@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/2 วันที่ 31 ส.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/2 วันที่ 31 ส.ค. 55

นิคพึมพำเบาๆ “โอ้! รังสีอำมหิต พุ่งออกมาเลยวุ้ย”
สุดาเดินมาเผชิญหน้ากับภาพิศ ผู้หญิงสองคนมองหน้าสู้สายตากันอย่างท้าทาย
สุดาเดินนำภาพิศเข้ามาในร้านกาแฟนั่งลงตรงโต๊ะที่มุมหนึ่ง กลุ่มของกาว ทำทีเป็นมานั่งดื่มอยู่ด้านหลัง
ภาพิศยิ้มยั่ว “วันนี้อุตส่าห์ปลีกเวลามาดูร้านเพชรสุดอลังการของน้องเชียวหรือคะคุณหญิงพี่”
สุดายิ้มร้ายพอกันพูดกระแทกหน้า “คงได้จากผัวพี่ไปเยอะล่ะสิท่า ถึงได้ใจกล้าหน้าด้านยอมเป็นเมียน้อยอย่างไม่อายผู้อายคน”

กาวสะเทือนใจนัก ยินเสียงภาพิศหัวเราะร่วนตอบว่า
“แต่ท่านยกย่องน้องนะคะ...ไปไหนมาไหนท่านก็พาน้องไปด้วย...ดีไม่ดีตอนนี้ นักข่าวอาจจะลืมหน้าคุณหญิงพี่ไปแล้วก็ได้”
สุดาโมโหแต่ข่มอารมณ์นิ่ง “เธอได้เงินท่านมากพอแล้ว เลิกยุ่งกับสามีฉันซะที”
ภาพิศยั่ว “สามีคุณหญิงพี่ต่างหากล่ะคะ ที่ไม่ยอมเลิกยุ่งกับหนู....” นำเสียงเย้ยหยัน “ซะที”
เสียงแมสเสจมือถือดัง ภาพิศหยิบมาอ่าน



“อุ๊ย! คุณหญิงพี่ดูสิคะ...ท่านแมสเสจมา...”Miss U “ คิดถึง...ขนาดห่างกันแค่ไม่ถึงชั่วโมงนะเนี่ย” น้ำเสียงภาพิศจงใจยั่ว “วันนี้ตั้งหลายสิบครั้ง แล้วของคุณหญิงพี่ล่ะคะ...ปีนี้ ได้ซักครั้งรึยังเอ่ย?”
สุดาเสียงเครือ พูดข่มอารมณ์เต็มที่ “นังหน้าด้าน”
จังหวะนั้นมือของภาพิศกดบันทึกภาพและเสียงถ่ายเป็นคลิปเอาไว้
“คุณหญิงพี่คะ....วันเปิดร้านของน้องแท้ๆ ทำไมถึงมาด่าน้องอย่างนี้ด้วยคะ?” ภาพิศบิ้วท์
สุดาหลุดปาก “เมียน้อยอย่างแกถูกด่าแค่นี้ยังน้อยไป นังหน้าด้าน!”
ภาพิศพูดจายอกย้อนแดกดัน “ถึงคุณพี่จะว่าน้องหน้าด้าน แต่น้องก็มีความเป็นผู้ดีพอที่จะไม่ตามไประรานใคร...อย่างคุณหญิงพี่...”
สุดาโกรธจนตัวสั่น มะยมกับนิคนั่งฟังหูผึ่ง กาวกำมือจนเจ็บ อายแทน
สุดาแผดเสียง “นังเมียน้อย” คว้าแก้วกาแฟขึ้นสาดหน้าภาพิศ แล้วตรงเข้าขย้ำ “เลิกยุ่งกับ
ผัวฉันเดี๋ยวนี้”
ผู้คนในร้านหันมามองอย่างตกตะลึง บางคนเอามือถือขึ้นถ่าย รวมทั้งนิคและมะยม ภาพิศ
เห็นก็รีบบีบน้ำตาแสร้งทำเป็นตกใจ
“คุณหญิงพี่.....ปล่อยน้อง....” บีบน้ำตาร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ผู้คนรีบเข้ามาห้าม นิคกับมะยมถ่ายรูปกันใหญ่ กาวตะลึงตัวแข็งมองภาพิศอึ้ง
“นังภาพิศ...นังมารยา” สุดากระแทกเท้าเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว
ภาพิศนั่งหายใจหอบ แฉล้มวิ่งเข้ามา
“เป็นไรรึเปล่าคุณ? เป็นไรรึเปล่า”
ภาพิศกอดแฉล้มเนื้อตัวสั่นเทาสีหน้าตื่นตระหนก “คุณแฉล้ม...ภากลัว...ภากลัว”
แฉล้มปลอบ “ฉันอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวค่ะไม่ต้องกลัว...”
ปากร้องครวญคร่ำน่าสงสาร แต่มือของภาพิศยังกำมือถือแน่น และมือถือก็ยังทำหน้าที่ อัดคลิปต่อไป

กาวมองภาพการกระทำของภาพิศด้วยสายตาแห่งความผิดหวังเต็มที่
เวลาเดียวกันนั้น สรวงอยู่ที่บริษัทสถาปนิกของเขา และชายหนุ่มกำลังจะเดินไปดูงานอีกห้อง แต่เจอเข้ากับนายแพทย์บุญยิ่งพอดี

บุญยิ่งร้องทักอย่างดีใจ “สรวง”
“อาหมอ...สวัสดีครับ” สรวงไหว้ทักทาย
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ อาไม่ยักรู้ข่าว”
“ก็...ซักพักแล้วครับ...อาหมอมีอะไรให้ผมรับใช้ยินดีนะครับ”
บุญยิ่งหัวเราะร่า “ดี...ถ้างั้นอาจะใช้ให้เต็มที่เลย คืองี้ อาว่าจะรีโนเวท ปรับปรุงคลินิก
ซะหน่อย เลยมาปรึกษา ดีจริงๆ ที่เจอสรวง
“งั้นเชิญที่ห้องครับอาหมอ”
สรวงเดินนำหมอบุญยิ่งจะไปที่ห้องทำงานของตัวเอง จังหวะนั้นเสียงมือถือของสรวงดังขึ้น สรวงดูเบอร์
“คุณแม่โทร.มา...ขออนุญาตนะครับ” กดรับสาย “ครับคุณแม่”
เวลาเดียวกันสุดาเดินลิ่วมาที่ลานจอดรถร้องไห้โวยวาย ตะโกนมาในสาย
“สรวง...นังเมียน้อยมันด่าแม่ นังเมียน้อยมันด่าแม่”
เสียงของสุดาดังลอดออกมา หมอบุญยิ่งทำหน้าไม่ถูก สรวงเองก็อาย บุญยิ่งจึงขอตัว
“ไว้ค่อยคุยกันนะสรวง”
“ขอโทษนะครับอาหมอ”
บุญยิ่งเดินออกไป สรวงคุยกับสุดาต่อ
“คุณแม่อยู่ที่ไหนครับ? ผมจะรีบไป”

ไม่นานต่อมา ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า สุดาร้องห่มร้องไห้อยู่ในรถบอกสรวง
“แม่ไม่ยอมๆ มันจิกหัวด่าแม่ แม่อาย สรวงต้องจัดการมันให้แม่”
“ครับๆ ผมจะจัดการให้...แต่ตอนนี้คุณแม่กลับบ้านก่อนนะครับ”
สุดาคาดคั้นเสียงเข้ม “สรวงต้องบอกแม่มาก่อนว่าจะจัดการกับมันยังไง?”
“ผมจะทำให้เค้าออกไปจากชีวิตของพวกเราทุกคน” สรวงบอกอย่างแน่วนิ่ง
“จริงนะสรวง...สรวงต้องทำให้ได้นะ”
“ครับ” สรวงรับคำ ก่อนจะหันไปบอกคนขับรถ “บรรเจิด...พาคุณหญิงกลับบ้านไป”
คนขับรถที่ชื่อนายบรรเจิดรีบเดินไปขึ้นรถ ในขณะที่สรวงก้าวลงจากรถ สุดาตะโกนไม่อาย
“สรวงต้องจัดการมันให้ได้...สรวงต้องจัดการมันให้ได้ อย่าให้มันมีพื้นที่ยืนในสังคม...แม่เกลียดนังเมียน้อย แม่เกลียดมัน!!”
สรวงมองตามสุดาอย่างกลุ้มใจ ก่อนจะหันเดินกลับเข้าไปภายในห้าง

สองคนอยู่ในห้องน้ำของห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น ภาพิศหน้าตาแดงก่ำ แฉล้มกระซิบถาม
“เป็นยังไงบ้างคุณ?
“ไม่เป็นไร...” ภาพิศตาวาววับ โกรธและไม่ยอม “คุณก็รู้..หนักกว่านี้ ฉันก็เคยเจอมาแล้ว”
“ฤทธิ์เดชยัยคุณหญิงสุดานี่ไม่เบา” แฉล้มไม่วายเหน็บแนม “แต่ก็อย่างว่า...เค้ามีสิทธิ์ทำได้ เพราะเค้าเป็นเมียหลวง”
“หมายความว่า..เมียหลวงทำได้ทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ? มันคงไม่ใช่” ภาพิศแย้ง
“มันก็จริง...” จับมือภาพิศเชียร์เต็มที่ “แต่คุณต้องเข้าใจนะ พวกเมียหลวงที่ผัวไม่รัก ไม่สนใจ ยังไงมันก็ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอมันลงผัวไม่ได้ มันก็มาลง”เมียน้อย”... ฉันว่าคุณแผ่เมตตาให้ยัยคุณหญิงสุดาจะดีกว่า...เชื่อฉันสิ อีกไม่นาน ยัยคุณหญิงก็ต้องตรอมใจตาย เพราะไฟริษยาในใจตัวเอง”
ภาพิศพูดด้วยท่าทีแน่วนิ่ง “คนโง่อย่างคุณหญิงสุดา...มักตกเป็นทาส ไฟอารมณ์”
แฉล้มหัวเราะระรื่น “ใครจะเหมือนไฟเย็นอย่างคุณล่ะคะ”
“ขึ้นชื่อว่าไฟ จะไฟร้อนไฟเย็น มันก็คือไฟอยู่ดี” ภาพิศยิ้มอย่างเชื่อมั่นในตัวเอง
แฉล้มต่อให้ “และคุณหญิงสุดาก็คิดผิดที่มาเล่นกับไฟอย่างคุณ....ฉันกลับก่อนนะคะ...ขอให้ร้านเพชรของคุณเจริญรุ่งเรือง ขยายสาขาอีกเป็นสิบ...อ้อ! ก่อนออกไปอย่าลืมตบแป้งให้สวยๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวใครเห็นเค้าจะรู้หมด...เอาเข้าจริง..ไฟริษยาก็กำลังลามเลียหัวใจคุณเหมือนกัน”
แฉล้มเดินออกไปแล้ว ภาพิศค่อยๆ เอาแป้งมาตบซับร่องรอยบนหน้าสวย ดวงตาแข็งกระด้างไม่มียิ้มเจือเลยสักนิด

ภายในห้างเวลานั้น กาว มะยม นิค เดินออกมากำลังจะกลับ กาวหน้าเศร้า มะยมว่า
“โอ้! ตำซั่วชุดเมื่อกี้ แซ่บยิ่งกว่าฟังคลิปหลุดของดาราอีก...คุณภาพิศเป็นเมียน้อยที่โลกควรจารึกไว้อย่างแรว๊งงงส์ ทั้งหน้าด้านหน้าทน”
“หูย…เห็นอย่างนี้ ฉันกลัวผู้หญิงจริงๆ” นิคผสมโรง
“เป็นข้ออ้างจะหันไปรักผู้ชายว่างั้น” มะยมเย้า
“เฮ้ย ยังไงก็ชอบผู้หญิง....แต่เห็นคุณภาพิศแล้วฉันกลัวว่ะ ทำเป็นแอ๊บนางเอก ที่ไหนได้ร้ายสุดๆ” หันมาทางกาว “ภาษาแกแซบ แกเขียนข่าวนี้เลยนะกาว”
กาวบอกเสียงเฉียบขาด “ไม่”
มะยมงง “ทำไมล่ะ”
กาวเลี่ยง “ขี้เกียจเล่นข่าวซุบซิบ อยากเล่นข่าวที่มีหลักฐานมากกว่า”
“ก็นี่ไงหลักฐาน” ยื่นมือถือให้ “ตะกี้ฉันอัดคลิปเอาไว้”
กาวหน้าซีดเผือด ลึกๆ ในใจก็ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายภาพิศอยู่ดี
“ทั้งภาพทั้งเสียงชัดเจน” นิคอวดโอ้
มะยมคะยั้นคะยอ “เอาไปสิ เดี๋ยวตกข่าว ยืนมองอะไร”
กาวจำใจต้องยื่นมือออกไปรับ ขณะที่สรวงเดินมา จังหวะนั้นเองมีคนเดินมาชนข้างหลังสรวง จนร่างของสรวงเซมาชนเข้ากับกาวอย่างจัง มือถือในมือของกาวร่วงลงพื้นทันที
สรวงยังไม่ทันมองหน้ารีบขอโทษ “ขอโทษครับ” ก้มลงเก็บมือถือยื่นคืนให้
กาวมองเห็นเป็นสรวง ก็ตกใจ จำได้ “นาย”
สรวงตะลึง “เธอ”
“ซุ่มซ่าม ถ้ามือถือฉันพังนายจะว่ายังไง” กาวด่าเสียงขุ่น
“ถ้าพัง ฉันก็จะรับผิดชอบ”
สรวงกดเปิด ไฟล์สุดท้ายที่อัดเสียงสุดาไว้ ดังก้อง
“นังภาพิศ นังแพศยา” และตามมาด้วยเสียงด่าทอกันอื้ออึงช่วงท้าย จากนั้นภาพิศก็ร้องห่มร้องไห้
สรวงหน้าซีด เสียงของสุดาผู้เป็นแม่ชัดเจนมาก จังหวะนั้นภาพิศเดินเข้ามาได้ยินพอดี แอบยิ้มอย่างสะใจ
“ห้ามเธอเอาเรื่องพวกนี้ไปลงข่าวเด็ดขาด” สรวงกำชับ
“มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน” กาวเถียง
“ครอบครัวฉันไม่ใช่คนสาธารณะ ถ้าเธอทำให้ครอบครัวฉันเสียหาย ฉันจะฟ้อง”
ยินเสียงหวานๆ ของภาพิศดังขึ้น “ฉันขอร้องค่ะ”
กาว มะยม และนิคหันมามองภาพิศ กาวเมินไม่ยอมมอง มีแต่มะยมที่ทักทาย
“คุณภาพิศ”
“เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน อีกอย่าง ครอบครัวเดียวกัน เราคุยกันได้”
กาวพูดด้วยน้ำเสียงหยันอยู่ในที “ครอบครัวเดียวกัน แต่ที่ฉันได้ยินเมื่อครู่ คุณหญิงสุดา ไม่ได้ยอมรับคุณนี่คะ...ขอโทษด้วยค่ะที่พูดตรงๆ”
มะยมกับนิคตกใจเหวอกันไปเลยทั้งคู่ ภาพิศสบตากาว ไม่มีทีท่าว่าจำได้เลยสักนิดว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นเลือดในอกที่ตนเคยทอดทิ้ง

ภาพิศเอ่ยขึ้นเป็นการตัดบท “เอาเป็นว่า ถ้าคุณอยากลงข่าว ก็ตามใจค่ะ ขอแค่ว่าอย่า...บิดเบือน ก็พอ เพราะฉันรู้ดี ข่าวของพวกฉัน คือเงินเดือนของพวกคุณ”
พูดจบภาพิศเดินกลับเข้าไป สามคนอึ้งที่ถูกด่า สรวงมองหน้ากาวอีกครั้ง
“ถ้าเธอเอาข่าวแม่ฉันไปลง ฉันฟ้อง”
สรวงเดินตามภาพิศเข้าไป กาว มะยม และนิคมองตาม มะยมพึมพำเบาๆ
“ถ้าเธอเอาข่าวแม่ฉันไปลง ฉันฟ้อง หมายความว่า....ผู้ชายคนนั้นคือ...”
นิคเติมให้ “คุณสรวง ลูกของพลตรีอารักษ์กับคุณหญิงสุดา”

กาวเหลียวขวับไปมองทันที พึมพำออกมา “ลูกพลตรีอารักษ์ คุณหญิงสุดา”

นัยน์ตาหญิงสาววาวโรจน์
ในขณะที่ภาพิศจะเดินกลับไปยังร้านเพชร สรวงเดินตามมาพลางร้องตะโกนสั่งให้อีกฝ่ายหยุด

“หยุด....” ทว่าภาพิศไม่หยุด สรวงจึงขึ้นเสียง “ฉันบอกให้หยุด”
ภาพิศหันกลับมายิ้มเย้ย “คุณสรวงจะมาแสดงความยินดีกับการเปิดร้านเพชรของพี่หรือคะ”
สรวงเชือดเฉือนกลับด้วยน้ำเสียงเข้ม แววตาดุ “ไม่มีใครยินดีหรอก กับการที่มีผู้หญิงต่ำๆ คนหนึ่งก้าวเข้ามาในชีวิต แล้วทำให้ครอบครัวต้องพังทลาย”
ภาพิศไม่สะท้าน ยังคงยิ้มเย้ยอย่างใจเย็น “พี่ทำที่ไหนคะ? พวกคุณคิดไปเองต่างหาก”
สรวงเหลืออด “หน้าด้านจริงๆ มิน่า..แม่ถึงสู้รบปรบมือกับเธอไม่ได้”
ภาพิศยอกย้อน “งั้น..ก็ควรยอมรับสิคะ...ในเมื่อท่านอารักษ์เลือกพี่ ซ้ำยังยกย่องพี่ ให้พี่ทุกอย่าง...พี่ว่า...คุณสรวงเองก็ควรให้เกียรติพี่ด้วย...ในฐานะภรรยาของพ่อ” ท้ายประโยคภาพิศจงใจเน้นคำกระแทกใส่หน้าสรวง “คนในครอบครัวเดียวกัน”
“ไม่มีใครนับญาติกับเธอหรอกภาพิศ เลิกพูดคำนี้ซักที” สรวงฉุนขาด
ภาพิศจ้องหน้า “งั้นช่วยไปบอกแม่คุณ ให้ถอนทะเบียนหย่าซักที ท่านอารักษ์จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำๆ ซากๆ ให้เหนื่อยใจ”
สรวงมีท่าทีตกใจ “ไม่มีทางที่พ่อจะหย่าจากแม่”
ภาพิศยิ้มหยันขยี้ต่อทันที “ไปถามคุณหญิงสุดาสิคะ...กี่ครั้งแล้วที่ท่านอารักษ์ขอ...และที่ฉันยอมๆ อยู่เนี่ย ก็เพราะเห็นใจ...จริงๆ แล้ว...คุณกับแม่..ควรขอบคุณฉันซะด้วยซ้ำ ที่ฉันใจกว้างขนาดนี้ ไม่ใช่วันๆ เที่ยวมาตามแต่รังควาน”
สรวงจ้องหน้าเสียงกร้าว “ถ้าเธอคิดอย่างนั้น ฉันก็จะรังควานเธอให้ถึงที่สุด อย่าคิดว่าจะได้ทะเบียนหย่า ฉันจะให้คุณแม่กอดมันเอาไว้...ให้สังคมตราหน้าเธอว่า…เมียน้อย ตลอดชาติ ภาพิศ”
ภาพิศยิ้มเย้ยไม่ยี่หระ “ฉันไม่แคร์สังคมหรอกค่ะคุณสรวง...ฉันแคร์แค่ท่านอารักษ์ถ้าหัวใจ ร่างกายท่านอยู่กับฉัน ฉันถือว่าจบ...จอบอจบ”
สรวงโต้ตอบอย่างเหยียดหยัน “ละครชีวิตเรื่องนี้เธอไม่ได้เขียนคนเดียวภาพิศ ถึงตอนอวสาน ยังไงเธอต้องกระเด็นออกจากครอบครัวของฉันอย่างเดียว”
ภาพิศท้าทาย “ก็เอาสิ...ละครเรื่องนี้เราจะเขียนด้วยกัน ฉันก็อยากรู้ ถึงตอนอวสาน ใครกันแน่ที่จะอยู่ หรือไป เพราะฉันก็มั่นใจ คนที่ไป ไม่ใช่ฉันแน่นอน”
สรวงมองภาพิศแล้วสะบัดหน้าเดินหนีเกลียดมาก ภาพิศมองตามด้วยสายตามาดมั่นทะนงตน และต้องการเอาชนะ
กาวยืนมองภาพิศอยู่นานแล้ว แววตามีแต่ความผิดหวัง

ย่อมแน่ว่าภาพิศรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นต่อนายพลอารักษ์ ทันทีที่กลับมายังคฤหาสน์หลังโอ่อาค่ำคืนนั้น พร้อมหลักฐานคลิปที่ตัวเองตั้งใจถ่าย อารักษ์ย้อนถามด้วยอาการโกรธๆ
“นี่คุณสุดาไปหาเรื่องเธอถึงที่ร้านเลยเหรอ?” ยามอยู่กับภาพิศอารักษ์เรียกคุณหญิงสุดา ผู้เป็นภรรยาว่า สุดาเฉยๆ นั่นยิ่งทำให้ภาพิศทะนงตนว่าเหนือกว่า...บ้านหลังใหญ่
“ก็อย่างที่ท่านเห็นน่ะค่ะ
อารักษ์ก้มลงมองมือถือของภาพิศที่ถือในมือ ภาพิศบีบน้ำตา ท่าทีเสียใจ น้อยใจเหลือแสน
“ที่ผ่านมา..ภาก็อยู่แต่ในส่วนของภา...ภาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมคุณหญิงต้องจงเกลียดจงชังภาด้วย”
อารักษ์ฉุนขาด “นับวันฉันยิ่งเบื่อ สุดาเป็นคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย”
“จะทำยังไง คุณหญิงถึงจะเข้าใจ ท่านสั่งมาได้เลยค่ะ ภาพร้อมทำทุกอย่าง”
“เธอไม่ต้องทำอะไร ฉันจะจัดการเอง ภาพิศ” อารักษ์บอก
ภาพิศลอบยิ้มอย่างสาแก่ใจ

ไม่นานต่อมา สรวงนั่งนิ่งหน้าบึ้งรออยู่แล้วตรงโถงใหญ่ในคฤหาสน์ สักครู่หนึ่งนายพลอารักษ์เดินเข้ามา อย่างเอาเรื่อง ถามขึ้นทันที
“แม่แกอยู่ไหน?”
สรวงรู้ได้ทันที “คุณพ่อทำเสียงอย่างนี้ก็แปลว่า...เมียน้อยรายงานทุกอย่างหมดแล้ว”
อารักษ์ไม่ตอบ ถามเสียงดังมากขึ้นกว่าเก่า “ฉันถามว่า แม่แกอยู่ไหน?”
“คุณพ่อจะถามหาคุณแม่ทำไมครับ..ในเมื่อคุณพ่อปักใจในสิ่งที่เมียน้อยบอกคุณพ่อหมดแล้ว”
“ก็ฉันเห็นกับตา...ว่าแม่แกไประรานภาพิศ ไปด่าภาพิศ” อารักษ์พูดอย่างมีอารมณ์
สุดาเดินเข้ามาได้ยินพอดี “ฉันไปด่าอะไร”
“ยังกล้าถามอีกเหรอว่าด่าอะไร?” อารักษ์เปิดคลิปในมือถือให้สุดาฟัง
สุดาโกรธจนตัวสั่น “แล้วทำไมฉันจะด่ามันไม่ได้ ในเมื่อนังภาพิศมันแย่งผัวฉัน”
“เค้าไม่ได้แย่ง....ฉันต่างหากที่ไปหาเค้าเอง เมื่อไหร่เธอจะเลิกยุ่งวุ่นวายกับภาพิศเค้าซะที ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้รึไง?”
สรวงสงสารแม่นัก เดินเข้าไปเผชิญหน้าพ่อ ตอบแทนแม่ “ไม่ได้...เพราะคุณพ่อหยามเกียรติ หยามศักดิ์ศรีคุณแม่ ยกย่องเมียน้อยออกหน้าออกตาไม่พอ คุณพ่อยังยอมให้มันเสี้ยมอีก”
อารักษ์ “อ้อ! ทุกวันนี้ทำตัวเป็นพ่อฉันเลยนะ ถึงกล้ามายืนด่าฉันน่ะ ถ้าแกกับแม่แกไม่พอใจ ก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ไปเลยสิ ไปเล้ย”
สรวงตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าพ่อจะพูดคำนี้ “คุณพ่อ”
คุณหญิงสุดากรีดเสียงร้องสวนออกมาเลย “ไม่ไป...ยังไงฉันก็ไม่ไปจากที่นี่ ไม่ไป๊...”
“แต่ผมจะไป” สรวงบอกอย่างแน่วนิ่ง
สุดาตกใจ “สรวง”
สรวงจ้องหน้าสู้สายตาผู้เป็นบิดา อารักษ์มองด้วยความไม่พอใจและโกรธที่สรวงขัดใจ
“อ้อ! เดี๋ยวนี้เรียนจบ ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ จองหองพองขน งั้นแกไปเลยไอ้สรวง..ไปเลยแล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไป๊”
สรวงผลุนผลันออกจากบ้านไป สุดาร้องร่ำห้ามไว้ ใจจะขาด
“สรวง...อย่าไปสรวง”
อารักษ์กร้าวตะเพิดส่ง “ไม่ต้องไปห้ามมัน มันอยากไป ก็ปล่อยให้มันไปเลย ไป๊”

สุดาคับแค้นใจเหลือแสน ทำได้แค่ร้องไห้โฮออกมา
คืนเดียวกันนั้น กาวในคราบนักข่าว พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูรั้วคฤหาสน์ หญิงสาวมองเข้าไป ท่ามกลางแสงไฟสว่างไสวที่อวดโอ้ความหรูหราของคฤหาสน์หลังใหญ่โตนั้น

กาวยืนมองด้วยความขมขื่นพลางใจคิดในใจ “บ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ เกิดอีกสิบชาติเราก็คงหาไม่ได้...มิน่า...แม่ถึงได้ทิ้งพวกเราไป” บอกเตือนตัวเอง “ช่างเค้า...ทำงานๆ กาว”
กาวฮึด ยกกล้องขึ้นจะถ่ายรูป เห็นประตูใหญ่เลื่อนตัวเปิดออก กาวผงะ และแล้วสรวงก็ขับรถพุ่งออกมา ทันทีที่เห็นว่าเป็นกาว สรวงจอดรถพรืด เดินลงมาหาอย่างโกรธจัด
“จะอะไรกันนักกันหนาเธอ จุ้นจ้านน่ารำคาญ อยากได้ข่าวนักใช่มั้ย มานี่”
สรวงลากกาวที่กำลังงงๆ และตกใจ จับยัดขึ้นรถ
“อะไรคุณ? อย่า”
สรวงผลักกาวขึ้นรถ ล็อกประตูขับรถทะยานออกไปอย่างเร็วและแรง

เวลาเดียวกัน ฤทัยอยู่ในห้องที่บ้าน กดมือถือหาสรวงมือระวิง พลางทำหน้าย่น
“ทำอะไรอยู่? ทำไมสรวงไม่รับสาย?”
ฤทัยกดใหม่
ขณะเดียวกันสุดาอยู่ที่ห้องนอนของสรวง เสียงมือถือดังลั่น สุดาวิ่งเข้ามาคว้ามือถือ
“สรวงเหรอลูก”
ฤทัยงง “คุณหญิงแม่.. นี่ฤทัยค่ะ...มีอะไรเหรอคะ สรวงอยู่ไหน”
“แม่ไม่รู้ คุณพ่อไล่สรวงออกจากบ้าน”
สุขฤทัยตาโต ตกใจมาก

ด้านสรวงขับรถมาตามทางอย่างรวดเร็ว หน้าตาดุดัน กาวนั่งตัวลีบเล็กระวังแจ จังหวะนั้นสรวงเบนรถเข้าข้างทาง แล้วจอดพรืดจนหัวกาวชนโป๊กเข้ากับคอนโซล
“โอ๊ย”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 1/2 วันที่ 31 ส.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : -
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager