@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 13 วันที่ 23 ส.ค. 55

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 13 วันที่ 23 ส.ค. 55

ต่อให้มันจะปลอมแปลงเอกสารการซื้อขายยังไง ลายเซ็นในเอกสารมันก็ไม่มีทางเหมือนลายเซ็นของคุณแม่อยู่แล้ว” ณดาเอ่ยขึ้น
“ที่แม่กลัวก็เพราะแม่รู้ว่าลายเซ็นนั่นมันจะเหมือนกับลายเซ็นของแม่มาก” สดศรีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครือ
“ทำไมล่ะคะ” ณดาถามอย่างสงสัย
“ลูกรู้เรื่องที่แม่เคยแต่งงานกับเสี่ยชายศักดิ์มาก่อนใช่มั้ย” สดศรีอึดอัด แต่จำเป็นต้องพูด

“เอ่อ...ค่ะ ณดาเคยได้ยินคนพูดกัน แต่ก็ไม่อยากไปซักไซ้คุณแม่ให้ไม่สบายใจ คิดว่าคุณแม่พร้อมเมื่อไหร่คงเล่าให้ฟังเอง”
“วันนี้แม่ก็คงต้องพูดความจริงกับหนูแล้วล่ะ...แม่เคยแต่งงานกับชายศักดิ์จริงๆ ช่วงที่เรากำลังก่อร่างสร้างตัวทำตลาดอยู่ด้วยกัน แม่จะไว้ใจให้เค้าเซ็นเอกสารสำคัญต่างๆแทนแม่ประจำ เพราะแม่จะยุ่งกับตลาดจนไม่มีเวลาทำอะไร ไม่คิดเลยว่าวันนี้ชายศักดิ์จะกล้าใช้ลายเซ็นของแม่มาทำร้ายแม่ด้วยมือตัวเอง” สดศรีพูดทั้งน้ำตา
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนที่คุณแม่เคยรัก เพราะทุกอย่างที่เค้าทำ มันเหมือนคนที่ไม่เคยมีความผูกพันกันเลยซักนิด” ณดาเอ่ยขึ้น



“กิเลสมันทำให้คนเราทำได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ทำลายคนที่...” สดศรีเอ่ย
พร้อมเอามือลูบหน้าณดา คล้ายจะบอกความลับว่าชายศักดิ์ทำลายได้แม้แต่ลูกของตัวเอง ณดารอว่าแม่จะพูดอะไร พอรู้สึกตัวว่าเกือบจะหลุดปากพูด สดศรีรีบกลบเกลื่อน
“คนที่...เคยรักกัน ตอนนี้แม่มืดแปดด้านไปหมดแล้ว” สดศรีเอ่ยขึ้น
“คุณแม่อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะผ่านมันไปได้ ยังไงณดาก็เชื่อว่าบาปบุญคุณโทษมีจริง” ณดาเอ่ย
“แล้วไม่ใช่พวกคนบาปเหรอที่คอยจองล้างจองผลาญเราจนไม่มีที่ยืนแบบนี้” สดศรีพูดทั้งน้ำตาณดาโผกอดสดศรีด้วยความสงสารสุดหัวใจ

บ่ายนั้น เต๊กไฮ้ ลักษณ์ เคี้ยง กิมแช และจาตุรงค์ คุยกันเรื่องโฉนดที่ดินของสดศรีที่ตกไปอยู่ในมือของศักดิ์ชายกับรัศมี ที่ร้านอาโก

“เฮ้อ...ไม่รู้ว่าพวกเราไปทำอะไรไว้นักหนา ตลาดถึงหาความสงบสุขจริงๆไม่ได้ซักที” ลักษณ์เอ่ยขึ้น
“ไม่มีความสงบสุขอั๊วไม่ว่า แต่ไม่มีที่ทำมาหากินนี่เราจะทำยังไงกันต่อไป” เต๊กไฮ้เอ่ยขึ้น
“อาจาตุรงค์...ลื้อเป็นเพื่อนกับนายศักดิ์ชายอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ ลื้อพอจะมีทางเจรจาอะไรกับเค้าได้บ้างมั้ย” เคี้ยงเอ่ยถามจาตุรงค์เพื่อหาทางออก
“คงยากน่ะครับอาเจ็ก ชายกับพ่อแม่มันจ้องจะตะครุบตลาดมาตั้งแต่แรกแล้ว มันไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือง่ายๆแน่” จาตุรงค์ตอบ
“ตกลงเราทำอะไรไม่ได้กันแล้วจริงๆเหรอเนี่ย นี่ถ้าพี่ต๋องยังอยู่นะ พี่ต๋องไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่ จริงด้วยซิ...พี่ต๋อง”
กิมแชเอ่ยขึ้น แล้วนึกถึงต๋องฮีโร่ที่ช่วยตลาดร่วมใจเกื้อมาได้ทุกครั้ง

เวลานั้นที่บ้านต๋อง ต๋องสาละวนอยู่กับกรงนกเขาที่แขวนอยู่ริมระเบียงบ้าน บรรดาสาวๆนั่งแกะสลักผลไม้ที่เป็นผลิตผลจากในไร่ในสวน ซึ่งแก้วแกะสลักออกมาสวยงามไม่แพ้ใคร
“โอ้โห...อาแก้ว ทำไมลื้อแกะสลักเก่งจัง อย่างกับแม่พลอยกลับชาติมาเกิด” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“มันอยู่ในสายเลือดน่ะเจ๊ ฝีมือชั้นที่มีอยู่ทุกวันนี้มันก็มาจากปู่ย่าตายายทั้งนั้น” แก้วรีบว่า
ทันใดนั้นเสียงมือถือต๋องดังขึ้น พอเห็นเป็นเบอร์กิมแชเริ่มแปลกๆใจ
“ว่าไงยังไงกิมแช” ต๋องรับสาย
พอต๋องได้ยินสิ่งที่กิมแชเล่าถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“ได้ๆ” ต๋องพูดกับปลายสาย ต๋องวางสายแล้วหันมาบอกทุกคนหน้าเครียด
“ทุกคน...เราต้องรีบกลับกรุงเทพกันแล้วล่ะ”
ต๋องเอ่ยสีหน้ากังวล ทุกคนตกใจปนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

บ่ายนั้น ที่ตลาดร่วมใจเกื้อ ชาวตลาดส่วนหนึ่งเดินขนของจ้าละหวั่น ข้าวของถูกปาออกมาจากในตลาด ทั้งหม้อ ครก อุปกรณ์ทำอาหาร ครู่หนึ่งป้าพิณ เขียวหวาน กับคำมูล วิ่งออกมาจากตลาดแล้วเก็บข้าวของตัวเองอย่างน่าเวทนา
สดศรีกับณดา เดินมาเห็นเหตุการณ์ความวุ่นวายแล้วหัวใจแทบขาด ต๋อง กิมลั้ง กิมฮวย ชมพู่ และคิตตี้ เข้ามาเห็นเหตุการณ์ยิ่งตกใจ
“มันอะไรกันเนี่ย” ต๋องเอ่ยขึ้น
“คุณต๋อง...” ณดาหันไปเห็นต๋องยิ้มดีใจ
ชาวตลาดหันมองตามณดา พอเห็นต๋องทุกคนร้องเรียกกันเสียงขรม
“ต๋อง”
ชาวตลาดกรูมาหาพวกต๋องใหญ่ กิมฮวยกับกิมลั้งเดินไปหาพวกเคี้ยงกับกิมแช
“ไอ้ต๋องพวกเราแย่แล้ว / ช่วยเราด้วยต๋อง / เราหมดที่ทำมาหากินแล้ว” ชาวตลาดรีบรายงาน
ต๋องนิ่งคิดและงงกับสิ่งที่เกิดตรงหน้า ยิ่งหันไปเจอสดศรีร้องไห้ต๋องยิ่งใจหาย
“ไม่ต้องกลัวนะทุกคน มันต้องมีทางออก” ต๋องรีบพูดเรียกกำลังใจ
ก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดโดยมีกิมลั้งเดินตามเข้าไปติดๆด้วยความห่วงใย

ต๋องกับกิมลั้งเดินเข้ามาในตลาด เห็นข้าวของโดนรื้อกระจาย
“ปล่อยนะ” ติ๋มตะโกนขึ้น
ต๋องกับกิมลั้งหันไปเห็นติ๋มกำลังยื้อแย่งตะกร้าเงินกับลูกน้องของรัศมี
“อย่ามายุ่งกับเงินของชั้น” ติ๋มตะโกนบอกพร้อมแย่งของสู้กับลูกน้องรัศมี
“ก็กูจะยุ่ง” ลูกน้องรัศมีเอ่ยขึ้น พร้อมเข้าตบหน้าติ๋มอย่างแรงจนติ๋มต้องยอมปล่อยตะกร้าเงิน
“นี่มันโจรชัดๆ” ต๋องเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด
ต๋องเข้าไปต่อยลูกน้องรัศมีที่กำลังหยิบเงินขึ้นมาจากตะกร้าจนหน้าหงาย
“ของมึงเหรอ” ต๋องเดือด รีบคว้าตะกร้าเงินคืนมาแล้วส่งให้ติ๋ม
“พาพี่ติ๋มออกไปก่อนกิมลั้ง” ต๋องสั่ง
กิมลั้งรีบพาติ๋มออกไป ต๋องรีบเข้าไปต่อสู้กับลูกน้องรัศมีอย่างบ้าคลั่ง จนเลือดอาบหน้า ระหว่างนั้นลูกน้องที่เหลือทำลายแผงต่างๆรีบมุ่งหน้ามาที่ต๋องหวังจะรุมกระทืบ
“อยากให้เพื่อนมึงเป็นผีเฝ้าตลาดก็เอา” ต๋องรีบคว้ามีดที่แผงเอามาจ่อคอลูกน้องคนหนึ่งไว้
ลูกน้องรัศมีที่เหลือทำท่าจะไม่สนใจ ก้าวเท้าไปหาต๋อง ต๋องกรีดมีดที่คอลูกน้องคนนั้นแต่ไม่เต็มแรง
“โอ๊ย อย่า พวกมึงอยากให้กูตายหรือไงไอ้เวร” ลูกน้องรัศมีหันไปด่าเพื่อนที่เหลืออย่างกลัวตาย

เวลาต่อจากนั้น ต๋องเดินมาหาที่หน้าห้างเวรี่แฮปปี้ รัศมีเดินมาที่รถแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งตรงที่คนขับ ต๋องเปิดประตูอีกข้างเข้าไปทันที
“ไอ้ต๋อง...แกขึ้นมาบนรถชั้นทำไม ลงไปเดี๋ยวนี้นะ” รัศมีรีบไล่ต๋อง
“ออกรถ...” ต๋องบังคับรัศมี
“แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งชั้น” รัศมีเอ่ยขึ้น
“จะให้ผมไปด้วย หรือให้ผมลงไปเล่าเรื่องลับๆล่อๆของคุณให้พวกพนักงานที่ชอบสอดรู้สอดเห็นฟังดี แต่ถ้าคุณไม่อายก็ไม่เป็นไรนะ” ต๋องเอ่ยขึ้นอย่างทันเกม
ต๋องทำท่าจะเปิดรถลงไป รัศมีกลัว รีบกระชากรถขับออกไปด้วยความโมโห

รัศมีขับรถมาถึงใต้สะพานแห่งหนึ่ง จนมั่นใจว่าปลอดคนจึงจอดรถอย่างโมโห แล้วลงมาคุยกับต๋องนอกรถ
“แกมีอะไรก็ว่ามา แต่ถ้าจะมาพูดเรื่องไอ้ตลาดนั่นล่ะก็ ชั้นบอกไว้ก่อนเลยนะว่าเสียเวลาเปล่า” รัศมีเอ่ยขึ้น
“นี่คุณไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอที่ใช้แผนสกปรกฮุบสมบัติคนอื่นไปหน้าตาเฉยแบบนี้” ต๋องหลอกด่า
“ชั้นเอาไปฟรีๆซะเมื่อไหร่ ก็ใช้หนี้ทั้งหมดแทนให้แล้วไง” รัศมีเอ่ย
“คุณยังกล้าเอาความดีความชอบอีกเหรอ ในเมื่อเงินที่คุณนายสดศรีติดหนี้กับราคาที่ดินตลาดมันคนละเรื่องกันอย่างกับฟ้ากะเหว” ต๋องหลอกด่าต่อ
“ช่วยไม่ได้ ถ้ายอมขายที่ให้ชั้นแต่แรกก็หมดเรื่อง” รัศมีเอ่ยอย่างสะใจ
“คุณเข้าใจมั้ยว่าคุณนายสดศรีไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการเก็บที่ดินผืนแรกในชีวิตไว้ทำมาหากิน แล้วก็เป็นที่พึ่งพิงให้กับคนอื่นๆ” ต๋องอธิบาย
“ชั้นไม่จำเป็นต้องเข้าใจอะไรทั้งนั้น ตกลงธุระมีแค่นี้ใช่มั้ย...ชั้นจะได้กลับ” รัศมีพูดอย่างไม่สนใจ
“สรุปว่าคุณจะไม่ยอมคืนโฉนดให้คุณนายสดศรีจริงๆใช่มั้ย” ต๋องถามย้ำความแน่ใจ
“ต๋อง...แกรู้จักคำว่าอ้อยเข้าปากช้างมั้ย” รัศมีพูดอย่างได้เปรียบ แล้วทำท่าจะหันหลังเดินออก
“คิดว่าถ้าเสี่ยชายศักดิ์รู้เรื่องของคุณกับนายฤทธิ์แล้ว ช้างอย่างคุณมันจะได้กินอ้อยอยู่อีกมั้ย”
ต๋องเอ่ยขึ้นอย่างเป็นต่อ
“บอกไปซิ บอกไปเลย แกคิดว่าแกจะเอาเรื่องนี้มาขู่ชั้นได้เรื่อยๆเหรอ ตอนนี้ตลาดนั่นเป็นชื่อของลูกชายชั้นเรียบร้อยแล้ว แกก็รู้ดีนี่ว่ามูลค่ามันมากมายก่ายกองแค่ไหน ต่อให้เสี่ยเฉดหัวชั้นไป แต่สมบัติชิ้นใหม่ที่ได้มันก็คุ้มค่ามากพอกับการที่ชั้นต้องทนอยู่กับไอ้เสี่ยนั่นมาตั้งครึ่งชีวิต” รัศมีพูด พลางเดินไปผลักต๋อง
รัศมีขับรถออกไปอย่างไม่แยแส ต๋องกังวลอย่างไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรกับการช่วยให้ตลาดร่วมใจเกื้อไม่ตกอยู่ในมือของรัศมี
เวลาต่อจากนั้น ชาวตลาดยืนมองตำรวจกันเชือกห้ามเข้าบุกรุกตลาดร่วมใจเกื้อ ครู่หนึ่งต๋องเดินมาถึงด้วยความเซ็ง พอเห็นตำรวจติดป้ายห้ามเข้าจึงปรี่เข้าไปถาม
“คุณตำรวจ ต้องกั้นกันถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ” ต๋องเอ่ยถามอย่างหดหู่
“ทางห้างเวรี่แฮปปี้เจ้าของตลาดแจ้งไปว่าถูกบุกรุก เลยให้เจ้าหน้าที่มาช่วยดูแล ยังไงก็ขอให้ทุกคนร่วมมือด้วยนะครับ ไม่งั้นพวกผมต้องดำเนินการตามกฎหมาย” ตำรวจเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกไป
“ดูซิ...ที่ที่เคยอยู่ทุกวี่ทุกวันเหมือนบ้าน ต่อไปนี้อย่าว่าแต่จะใช้ทำมาหากินเลย แค่จะเหยียบเข้าไปยังไม่มีสิทธิ์ ทำไมไอ้เสี่ยชายศักดิ์กับนังรัศมีมันถึงใจดำอำมหิตนัก” ป้าพิณเอ่ยขึ้นอย่างทอดถอนใจ
“มันจะคิดบ้างมั้ยว่าพรุ่งนี้เราจะเอาอะไรกินกัน” คำมูลเอ่ย
“อั๊วว่านะ ตอนนี้เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ใครมีมากหน่อยก็ต้องช่วยคนที่มีจำกัดจำเขี่ย อย่างน้อยๆต้องไม่มีใครอดตาย” เคี้ยงว่า
“ชั้นเห็นด้วย งั้นเอาอย่างงี้ละกัน เริ่มตั้งแต่มื้อเย็นวันนี้ พวกเรารวบรวมเงินคนละเล็กละน้อยให้ป้าพิณทำกับข้าวมาแจกจ่ายให้ได้กินกันทั่วๆ เอ้า...ของชั้นให้เท่านี้” จะเด็ดเอ่ยขึ้น พร้อมหยิบเงินตัวเองออกมา
“นี่ของอั๊วกับครอบครัว” เคี้ยงรีบเอ่ยขึ้น พร้อมยื่นเงินให้จะเด็ดเช่นกัน
“เดี๋ยวอั๊วจะเอาของสดไปสมทบให้ป้าพิณทำกับข้าวด้วยนะ” กิมฮวยรีบว่า
“งั้นกิมแชขอไปเป็นลูกมือช่วยป้าพิณด้วยอีกแรงจ้ะ” กิมแชเอ่ย
“ผมอาสาเป็นผู้ช่วยกิมแชอีกที” จาตุรงค์รีบเอ่ยตาม
“นี่ของอั๊วกับอาลักษณ์ แล้วก็อาจาตุรงค์” เต๊กไฮ้เอ่ยขึ้นพร้อมนำเงินมาสมทบ
“แล้วชั้นจะแล่เนื้อหมูไปให้ด้วย” ลักษณ์บอก
ชาวตลาดร่วมกันสมทบเงินจะเด็ด ต๋องกับกิมลั้งมองภาพตรงหน้าด้วยความตื้นตันใจ
“ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีนะ อย่างๆน้อยมันก็ทำให้เห็นว่าพวกเรารักกันมากแค่ไหน”
ต๋องเอ่ยขึ้นกับกิมลั้ง
“ขอให้กุศลจากความดีมีน้ำใจช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากทุกข์ภัยครั้งนี้ด้วยเถอะ” กิมลั้งยกมือไหว้ขอพร
ครู่หนึ่งยายที่ต๋องกับกิมลั้งเคยชีวิตไว้หิ้วตะกร้าขนมเข้ามามาหาต๋องด้วยความงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดร่วมใจเกื้อ
“ต๋อง...กิมลั้ง...เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก ?”
ยายถามด้วยความสงสัย

ครู่หนึ่ง ยาย ต๋องและกิมลั้ง คุยเรื่องตลาดร่วมใจเกื้อกันด้วยความเครียด ยายรู้เรื่องเข้าตกใจไม่น้อย
“โอย...ตายจริง ทำไมถึงได้ใจร้ายใจดำทำกับคนทำมาหากินได้ขนาดนี้ แล้วนี่จะทำยังไงกันต่อไปล่ะ” ยายโพล่งขึ้น
“ก็ยังไม่รู้เลยจ้ะยาย ตอนนี้ชั้นก็คิดแต่ว่าจะมีทางไหนมั้ยที่จะช่วยให้คนในตลาดมีที่ทางขายของก่อนชั่วคราวก็ยังดี เพราะเรื่องเอาตลาดกลับคืน มาคราวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ” ต๋องว่า
ยายนิ่งไปพยายามใช้ความคิด ครู่หนึ่งรถเบนซ์หรูมาจอดเทียบข้างๆ ต๋องกับกิมลั้งมองตามด้วยความงง เพราะจู่ๆคนขับรถเบนซ์นั้นเดินลงมาหายาย
“อยู่นี่เอง” คนขับรถเบนซ์เอ่ย
“อย่ามายุ่งกับชั้นนะ...” ยายพูดล้วรีบวิ่งไปหลบหลังต๋อง
“ต๋องช่วยยายด้วย ไอ้นี่มันตามไล่ปล้ำยายตั้งแต่เช้าแล้ว” ยายรีบเอ่ย
ต๋องได้ยินแล้วตกใจ เข้าไปกระชากคอเสื้อคนขับรถ
“คิดจะทำบ้าอะไรฮะ เวลามองหน้ายายแล้วแกเกิดอารมณ์ได้ยังไงกัน” ต๋องเอ่ยด้วยความโมโห
“เอ้า...ต๋อง” ยายพูดแล้วหันมามองต๋อง
“ชั้นหมายถึงว่าเวลามันเห็นหน้ายายมันไม่รู้สึกเหมือนกำลังจะทำร้ายแม่ตัวเองรึยังไง” ต๋องบอก
“โธ่เอ๊ย...ใครบอกว่าชั้นจะทำร้ายคุณนาย ชั้นจะมาพาคุณนายกลับบ้านต่างหาก” คนขับรถรีบปฏิเสธ
“คุณนาย?” ต๋องกับกิมลั้งอุทานออกมาพร้อมกัน
“กลับบ้านดีๆเถอะนะครับคุณนาย เดี๋ยวคุณๆก็จะมาเล่นงานผมอีกที่ปล่อยให้แม่ออกมาเร่ร่อนขายขนมแบบนี้” คนขับรถรีบบอก
“พวกมันจะมาสนใจอะไรชั้น วันๆทำกันแต่งาน ชั้นเบื่อชั้นเหงาก็อยากออกมาเจอผู้คนบ้าง จะมาขังไว้กับบ้านให้เป็นนกน้อยในกรงทองได้ยังไง” ยายรีบตอบทันที
“เอ่อ...เดี๋ยวนะจ๊ะยาย ตกลงยายเป็นคุณนายจริงๆเหรอ แล้วบ้านสวนที่เราพายายไปส่งเมื่อวันก่อนล่ะ” กิมลั้งรีบถามขึ้น
“นั่นมันที่ของลูก ยายอยู่บ้านที่ติดกับสวน” ยายเอ่ย
“บ้านหลังใหญ่อย่างกับวังนั่นน่ะเหรอยาย” ต๋องรีบถาม
“นั่นล่ะ...สรุปรู้แล้วนะว่าใครเป็นใคร งั้นกลับบ้านได้แล้วล่ะครับคุณนายผมกราบล่ะ” คนขับรถรีบตอบแทนยาย แล้วเข้าไปจะอุ้มยายขุ้นรถซึ่งยายดูไม่เต็มใจกลับบ้าน
“ปล่อย...ชั้นยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ตอนนี้ติดภารกิจช่วยชีวิตคนที่นี่อยู่” ยายพูดแล้วดิ้นหนี
“อะไรนะครับ” คนขับรถงง
“เอาอย่างนี้นะ...ยายมีที่เป็นลานโล่งติดถนนอยู่แถวปากซอยบ้าน ตรงนั้นคนผ่านไปมา
เยอะเหมือนกัน เดี๋ยวให้ทุกคนไปตั้งแผงขายของชั่วคราวที่นั่นก่อนก็ได้” ยายพูดกับกิมลั้งและต๋องอย่างจริงจังจนทั้งสองคนดีใจปนตกใจและทำอารมณ์ไม่ถูกกับสิ่งที่ยายขายขนมแต่กลายเป็นมหาเศรษฐีหยิบยื่นให้
ไม่นานนัก ลานโล่งกว้างริมถนนคนในตลาดร่วมใจเกื้อเตรียมจัดแผงขายของชั่วคราว ต๋องกับกิมลั้งช่วยกันเขียนขึ้นกระดาษแผ่นใหญ่ให้ดูแล้วอธิบายประกอบ
“เอาเป็นว่าขอให้ทุกคนช่วยกันจัดแผงตามนี้แล้วกันนะจ๊ะเพื่อความสะดวกแล้วก็ความเป็นระเบียบ เพราะเราคงต้องขายของอยู่ตรงนี้กันพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าคุณนายสดศรีจะจัดการเรื่องตลาดเรียบร้อย” ต๋องว่า
“แล้วลูกค้าประจำจะรู้ได้ยังไงล่ะต๋องว่าเราย้ายมาอยู่ตรงนี้” คิตตี้เอ่ยขึ้น
“เรื่องนั่นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกเราส่วนหนึ่งจะช่วยกันออกไปแจกใบปลิวบอกข่าวคนในซอยกัน แต่ตรงนี้ค่อนข้างจะเป็นจุดที่เห็นเด่นชัดอยู่แล้ว ใครผ่านไปมาก็น่าจะสังเกตกันได้ง่ายๆ” กิมลั้งว่า
ยายเห็นรู้สึกปลาบปลื้มใจ แล้วรีบเดินเข้ามาดูชาวตลาด
“ยาย...” ต๋องเรียก ในขณะที่ชาวตลาดตามต๋องเดินมาหายาย

ชาวตลาดรีบเดินมาหายายผู้อุปการคุณ
“เป็นยังไงบ้าง” ยายถามขึ้นอย่างห่วงใย
“ขอบพระคุณยายมากนะจ๊ะที่เป็นนารีขี่ม้าขาวมาช่วยพวกเรา” ต๋องตอบน้ำเสียงจริงใจ
แล้วเข้าไปกราบยาย
“ขอบคุณจ้ะ” ชาวตลาดที่ยกมือไหว้ยายด้วยความศรัทธาในเมตตาครั้งนี้
“ไม่เป็นไรๆ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับที่ต๋องกับกิมลั้งช่วยชีวิตยายไว้ เมื่อวันก่อน” ยายเอ่ยขึ้น
“ยาย...เอ้ย...คุณนายคะ” กิมฮวยเรียกผิดๆถูกๆ
“เรียกยายเถอะแม่ คนเหงาอย่างยายจะได้รู้สึกว่ามีลูกหลานเยอะแยะ” ยายรีบบอกกิมฮวย
“ได้ๆ ยาย คืออั๊วอยากจะถามว่ายายจะคิดค่าเช่าแผงพวกเราเท่าไหร่” กิมฮวยรีบเอ่ยถามขึ้น
“แหม...ก็บอกว่าอยากได้ลูกหลาน ไม่ได้อยากได้ตังค์” ยายตอบทันทีเช่นกัน
“หมายความว่ายายจะให้เราใช้ที่กันฟรีๆเหรอจ๊ะ เป็นไปไม่ได้” คิตตี้เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
“นั่นซิจ๊ะ ของฟรีไม่มีในโลก ยายมีลูกชายมั้ย ถ้าจะให้ชมพู่เสียสละตัวเองไปเป็นสะใภ้ยายเพื่อรับภาระแทนทุกคน ชมพู่ก็ยอม” ชมพู่เอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่ล่ะมั้งนังชมพู่ ชั้นว่าแกจะฮุบสมบัติยายมากกว่านะ” คิตตี้เอ่ยอย่างรู้ทัน
“เอาเถอะ...ไม่เป็นไรจริงๆ ทุกคนเก็บเงินไว้ใช้ยามคับขันดีกว่านะฟังๆแล้วปัญหาของตลาดร่วมใจเกื้อยังอีกยาวแน่” ยายยืนยันคำเดิม
“แต่ยายให้พวกเราทำอะไรให้ซักนิดเถอะนะ ไม่งั้นมันเหมือนพวกเราแห่กันมารุมเอาเปรียบยายยังไงก็ไม่รู้” ชมพู่ว่า
“งั้นเอางี้...ช่วยทำแผงซักแผงให้นั่งขายขนมหน่อยละกัน คนขับรถที่บ้านจะได้ไม่ออกตามล่ายายรายวันอีก โอเคกันมั้ย” ยายเสนอขึ้น
“โอเค” ชาวตลาดประสานเสียงพร้อมกัน
“แล้วถ้าจะให้ดี พ่อจะเด็ดน่ะก็ให้เลขท้ายสองตัวเด็ดๆยายบ้างนะ ได้ข่าวแจกโชคประจำนี่” ยายแซวจะเด็ดอย่างรู้สถานการร์ตลาดร่วมใจเกื้อดี
“งั้นเอาไปเลยยาย 55” จะเด็ดว่า
“อุย...ทำไมแจกเร็วนักล่ะ ไม่นั่งทางใน หยดน้ำมนต์ลงขันหน่อยเหรอ” ยายถาม
“ก็ 55 เป็นเลขลงท้ายของปีนี้ไง ก็ขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งการหัวเราะปีแห่งความสุขของยายสมกับที่ทำบุญทำทานครั้งใหญ่กับพวกเราไงจ๊ะ” จะเด็ดว่า
“งั้นก็ขอให้ทุกคนผ่านพ้นทุกข์ภัยให้ไวๆเหมือนกันนะ จะได้มาช่วยกันหัวเราะดังห้าห้ากับยาย” ยายเอ่ยขึ้นอย่างให้กำลังใจ
“สาธุ”
ชาวตลาดยกมือไหว้ท่วมหัว ขอให้คำอวยพรของยายเป็นจริงดังนั้น

ดึกคืนนั้น สดศรีนั่งดื่มไวน์จนเกือบรุ่งสาง เพราะกังวลเรื่องตลาดร่วมใจเกื้อ คิดมากและว้าวุ่นและยังหาทางออกไม่ได้ พลางคิดถึงคำพูดของรัศมีขึ้นมา
“ชั้นว่าเธอกับแม่น่าจะหลอนมากกว่านะ ถ้ารู้ความจริงว่าตอนนี้โฉนด ที่ดินตลาดที่อยู่กับคุณพงษ์น่ะมันตกมาอยู่ในมือชั้นเรียบร้อยแล้ว” รัศมีเอ่ยใส่หน้าสดศรี
“คุณพงษ์เค้าอยากช่วยเธอน่ะ พอชั้นบอกว่าจะใช้หนี้ที่เหลือแทนให้ เค้าก็เลยให้โฉนดนี่มาทันที” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้น
“ใจเย็นซิครับคุณณดา...ดูโฉนดให้ดีก่อนดีกว่ามั้ย เพราะตอนนี้มัน เป็นชื่อผมไม่ใช่ชื่อของแม่คุณอีกต่อไปแล้ว” ศักดิ์ชายพูดกับณดา

คำพูดของ สามคนพ่อแม่ลูก ทำให้สดศรีเครียดจัด จึงเทยานอนหลับจากขวดกินกับไวน์อย่างขาดสติ

เช้าวันใหม่ ณดาเดินมาเคาะประตูเรียกสดศรีหน้าห้อง
“คุณแม่ขา...ของตักบาตรพร้อมแล้วนะคะ คุณแม่แต่งตัวเสร็จรึยัง” ณดาตะโกนเรียกพร้อมเคาะห้องสดศรีไปด้วย แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ณดาจับลูกบิดประตูเข้าไปเพราะเห็นว่าไม่ได้ล็อกประตูไว้
หลังจากเปิดเข้าไปเห็นสดศรีนอนแน่นิ่งกับพื้น
“คุณแม่” ณดาตกใจร้องเสียงดังที่เห็นแม่หมดสติ

ครู่หนึ่ง ณดาพาสดศรีมาโรงพยาบาล
“โธ่...คุณนายขา ไม่น่าเป็นอย่างนี้เลย” ทวีเอ่ยขึ้นหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
ครู่หนึ่งหมอออกมาจากห้อง ณดากับทวีรีบวิ่งเข้าไปหา
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ณดารีบถามอย่างกัวล
“คนไข้ปลอดภัยดีแล้วครับ แต่ต่อไปอย่าปล่อยให้ทานยานอนหลับกับแอลกอฮอล์อีก ไม่งั้นอาจจะไม่รอดหวุดหวิดเหมือนครั้งนี้ หมอขอตัวนะครับ” หมอรีบแจ้งอาการ
“พวกเสี่ยชายศักดิ์มันจะรู้บ้างมั้ยว่าคุณนายเกือบตายเพราะพวกมัน คุณณดาขา ทวีกลัวจะเกิดเรื่องแบบนี้อีกจัง” ทวีเอ่ยอย่างวิตก
“พูดอย่างกับว่าคุณแม่ตั้งใจทำร้ายตัวเองอย่างงั้น” ณดาพูดออกมาทั้งที่ในใจแอบกลัวไม่น้อย
“ไม่ใช่ค่ะ แต่คนเราเวลาเครียดมากๆน่ะบางทีก็ทำอะไรลงไปแบบไม่รู้ตัว ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ทวีไม่เคยเห็นคุณนายเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย” ทวีเอ่ยขึ้น
“ฝากคุณแม่ด้วยนะ เดี๋ยวชั้นมา” ณดาพูดคล้ายมีอะไรบางอย่างที่ต้องออกไปจัดการ
“จะไปไหนคะคุณณดา”
ทวีเรียกณดาไว้ แต่ณดามุ่งหน้าออกมาทันที

เวลาต่อจากนั้น ที่ห้างเวรี่แฮปปี้ ศักดิ์ชายขับรถเข้ามาในห้างแต่ต้องเบรกกะทันหันเพระาณดาเข้ามาขวางไว้
“เป็นบ้าอะไรของคุณฮะ” ศักดิ์ชายลงจากรถ แล้วพูดด้วยความโมโห
ณดาเข้าไปหาศักดิ์ชายคล้ายจะเข้าไปตบ แต่ปรากฏว่าเธอกลับคุกเข่าลงตรงหน้าเขาแทนจน
ศักดิ์ชายตกใจ
“ขอร้องนะศักดิ์ชาย ขอตลาดคืนแม่ให้แม่ชั้นเถอะ มันมีความหมายกับแม่ชั้นมาก” ณดาเอ่ยอย่างสิ้นศักดิ์ศรีเพื่อแม่ ศักดิ์ชายดึงตัวให้ณดาลุกขึ้นเพราะไม่อยากเห็นเธอในสภาพนี้แต่ยังแสร้งโหด
“จะทำแบบนี้ทำไม อย่าเสียเวลาพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่ดินนั่นมันควรจะกลับมาอยู่กับเจ้าของตัวจริงตั้งนานแล้ว” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
“พูดอะไรของคุณ ตลาดนี่แม่ชั้นสร้างเองมากับมือตั้งแต่เริ่ม” ณดาเอ่ย
“นั่นมันเรื่องที่แม่คุณกุขึ้นเพื่อกลบเรื่องโกงที่ดินนั่นไปจากพ่อแม่ผม แม่คุณโกรธที่คุณพ่อทิ้งไปเพราะเลือกที่จะใช้ชีวิตกับคุณแม่ผม ก็เลยหาทางกลั่นแกล้ง” ศักดิ์ชายรีบเอ่ย
“แล้วคุณก็เชื่อเรื่องที่แม่คุณพูดเหรอ คุณรู้มั้ยว่าแม่คุณน่ะไม่ได้ต่างอะไรกับนางมารร้ายเลย”
ณดาสวน
“ไม่งั้นจะสมน้ำสมเนื้อกับแม่มดเจ้าเล่ห์อย่างแม่คุณเหรอ คุณกลับไปได้แล้ว เราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีกต่อไปแล้ว” ศักดิ์ชายรีบไล่ณดา
“ได้ งั้นชั้นคงทำอะไรไปไม่ได้มากไปกว่าทำให้คุณรู้สึกบาปไปทั้งชีวิต” ณดาเอ่ยอย่างหมดทางสู้
“คุณจะทำอะไร” ศักดิ์ชายถามด้วยความแปลกใจ
ณดานิ่งไม่มีคำตอบให้ แต่จู่ๆเธอเดินมุ่งหน้าไปกลางถนนอย่างไม่กลัวตาย ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งพุ่งมาเธอหลับตาเตรียมฆ่าตัวตายแต่ทว่า ศักดิ์ชายรีบเข้ามาช่วยไว้จนกลิ้งลมไปอีกมุมหนึ่งของถนน
“ปล่อย...” ณดาพยายามลุกเพื่อวิ่งออกไปให้รถชนอีกครั้ง
ศักดิ์ชายคว้าตัวไว้แล้วเขย่าร่างณดาอย่างแรง
“หยุดได้แล้วณดา วิธีโง่ๆนี่มันทำอะไรผมไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าคุณเป็นอะไรไป มันจะทำให้แม่คุณไม่เหลืออะไรอีกเลยในชีวิต” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นด้วยความโมโหก่อนจะเดินออกไปทั้งที่เสียใจ
ณดายืนร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ตรงนั้นอย่างหาทางออกช่วยแม่ที่เธอรักไม่ได้

บ่ายนั้น ที่ห้องพักผู้ป่วย ต๋องเดินทางมาเยี่ยมอาการสดศรีที่โรงพยาบาล
“ผมขอโทษนะครับที่ปล่อยให้คุณนายเป็นอย่างนี้” ต๋องเอ่ยขึ้นกับสดศรีทันทีพร้อมยกมือไหว้
“มันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอเลย” สดศรีเอ่ยขึ้น
“ก็ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ผมมัวแต่ไปวุ่นกับเรื่องหาที่ขายของจนลืมไปว่าคุณนายกำลังแย่ ต้องการคนคุย ต้องการที่ปรึกษา” ต๋องเอ่ย
“เธอทำถูกแล้วต๋อง เพราะถ้าคนที่ตลาดขายของต่อไปไม่ได้ ชั้นคงรู้สึกแย่ไปกว่านี้ที่ลากทุกคนมาลำบากด้วย” สดศรีเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“อย่าคิดอย่างนั้นครับคุณนาย ยังไงซะพวกเราก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ทุกคนพร้อมเสมอนะครับที่จะช่วยคุณนายเอาตลาดคืนมา” ต๋องเอ่ยจากใจ
“แต่คราวนี้มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ลองโฉนดตกไปอยู่ในมือพวกนั้นแล้ว” สดศรีพูดทั้งน้ำตา
“เธอรู้มั้ยว่าชั้นตั้งใจมาตลอดว่าอยากให้ที่ดินผืนที่ชั้นรักตกทอดเป็นของคนที่ชั้นรักต่อไป ที่ชั้นเก็บตลาดไว้ไม่ขายให้ใครก็เป็นเพราะมันเครื่องเตือนความจำว่าเรามีวันนี้ได้ยังไง ที่สำคัญ...ตลาดไม่ใช่แค่ที่ทำมาหากิน แต่มันคือชีวิต คือเรื่องราวที่มีคุณค่าของใครหลายๆคน ชั้นถึงได้อยากส่งผ่านความรู้สึกนี้ไปถึงลูกไง ชั้นยังจำได้เลยนะว่าดีใจมากแค่ไหนวันที่ณดาบอกว่าจะมาช่วยงานในตลาด ยิ่งเวลาผ่านไปณดาก็ยิ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมันเกินกว่าที่ชั้นคิด แต่ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายสมบัติที่มีค่าทางความรู้สึกของณดากลับถูกทำลายด้วยมือของพ่อแท้ๆ” สดศรีพรั่งพรู
“คุณนายหมายความว่ายังไงครับ” ต๋องตกใจที่ได้ยินว่าพ่อแท้ๆทำลายลูก จึงโพล่งถามขึ้น
“ชั้น...” สดศรีตกใจที่หลุดพูดออกไป
“ที่แท้คุณณดาเป็นลูกของเสี่ยชายศักดิ์ใช่มั้ยครับ” ต๋องเอ่ยถามสดศรีซึ่งๆหน้า
“ช่างมันเถอะต๋อง มันไม่ได้สำคัญอะไร ถือว่าเธอไม่ได้ยินที่ชั้นพูดเมื่อกี้ละกัน” สดศรีพยายามไม่สนใจ
“สำคัญซิครับคุณนาย เพราะนี่จะเป็นทางออกสุดท้ายที่จะทำให้คุณนายได้ตลาดกลับคืนมา คุณนายต้องบอกเสี่ยชายศักดิ์เรื่องคุณณดานะครับ” ต๋องโพล่งอย่างต้องการคำตอบ
“ไม่มีทาง ชั้นไม่มีทางให้ณดารับรู้ว่าตัวเองมีพ่อเลวๆแบบนั้น” สดศรียืนยัน
“ยังไงคุณนายก็ต้องบอกครับ ไม่อย่างงั้นที่ดินที่คุณนายสร้างมากับมือจะหลุดไปเป็นคนนอกที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยเลย” ต๋องเอ่ยความจริงบางอย่างออกมา
“เธอพูดอะไร” สดศรีถามกลับด้วยความแปลกใจ
“ศักดิ์ชายไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเสี่ยชายศักดิ์ครับ” ต๋องตอบอย่างรู้ความจริงเรื่องรัศมีกับฤทธิ์ สดศรีช็อกกับสิ่งที่ได้รับรู้

ชาวตลาดตกใจเมื่อทราบข่าวสดศรีเข้าโรงพยาบาล

“คุณพระช่วย...นี่ถึงกับต้องหามกันเข้าโรงบาลเลยเหรอ” ป้าพิณอุทานขึ้น
“แต่ต๋องบอกว่าตอนนี้คุณนายปลอดภัยแล้วจ้ะ” กิมลั้งรีบว่า
“ดีนะที่ไม่เป็นอะไร ไม่งั้นพวกเสี่ยชายศักดิ์มันคงจุดพลุฉลองกันใหญ่ที่ต่อไปจะไม่มีใครตามตอแยแล้ว” เต๊กไฮ้รีบเอ่ย
“ชั้นไม่ปล่อยให้พวกมันมีความสุขหรอก ต่อให้คุณนายตายชั้นก็จะตามล้างตามผลาญมันแทน” คิตตี้ว่า
“เชอะ...ตามล้างตามผลาญเหรอนังคิตตี้ แค่ที่มันเล่นงานเราทุกวันนี้ยังจัดการอะไรไม่ได้เลย” ชมพู่ว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงวันนี้เราจะทำอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายคนเลวก็ต้องมีจุดจบของมัน” จะเด็ดเอ่ย
“งั้นก็ช่วยเลื่อนจุดจบของมันขึ้นมาเร็วๆหน่อยได้มั้ย เพราะชั้นรู้สึกว่าจุดจบของเราจะแซงหน้ามันอยู่นะ” คำมูลว่า
“เชื่ออั๊วซิ ถ้าเรายังเดินอยู่ในลู่ทางที่ถูกที่ควร ไม่ไขว้เขวต่อไปแบบนี้เราต้องรอดแน่ ยังไงความดีก็ต้องคุ้มครองคนทำดี เรื่องที่กำลังเจอกัน อยู่นี่มันก็แค่บทพิสูจน์หัวใจเราอีกบทนึง” เคี้ยงรีบเอ่ย
“อั๊วว่าพวกเราให้กำลังใจกันแล้ว ก็ต้องไม่ลืมให้กำลังใจคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อย่างคุณนายสดศรีด้วยนะ เราน่าจะไปเยี่ยมอีกันหน่อย อีจะได้ไม่รู้สึกว่าต่อสู้กับปัญหาลำพังกันแค่สองแม่ลูก” เต๊กไฮ้เอ่ย
“นั่นซิ คนเราน่ะขาดอะไรก็ขาดได้แต่ต้องไม่ขาดกำลังใจ” ลักษณ์เอ่ย
ชาวตลาดเห็นพ้องต้องกันอย่างสามัคคี

เวลาเดียวกันนั้น ที่ร้านอาหารสุดหรู รัศมี ชายศักดิ์ และศักดิ์ชายอยู่กันพร้อมหน้า เปิดแชมเปญฉลองอย่างมีความสุข
“แด่ความสำเร็จที่เรารอคอยกันมาตลอด” รัศมีเอ่ยอย่างมีความสุข

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 13 วันที่ 23 ส.ค. 55

ละคร รักเกิดในตลาดสด บทประพันธ์โดย : นราวดี
ละคร รักเกิดในตลาดสด บทโทรทัศน์โดย : สนุกคิด-สนิทเขียน
ละคร รักเกิดในตลาดสด กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด แนวละคร : โรแมนติก คอมเมดี้ เบาสมองตลกสนุกสนาน
ละคร รักเกิดในตลาดสด ผลิต : บริษัท แอ็คอาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด โดยผู้จัด ธัญญา วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์ และวันอาทิตย์
หลังข่าวภาคค่ำ 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศต่อจากละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง
ละคร รักเกิดในตลาดสด เริ่มออกอากาศ ตอนแรกวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2555
ที่มา manager