป้า ถ้าอยากได้ส่วนบุญ ก็ไปจิกทึ้งเอากับศพไอ้ผัวชั่วนั่น อย่าคิดจะมาเอาจากฉัน แม้แต่สลึงเดียวฉันก็ไม่ให้”
กะรัตเดินออกจากห้องดับจิต พิศุทธิ์จะเอานาฬิกาไปคืนให้ ก็พอดีเห็นพวกญาติๆร้องไห้กันอยู่ กะรัตสติหลุดแหกปาก “จะร้องไห้กันทำไม มันก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก ไอ้คนตายมันเป็นพวกเห็นแก่ตัว มันหนีไปสบายตัวเดียวแล้วทิ้งความทุกข์ไว้ให้คนข้างหลัง เลว! เลว!”
พิศุทธิ์ชะงักคิดว่าไม่ใช่เวลาจะคืนนาฬิกา กะรัตเดินไปไม่ทันไร เขาก็ได้ยินเสียงโครมคราม หันมองเป็นน้ำผึ้งท่าทางร้อนรนเข้าไปในห้องดับจิต ทันทีที่เห็นศพภูเบศร์ เธอก็ร่ำไห้กอดร่างเขารำพันอย่าทิ้งตนกับลูกไป...กะรัตเดินไปไม่เท่าไหร่นึกอยากกลับไปเล่นงานศพภูเบศร์ให้หายแค้น เธอหันกลับมุ่งเดินไปที่ห้องดับจิตอีก พวงหยก กุนตีและกันตารีบตามไปห้าม
พิศุทธิ์เห็นกะรัตกลับมาก็นึกเป็นห่วงจะเจอกับน้ำผึ้ง กุนตีมาดึงรั้งน้องสาวไว้ ให้อโหสิกรรมแก่ภูเบศร์จะดีกว่า กะรัตเสียงกร้าว “ไม่มีทาง! กั้งเกลียดการโดนหักหลังที่สุด ใครที่มันทำกั้งเจ็บ อย่าหวังเลยว่ากั้งจะให้อภัย กั้งจะตามจองล้างจองผลาญมันไปทุกชาติ”
เสียงกะรัตโวยวายทำให้น้ำผึ้งตกใจรีบหลบหลังประตู กะรัตจะผลักประตูเข้า กันตาเสียงเข้มขู่จะโทร.ไปฟ้องก๋ง กะรัตชะงักทันที...เจ้าสัวบัญชาเป็นอาก๋งที่กะรัตเกรงใจที่สุด พิศุทธิ์พลอยผ่อนลมโล่งอกไปด้วย ทุกคนดึงกะรัตให้กลับ น้ำผึ้งเห็นเสียงเงียบจึงล่ำลาศพภูเบศร์ก่อนจะกลับออกมา เธอหน้าซีดซวนเซเป็นลม พิศุทธิ์เข้าประคองก่อนที่เธอจะล้มหัวฟาด
หน้าห้องตรวจ พิศุทธิ์เป็นห่วงรอฟังอาการ หมอออกมาแสดงความยินดีว่าน้ำผึ้งท้องได้สองเดือน เขารีบบอกว่าตนเป็นเพียงคนที่ช่วยเธอไว้ไม่ได้เป็นญาติ ว่าแล้วก็ลากลับ น้ำผึ้งแอบหนีออกจากห้องพักเพราะเกรงกันตาจะรู้เรื่องของตน ก็พอดีกันตาเดินมาเห็นน้ำผึ้งแวบๆ เรียกไม่ทัน หมอกำลังมองหาคนไข้ กันตาจึงถามว่าหาใคร เขาบอกคนไข้หนีไปไหนไม่รู้ กำลังตั้งท้องอยู่ด้วย กันตาตกใจไม่อยากคาดเดาว่าคนไข้คนนั้นคือน้ำผึ้ง...
กันตาวิ่งตามออกมาหน้าโรงพยาบาล เห็นน้ำผึ้งขึ้นแท็กซี่ไปหลังไวๆพลันกฤชโทร.เข้ามาจึงกดรับสาย
“สวัสดีค่ะพ่อ...พ่อกลับจากฮ่องกงแล้วเหรอคะ”
ooooooo
กฤชนั่งรถสนามบินมาส่งเนื้อแพรที่บ้าน กำลังขนของลงจากรถ พอรู้ข่าวกะรัตจากกันตาก็ตกใจ กันตาขอให้เขากลับไปดูกะรัต เพราะความใจเย็นของพ่อช่วยลูบไล้กะรัตให้อ่อนลงได้
กฤชบอกเนื้อแพรว่าตนต้องรีบกลับบ้าน เนื้อแพรรู้สึกสงสารกะรัตอย่างจริงใจ เธอกุมมือกฤชปลอบใจ พลันรถพิศุทธิ์แล่นเข้ามา ทั้งสองปล่อยมือจากกัน พิศุทธิ์เข้ามาสวัสดี ติงจะกลับทำไมไม่ให้ตนไปรับ เนื้อแพรหอมแก้มลูกชายอย่างรักใคร่
“แค่นี้เอง แม่กลับได้...ชายกลัวใครฉุดแม่เหรอจ๊ะ ถ้าแม่ไม่ยอม ไม่มีใครฉุดแม่ได้หรอก จริงไหมคะคุณกฤช” กริชยิ้มรับ เนื้อแพรรู้ว่าเขาห่วงลูกสาว จึงเร่งให้เขากลับ
กะรัตอาละวาดปาข้าวของรูปถ่ายแต่งงานทิ้งลงพื้น โครมคราม นวลกับสมหวังพยายามห้าม พวงหยกเอ็ดว่าพื้นกระเบื้องจากฝรั่งตนเสียหายหมด สั่งนวลกับสมหวังจับกะรัตไว้ กฤชโผล่เข้ามาปรามจะโกรธแค้นคนตายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร รู้จักอโหสิกรรมดีกว่า
พวงหยกแขวะ “แหม...มาถึงก็เข้าข้างลูกเขยเลยนะ อ้อ ใช่สิ ก็มันพวกเดียวกันนี่เนอะ ไงล่ะ ไปฮ่องกงคราวนี้ ลองลิ้มชิมรสติ่มซำของนังเนื้อแพรล้นกระเพาะชั้นบนไหลลงกระเพาะชั้นล่างเลยไหมล่ะ”
กฤชเอ็ดให้หยุด แต่พวงหยกแย้งไม่ต้องกลัวที่ตนพูดไม่ได้ห้าม เพราะรู้ว่าคนจะหยุดแรดได้ก็ต่อเมื่อเป็นโรคหรือไม่ก็ตายโหงอย่างภูเบศร์ กะรัตสะเทือนใจ เดินหนีเข้าห้อง ไม่ทันไร นวลเห็นควันลอดออกมา ก็โวยวายว่าไฟไหม้ ทุกคนกรูไปเปิดประตูห้องเห็นกะรัตกำลังเผาเสื้อผ้าของภูเบศร์ทิ้ง ก็ช่วยกันดับไฟ กะรัตฟูมฟายว่าตนซื้อแต่ของแพงๆที่เขาอยากได้ให้ทั้งนั้น
ดีที่ตายโหง ไม่อย่างนั้นตนจะไปฆ่าทั้งเขาและชู้คาเตียง กฤชบอกลูกสาวให้มีสติ ใช้แต่อารมณ์ชีวิตถึงได้พัง กะรัตเหมือนโดนกระแทกใจ วีนกลับ
“ที่ชีวิตพังไม่ใช่เพราะตัวกั้ง แต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอของผู้ชาย พ่อเองก็ไม่ต่างจากไอ้ภูหรอก”
กุนตีปราม พวงหยกหัวเราะเยาะที่กฤชโดนลูกย้อน กฤชถอนใจ บอกกะรัตเมื่อลูกคิดแบบนั้น ตนก็จะไม่อยู่รบกวนจิตใจ ว่าแล้วก็เดินไปลากกระเป๋ากลับไปที่รถ พวงหยกโวยไล่หลังว่าคิดจะไปกินติ่มซำของเนื้อแพรอีกมากกว่า กุนตีต่อว่ากะรัตพูดแบบนั้นกับพ่อได้อย่างไร กะรัตสำนึกผิด กุนตีวิ่งตามไปขอพ่ออย่าถือสาน้อง กฤชให้กุนตีคอยเตือนกะรัต อย่าเอาแต่โทษคนอื่น ถ้าเราทำบ้านให้ร่มเย็น ไม่มีใครอยากย้ายไปอยู่ที่อื่นหรอก พูดจบกฤชขึ้นรถขับออกไป
พวงหยกด่าทอไล่หลัง กุนตีภาวนาขอให้มีคนมาสอนกะรัตให้รู้จักคุณค่าของหัวใจมากกว่าค่าของเงินเสียที...ด้านเนื้อแพร นั่งทานอาหารว่างกับพิสุทธิ์ คุยกันเรื่องของกะรัต
“ชายเจอคุณกะรัตแล้วเหรอ...คุณกะรัตเป็นคนน่าสงสารนะ ถึงแม้ท่าทางภายนอกจะดูเปรี้ยว ฉูดฉาด บ้านมีฐานะ เป็นถึงหลานเจ้าสัวบัญชา เจ้าพ่อธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารส่งออกของประเทศ แต่แม่ไม่เคยเห็นกะรัตมีความสุขเลย มีสามีสามคน แต่ละคนก็เหมือนจะดูดี แต่ความจริงเป็นพวกข้างนอกสดใส ข้างในกลวงเป็นโพรง คิดจะมาเกาะคุณกะรัตทั้งนั้น เห็นคุณกฤชบอกว่าคนล่าสุดก็ตายกับผู้หญิงอื่น...นี่แหละนะเป็นคนรวยก็ใช่ว่าจะดี หาคนไว้ใจยาก”
อ่านละคร สามีตีตรา ตอนที่ 1 วันที่ 10 ก.พ. 57
ละครเรื่อง สามีตีตรา บทประพันธ์โดย นาวิกาละครเรื่อง สามีตีตรา บทโทรทัศน์โดย วรรณวิภา สามงามแจ่ม
ละครเรื่อง สามีตีตรา กำกับโดย อำไพพร จิตต์ไม่งง
ละครเรื่อง สามีตีตรา ผลิตโดย บริษัททองเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โดยผู้จัด แอน ทองประสม
ละครเรื่อง สามีตีตรา ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง สามีตีตรา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557
ที่มา ไทยรัฐ