@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 9-10 วันที่ 17 ส.ค. 55

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 9

กิมฮวยยังตะแบงด่ากิมลั้ง ประกาศว่าตนเกลียดต๋องและไม่มีวันยอมรับต๋องเด็ดขาด กิมฮวยด่ากิมลั้งจนเคี้ยงกลับมาทนไม่ได้ ขอร้องกิมฮวยว่าอย่ากดดันลูกแบบนี้ได้ไหม ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียใจทีหลัง
“ลื้อพูดอย่างกับว่า ทุกวันนี้อั๊วไม่เสียใจ ไม่มีใครได้ดังใจเลยทั้งลูกทั้งผัว ว่าแต่ลื้อ หายไปไหน ทำไมเพิ่งจะโผล่หัวมาตอนนี้” เคี้ยงตั้งหลักไม่ทันตอบอึกๆอักๆ

ว่าไปคุยกับเพื่อน “เมียจะถูกจับ ลูกแอบไปพลอดรักกับผู้ชาย ลื้อยังมีแก่ใจออกไปหาเพื่อนอีกใช่ไหม...อ๊ายยยยย” กิมฮวยแผดเสียงใส่เคี้ยงแล้วกระทืบเท้าขึ้นชั้นบน

เมื่อกิมลั้งขึ้นไปยืนทอดถอนใจที่ระเบียงห้องนอน ก็ได้รับโทรศัพท์จากต๋อง เธอบอกเขาว่าตนบอกแม่ไปแล้วว่า “ฉันรักเธอ” ต๋องตกใจกลัวเธอจะมีปัญหากับแม่ กิมลั้งพูดอย่างกล้าหาญว่าถึงเวลาที่ตนจะต้องให้แม่รับรู้แล้ว และเชื่อว่าเขาจะมาเติมเต็มสิ่งที่ดีงามให้กับตน บอกต๋องว่าไม่ต้องกังวลอะไร เก็บแรงไว้ต่อสู้กับงานใหญ่พรุ่งนี้ดีกว่า

ooooooo

ในที่สุด ต๋องก็ได้หลักฐานเด็ด เมื่อเจอหมาตัวหนึ่ง ที่เจ้าของขี้เล่นเอากล้องติดไว้ที่ปลอกคอ หมาวิ่งเล่นในตลาดบันทึกภาพชายฉกรรจ์ที่เข้าไปขโมยเครื่องมือทำมาหากินของพวกในตลาด ทั้งครก อีโต้ และเขียงที่

ทางตำรวจเอามาเป็นหลักฐานมัดตัวพวกพ่อค้าแม่ค้า

เมื่อนำคลิปจากกล้องที่คอหมาไปเปิดให้ตำรวจและพวกรัศมีดู ทั้งชายศักดิ์ ศักดิ์ชาย ต่างตกใจ รัศมีถึงกับช็อก กลัวเรื่องสาวมาถึงตัวจึงรีบยอม แต่ในใจยังอาฆาตจะเอาชนะให้ได้

ชายศักดิ์พูดอย่างอาฆาตว่าอย่าให้ถึงคราวตนบ้างก็แล้วกัน สดศรีสวนไปทันทีว่า

“ชายศักดิ์ มันคงไม่มีคราวหน้าแล้วล่ะ เพราะนับจากนี้ไปฉันจะเป็นฝ่ายไล่บี้พวกเธอบ้าง”

“เลิกพล่ามเป็นยัยแก่เพ้อเจ้อได้แล้วครับคุณนาย เกมแค่เพิ่งจะเริ่ม สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งรีบนับศพใคร” ศักดิ์ชายโพล่งขึ้น แต่เพราะพวกตนพลาดท่าเสียที ทั้งสามพ่อแม่ลูกเลยพากันกลับ

ระหว่างนั่งในรถ ศักดิ์ชายที่ไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมของแม่ถามว่าจะยอมให้เรื่องจบแบบนี้หรือ แม่เชื่อหรือว่าพวกนั้นไม่เกี่ยวกับกรณีนี้

“ใครบอกว่าแม่เชื่อล่ะ แต่แม่ไม่อยากให้เรื่องมันย้อนกลับมาที่พวกเรา” รัศมีพลั้งปาก ชายศักดิ์ติงว่าพูดเหมือนพวกเราเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดเองอย่างนั้นแหละ รัศมีชี้แจงว่าไม่ใช่อย่างนั้น รูปการณ์นี้แสดงว่าพวกนั้นวางแผนไว้อย่างรัดกุมมาก “ถ้าเราไม่จบ เกิดมันกุเรื่องจนกลายเป็นว่าเราสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง เพื่อโยนบาปให้มัน จะไม่ไปกันใหญ่เหรอคะ”

พูดจนทั้งลูกทั้งผัวเห็นด้วยแล้ว รัศมีตบท้ายว่า “คราวนี้เราถึงต้องยอมถอยเพื่อก้าว เชื่อเถอะ...อดทนรอเวลาที่เหมาะสมแล้วเราจะชนะ”

ooooooo

เมื่อจาตุรงค์รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็โวยวายใส่ศักดิ์-ชายว่า มีเรื่องกับพวกตลาดถึงกับต้องขึ้นโรงพักหรือ บ้าไปแล้วรึเปล่า

จาตุรงค์พูดอย่างเข้าใจชาวตลาดว่า ทำไปเพื่อปกป้องไม่ให้เสียตลาดไป เพราะนั่นคือที่ทำมาหากินของทุกคน พ่อแม่ตนก็ขายของอยู่ที่นั่น แล้วไหนยังมีครอบครัวกิมลั้งอีก

ในที่สุดจาตุรงค์ก็ขัดแย้งกับศักดิ์ชาย เมื่อศักดิ์ชายปรามาสว่าป่านนี้กิมลั้งอาจจะเสียท่าต๋องไปแล้วก็ได้ ทำให้จาตุรงค์โมโหลุกขึ้นมาโต้ว่า

“พูดบ้าอะไรของนายวะ น้องกิมลั้งน่ะฉันรักจริงหวังแต่งนายก็รู้ ส่วนไอ้ต๋อง ฉันก็ไม่ยอมแพ้มันอยู่แล้ว ไปแล้วเว้ย” ว่าแล้วจาตุรงค์เดินผละไปเลย ศักดิ์ชายเครียดที่เสียแนวร่วมจอมซ่าอย่างจาตุรงค์ไป

ooooooo

เมื่อหาหลักฐานมาต่อสู้จนเอาชนะรัศมีและทุกคนพ้นข้อหาแล้ว คุณนายสดศรีพลิกสถานการณ์เป็นต่อ เตรียมรุกห้างเวรี่แฮปปี้จะทำให้กลายเป็นห้างเวรี่แซดให้ได้

คุณนายเรียกประชุมชาวตลาด ประกาศความดีความชอบของต๋อง เต็กไฮ้ผสมโรงว่าต๋องเลิศเลอเพอร์เฟกต์ สมกับเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของณดาจริงๆ ยุให้คุณนายรีบจัดงานแต่งงานเสีย จะเด็ดอาสาจะจับยามสามตาดูฤกษ์ยามให้

“ไม่ต้องหรอกพ่อจะเด็ด จะไม่มีงานแต่งงานระหว่างณดากับต๋อง ที่ผ่านมาเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ เอาเป็นว่าฉันต้องขอโทษต๋องต่อหน้าทุกคนด้วยละกัน”

ต๋องขัดขึ้นว่าไม่ต้องขนาดนั้นหรอก เพราะตอนนี้เรามีงานสำคัญกว่านั้นไม่ใช่หรือ คุณนายจึงประกาศแก่ชาวตลาดว่า

“เราจะเปิดตัวโครงการ CLEAN FOOD, GOOD PRICE, NICE PLACE กัน แปลเป็นไทยว่า อาหารสะอาด ตลาดของถูก บรรยากาศกู๊ดเก๋”

ต๋องย้ำให้ทุกคนใช้จุดแข็งที่เรามีคือของมีคุณภาพในราคาที่ถูกกว่า ถึงจะไม่มีแอร์แต่เราใช้จุดขายคือ บรรยากาศแบบตลาดแท้ๆ ให้พวกเราช่วยกันปรับปรุงแผงให้ดูน่าสนใจ และปรับปรุงลุคใหม่ให้ตัวเองเพื่อดึงดูดลูกค้า

ความคิดนี้ถูกกิมฮวย เต็กไฮ้ และจะเด็ดแย้งว่า คิดว่าคนแถวนี้เป็นเศรษฐีรึไง เพราะเมื่อเราลงทุนปรับปรุงแผงเราก็ต้องขายของราคาสูงขึ้น แล้วใครจะมาซื้อ

ณดาบอกว่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพราะคุณแม่วางแผนไว้แล้วว่าจะงดเก็บค่าเช่าแผงหนึ่งเดือน คุณนายบอกว่า

“เราจะเริ่มโครงการให้เร็วที่สุดคืออาทิตย์หน้า ขอให้ทุกคนเตรียมทุกอย่างให้พร้อม จำให้ขึ้นใจว่า เราต้องเอาชนะไอ้ห้างนั่นให้ได้”

ชาวตลาดทุกคนเฮรับการปลุกระดมของคุณนายกันอย่างฮึกเหิม

ooooooo

เมื่อเริ่มโครงการ กิมลั้งไปหาซื้อของมาปรับปรุงร้านกับต๋อง กิมฮวยแทบจะคลั่งที่กิมลั้งแข็งข้อเปิดตัวต๋องว่าเป็นแฟนกัน กิมฮวยถึงกับประกาศว่า กิมลั้งต้องแต่งงานกับคนจีนเท่านั้น

เต็กไฮ้ประสานเสียงเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับกิมฮวย แต่ลักษณ์กลับเห็นว่า ถ้ากิมลั้งไม่ได้รักไม่ได้ชอบจาตุรงค์เราทู่ซี้ไปก็ฝืนกันเปล่าๆ ทั้งยังพูดตามความเชื่อว่า

“บางทีต๋องกับกิมลั้งเขาอาจจะเกิดมาคู่กันได้นะเจ๊ ที่ผ่านมาทุกคนก็เห็นแล้วว่ามันมีเหตุการณ์พิสูจน์ใจตั้งหลายอย่าง ถ้าเรายังพยายามพรากเขาออกจากกัน มันจะกลายเป็นบาปนะ”

ลักษณ์หว่านล้อมว่า ถึงต๋องจะเพี้ยนๆไปบ้าง แต่ก็ฉลาด รู้จักคิด ดีไม่ดีถ้าเจ๊กิมฮวยได้ต๋องเป็นลูกเขยอาจจะเฮงก็ได้

“ฮวงฮวยน่ะซิไม่ว่า” เต็กไฮ้โพล่งออกไปอย่างขัดใจ ที่เมียดันไปเข้าข้างต๋อง แล้วบอกกิมฮวย “ลื้อต้องใช้แผนใหม่แล้วล่ะอั๊วว่า” กิมฮวยถามว่าตนจะทำอะไรได้ “ได้สิ ในเมื่อลื้อห้ามอีสองคนรักกันไม่ได้ ลื้อก็ต้องทำให้ไอ้ต๋องรู้สึกว่ามันไม่มีทางเข้ากับครอบครัวลื้อได้ ขืนอยู่กันไปก็เหมือนตกนรก”

ส่วนณดาเห็นต๋องไปกับกิมลั้งก็พึมพำอย่างเจ็บใจ

“กิมลั้ง...ผู้ชายเลวๆน่ะฉันเจอมาพอแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียผู้ชายดีๆไปให้เธอแน่!”

ooooooo

ฤทธิ์เป็นผัวรัศมีที่ติดคุกอยู่นาน เมื่อออกจากคุกจึงนัดพบรัศมี ต่อว่าเธอที่ไม่ได้ส่งเงินให้ใช้อีก เพราะนั่นเป็นเงินปิดปากตนไม่ให้บอกชายศักดิ์ว่า เด็กที่เสี่ยหลงให้ใช้นามสกุลมาตั้งแต่เกิดน่ะลูกใคร ขู่ว่า

“แต่ถ้าคิดจะเบี้ยวละก็...พ่อบังเกิดเกล้าคนนี้ คงได้เวลาเปิดตัวเสียที”

ขู่จนรัศมีตกใจแล้ว ฤทธิ์ก็บ่นว่าอยู่คุกเหงามานาน ชวนไประลึกความหลังกัน รัศมีไม่ยอมไป ก็ถูกขู่อีกว่า

“ไม่เอาน่ะ อย่าทำให้พี่เสียใจ เพราะหมีก็รู้ว่าถ้าพี่เสียใจขึ้นมา อะไรๆมันจะยากขึ้นอีกเยอะเลย”

รัศมีพยักหน้าอย่างไม่อยากให้มีปัญหา ยอมเดินไปกับฤทธิ์

ส่วนต๋องกับกิมลั้ง จูงมือกันไปหาซื้อเครื่องแบบให้ชาวตลาดแถวสำเพ็ง กิมลั้งเลือกได้ถูกใจ ต๋องเชื่อว่าชาวตลาดต้องชอบแน่ๆชวนไปซื้ออะไรอีกนิดหน่อยก็ครบแล้ว ถามกิมลั้งว่าจะรีบกลับเลยไหม

“อ๋อ...เปล่า ฉันว่าจะชวนเธอไปที่ที่หนึ่ง”

“ที่ไหนเหรอ...” ต๋องถามงงๆ

ooooooo

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 10

กิมลั้งพาต๋องไปไหว้พระที่วัดเล่งเน่ยยี่ บอกต๋องว่าตนมาที่วัดนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ หลังจากนั้นก็มา ทุกๆวันเกิด ต๋องขอโทษที่ไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดแฟน

“ไม่เป็นไรหรอกต๋อง ฉันชินกับการเห็นว่ามันเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งมานานแล้วล่ะ ปกติที่บ้านฉันก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถึงยังไง ทุกวันเกิด ฉันจะมาไหว้พระแล้วก็ทำบุญที่นี่ให้เป็นมงคลชีวิตนะ”

“ฉันดีใจนะที่ได้มาที่นี่กับเธอวันนี้”

“ฉันก็ดีใจ ไป...เข้าไปข้างในกัน” กิมลั้งพาต๋องเข้าข้างใน ต๋องเก้ๆ กังๆ เพราะไม่เคยเข้าวัดจีน กิมลั้งพาต๋องไปไหว้แล้วแนะนำว่า “นี่คือ เทพไฉ่ซิ่งเอี๊ย เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภน่ะ”

“แล้วถ้าฉันขอท่านเรื่องความรักล่ะ” ต๋องถาม กิมลั้งมองหน้าย้อนถามว่า ที่มีอยู่นี่ยังไม่พอรึไง ต๋องรีบบอก “พอจ้ะพอ” แล้วพากันหันไปอธิษฐานกับเทพไฉ่ซิ่งเอี๊ย

ออกจากวัดแล้วกิมลั้งถามว่าเข้าวัดจีนรู้สึกแปลกๆ ไหม ต๋องตอบอย่างเชื่อมั่นศรัทธาว่า

“ไม่หรอก ฉันว่าจะวัดจีนหรือวัดไทย ก็เป็นที่พึ่งทางใจได้เหมือนกัน ความจริงศาสนาไหนถ้ามีมาเพื่อทำให้คนเชื่อมั่นในความดี ฉันว่าก็เพียงพอแล้ว”

“นั่นสิ...จะคนไทย คนจีน ถ้าเป็นคนดีมันก็น่าจะพอแล้วเหมือนกัน”

ต๋องเข้าใจทันทีว่ากิมลั้งหมายถึงอะไร บอกเธอว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะเปลี่ยนความเชื่อของแม่เธอที่มาทั้ง ชีวิต กิมลั้งเสนอว่าถ้าอย่างนั้นเรากลับไปขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยหน่อยดี ไหม

“ไม่ต้องหรอกกิมลั้ง เรื่องแบบนี้ฉันต้องทำด้วยตัวเอง ถ้าจะต้องขออะไร ฉันขอเป็นกำลังใจจากเธอดีกว่า”

กิมลั้งให้ทันที ทำท่าเป่ากระหม่อมต๋อง ร้องเพี้ยง... แล้วถามว่ากระชุ่มกระชวยขึ้นไหม ต๋องเข้าไปกระซิบข้างหู

“วันหลังอมโบตันก่อนเป่าได้ไหม?” กิมลั้งเขิน ทุบต๋องดังอั้ก แล้วพากันหัวเราะอย่างร่าเริง

ooooooo

รัศมีไปแก้เหงาให้ฤทธิ์ที่บ้านเช่า เสร็จแล้วยังต้องให้เงินอีกปึกใหญ่ พอออกมาขึ้นรถก็แผดเสียง

“อ๊ายยยย จะออกจากคุกมาทำไมตอนนี้ ศึกนังสดศรียังไม่สำเร็จ ยังจะต้องมาคอยรับกับแมงดาตัวพ่ออีกเหรอเนี่ย...”

ฝ่ายฤทธิ์ พอรัศมีออกไปแล้วก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง มันด่า “อะไรกันวะ เรื่องขี้หมูขี้หมาแค่นี้ต้องให้ถึงมือกูเลยเหรอ...เออๆบอกเฮียว่าเดี๋ยวกู ไปจัดการให้”

เรื่องที่ฤทธิ์จะไปจัดการคือ เลื่อนกับรักเร่คิดผิดถลำเข้าไปในวงจรอุบาทว์เล่นบอลเสียแล้วไม่มีเงินจ่าย พอถูกทวงก็พากันหนีหัวซุกหัวซุน

ฤทธิ์มาด่าก็แล้ว กระทืบก็แล้ว เลื่อนกับรักเร่ก็ไม่มีเงินจ่าย มันจึงให้ไปขายยาบ้าให้ พอทั้งสองทำท่าลังเล มันถาม

“งั้นมึงเลือกเอาว่า จะขาย...หรือจะตาย”

ฤทธิ์บีบคอทั้งคู่จนตาเหลือก บอกว่านี่แค่ตัวอย่าง ถ้ายังคิดจะมีปัญหารับรองได้เจอจัดเต็มแน่ แล้วมันก็เดินผละไป ทิ้งเลื่อนกับรักเร่ยืนช็อกน้ำตาคลอด้วยความหวาดกลัวอยู่ตรงนั้น

ooooooo

เมื่อกิมลั้งกลับถึงบ้าน ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นท่าทีของกิมฮวยเปลี่ยนไป ทั้งยังบอกว่าเมื่อเปลี่ยนใจกิมลั้งไม่ได้ก็คงต้องทำใจและพยายามทำความรู้ จักกับต๋องมากขึ้น

กิมลั้งทั้งดีใจและประหลาดใจมาก เมื่อกิมฮวยบอกอีกว่าตนอยากทำให้กิมลั้งสบายใจ ทางเดียวที่จะทำได้คือให้ต๋องมาจับเข่าคุยกัน กิมลั้งดีใจมากจับมือแม่ขอบคุณ บอกว่าจะไปบอกต๋องเดี๋ยวนี้เลย

ต๋องตื่นเต้นมาก บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เข้าบ้านกิมลั้ง

“ถือเสียว่าเป็นก้าวแรกที่ดีของเราสองคนก็แล้วกัน สู้ๆนะ เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเอาใจช่วยเต็มที่”

ทั้งสองมองหน้าให้กำลังใจกัน แล้วพากันเข้าบ้าน

ooooooo

เมื่อต๋องเข้าบ้าน เขาไหว้เคี้ยงกับกิมฮวยที่ยืนรออยู่ เคี้ยงชวนไปนั่ง ต๋องเดินตามแล้วนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง กิมฮวยร้องขึ้นทันทีว่านั่นเป็นเก้าอี้ประจำของเคี้ยง ต๋องรีบลุกไปนั่งอีกตัว กิมฮวยบอกว่านั่นเป็นที่ประจำของตน

ต๋องเลยลงนั่งที่พื้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เคี้ยงบอกให้ขึ้นมานั่งข้างบนก็ได้ ถูกกิมฮวยขัดทันทีว่า

“ช่างอีเถอะเฮียเคี้ยง อีเป็นคนไทย เลยมีมารยาทรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ รู้จักว่าอะไรสูงอะไรต่ำ”

ต๋องเลยนั่งที่พื้น กิมลั้งมานั่งเป็นเพื่อน ครู่หนึ่งต๋องหยิบกล่องขนมที่มีฝาสีดำขึ้นมาบอกว่า

“ฉันเอาของมาฝากน้าเคี้ยงกับน้ากิมฮวยจ้ะ เป็นคุกกี้ธัญพืชมีประโยชน์ต่อร่างกายหวานน้อยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”

เคี้ยงขอบใจ กิมฮวยชมว่ามีน้ำใจแต่เห็นทีต้องแบกน้ำใจกลับไปด้วย พลางส่งกล่องขนมคืน บอกว่ากล่อง ขนมเป็นสีดำ สีดำคือความตาย ขืนรับไว้ก็เหมือนถูกแช่ง ต๋องรีบรับกล่องขนมไปเก็บไว้ เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า

“ขอโทษจ้ะ ฉันไม่รู้ธรรมเนียมจริงๆ”

ไม่เพียงเท่านั้น กิมฮวยชวนไปกินอาหารกัน แต่วันนี้จัดโต๊ะให้เป็นพิเศษข้างนอก ปรากฏว่า อาหารบนโต๊ะก็จัดพิเศษหมดทุกจาน ทุกอย่างทำเป็นลูกกลมๆซ้ำใหญ่มากด้วย เคี้ยงมองงงๆ กิมแชบอกว่าแม่สั่งให้ตนทำพิเศษสำหรับวันนี้

พอต๋องนั่งลงก็หยิบชาจิบแก้เขิน ถูกกิมฮวยทักทันที

“นี่...เด็กเขาไม่ดื่มชาจนกว่าจะเห็นผู้ใหญ่ยกถ้วยขึ้นดื่มหรอกนะ ลื้อคงต้องเรียนรู้ธรรมเนียมจีนอีกเยอะ”

ระหว่างนั่งโต๊ะ กิมฮวยก็ส่งภาษาจีนคุยกับผัวกับลูกล้งเล้ง จงใจทำให้ต๋องกลายเป็นคนอื่น เป็นส่วนเกิน จนเคี้ยงต้องบอกว่าให้พูดภาษาไทยเถอะ ต๋องงงหมดแล้ว

ครั้นถึงเวลาเจี๊ยะ ทุกคนใช้ตะเกียบมีแต่ต๋องที่ใช้ช้อน ถูกกิมฮวยตีมือถามว่าทำไมไม่ใช้ตะเกียบ ทั้งเคี้ยงและกิมลั้งช่วยกันพูดว่าช่างเถอะ ต๋องคงไม่ถนัด สะดวกยังไงก็กินอย่างนั้นแล้วกัน

“พูดอย่างนี้ก็เท่ากับส่งเสริมให้อีมักง่ายน่ะสิ คิดจะรักจะชอบกับคนจีน ก็ต้องรักที่จะทำความรู้จักกับความเป็นคนจีนด้วย ไม่งั้นถือว่าไม่ให้เกียรติกัน”

กิมลั้งจะทักท้วง ต๋องขัดขึ้นว่า “น้ากิมฮวยพูดถูกแล้วล่ะกิมลั้ง ฉันกินตะเกียบได้ไม่ต้องห่วง” แล้วต๋องก็ใช้ตะเกียบแทงเข้าไปที่อาหารลูกกลมโต

“ไอ้หยา...” กิมฮวยร้องเสียงดัง กิมแชที่นั่งดูอยู่บอกต๋องว่าใช้ตะเกียบเสียบอาหารแบบนั้นไม่ได้มันเหมือน เป็นการยกนิ้วกลางให้ กิมลั้งดึงตะเกียบของต๋อง ออกแล้วจะคีบให้ กิมฮวยร้องลั่น “ไม่ได้นะอากิมลั้ง ถ้าลื้อต้องคอยตักอาหารให้อาต๋องอย่างนี้ ลื้อก็คงต้องตักให้อีไปตลอดชีวิต งั้นอีก็คงไม่เหมาะจะมาดูแลลื้อแทนอั๊วกับป๊าแล้ว” กิมฮวยรวบรัดตัดตอนทันที

กิมลั้งบอกแม่ว่าแค่ใช้ตะเกียบเป็นหรือไม่ ไม่ได้ช่วยตัดสินอะไรเลย กิมฮวยยกตะเกียบขึ้นมาอบรมทันที

“ไอ้ตะเกียบสองข้างนี่มันไม่ใช่ไม้ แต่มันคือวิถีชีวิตแบบเราอากิมลั้ง แล้วยังไงซะ มันก็มีแต่คนที่ใช้ตะเกียบเท่านั้นที่เข้าใจคนใช้ตะเกียบด้วยกัน...ไม่ใช่คน ที่ใช้ช้อนส้อม!” พูดแล้วลุกสะบัดจากโต๊ะไปเลย

ต๋องตามกิมฮวยออกไปยืนโต้แย้งกัน ต๋องบอกว่าตนรู้เจตนาของกิมฮวยที่เรียกมากินข้าววันนี้ กิมฮวยไม่เถียงแต่บอกว่า จากวันนี้ก็เห็นแล้วใช่ไหมว่า สิ่งที่ต๋องอยากนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ความแตกต่างมันจะทำให้ทั้งเขาและกิมลั้งไม่มีความสุข

ต๋องพูดเป็นปรัชญาว่าไม่ว่า ที่ไหนก็มีความแตกต่างกันทั้งนั้น แล้วจะอะไรกันนักหนากับแค่การใช้ตะเกียบกับการใช้ช้อนส้อม ซึ่งมันก็คือวิธีกินให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อไปเหมือนกัน คนที่คิดมันเมื่อสองพันปีที่แล้วคงไม่ สบายใจหรอก ถ้ารู้ว่าคนรุ่นหลังใช้มันมาเป็นยันต์เพื่อกันตัวเองออกจากเพื่อนมนุษย์ด้วย กัน

กิมฮวยถูกสอนมวย จะเถียงก็เถียงไม่ออกยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องหน้าต๋อง ห่างออกไป เคี้ยง กิมลั้ง และกิมแชยืนมองทั้งคู่อยู่อย่างไม่สบายใจ

เมื่อต๋องจะกลับ กิมลั้งเดินไปส่ง เธอขอโทษที่วันนี้เหมือนพาเขามาให้แม่เชือดถึงบ้าน ต๋องพูดอย่างสบายใจว่าตนดีใจเสียอีกที่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้พูดในสิ่งที่คิด ให้แม่เธอรู้ ปลอบใจกิมลั้งว่า

“ฉันเข้าใจนะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะแม่เธอรักเธอมากน่ะ ตอนนี้ฉันก็แค่มีหน้าที่ทำให้แม่เธอเชื่อให้ได้ว่าฉันรักเธอไม่ได้น้อยไป กว่ากัน”

กิมลั้งขอบใจที่เขาเข้าใจ พอจะไปต๋องก็นึกได้ เอาของขวัญวันเกิดที่ตั้งใจทำไว้มอบให้

“ความจริงฉันรู้ตั้งนานแล้วล่ะว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ แล้วตั้งแต่วันที่ฉันรู้ ฉันก็นั่งทำของขวัญชิ้นนี้ให้เธอมาตลอด แล้ววันนี้ก็ถึงเวลาส่งมอบให้เธอเสียที”

ของขวัญที่ต๋องทำให้ คือสมุดที่เอารูปกิมลั้งทั้งหมดที่ต๋องถ่ายไว้นับแต่วันแรกที่เจอกัน ติดแปะไว้อย่างน่ารัก เล่าว่า

“นี่เป็นรูปที่ฉันใช้มือถือแอบถ่ายเธอตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน ก็แค่อยากให้เธอรู้ว่า เธอสำคัญกับฉันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเห็นเธอแล้ว”

“ต๋องรู้ไหม เธอเป็นพรที่ดีที่สุดที่ฉันได้รับจากเทพเจ้าในวันเกิดปีนี้เลยนะ” กิมลั้งโผเข้ากอดต๋องไว้อย่างซึ้งใจ

“ขอบคุณนะที่เห็นฉันมีค่ากับเธอขนาดนั้น...” ต๋องคลายกอด บอกให้เข้าบ้านเสียเดี๋ยวแม่เธอจะเป็นกังวล

แต่พอกิมลั้งเข้าบ้าน ขึ้นห้อง ก็ได้รับโทรศัพท์จากต๋องบอกว่าลืมอวยพรวันเกิด บอกให้ออกมาดูที่ระเบียง พอกิมลั้งเดินออกมา ต๋องจุดพลุโอ่งที่เรียงเป็นคำว่า “HAPPY BIRTHDAY” แล้วยังโทร.เข้ามาอวยพร “สุขสันต์วันเกิดจ้ะ รักเธอมากๆนะ”

ทั้งหมดนี้ต๋องทำได้โดยมีกิมแชรู้เห็นเป็นใจ เป็นหูเป็นตา และอำนวยความสะดวกเต็มที่

ooooooo

เลื่อนกับรักเร่ในสภาพหน้าตาบวมช้ำ ถามกันอย่างกังวลว่าเราต้องขายยาบ้ากันจริงๆหรือ พอดีต๋องมาหาพร้อมบะหมี่สองถุง

พอเห็นหน้าทั้งสองก็ถามว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทั้งสองโกหกว่าขัดใจกันนิดหน่อยเลยลงไม้ลงมือกันเอง ต๋องส่งบะหมี่ให้ เลื่อนรับแล้วบอกว่าตนต้องรีบไปเพราะนัดแก๊งเตะบอลไว้ พูดแล้วรีบออกไปฝากต๋องให้ปิดประตูให้ด้วย

“รีบอะไรนักหนาวะ จะมาเล่าเรื่องตลาดให้ฟังซะหน่อย” ต๋องบ่นงงๆ

รุ่งขึ้นจะเด็ดมาทำพิธีเปิดงาน “อาหารสะอาด ตลาดของถูก บรรยากาศกู๊ดเก๋”

นอกจากมีพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว ยังจัดเด็กไปแจกใบปลิวที่หน้าห้างเวรี่แฮปปี้ด้วย รัศมีเจ็บใจมากปลอมตัวมาสังเกตการณ์

ลูกค้าพากันมาชมตลาดที่ปรับปรุงสะอาดทันสมัยขายของดีของถูกกันแน่นขนัด คำมูลกับป้าพิณที่ขายอยู่แถวหน้าตลาด พากันชื่นมื่นยิ้มหน้าบานที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

เต็กไฮ้คุยโขมงว่า นี่เพราะคาถาเรียกคนของ

จะเด็ดแท้ๆ ลักษณ์ขัดคอว่า งานนี้ถ้าไม่มีต๋องจะเด็ดก็อาจกลายเป็นจะดับก็ได้ ถูกเต็กไฮ้บ่นว่าหมู่นี้ลักษณ์ชักตัวเป็นแฟนคลับต๋องมากไปหน่อยแล้วนะ ท่องไว้เลยว่ามันเป็นมารหัวใจของลูกเรา

“เฮียน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ หัดแยกแยะให้ออกบ้างซิ ถ้าเห็นเด็กมันทำดีก็ต้องยอมรับ ไม่งั้นคนดีมันจะหมดกำลังใจทำดีนะ” ลักษณ์อบรมผัว เต็กไฮ้เถียงไม่ออก เลยสับหมูระบายอารมณ์อยู่ฮึดฮัด

นอกจากขายของดีของถูกแล้ว ยังมีช่วงเรียกลูกค้า โดยบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต้องออกมายืนที่ทางเดินแล้วเต้นตามจังหวะเพลงกันอย่าง คึกคัก พอเพลงจบก็ร้องพร้อมกัน “ขอให้สนุกสนานกับการจับจ่ายในตลาดร่วมใจเกื้อนะคะ...นะครับ”

รัศมีปลอมตัวอำพรางใบหน้ามาสอดแนมในตลาด ถูกณดาจำได้ พวกพ่อค้าแม่ค้าเลยฮือกันมาห้อม ล้อมขับไล่ รัศมีขอร้องอย่าทำอะไรตนเลย ตนไม่อยากขึ้นโรงพักอีก เลยถูกพวกพ่อค้าแม่ค้าเอาน้ำสาดไล่จนรัศมีหนีออกไปแทบไม่ทัน

ooooooo

เพราะอยากผอมเพรียวสวยเหมือนกิมลั้ง กิมแชซื้อยาลดความอ้วนมากินจนเกิดอาการใจสั่นแต่ก็ยังไม่เลิกกิน วันนี้ก็เกิดอาการอีก เป็นจังหวะที่จาตุรงค์มาหาที่บ้าน คร่ำครวญกับกิมแชว่าตนทนไม่ไหวแล้วที่ได้ข่าวกิมลั้งประกาศเป็นแฟนกับต๋อง ถามกิมแชว่าจะทำอย่างไรดี

“ไม่ต้องทำยังไง ถ้าพี่อยากรักเจ้ พี่ก็รักต่อไปเท่านั้น” จาตุรงค์ถามว่าแล้วจะได้อะไรขึ้นมา “เรื่องของวันข้างหน้า กิมแชตอบแทนพี่ไม่ได้ แต่กิมแชรู้ว่าถ้าเรารักใครสักคน ต่อให้เขาไม่รักเรา เราก็จะรักเขาต่อไป แล้วรักให้มากกว่าเดิมด้วย เพื่อที่สักวันเขาจะได้รู้ว่าเรารักเขามากแค่ไหน” กิมแชพูดเหมือนระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา

แต่จาตุรงค์ก็เข้าใจไม่ได้ บอกกิมแชว่าตอนนี้ตนไม่รู้จะทำอย่างไร เครียดจนต้องหาพิซซ่ากินซึ่งเป็นวิธีบำบัดของตน เขาซื้อพิซซ่ามาถึงหกกล่อง บอกให้กิมแชเอาไปเข้าเวฟ ชวนกินด้วยกัน แต่กิมแชกำลังลดน้ำหนักและรู้สึกพะอืดพะอม จึงไม่ยอมกิน จาตุรงค์ทวงว่า ไหนบอกว่าจะยืนเคียงข้างกันตลอดไป

กิมแชฝืนกินเข้าไปไม่กี่คำก็อ้วกออกมา จู่ๆก็เป็นลมจนจาตุรงค์ช้อนร่างไว้เกือบไม่ทัน พาไปนอนและปฐมพยาบาลจนกิมแชรู้สึกตัว จาตุรงค์เห็นยาลดความอ้วนวางอยู่ ระหว่างนั้น กิมแชเพ้อออกมาว่า “กิมแชรักพี่รงค์นะ”

เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา รู้ว่าตัวเองบอกรักจาตุรงค์ก็อายจนวิ่งหนีออกไปนอกบ้าน จาตุรงค์ตามออกไป คุยกันอย่างเปิดใจ จาตุรงค์เข้าใจกิมแช เขาหว่านล้อมกิมแชว่า ก่อนที่กิมแชคิดจะรักใครต้องรู้จักรักตัวเองก่อน กิมแชถามว่าหมายความว่ายังไง

“เมื่อกี้พี่เห็นขวดยาลดความอ้วน ที่กิมแชไม่สบายเพราะยานั่นใช่ไหม กิมแชนึกยังไงถึงเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอันตรายอย่างนั้น...พี่ว่าอย่าเอา คุณค่าของตัวเราไปแขวนไว้กับความอ้วนผอมดีกว่า ทำไมไม่คิดอีกมุมหนึ่งล่ะว่า บางทีอาจจะมีผู้หญิงสวย หุ่นดีอีกหลายคนที่เขาอยากทำกับข้าวเก่ง แล้วก็ร้องเพลงเพราะเหมือนกิมแช”

“กิมแชคงเป็นผู้หญิงที่ดูโง่มากในสายตาพี่”

“ถ้ากิมแชจะโง่ก็เพราะชอบดูถูกตัวเองตลอดเวลานี่แหละ...” จาตุรงค์ดูนาฬิกา บอกว่า “งั้นพี่ไปก่อนนะ นัดกับเพื่อนไว้”

จาตุรงค์ไปแล้ว กิมแชยังอึ้งๆ คิดถึงคำพูดของจาตุรงค์ที่เปรียบเทียบความสวยความงามของผู้หญิงในมุมมองของ ตัวเองที่ว่า “ถ้าถามพี่ พี่คงชอบผู้หญิงหุ่นดีที่มีสติ แต่ถ้าว่ากันจริงๆ พี่ก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงที่หุ่นขนาดนั้นนะ...”

กิมแชลุกขึ้นหยิบยาลดความอ้วนไปทิ้งถังขยะอย่างไม่เสียดาย...

ooooooo

กิมฮวยรู้สึกไม่สบาย บอกกิมลั้งให้ขายปลาคนเดียว ตนจะไปหาหมอหน่อย แต่ไม่วายปรามว่าอย่ามัวแต่ชำเลืองไปทางแผงผัก ตนกลับมาหวังว่าจะไม่เห็นเศษผักเน่าๆมาตกหล่นอยู่แถวนี้ ว่าแล้วเดินปึ่งออกไป

ที่โรงพยาบาลนี่เอง กิมฮวยเห็นเคี้ยงประคองหญิงสาวคนหนึ่งมาหาหมออย่างทะนุถนอมห่วงใย กิมฮวยตาลุกใจร้อนผ่าวๆ แอบดูจนเห็นเคี้ยงพาหญิงสาวคนนั้นไปรับยาเสร็จ กิมฮวยจึงโทร.เข้ามือถือของเคี้ยง

เคี้ยงเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์ กิมฮวยถามว่าอยู่ไหน เคี้ยงบอกว่าอยู่บ้านเต็กกอ กิมฮวยขอคุยกับเต็กกอ เคี้ยงบอกว่าเต็กกอกำลังเข้าห้องน้ำ แล้วตัดบทว่า

“กิมฮวย แค่นี้ก่อนนะ อั๊วมีสายเข้าน่ะ” เคี้ยงกดเลิกสายแล้วรีบประคองหญิงสาวคนนั้นที่ทำท่าจะอ้วกไปเข้าห้องน้ำ

กิมฮวยดูอยู่ทุกฝีก้าว ถึงกับน้ำตาคลออย่างเจ็บปวดกับเรื่องที่คาดไม่ถึง

กลับมาถึงตลาด กิมฮวยร้องไห้อย่างทนไม่ไหว ลักษณ์ถามว่าเป็นอะไร จึงเล่าให้ฟัง เล่าแล้วกำชับลักษณ์อย่าเล่าให้ใครฟัง ตนไม่อยากให้เรื่องถึงหูเคี้ยง ไม่อยากให้เคี้ยงรู้ว่าตนรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว

ลักษณ์ถามว่าทำไมไม่พูดกันให้รู้เรื่องเสียเลยล่ะ กิมฮวยบอกว่า

“อั๊วกลัว...กลัวว่าอั๊วต้องแย่แน่ๆ ถ้าเฮียบอกว่าเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”

“แต่เจ๊...ความจริงก็คือความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะ”

“แต่อั๊วนี่ละที่จะตาย ลื้อเข้าใจไหมอาลักษณ์ อั๊วทนไม่ได้ถ้าเฮียเห็นคนอื่นดีกว่าอั๊ว ห่วงคนอื่นมากกว่าอั๊ว ถ้าต้องได้ยินเฮียพูดว่าไม่รักอั๊วแล้ว เอาอั๊วไปฆ่ายังดีเสียกว่า”

“เอาล่ะ...อั๊วเข้าใจเจ๊แล้ว ถ้าเจ๊ยังรักเฮียอยู่ มันก็มีอยู่ทางเลือกเดียวเท่านั้น เจ๊ต้องสู้เพื่อผัว...หมายถึงสู้เพื่อเอาเฮียคืนมาจากผู้หญิงคนนั้นให้ได้”

กิมฮวยท้อใจเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นทั้งสาวทั้งสวยตนจะเอาอะไรไปสู้ได้ ลักษณ์แนะว่าเจ๊ก็เรียกความสวยความสาวกลับคืนมาสิ กิมฮวยติงว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ลักษณ์พูดหรอก

“เอานะ...แล้วฉันจะจัดการเป็นธุระให้เอง เจ๊แค่ทำตามที่ฉันบอกเท่านั้น”

ลักษณ์พากิมฮวยไปที่ร้านเสริมสวยของน้อยหน่า กำชับน้อยหน่าว่า

“ยังไงวันนี้แกสองคนช่วยทำสวยให้เจ๊แกแต่หัวจดเท้าเลยนะ เท่าไหร่เท่ากันเจ๊กิมฮวยไม่ยั่น”

“ไม่ต้องห่วงจ้ะ เชื่อใจน้อยหน่าได้ ถ้าไม่สวยไม่คิดตังค์” น้อยหน่ายิ้มกริ่มแล้วลงมือนวดหน้าให้กิมฮวยเอาจริงเอาจัง ยังไงก็ต้องทำให้สวยให้ได้ เพราะบอกไว้แล้วว่าไม่สวยไม่คิดตังค์

ooooooo

เพราะตลาดมีลูกค้าเข้ามาก ต๋องตามหาเลื่อนกับรักเร่ให้มาช่วยเข็นของ ทั้งสองบอกว่าไม่ว่าง ต๋องถามว่าไม่ทำงานที่ตลาดแล้วใช่ไหม

“ไม่ใช่จ้ะพี่ มันเป็นจ๊อบพิเศษ เห็นเงินมันดี พวกฉันเลยรีบตะครุบ” ต๋องถามว่างานอะไร เลื่อนบอกว่าเป็นเมสเซนเจอร์เฉพาะกิจ บริษัทเพิ่งเปิดเลยต้องส่ง

ของนั่นนี่โน่นกันเยอะ ว่าแล้วรีบขอตัวไป

“อะไรของมัน...ลุกลี้ลุกลนชอบกล” ต๋องมองตามอย่างสงสัย

ต๋องกลับไปที่ตลาด เห็นกิมลั้งยังอยู่คนเดียว เลยแถเข้าไปคุย ถามว่าทำไมกิมฮวยไปโรงพยาบาลนานจัง เป็นอะไรมากหรือเปล่า กิมลั้งบอกว่าไม่เป็นไร เพราะแม่โทร.มาบอกแล้วว่าเจอเพื่อนเก่าเลยชวนกันไปกินข้าว

ต๋องมัวแต่คุยหยอกล้อกับกิมลั้ง จนลูกค้าที่มาซื้อปลาพากันยืนมอง อมยิ้มกับความกุ๊กกิ๊กของทั้งสอง กิมลั้งรู้ตัวรีบไล่ต๋องให้กลับแผงผัก แล้วหันมาขายปลาเขินๆ

ooooooo

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 9-10 วันที่ 17 ส.ค. 55

ละคร รักเกิดในตลาดสด บทประพันธ์โดย : นราวดี
ละคร รักเกิดในตลาดสด บทโทรทัศน์โดย : สนุกคิด-สนิทเขียน
ละคร รักเกิดในตลาดสด กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด แนวละคร : โรแมนติก คอมเมดี้ เบาสมองตลกสนุกสนาน
ละคร รักเกิดในตลาดสด ผลิต : บริษัท แอ็คอาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด โดยผู้จัด ธัญญา วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์ และวันอาทิตย์
หลังข่าวภาคค่ำ 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศต่อจากละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง
ละคร รักเกิดในตลาดสด เริ่มออกอากาศ ตอนแรกวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2555
ที่มา ไทยรัฐ