@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 12/3 วันที่ 22 ส.ค. 55

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 12/3 วันที่ 22 ส.ค. 55

“ผมเข้าใจ...ชีวิตมนุษย์น่ะมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ตอนนี้เห็นคู่คุณรักกันอยู่ดีๆ
แต่บางทีคนใดคนนึงอาจจะซ่อนชู้ไว้ก็ได้” พงษ์เอ่ยขึ้น
รัศมีกับเสี่ยชายศักดิ์ตกใจ
“ผมเปรียบเปรยเล่นๆนะ อย่าซีเรียส” พงษ์รีบพูดแก้

“ว่าแต่คุณพงษ์เห็นด้วยกับข้อเสนอของผมมั้ยครับ” ชายศักดิ์เอ่ยถามขึ้น
“ถ้ามันมาจากเจตนาที่ดี ผมก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะครับ ลึกๆก็เอาใจช่วยสดศรีเค้าให้หมดภาระซักที เพราะเค้าเหนื่อยมามากแล้วจริงๆ” พงษ์เอ่ย
“ก็แปลว่าคุณพงษ์เห็นด้วย ถ้างั้นพรุ่งนี้รัศมีกับเสี่ยจะเอาหนี้ไปชำระให้คุณพงษ์ที่บ้านเลย แต่อยากจะรบกวนพงษ์อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณนายสดศรีเรื่องนี้นะคะ” รัศมีเอ่ยขึ้น



“เอ้า...ทำไมล่ะ ?” พงษ์ถามอย่างสงสัย
รัศมีกับชายศักดิ์มองหน้ากันอย่างอึกอัก
“เอ่อ...คืออย่างนี้ครับ ผมอยากจะทำเซอร์ไพร์สสดศรีด้วยการเอาโฉนดไปมอบให้เค้าด้วยมือของตัวเอง คุณพงษ์คงไม่ขัดข้องใช่มั้ยครับ”
ศักดิ์ชายแกล้งเล่นละครตามน้ำหลอกพงษ์เรื่องโฉนด

ครู่หนึ่งต่อจากนั้น ชายศักดิ์กับรัศมีขึ้นมานั่งบนรถอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้อ...บทจะง่ายก็ง่ายเป็นปอกกล้วย ที่นี้ก็เป็นหน้าที่ของเสี่ยแล้วล่ะค่ะ ที่ต้องงัดวิชาปลอมลายเซ็นยายสดศรีมาใช้อีกครั้ง” รัศมีเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“เลิกบอกให้ชั้นทำนั่นนี่ซักที ชั้นรู้น่ะว่าต้องทำอะไร” ชายศักดิ์โวยขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
รัศมีหน้าหุบยิ้มแทบไม่ทัน

คืนเดียวกัน ต๋องกับกิมลั้งนั่งพิงกองฟางชมจันทร์ หิ่งห้อยบินไปมารอบกองฟางอย่างสุดธรรมชาติ
“ชั้นว่าที่นี่กลางวันสวยแล้วนะ แต่กลางคืนยิ่งสวยเข้าไปอีก” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“ทำไมล่ะ...” ต๋องเอ่ยถาม
“บอกไม่ถูกเหมือนกัน คงเหมือนเวลาที่เรามองทะลุใครบางคนเข้าไปในหัวใจน่ะ ถึงข้างนอกมันจะดูดำมืด แต่ข้างในกลับสว่าง สงบ สวยงาม มันคงเหมือนตัวเธอมั้งต๋อง” กิมลั้งเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ
“ถ้างั้นเธอก็คงเป็นเหมือนที่นี่ตอนกลางวันที่ข้างนอกสวยสว่างยังไง ข้างในก็ยังเป็นอย่างนั้น” ต๋องเอ่ยกลับ
“ชั้นอยากให้ม้าเห็นเธอเหมือนที่ชั้นเห็นจัง ทำไมชั้นต้องไล่ตามดวงอาทิตย์ ถ้าดวงจันทร์สาดแสงนวลส่องทางเดินให้ชั้นเพียงพอแล้วในความมืด ว่าไปแล้วถึงดวงจันทร์จะสงบ เย็น แต่มันให้พลังกับ
คนอย่างชั้นมากกว่าดวงอาทิตย์ที่มีแต่ความร้อนแรงด้วยซ้ำ” กิมลั้งมองดูดวงจันทร์ พรรณนาถึงเรื่องราวความรักที่มีอุปสรรค
“กิมลั้ง...ขอบคุณนะ เธอรู้มั้ย...ความจริงดวงจันทร์มันก็เป็นแค่ก้อนหินธรรมดาที่ไม่ความหมายอะไร แต่ที่มันยังขับเปล่งแสงออกมาได้ ก็เพราะมีคนที่เห็นค่าของมันต่างหาก” ต๋องพูด พลางหันไปจับมือกิมลั้งไว้อย่างอ่อนโยน
“ถ้างั้นเธอก็ต้องเปล่งแสงต่อไปนะ ต่อให้มีเมฆลม หรือแม้แต่เงาของดวงอาทิตย์มาบดบังเธอบ้าง แต่รับรองว่าทุกครั้งที่ฟ้าเปิดออกมา เธอจะเห็นชั้นจ้องมองเธออยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน” กิมลั้งเอ่ยขึ้น พร้อมจับมือต๋องแน่น
ทันใดนั้นกิมฮวยโผล่เข้ามาพร้อมกับส่องไฟฉายไปที่ทั้งคู่จนต้องแยกกัน
“เลิกเพ้อเจ้อซะทีอากิมลั้ง” กิมฮวยโพล่งขึ้น แล้วรีบเดินไปหาต๋องกับกิมลั้ง
“แค่มีไฟฉายซักกระบอกมันก็นำทางลื้อไปได้ทุกที่ในโลกแล้ว ปล่อยให้ไอ้ดวงจันทร์มันลอยเคว้งอยู่บนฟ้าดำมืดของมันต่อไปเถอะ แล้วลื้อก็ไปนอนซักที ไป...” กิมฮวยพูดแล้วลากกิมลั้งออกจากภวังค์ไปเสียดื้อๆ

ครู่หนึ่ง กิมฮวยกลับเข้ามาเตรียมเข้านอนที่บ้านของต๋อง กิมฮวยกับกิมลั้งเข้ามุ้งเตรียมนอน แต่จังหวะที่กิมฮวยยกไฟฉาย มุ้งด้านกิมฮวยตลบขึ้นส่องไปที่หน้าชมพู่กับคิตตี้ ที่ถูกโปะด้วยสมุนไพรขาวโพลน กิมฮวยเห็นแล้วร้องลั่นนึกว่าเจอดีเข้าแล้ว
“อ๊าย...ผี” กิมฮวยร้องลั่น
กิมลั้งสะดุ้งตกใจ
“ชั้นเองเจ๊...ชมพู่ คิตตี้” ชมพู่รีบรายงาน
“ลื้อสองคนจะบ้าเหรอ โผล่หน้าเละๆอย่างกะหนอนขึ้นศพมาหาอั๊วทำไม” กิมฮวยว่า
“แม่แก้วเค้าทำสมุนไพรสูตรหน้าเด้งให้พวกชั้นโปะหน้า ก็เลยจะมาถามเจ๊กับกิมลั้งว่าจะเอาบ้างมั้ย” คิตตี้เอ่ยถามขึ้น
“ไม่เอา...อั๊วง่วงจะตายอยู่แล้ว พวกลื้อก็เหมือนกัน ไปหลับนอนกันได้แล้ว” กิมฮวยไล่
“ทะลึ่งน่ะเจ๊” ชมพู่ว่า
“ทะลึ่งยังไง” กิมฮวยถามกลับอย่างงงๆ
“เจ๊มาไล่หญิงสาวพรหมจรรย์อย่างชั้นไปหลับนอนกับนังคิตตี้ได้ยังไง” ชมพู่ว่า
“ถ้าลื้อโง่นักก็ไปนอนกับนังสีดาในคอกไป ท่าทางจะพรหมจรรย์ไม่มีใครเอาเหมือนๆกัน” กิมฮวยเอ่ยขึ้น พร้อมตลบมุ้งปิดไฟฉายทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง กิมฮวยยังนอนไม่หลับ หันไปที่กิมลั้งที่หลับสนิทแล้ว จึงค่อยๆลุกเปิดมุ้งออกไป กิมฮวยเดินมาที่ต๋องขุดดินเมื่อหัวค่ำ ขุดไปหลายหลุมแต่ก็ยังไม่เจอสมบัติอย่างที่คิดไว้
“มันตรงไหนกันแน่...ขุดเท่าไหร่ไม่เห็นจะเจอ” กิมฮวยเอ่ยขึ้นหลังจากขุดไปหลายหลุม แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม

กิมฮวยขุดไปเรื่อยๆ จนเหงื่อท่วมแต่ไม่มีวี่แววเจอสมบัติตามที่กล้าเล่าไว้
“ไม่ไหวแล้วนะ” กิมฮวยบ่น และถึงกับโยนจอบทิ้งด้วยความเหนื่อย
“มันอาจจะเป็นที่ที่ไม่มีใครคิดว่าใช่” กิมฮวยเอ่ยขึ้นแล้วแล้วหันไปยังมุมที่มีสุมทุมพุ่มไม้รกๆมุมหนึ่งที่ไม่น่าจะมีใครเอาอะไรไปฝัง แล้วรีบบุกฝ่าไปยังบริเวณรกชัฏตรงนั้น แต่ทันทีที่กิมฮวยสับจอบแรกลงบนดินถึงร้องลั่นขึ้น
“โอ๊ย” กิมฮวยร้องออกมาเพราะความเจ็บ ล้มตัวนั่งลงอย่างทรมาน

เวลานั้น กล้าฉายไฟส่องไก่ที่กำลังฟักไข่
“ช่วยด้วย...” กิมฮวยร้องโอดโอยดังขึ้นเรื่อยๆ
กล้าป้องหูตัวเองให้แน่ใจใช้กรวยที่กำลังส่องไข่มาแนบกับหูช่วยฟัง
“ช่วยด้วย...” กิมฮวยยังร้องให้ช่วยอยู่อย่างนั้น
พอได้ยินชัดกล้ารีบผละออกจากเล้าไก่ไปหาต้นเสียงทันที

กล้ารีบวิ่งหน้าตาตื่นพร้อมไฟฉายไปจนพบกิมฮวยที่นั่งกองอยู่กับพื้นร้องโอดโอย
“เจ๊กิมฮวย...เป็นอะไร” กล้าถามขึ้นด้วยความตกใจ
“สงสัยงูจะกัดอั๊ว” กิมฮวยตอบ
“เห็นตัวมั้ย” กล้ารีบถาม
“ไม่...” กิมฮวยตอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“กัดตรงไหน” กล้ารีบถาม
“เท้า” กิมฮวยรีบตอบ
กล้าไม่รอช้าแกะผ้าขาวม้าที่พันเอวอยู่มาขันชะเนาะข้อเท้าให้กิมฮวยด้วยความแคล่วคล่อง
“ไม่ต้องกลัวนะเจ๊” กล้าปลอบกิมฮวย แล้วรีบอุ้มออกไปอย่างรวดเร็ว

กล้าช่วยอุ้มกิมฮวยมาถึงบ้านนั่งล้างแผลให้โดยมีต๋องเป็นลูกมือ ชมพู่ และคิตตี้นั่งมองอย่างตกใจ ส่วนกิมลั้งนั่งกุมมือแม่ด้วยความเป็นห่วง ส่วนแก้วกำลังตำสมุนไพรรออย่างใจจดใจจ่อ
กล้าใช้มีดปลายแหลมที่ต๋องราดแอลกอฮอล์ให้แล้วกรีดลงไปที่แผลที่เท้ากิมฮวย
“โอ๊ย” กิมฮวยร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
กล้ารีบใช้ปากดูดพิษที่เท้าให้ กิมฮวยเห็นแล้วตกใจที่กล้าทุ่มเทช่วยชีวิตอย่างทุ่มเท
แก้วยื่นสมุนไพรส่งให้กล้าอย่างรู้งาน กล้าโปะสมุนไพรลงไปที่แผลทันที
“ปวดแผลมั้ย” กล้าถามขึ้น
“ยังทนได้” กิมฮวยตอบ
กล้าส่งยาพาราฯพร้อมน้ำให้กิมฮวยกินแก้ปวด
“งั้นกินยาไว้ก่อน”
กิมฮวยรับยามากิน ขณะนั้นกล้าคลายผ้าที่ขันชะเนาะไว้ออกแล้วเอาผ้ายืดพัดแผลพันให้เลยแนวหัวเข่าพร้อมเอาไม้มายึดไว้เหมือนเข้าเฝือกเพื่อไม่ให้กิมฮวยเคลื่อนไหวส่วนนั้น
“คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ จากแผลคงไม่ใช่งูเห่า” กล้าเอ่ย
“พ่อรู้ได้ยังไง” ชมพู่เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“ตากล้าเค้าช่วยคนถูกงูกัดประจำล่ะ ตอนเด็กๆไอ้เต๋ากับไอ้ต๋องรอดตายจากงูเห่าได้ก็ฝีมือพ่อมันนี่ล่ะ” แก้วรีบรายงาน
“แล้วไม่ต้องไปหาหมอเหรอคะ” กิมลั้งเอ่ยถามขึ้น
“เจ๊รู้สึกปวดหัว ตาลาย หายใจอึดอัด กลืนน้ำลายไม่ได้ หรือจะอ้วกมั้ย” กล้าถามกิมฮวย
“ยัง...” กิมฮวยตอบ
“ก็น่าจะรอดแล้วล่ะ” กล้าเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกกิมลั้ง ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยพลาด อันนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัวไม่ควรเลียนแบบ ถ้าไม่มีความชำนาญควรพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันทีดีที่สุด” ต๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“พี่ต๋องพูดกับใครอ่ะ...” ชมพู่งง
“ก็บอกให้รู้กันไว้ทุกคนน่ะล่ะ เดี๋ยวชั้นจะนอนเฝ้าน้ากิมฮวยอยู่แถวนี้นะ มีอะไรก็พร้อมจะออกรถทันที น้ำมันมีพร้อม ล้อไม่แบน” ต๋องเล่นมุขกันโดนด่า
“ดีๆ เจ๊กิมฮวยเป็นไรขึ้นมาจะได้แบกขึ้นรถไปส่งวัดทัน” คิตตี้ว่า
“ไม่ใช่...ส่งโรงพยาบาล” ชมพู่รีบขัด
“อ๋อ...ไปห้องเก็บศพ” แก้วโพล่งขึ้น
“ไม่ใช่...ไปพบหมอ” กล้ารีบเอ่ยขึ้นหลังจากอาการของกิมฮวยไม่น่าเป็นห่วงแล้ว

เช้าตรู่ของวันใหม่ บรรยากาศท้องไร่ท้องนายามเช้า แก้ว กล้าและ ต๋องตื่นมาตักบาตรพระที่เดินมาตามคันนาแต่เช้า กิมลั้งจดๆจ้องๆด้วยความสนใจ
“ตื่นแล้วเหรอ มาตักบาตรด้วยกันเร็ว” ต๋องเรียกกิมลั้ง
“มาลูกมา ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน” แก้วว่า
“คนนะไม่ใช่ไก่” กล้าเอ่ย
“ไก่มาเกี่ยวอะไร” แก้วถามกล้ากลับอย่างงงๆ
“ก็เห็นแกจะให้เค้าร่วมขัน” กล้าเล่นมุข จนโดนแก้วเอาขันข้าวเขกหัว
“โอ๊ย...” กล้าร้องด้วยความเจ็บ
“รู้จักรึยังล่ะขัน” แก้วหันไปถามกล้าอีกรอบ
“พระมาแล้วจ้ะ” ต๋องรีบบอก
กล้ากับแก้ว รีบหันมาใส่บาตร ในขณะที่กิมลั้งเข้าไปยืนตักบาตรเคียงข้างต๋องครั้งแรก

สายวันนั้น ชมพู่กับคิตตี้ปีนเก็บผลไม้อยู่ตามคำบัญชาการของแกละ
“ตรงนั้นด้วยพี่...ลูกใหญ่เลยเห็นมั้ยพี่ไจแอ้นท์” แกละกำลังสนุกรีบออกคำสั่งอย่างมีความสุข
“ว้าย มาเรียกพี่ไจแอนท์ได้ไง พี่เป็นชิซูกะ” คิตตี้รีบค้าน
“กลมขนาดนี้จะชิซูกะได้ไง เป็นโดเรมี่ละกัน ตกลงเห็นมั้ยลูกใหญ่ตรงนั้น” แกละว่า
“เห็นแล้วๆ สุกแล้วด้วยนี่” ชมพู่เอ่ย
“นั่นล่ะ...โหนไปเลยพี่” แกละบอก
“เอ๊ะ...รึไอ้แกละมันเห็นเราเป็นลิง” ชมพู่เอ่ยขึ้น แต่ยอมโหนไปตามที่แกละว่าโดยดี
“ดีมากพี่ดีมาก เอ้า...รางวัล” แกละเอ่ยขึ้น พร้อมโยนกล้วยในมือขึ้นไปให้คิตตี้กับชมพู่ที่อยู่บนต้นไม้ ทั้งคู่ปอกกล้วยกินอย่างเอร็ดอร่อย
“หืม...หวานอร่อย” คิตตี้ว่า
คิตตี้กับชมพู่นั่งยองๆอยู่บนต้นไม้ทำท่าเอามือบนตบมือล่างเหมือนลิงอย่างลืมตัว
“เอ๊ะ...ชมพู่... อย่าอยู่บนนี้นานเลย ชั้นว่าเราจะเหมือนไอ้จ๋อขึ้นทุกทีแล้ว” คิตตี้รีบพูด เมื่อเริ่มสังเกตอาการว่าคล้ายลิงเข้าไปทุกที
“นั่นซิ...ชั้นก็ตะหงิดๆแต่แรกแล้ว” ชมพู่ว่า
“เจี๊ยกๆ” แกละทำหน้าลิง พร้อมส่งเสียงลิงไปที่คิตตี้กับชมพู่
“เจี๊ยกๆ เฮ้ย”
คิตตี้กับชมพู่ลืมตัวทำท่าลิงแกล้งเล่นกับแกละอย่างมีความสุข

เวลาต่อจากนั้น ต๋อง กิมลั้ง แก้ว และกล้า ตักบาตรเสร็จแล้วเดินมาเจอกับชมพู่ คิตตี้ และแกละที่แบกผลไม้มาเต็มตะกร้า
“โอ้โห...ชมพู่ คิตตี้ นี่เอ็งจะปล้นผลไม้บ้านข้ารึยังไงฮะ” กล้าโพล่งขึ้น
“แหม...ก็มันหวานหอมไปซะทุกอย่าง ชั้นเลือกไม่ได้ก็เลยต้องเอามาหมด มันจะได้ไม่น้อยใจกันเองไงจ๊ะพ่อ” คิตตี้ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
“เดี๋ยวพวกชั้นรีบเอาไปล้างก่อนนะจ๊ะ จะได้ตั้งหน้าตั้งตากินให้เป็นเรื่องเป็นราว”
คิตตี้ ชมพู่ และแกละ พากันเดินออกไปพร้อมตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ที่ปีนเก้บมาด้วยตัวเองอย่างมีความสุข

ขณะเดียวกันกิมฮวยที่อาการดีขึ้น เดินลงมาจากบันได
“เอ้าม้า...หายดีแล้วเหรอ” กิมลั้งเอ่ยถามขึ้น พร้อมเดินไปรับแม่อย่างห่วงใย
“หายเป็นปลิดทิ้งอย่างกับเมื่อวานแค่โดนมดกัด” กิมฮวยตอบด้วยใบหน้าสดใสกว่าเมื่อคืนหลายเท่า
“ขอบคุณอากล้าอาแก้วมากนะที่ช่วยอั๊วไว้” กิมฮวยเดินไปหากล้ากับแก้วแล้วเอ่ยขึ้น
“โธ่...ชั้นจะปล่อยให้เจ๊เป็นอะไรได้ยังไงล่ะ” กล้ารีบตอบ
“เอ้อ...ว่าแต่เจ๊กิมฮวยไปทำอะไรไอ้ตรงที่ถูกงูกัดดึกๆดื่นๆ ชั้นเห็นจอบยังปักคาดินอยู่แถวนั้นเลย” แก้วถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ...เมื่อคืนอั๊วนอนไม่หลับน่ะ เลยออกไปเดิน กะจะทำให้ตัวเองเหนื่อยจะได้ง่วง เดินๆไปเจอรอยขุดดินค้างอยู่ อั๊วก็เลยขุดต่อให้เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้พวกลื้อปลูกอะไร” กิมฮวยแก้ตัวพัลวัน
“อ๋อ...เมื่อคืนชั้นขุดค้างไว้เองล่ะจ้ะ เดี๋ยวกะว่าจะปลูกดาวเรืองรำลึกความหลังซะหน่อย” ต๋องเอ่ยขึ้น
กิมฮวยเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้ต๋องขุดดินตรงนั้นไว้เพื่อปลูกดาวเรือง ไม่ใช่ที่ซ่อนสมบัติอย่างที่เข้าใจ
“รำลึกความหลังอะไรเหรอต๋อง” กิมลั้งถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ...ตอนเด็กๆพ่อเคยบอกชั้นว่าบ้านเราน่ะฝังทรัพย์สมบัติไว้เต็มไปหมด ขุดไปตรงไหนก็เจอ” ต๋องเอ่ยขึ้น กิมฮวยฟังแล้วถึงกับสะดุ้งเพราะกล้าบอกอย่างนั้นกับตนเช่นกัน
“ชั้นก็โลภน่ะซิ ขุดดินตรงนั้นตรงนี้ไปเรื่อยแต่ก็ไม่เจออะไรซักที จะถามพ่อก็ไม่กล้า เดี๋ยวพ่อรู้ว่าจะขโมยสมบัติ พอไม่เจอก็เซ็ง แต่ไม่รู้จะทำไง เผอิญเห็นแม่เก็บเม็ดดาวเรืองไว้เยอะ ก็เลยเอามาดโปรยๆทิ้งไว้ทุกจุดที่ขุดดินไว้ คิดแค่ว่าจะได้ไม่เสียแรงเปล่า เวลาผ่านไปดอกดาวเรืองสีเหลืองทองก็ขึ้นทั่วไร่นาเต็มไปหมด ตอนนั้นล่ะพ่อถึงมาเฉลยว่านี่ล่ะทรัพย์สมบัติที่พ่อกับแม่ฝังไว้ แล้วชั้นก็เก็บดาวเรืองไปขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำ” ต๋องเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจ
“จริงด้วยซินะ ทรัพย์สมบัติที่มีค่าก็คือผืนดินที่สมบูรณ์ เพราะหว่านอะไรลงไปมันก็เกิดดอกออกผล” กิมลั้งฟังแล้วสุดอึ้ง
“ใช่ลูก...เค้าถึงเรียกประเทศไทยว่าแผ่นดินทองไง เพราะมันคือผืนดินที่ทำให้เรามีกินมีอาชีพไปทั้งชีวิต ใช้เท่าไหร่ๆก็ยังหาทรัพย์สมบัติได้เรื่อยๆไม่รู้จักหมดจักสิ้น” แก้วว่า
กิมฮวยฟังแล้วอึ้งไป
“คราวนี้เจ๊กิมฮวยก็เข้าใจที่ชั้นบอกเมื่อวานแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
กิมฮวยพยักหน้าอย่างเก้อๆที่เข้าใจผิดไปว่าบ้านต๋องฝังสมบัติไว้
“เพราะฉะนั้นเจ๊ก็มั่นใจได้ว่าลูกสาวเจ๊ไม่อดตายแน่ถ้าต้องมาเป็นสะใภ้บ้านนี้ เพราะชั้นมีสมบัติเยอะ แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่านั้นก็คือสิ่งที่งอกงามอยู่ในหัวกบาลของไอ้ต๋องลูกชายชั้น ชั้นมั่นใจเลยนะว่าผู้หญิงคนไหนที่ได้มันไปเป็นผัว...รวยเละแน่นอน” กล้าว่า
“เออ...ตากล้า ถ้ากบาลไอ้ต๋องมันมูลค่าสูงขนาดนั้น ชั้นว่าเราไม่ต้องใช้สินสอดไปขอหนูกิมลั้งแล้วล่ะมั้ง” แก้วรีบเสริม
“นั่นซินะ...” กล้ารีบเห็นด้วย
แก้ว กล้า ต๋อง และกิมลั้ง หัวเราะชอบใจ แต่ในใจลึกๆกิมลั้งสับสนกับความคิดที่มีอยู่ในหัวตัวเองว่าวิถีชีวิตแบบต๋องจะเอาชนะใจกิมฮวยได้อย่างไร

เวลาเดียวกัน ที่ตลาดร่วมใจเกื้อที่ผู้คนเดินเข้าตลาดอย่างคึกคัก ครู่หนึ่งรัศมีเดินเชิดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวใคร พ่อค้าแม่ค้าเห็นรัศมีเดินมารีบพากันเอาถังจ้วงน้ำเดินดาหน้าเข้าไปเตรียมสาด
แต่ปรากกว่ากลุ่มลูกน้องชายฉกรรจ์ของรัศมีกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พวกชาวตลาดจึงล่าถอยไป
“แน่จริงก็สาดมาซิ” รัศมีท้า
“แกเข้ามาในตลาดของพวกชั้นอีกทำไม ออกไป...” ลักษณ์เอ่ยขึ้น
“ออกไป...ออกไป...ออกไป...” ชาวตลาดตะโกนไล่รัศมี
“พวกแกน่ะซิที่ต้องออกไป เพราะตลาดนี่มันกลายเป็นของห้างชั้นแล้วชั้นให้เวลาเก็บข้าวของทุกอย่างภายในชั่วโมงเดียว ไม่งั้นสมบัติพวกแกได้ถูกโยนทิ้งกองขยะแน่” รัศมีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นต่อ
สดศรีเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาพร้อมณดาอย่างเอาเรื่อง
“พูดบ้าบออะไร จะมาไม้ไหนอีก” สดศรีโพล่งขึ้น
“ทำไมต้องมาไม้ไหน พอชั้นซื้อตลาดนี่มาได้ ชั้นก็แค่มาแสดงความเป็นเจ้าของ ก็แค่นั้น...” รัศมีตอบ
“คุณนี่มันหน้าสมเพชจริงๆ ผิดหวังมากจนประสาทหลอน” ณดาด่ารัศมีทันที
“ชั้นว่าเธอกับแม่น่าจะหลอนมากกว่านะ ถ้ารู้ความจริงว่าตอนนี้โฉนดที่ดินตลาดที่อยู่กับคุณพงษ์น่ะมันตกมาอยู่ในมือชั้นเรียบร้อยแล้ว” รัศมีเอ่ยขึ้นอย่างไม่กลัว
“อะไรนะ” สดศรีถึงกับช็อก
“ถึงกับหน้าถอดศรีเลยเหรอ คราวนี้เชื่อแล้วใช่มั้ยว่าชั้นพูดเรื่องจริง” รัศมีเอ่ยขึ้น
“ไม่จริง...คุณพงษ์ไม่มีทางทำอะไรอย่างงั้นเด็ดขาด” สดศรีเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อ
“แต่เค้าก็ทำไปแล้วล่ะศรี...” ชายศักดิ์เดินมากับศักดิ์ชายโพล่งขึ้นอย่างเป็นต่อ
“คุณพงษ์เค้าอยากช่วยเธอน่ะ ชั้นบอกว่าจะใช้หนี้ที่เหลือแทนให้ เค้าก็เลยให้โฉนดนี่มาทันที” ชายศักดิ์พูดพร้อมหยิบโฉนดที่ดินขึ้นมาโชว์ สดศรีจะคว้ากลับแต่ ศักดิ์ชายรีบดึงโฉนดจากมือหนี ณดาเข้าไปช่วยดึงโฉนดที่มือศักดิ์ชาย ศักดิ์ชายรีบคว้ามือณดาไว้แล้วหมุนพลิกณดามาไว้ในอ้อมกอดตนเพื่อจะได้จับง่ายๆ
“ใจเย็นซิครับคุณณดา ดูโฉนดให้ดีก่อนดีกว่ามั้ย เพราะตอนนี้มันเป็นชื่อผมไม่ใช่ชื่อของแม่คุณอีกต่อไปแล้ว” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
ณดามองชื่อในโฉนด เป็นชื่อของ “ศักดิ์ชาย เลิศวิวัฒน์กิจ” ณดาถึงกับตะลึง
“คุณแม่...” ณดาหันไปมองแม่ด้วยสีหน้ากังวล
สดศรีเห็นสีหน้าณดา รู้ทันทีว่าเสียท่าชายศักดิ์กับรัศมีเข้าแล้ว โกรธตัวสั่น จนหายใจไม่ทัน
“ชายศักดิ์...พวกแกมันชั่วชาติจริงๆ” สดศรีโกรธจนตัวสั่น หายใจไม่ทันจนเป็นลมล้มพับลงไป
ชาวตลาดรีบเข้ามาช่วยสดศรี
“คุณแม่...” ณดาโพล่งขึ้น ก่อนจะกระทืบเท้าศักดิ์ชายแล้ววิ่งไปหาแม่ด้วยความห่วงใย
ชายศักดิ์ รัศมี และศักดิ์ชายยืนมองสดศรีด้วยความสะใจ ขณะที่บรรดาชาวตลาดพากันเครียดจนแทบจะล้มทั้งยืนตามสดศรีไปด้วย

เวลาต่อจากนั้น ณดาปฐมพยาบาลสดศรีที่นอนเป็นลมอยู่บนโซฟา ครู่หนึ่งสดศรีค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
“คุณแม่คะ เป็นยังไงบ้าง” ณดาเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย
“ณดา นี่เราจะไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆเหรอ” สดศรีเอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจ และโผเข้ากอดณดาไว้แน่น
“อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะคุณแม่ เราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าพวกนั้นได้โฉนดเราไปแบบไม่ชอบมาพากล ต่อให้มันจะปลอมแปลงเอกสารการซื้อขายยังไง ลายเซ็นในเอกสารมันก็ไม่มีทางเหมือนลายเซ็นของคุณแม่อยู่แล้ว” ณดาเอ่ยขึ้น

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 12/3 วันที่ 22 ส.ค. 55

ละคร รักเกิดในตลาดสด บทประพันธ์โดย : นราวดี
ละคร รักเกิดในตลาดสด บทโทรทัศน์โดย : สนุกคิด-สนิทเขียน
ละคร รักเกิดในตลาดสด กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด แนวละคร : โรแมนติก คอมเมดี้ เบาสมองตลกสนุกสนาน
ละคร รักเกิดในตลาดสด ผลิต : บริษัท แอ็คอาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด โดยผู้จัด ธัญญา วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์ และวันอาทิตย์
หลังข่าวภาคค่ำ 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศต่อจากละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง
ละคร รักเกิดในตลาดสด เริ่มออกอากาศ ตอนแรกวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2555
ที่มา manager.co.th