@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 12 วันที่ 21 ส.ค. 55

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 12 วันที่ 21 ส.ค. 55

ต๋องกับกิมลั้งยืนคุยกันบนสะพาน ปาก้อนหินลงน้ำอย่างหมดอาลัยตายอยาก แต่จู่ๆกิมลั้งเหมือนกับคิดอะไรบางอย่าง
“ต๋อง...เอางี้ดีมั้ย วันที่เธอกลับบ้าน ชั้นจะหนีไปกับเธอด้วย” กิมลั้งโพล่งขึ้น
“ไม่ได้หรอกกิมลั้ง นั่นมันวิธีของคนขี้แพ้ ชั้นอยากให้เธอสู้ต่อนะ” ต๋องเอ่ย
“เธอบอกให้ชั้นสู้ ขณะที่ตัวเองหนีไปที่อื่นน่ะเหรอ” กิมลั้งย้อน

“ชั้นไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ชั้นหมดหน้าที่ที่ต้องทำที่นี่แล้ว จะให้ชั้นอยู่รบกวนครอบครัวพี่เต๋าได้ยังไง เค้าควรจะได้อยู่กันตามประสาพ่อแม่ลูก” ต๋องอธิบาย
“แล้วอนาคตต่อไปของเราสองคนล่ะ เธอคิดว่าเราจะอยู่กันคนละที่อย่างนี้กันไปตลอดเหรอ” กิมลั้งถามอย่างจริงจัง
“ชั้นไม่ได้แค่กลับบ้านไปเฉยๆนะ ชั้นกลับไปเพื่อคิดเพื่อทำอะไรให้พร้อมจะได้กลับมาบอกแม่เธอเต็มปากไงว่าชั้นสามารถดูแลชีวิตเธอได้แน่นอน” ต๋องเอ่ย



“กว่าเธอจะพร้อมในแบบที่แม่ชั้นพอใจ ชั้นก็คงถูกม้าจับแต่งงานไปกับคนอื่นเรียบร้อยแล้ว เอาแค่วันนี้ เดี๋ยวถ้าชั้นกลับบ้านไป ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช่างมันเถอะ...ในเมื่อเธอหาทางออกให้ชั้นไม่ได้ ชั้นก็จะหาวิธีจัดการในแบบของชั้นเอง” กิมลั้งเอ่ยอย่างจนปัญญา
“ชั้นไม่ได้ทิ้งเธอให้สู้กับปัญหาคนเดียวนะกิมลั้ง เอางี้...เดี๋ยวชั้นจะกลับบ้านไปกับเธอด้วย ถ้าแม่เธอยังยืนยันจะให้แต่งงานกับจาตุรงค์ ชั้นก็จะยืนยันว่าไม่ยอมเหมือนกัน แล้วก็จะประกาศจองตัวเธอไว้ก่อน แบบขอผ่อนทีหลัง โอเคมั้ย” ต๋องจับมือกิมลั้งไว้
“แล้วถ้าม้ายังไม่ยอมล่ะ” กิมลั้งพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ
“งั้นชั้นก็จะบอกว่าเธอท้องกับชั้น แล้วเราก็รีบจดทะเบียนสมรสกัน แล้วก็รีบปั๊มๆๆลูกให้ทันกับที่หลอกแม่เธอไว้ดีมั้ย” ต๋องแกล้งพูด
“บ้า...ใครจะทำอย่างนั้น” กิมลั้งหัวเราะออกมา
“แต่หน้าตาเธอมันบอกว่าอยากทำเอามากๆนะ” ต๋องเอ่ย
กิมลั้งอายเลยทุบต๋องหยอกล้อกันอย่างมีความสุข

คืนนั้นที่บ้านกิมฮวย สองตระกูลอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งกิมฮวย เคี้ยง เต๊กไฮ้ ลักษณ์ จาตุรงค์
“แหม...เสียดายอากิมลั้งไม่อยู่ด้วย” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เราคุยกันตามประสาผู้ใหญ่กันเองก็ได้ เข้าเรื่องละกันนะ ก็อย่างที่บอกน่ะล่ะว่าอั๊วจะมาคุยเรื่องแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวซักที” เต๊กไฮ้เอ่ยขึ้น
ในขณะที่กิมแชยืนแอบฟังอยู่ข้างบันได
“นั่นซิ...ตั้งแต่งานล่มไม่เป็นท่าคราวก่อน เราก็ปล่อยให้เลยเถิดมานานพอสมควรแล้วนะ ขืนชักช้าไปกว่านี้ อั๊วกลัวว่ามันจะไม่มีโอกาสมีพิธี” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงจ้ะเจ๊ คราวนี้พวกชั้นคุยกับจาตุรงค์เคลียร์เรียบร้อยแล้วทุกอย่าง รับรองว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก” ลักษณ์เอ่ย
“แน่ใจกันเหรอว่าจะไม่มีปัญหา” เคี้ยงโพล่งขึ้น
“มันจะมีปัญหาก็เพราะลื้อนี่ล่ะ นั่งเงียบๆน่ะเฮียเคี้ยง งั้นพวกเราจะเอาไงกันต่อดี จัดงานซะวันนี้พรุ่งนี้เลยมั้ย” กิมฮวยหันไปสั่งเคี้ยงแล้วหันมาตกลงกับเต๊กไฮ้กับลักษณ์ต่อ กิมแชได้ยินแล้วเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า
“ใจเย็นๆอากิมฮวย คราวนี้เราต้องดูฤกษ์ยามให้มันชัวร์กว่าคราวก่อน พระศุกร์จะได้ไม่เข้า พระเสาร์จะได้ไม่แทรกอีก” เต๊กไฮ้ว่า
“งั้นเอางี้ดีกว่า...อั๊วว่าทัวร์ดูฤกษ์เก้าวัดเก้าวาเอาให้แน่ใจกันไปเลย” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ดีๆ งั้นชั้นขอเวลาตกฟากของกิมแชด้วยละกันเจ๊” ลักษณ์เอ่ย
“เดี๋ยวๆนี่ลื้อจะดูแบบละเอียดถึงขั้นเช็คเวลาตกฟากของน้องเจ้าสาวด้วยเลยเหรอ” เคี้ยงเริ่มงง
“ไม่ใช่...นี่อั๊วมาขออากิมแช ไม่ได้มาขออากิมลั้ง” เต๊กไฮ้เอ่ย
กิมแชที่แอบฟังอยู่ถึงกับตกบันไดกลิ้งลงมาที่พื้น พอจาตุรงค์เห็นรีบวิ่งไปดูด้วยความห่วงใย
“กิมแช”
จาตุรงค์จับตัวกิมแชด้วยความห่วงใย
“โถๆ เป็นยังไงบ้าง เพี้ยง...ไม่เจ็บนะจ๊ะคนดี”
จาตุรงค์เป่าเนื้อตัวให้กิมแช พวกผู้ใหญ่เห็นความหวานแหววแล้วยิ้มแอบเขินไปตามๆกัน

เวลาต่อจากนั้น จาตุรงค์คุยกับกิมแชอยู่ที่ม้านั่งสนามหน้าบ้าน กิมแชยังดูเขินๆตื่นๆอยู่เลย
“ไม่คิดเลยนะว่าพี่รงค์จะบุ่มบ่ามมาขอกิมแชเร็วขนาดนี้ แน่ใจนะจ๊ะว่าคิดดีแล้ว” กิมแชเอ่ย
“พูดเหมือนกิมแชไม่มั่นใจในตัวพี่อย่างงั้นล่ะ” จาตุรงค์เอ่ย
“มั่นใจซิจ๊ะมั่นใจ เพียงแต่กิมแชยังตกใจว่านี่มันเรื่องจริงจริงๆเหรอเนี่ย” กิมแชเอ่ย
“ทำไมกิมแชชอบคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่จริงตลอดเวลานะถ้ากิมแชไม่ดี ไม่มีค่าจริงๆ กิมแชจะทำให้พี่จะรักได้ขนาดนี้เหรอ” จาตุรงค์เอ่ย
“คงเป็นเพราะกิมแชผิดหวังมาตลอดน่ะจ้ะ เลยไม่คิดว่าจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับตัวเอง” กิมแชบอก
“ถ้างั้นก็ต้องหัดคิดอะไรใหม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ชีวิตกิมแชจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพี่สัญญา” จาตุรงค์เอ่ย
“ว่าแต่พี่รงค์ไม่โกรธป๊ากับม้าใช่มั้ยจ๊ะที่ให้เราหมั้นกันไปก่อน” กิมแชเอ่ย
“พี่รอได้อยู่แล้ว ขอแค่ให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าเรารู้สึกยังไงกัน จะได้คบหากันจริงจัง ที่สำคัญ...ต่อไปพี่จะได้มากินข้าวฝีมือกิมแชที่นี่ทุกวันแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ” จาตุรงค์เอ่ย
“ที่แท้ก็ห่วงเรื่องกิน” กิมแชย้อนจาตุรงค์อย่างอายๆ
พ่อแม่ทั้งสองครอบครัวมองทั้งคู่อย่างมีความสุข
“ในที่สุดครอบครัวเราก็ได้เป็นทองแผ่นเดียวกันซักทีนะ เต็กไฮ้ อาลักษณ์” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ไม่มีความสุขไหนจะเท่าคนที่รักกันแล้วได้ลงเอยใช้ชีวิตร่วมกันอีกแล้วล่ะ” เคี้ยงเอ่ย
“แล้วลื้อหมายถึงใครที่ไม่ได้ลงเอยกัน” กืมฮวยพูดพลางเหล่ตามองเคี้ยง
“อั๊วก็พูดขึ้นมาลอยไปอย่างงั้น” เคี้ยงพูดลอยๆแต่แอบดีใจที่กิมฮวยไม่บังคับจิตใจกิมลั้งให้แต่งงานกับจาตุรงค์แบบคลุมถุงชน

ครู่หนึ่งหลังคุยธุระเสร็จสิ้น รถบ้านเต็กไฮ้ค่อยๆเคลื่อนออกไป กิมฮวย กิมแช และเคี้ยง โบกมืร่ำลากันอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่จู่ๆกิมฮวยกลับมาทำหน้ายักษ์ใส่กิมลั้งกับต๋องที่โผล่มาพอดิบพอดี
“เอ้า...เต็กไฮ้กลับแล้วเหรอ” กิมลั้งถามขึ้น
“ใครมันจะไปนั่งรอลื้อกลับมา แล้วตกลงลื้อหายหัวไปไหน อย่าบอกน้ำว่าตามไปป้อนข้าวป้อนน้ำยายที่เป็นลมเมื่อกลางวัน” กิมฮวยบ่นกิมลั้ง
“เปล่า...อั๊วไปกินข้าวต้มกับพวกที่ตลาดเลี้ยงส่งต๋องมา” กิมลั้งตอบ
“เอ้า...ต๋อง ลื้อจะไปไหนเหรอ” เคี้ยงถามขึ้น
“อีกวันสองวันชั้นจะกลับบ้านนอกแล้วนะจ้ะ คลอดไอ้ตัวเล็กแล้วพี่ติ๋มเค้าจะกลับมาขายผักเอง” ต๋องตอบ พาลทำกิมลั้งหน้าเศร้าไปด้วย
“โอ้...เป็นข่าวดีที่สุดในรอบปีสำหรับอั๊วเลยนะเนี่ย” กิมฮวยโพล่งขึ้น
“ม้าอ่ะ...ใจร้าย” กิมแชเอ่ยกับกิมฮวยเบาๆ
“ใจร้ายยังไง อั๊วดีใจต่างหากที่อาต๋องอีจะได้กลับบ้านไปดูแลพ่อแม่อีซักที พวกลื้อไม่ดีใจกับอีด้วยเหรอ” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“เอ่อ...แล้วที่เต็กไฮ้มาคุย เป็นยังไงบ้างล่ะม้า” กิมลั้งถามขึ้น
“จะเป็นยังไง ก็เจรจากันลงตัวแฮปปี้เอนดิ้งทั้งสองฝ่าย” กิมฮวยตอบหน้าตาเฉย
“แฮปปี้เอนดิ้งเหรอ ทำไมม้าไม่ถามซักคำว่าอั๊วจะแฮปปี้ด้วยมั้ย จะตกลงอะไรกันทำไมไม่ถามอั๊วก่อน” กิมลั้งยังไม่รู้เรื่อง รีบโวยวายเพราะเข้าใจว่าจาตุรงค์มาขอตัวเองแต่งงาน
“ช่วยไม่ได้ ลื้อไม่โผล่หัวมาให้ปรึกษาเอง อั๊วตัดสินใจไปแล้ว แล้วก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้นด้วย” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ถ้าม้ายืนยันอย่างงั้น อั๊วก็จะยืนยันว่าไม่เหมือนกัน ใช่มั้ยต๋อง” กิมลั้งหันไปมองต๋อง
“เอ่อ...ใช่กิมลั้งใช่” ต๋องเอ่ย
“อากิมลั้ง...ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วล่ะว่าลื้อจะบอกว่าใช่หรือไม่ เพราะอากิมแชอีบอกว่าใช่ไปแล้ว” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“กิมแชจะบอกว่าใช่หรือไม่ใช่แล้วมันเกี่ยวอะไร ในเมื่อทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับอั๊วว่าตกลงด้วยมั้ย” กิมลั้งยังเถียงต่อ
“แต่คราวนี้มันขึ้นอยู่กับอั๊วว่าจะตกลงยังไงน่ะเจ้” กิมแชเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
กิมลั้งมองกิมแชด้วยความผิดหวัง แล้วเข้าไปเขย่าร่างกิมแชด้วยความโมโหจนทุกคนตกใจ
“ลื้อพูดกับอั๊วอย่างนี้ได้ยังไงกิมแช ในเมื่อลื้อก็รู้มาตลอดว่าอั๊วรู้สึกยังไง แล้วลื้อไปตอบตกลงแทนอั๊วได้ยังไงฮะ” กิมลั้งตะโกนใส่หน้ากิมแชด้วยความโกรธ
“จะไม่ให้อั๊วตอบตกลงได้ยังไง ในเมื่ออั๊วรักพี่รงค์” กิมแชตอบกลับเสียงดังกว่า
“อะไรนะ!” กิมลั้งงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“จาตุรงค์เค้ามาขอกิมแชกับป๊าม้า สองคนเค้ารักกัน” เคี้ยงเอ่ยขึ้น
กิมลั้งยิ้มออกมาอย่างดีใจ รีบหันไปหาต๋องจะโผกอด แต่นึกขึ้นได้ว่ากิมฮวยยืนอยู่จึงเลี้ยวไปกอดกิมแชแทน
“อั๊วดีใจกับลื้อด้วยนะกิมแช ดีใจที่สุดเลย” กิมลั้งเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
ต๋องดีใจไม่ต่างกัน เพราะไม่ต้องเห็นกิมลั้งโดนบังคับฝืนใจให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก

คืนนั้น กิมลั้งเดินเริงร่าฮัมเพลงเข้าบ้านมาอย่างมีความสุข ครู่หนึ่งกิมฮวย เคี้ยง กิมลั้งเดินเข้าบ้านตามกันมา ในจังหวะกล้าๆกลัวๆ กิมลั้งตัดสินใจพูดอะไรขึ้นมา
“ป๊า... ม้า...” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
เคี้ยงกับกิมฮวยชะงักหันหลังกลับมาตามเสียงเรียก
“ว่าไงกิมลั้ง” เคี้ยงถามขึ้น
“คือ...อั๊วจะขอไปส่งต๋องที่บ้านนอกน่ะ” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
กิมฮวยแทรกขึ้นทันที
“จะบ้าเหรอ ลื้อเป็นสาวเป็นนางจะไปต่างจังหวัดกับผู้ชายได้ยังไง” กิมฮวยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่อั๊วไม่ได้ไปคนเดียวนี่ม้า ชมพู่คิตตี้ก็ไปด้วย” กิมลั้งอธิบาย
“เอ้า...ถ้าไปกันหลายคนก็ไม่น่าเกลียดนี่ ถ้างั้นลื้ออยากไปก็ไป” เคี้ยงเอ่ยขึ้น
“เฮียเคี้ยง” กิมฮวยค้อนใส่เคี้ยง
“ลื้อไปอาบน้ำอาบท่าไป ตกลงว่าไม่มีปัญหา” เคี้ยงหันไปพูดกับกิมลั้ง
“ขอบคุณจ้ะป๊า” กิมลั้งหน้าตาระรื่นขึ้นทันที
กิมลั้งรีบขึ้นบ้านไป ปล่อยให้เคี้ยงโดนกิมฮวยตีไปหลายครั้ง
“ทำไมลื้อทำอย่างนี้เฮีย ลื้อปล่อยเนื้อไปไว้กับเสือได้ยังไง” กิมฮวยไม่พอใจ
“กิมฮวย ลื้อต้องหัดไว้ใจลูกบ้างนะ ถึงกิมลั้งจะรักต๋องยังไงแต่มันก็คงไม่มากไปกว่าที่อีรักศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงของตัวเอง อั๊วว่าอั๊วเลี้ยงลูกมาดีพอนะ” เคี้ยงอธิบาย
“แต่จะยังไงก็เถอะ อีก็ไม่ควรจะไปกับไอ้ต๋องอยู่ดี” กิมฮวยยังไม่ยอมง่ายๆ
“กิมฮวย นี่ลูกมาบอกกล่าวอั๊วกับลื้อดีๆแล้วนะ หรือลื้อจะให้อีแอบหนีตามต๋องไปเหมือนอย่างที่ลื้อเคยแอบหนีตามอั๊วล่ะ” เคี้ยงเอ่ยขึ้น
“ลื้อจะพูดเสียงดังทำไม เดี๋ยวลูกมันก็ได้ยินพอดี” กิมฮวยสะดุ้ง
“ที่ลื้อห้ามลูกไม่ให้ทำนู้นนี่ก็เพราะกลัวว่าอีจะเป็นอย่างลื้อใช่มั้ย” เคี้ยงเอ่ยขึ้น
“แต่ไอ้ต๋องกับลื้อไม่เหมือนกันเข้าใจมั้ย ลื้อเป็นคนดี” กิมฮวยเอ่ยต่อ
“แล้วอาต๋องไม่ดีตรงไหน ใครๆก็รักอีทั้งนั้น ถ้าอีจะทำมิดีมิร้ายกับอากิมลั้งจริงๆอีทำไปนานแล้ว ไม่ต้องรอให้กลับบ้านนอกหรอก” เคี้ยงย้อนถามกลับ
“โธ่เว้ย”
กิมฮวยฮึดฮัดแต่ขัดไม่ได้และจำนนต่อหลักฐานที่เคี้ยงพูด

เช้าวันใหม่ ที่ตลาดร่วมใจเกื้อ ชาวตลาดต่างพากันกอดลาต๋อง เสียงร่ำลาระงมเซ็งแซ่ กิมลั้ง ชมพู่ และคิตตี้ ถือกระเป๋าเดินทาง เตรียมพร้อมไปกับต๋องด้วย
“ไม่ต้องห่วงนะ รับรองว่าพี่จะขายผักไม่ให้ยอดตกไปกว่าต๋องแน่นอน ขอบใจต๋องมากนะที่อุตส่าห์มาช่วยขายของให้” ติ๋มเดินเข้ามาหาต๋องแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ถือซะว่าชั้นทำให้หลานน่ะ ไม่ใช่ให้พ่อของหลานนะ” ต๋องแกล้งเอ่ย แล้วเหล่มองเต๋า
“เอ็งนี่ไม่โดนข้าด่าคงเป็นไข้นะ บอกพ่อกับแม่ด้วยล่ะกันว่าข้าคิดถึง” เต๋าเอ่ยขึ้น
“จะไม่ขอบคุณชั้นเหมือนพี่ติ๋มบ้างเหรอพี่” ต๋องแซวพี่ชาย
“เรื่องอะไรข้าต้องขอบคุณ แล้วดูคลิปในมือถือที่ข้าเพิ่งส่งไปให้ด้วยละกัน” เต๋าเอ่ยขึ้น
“โห...อย่าบอกนะว่าพี่ทำอะไรซึ้งๆให้ชั้นเลียนแบบโฆษณา” ต๋องเอ่ยขึ้น
“ใครบอก ข้าส่งรูปหลานฝากไปให้ปู่กับย่าดูต่างหากเว้ย” เต๋ารีบแจง
“โธ่ ก็นึกว่าจะซึ้ง” ต๋องแกล้งผิดหวัง
ทันใดนั้นจะเด็ดเดินมาหาต๋องพร้อมเอาพระที่คล้องคออยู่ใส่ให้ ต๋องรีบไหว้ขอบคุณ
“เก็บไว้คุ้มครองคุ้มภัยนะไอ้ต๋อง ต่อไปนี้ข้าคงเหงาปากเหงาหูไปอีกนาน” จะเด็ดเอ่ยขึ้น
“มือถือก็มีน้า กลัวอะไร โทรมารับฝีปากกับชั้นได้ทุกวัน” ต๋องพูดติดตลก
ครู่หนึ่งต่อจากนั้นสดศรีกับณดาเดินเข้ามา
“คุณนาย...” ต๋องเอ่ยขึ้น
“เดินทางปลอดภัยนะต๋อง ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ทุกคนที่นี่ ขอบคุณที่ทำให้ชั้นมีกำลังใจขึ้นมา เพราะรู้ว่ายังมีคนที่ดีมากๆอย่างเธออยู่บนโลก” สดศรีเอ่ยชื่นชมต๋องจากใจ
“ขอบคุณครับคุณนาย” ต๋องเอ่ยขอบคุณสดศรีในคำชม
“ยังไงก็แวะกลับมาเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าแถวนี้บ้างนะคะ” ณดาเอ่ยอย่างจริงใจ
“ครับคุณณดา งั้นชั้นลาทุกคนนะจ๊ะ” ต๋องตอบณดาแล้วกันไปบอกกับชาวตลาดทุกคน
ต๋องกำลังจะไป อาโกวิ่งหน้าตั้งมาพร้อมกระติกน้ำใบใหญ่ในมือ
“เดี๋ยวอาต๋อง...” อาโกรีบตะโกน
“อะไรน่ะโก” ต๋องเอ่ยถามเมื่ออาโกยื่นกระติกน้ำให้
“โอเลี้ยงยกล้อของโปรดลื้อไง อั๊วทำให้ลื้อไปกินระหว่างทางนะ” อาโกรีบบอก
“เท่าไหร่โก” ต๋องพูดพลางจะยิบเงินจากกระเป๋ามาจ่าย
“จะเท่าไหร่มันก็ไม่เพียงพอกับน้ำใจที่ลื้อมีให้อั๊วให้ทุกคนที่นี่หรอก ขอให้อั๊วทำอะไรให้ลื้อบ้างละกันนะ” อาโกพูดจบโผเข้ากอดต๋องด้วยความรัก
“ขอบคุณมากๆโก ชั้นต้องไปจริงๆแล้วนะ” ต๋องตอบด้วยเสียงเครือ น้ำตาคลอเบ้า
“บ๊ายบายต๋อง...” ชาวตลาดสั่งลาต๋องด้วยบรรยากาศโศกเศร้า
“เดี๋ยวต๋อง...อย่าเพิ่งไป” กิมฮวยโพล่งมาแต่ไกล
ต๋องและชาวตลาดชะงัก ที่เห็นกิมฮวยในชุดเสื้อแดงลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย
“จะไปบ้านเอเอฟเหรอน้ากิมฮวย” ต๋องถามขึ้น
“ใครบอก...อั๊วจะไปส่งลื้อที่บ้านนอกด้วยต่างหาก” กิมฮวยตอบ
“ม้า...อั้วว่าอย่าดีกว่านะ” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“ทำไมล่ะ อั๊วน่ะทำตัวไม่น่ารักกับอาต๋องมามาก อั๊วก็อยากทำดี ชดเชยบาป คนดีมากๆอย่างลื้อคงไม่ขัดข้องใช่มั้ยอาต๋อง” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“เอ่อ..จ้ะ” ต๋องพูดแล้วทำตาปริบๆ เพราะไม่กล้าปฏิเสธ
“แต่ที่ที่จะไปน่ะมันลำบากนะม้า” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“ไม่มีอะไรลำบากเกินใจคนอย่างกิมฮวยหรอก ไป...” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
พร้อมเดินนำขบวนด้วยอาการเริงร่า และหน้าตาเจ้าเล่ห์ เพราะตั้งใจขัดขวางต๋องกับกิมลั้งไม่ให้ใกล้ชิดกัน

บายวันนั้น ต๋อง กิมลั้ง กิมฮวย ชมพู่ และคิตตี้ นั่งสองแถวมาบนถนนสายต่างจังหวัด เพื่อมาสมุทรสงคราม กิมฮวยดูเหนื่อยล้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เฮ้อ...ถึงซักที ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ยังไม่ถึงจ้ะน้ากิมฮวย ต้องโบกรถอีกต่อ” ต๋องว่า
“ฮะ อั๊วว่าอั๊วไปมหาสารคามยังไม่ลำบากเท่ามาสมุทรสงครามบ้านลื้อเลยนะ ขึ้นรถทัวร์ต่อสามล้อไปขึ้นสองแถว แล้วยังต้องมาโบกรถอีก” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ก็อั๊วบอกม้าแต่แรกแล้วไงว่ามันลำบาก” กิมลั้งย้ำ
“แต่ถ้าเจ๊จะเปลี่ยนใจขึ้นสองแถวไปต่อสามล้อขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพตอนนี้ยังทันนะ” ชมพู่เอ่ย
“แต่ชั้นไม่กลับด้วยนะ พวกเราน่ะรักการผจญภัย ใจกล้า ท้าโลกกันอยู่แล้ว” คิตตี้บอก
“อั๊วก็ซ่าส์ท้าจักรวาลเหมือนกันเว้ย ที่ผ่านมาสบายมาเยอะแล้ว ดีเหมือนกัน จะได้สัมผัสชีวิตสามัญชนดูบ้าง” กิมฮวยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“งั้นมาช่วยกันโบกรถเถอะ ถ้าเจอรถคนที่หมู่บ้านชั้นก็ง่ายหน่อย แต่รายอื่นก็ต้องลุ้นเอา” ต๋องกล่าว
“เอางี้ดีกว่า คิตตี้กับชมพู่จะช่วยให้อะไรๆง่ายขึ้น” คิตตี้เอ่ยขึ้น
ชมพู่กับคิตตี้มองหน้ากันอย่างรู้งาน แล้วจัดการไปยืนกลางถนนพร้อมถลกขาอ่อนโชว์ปรากฏว่ารถคันหนึ่งกำลังจะมา ทุกคนลุ้นว่ารถจะจอดหรือไม่ รถคันดังกล่าวบีบแตรดังลั่นใส่ทั้งคู่แล้วแถมจะขับรถพุ่งใส่จนทั้งคู่หลบแทบไม่ทัน
“อ๊าย” ชมพู่กับคิตตี้ร้องกรี๊ด
“ชั้นว่าสงสัยต้องอาศัยบารมีคนสวยอย่างกิมลั้งแล้วล่ะ” ต๋องเอ่ยขึ้น
“ต้องทำไงอ่ะ” กิมลั้งหันไปถามต๋องอย่างงงๆ แล้วทำท่าจะถลกขาแบบเดียวกับชมพู่และคิตตี้
“เฮ้ย ไม่ต้องกิมลั้ง เป็นอย่างที่เธอเป็นน่ะล่ะ” ต๋องบอก
กิมลั้งโบกมือเรียกรถที่กำลังจะมา แต่รถยังไม่จอด
“เอ้า” กิมลั้งอุทาน กิมฮวยไม่รอช้าเดินมากลางถนนแล้วผลักกิมลั้งออก
“มาๆ อั๊วเอง ต้องให้ถึงมืออั๊วจนได้”
กิมฮวยย่อตัวลงแล้วทำท่ายกมือขึ้นสูงแล้วกวักเฉพาะข้อมือ ทุกคนพากันหัวเราะ
“ทำอะไรของเจ๊น่ะ แบบนี้รถได้ขับหนีหมด” คิตตี้หัวเราะ
“ลื้อมันซี้ซั๊วต่า ไม่เคยเห็นแมวกวักรึไง เวลาตั้งไว้ที่แผงในตลาดยังเรียกลูกค้าได้ ถ้าทำท่าอย่างมันก็ต้องเรียกรถได้เหมือนกัน” กิมฮวยอธิบาย
สิ้นเสียงกิมฮวยได้ไม่เท่าไหร่ ปรากฏว่ามีรถกระบะคันหนึ่งหยุดจอด ชายรุ่นเดียวกับกิมฮวย สวมเสื้อสีแดงคล้ายกันมองเป็นตาเดียว
“ไปไหนจ๊ะน้องสาว” คนขับถามกิมฮวย
กิมฮวยหันไปยักไหล่ใส่ต๋อง คิตตี้ ชมพู่ และกิมลั้ง อย่างเยาะเย้ยที่ตนเองทำให้รถหยุดได้สำเร็จ
ต่อจากนั้นไม่นาน รถกระบะคันวิ่งซิ่งควันโขมงมาแต่ไกล แล้วรถจอดต๋องกับคณะที่นั่งอยู่หลังรถกระโดดลงจากรถพร้อมโบกไม้โบกมือขอบคุณ กิมลั้ง ชมพู่ คิตตี้ เอาเสื้อที่คลุมหัวเมื่อตอนอยู่บนรถออก
“ชิ พวกลื้อเอาผ้าคลุมหัวกันทำไม ไหนว่ากล้าท้าโลก” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“โธ่...” ชมพู่จะเถียงแต่อ้าปากค้าง
ทุกคนหันมาหัวเราะกิมฮวยที่ผมตั้งเพราะลู่ลมตั้งโด่เด่
“ขำอะไร” กิมฮวยถามขึ้น
“ก็ถ้าชั้นไม่คลุมผม สภาพก็จะเป็นอย่างเจ๊นี่ไง” ชมพู่เอ่ย
“เป็นยังไง” กิมฮวยยังไม่เข้าใจ
กิมลั้งหยิบกระจกในกระเป๋ามายื่นให้กิมฮวยส่อง
“อ๊าย ทำไมอั๊วเป็นอย่างงี้” กิมฮวยโวยวาย
“นั่งรถลมตีก็เป็นธรรมดาน่ะน้า” ต๋องรีบตอบ
ทันใดนั้นกล้า ผู้เป็นพ่อต๋องเห็นลูกชายกลับมาพอดี
“ไอ้ต๋อง วู้ว”
ต๋องหันไปเห็นพ่อกับแม่ที่เดินมาหาด้วยความดีใจ
“พ่อจ๋า แม่จ๋า” ต๋องไหว้พ่อกับแม่ด้วยความดีใจ แก้วรีบโผเข้ากอดหอมลูกชายด้วยความเอ็นดู
“โถ คิดถึงเหลือเกิน เต๋าลูกแม่” แก้วทักผิดีอกตามเคย
“ต๋องแม่ เรียกชั้นเป็นพี่เต๋าอีกแล้ว” ต๋องถึงกับเสียอารมณ์
“เออ ต๋อง เอ็งก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้ข้าความจำสั้น แต่รักชั้นยาวนะ” แก้วเล่นมุขกับลูกชาย
ชมพู่ คิตตี้ กิมลั้ง ต่างพากันหัวเราะเอ็นดูแก้ว
“ทุกคน นี่พ่อแม่ชั้นจ้ะ ตากล้ากับยายแก้ว” ต๋องแนะนำ ทั้งหมดยกมือไหว้
“พ่อจ๋าแม่จ๋า นี่น้ากิมฮวย” ต๋องแนะนำ
“อ๋อ...กิมฮวย เมียเอ็งที่เคยเล่าให้ฟังน่ะเหรอ” กล้าตอบเสียงสูงอย่างมั่นใจ
“ใครบอกเมียชั้น แม่เมียชั้นต่างหาก” ต๋องหน้าเสีย กิมอวยฟังแล้วตกใจหนักกว่าเดิม
“เอ้ย น้ากิมฮวยน่ะแม่แฟนจ้ะ แฟนชั้นกิมลั้งนี่ แล้วนี่ก็ชมพู่เป็นช่างอยู่ร้านเสริมสวย” ต๋องอธิบาย
“แม่คุณ. ช่างสวยเสริมร้าน” กล้าทวนคำ
“พ่ออ่ะ ตาถึง” ชมพู่เขิน
“ข้าน่ะตากล้า ไม่ใช่ตาถึงอีหนู” กล้าเอ่ย
“นี่ก็คิตตี้ ขายดอกไม้อยู่ในตลาด” ต๋องแนะนำคิตตี้
“แหมๆ ไอ้หนุ่มนี้หล่อเหมือนนักร้องเกาหลีเลยเว้ยเฮ้ย” แก้วเอ่ยชมคิตตี้
“จริงเหรอฮะแม่” คิตตี้แกล้งทำเสียงแมน แล้วเผลอเต้นเกาหลีโชว์ไปอีกหนึ่งชุด
“อ๊าย” แก้วกรี๊ดเสียงดังชอบใจ
เสียงร้องของแก้วทำให้คิตตี้เพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรไป
“อ๊าย แม่ หนูไม่ใช่ผู้ชาย หนูเป็นผู้ฉิง” คิตตี้รีบรายงานตัว
“คุณพระช่วย” แก้วกับกล้าตกใจ
“เป็นแต๋วจัดระยะสุดท้ายแบบนี้ จะพระจะผีก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะจ้ะ” ต๋องเอ่ยขึ้น
“ไปๆ งั้นขึ้นบ้านไปกินน้ำท่ากันก่อน” แก้วรีบชวน
“อั๊วรอคำนี้มาตั้งนานแล้ว ไปกันซักทีเถอะ อั๊วไม่อยากเป็นเนื้อแดดเดียวอยู่แถวนี้” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
ทันใดนั้นต๋องหันไปเห็นสีดา ควายประจำบ้านจึงรีบเรียกด้วยความคิดถึง
“เอ้า สีดา สีดา มานี่เร็ว”
สีดาได้ยินต๋องรีบวิ่งมาทันทีด้วยความดีใจ กิมฮวยห็นควายยิ่งตกใจ
“ไอ้หยา ควาย”
กิมฮวยก้มลงมองเสื้อสีแดงของตัวเองแล้วยิ่งกลัว
“อย่ามาทางนี้ อย่ามา” กิมฮวยตะโกนบอกสีดา
กิมฮวยปาก้อนดินใส่สีดา จนควายโมโหวิ่งตรงดิ่งไปหาทำท่าจะขวิด คราวนี้ทั้งชมพู่ คิตตี้ และกิมลั้งพากันวิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง

กิมฮวยวิ่งหนีสีดา โดยมีพรรคพวกวิ่งตามก้นสีดาอีกทางหนึ่ง ยิ่งวิ่งเป๋ไปมายิ่งทำสีดาโมโหวิ่งตามเข้าไปใกล้อีก โดยมีชาวคณะวิ่งตามควายอีก
“อย่าวิ่งน้ากิมฮวย” ต๋องตะโกนบอก
“ลื้อจะให้อั๊วหยุดให้มันฆ่าหรือยังไงฮะ” กิมฮวยบอก
กิมฮวยเสียหลักหกล้ม และในจังหวะที่ควายจะพุ่งเข้าใส่กิมฮวย ต๋องกระโจนเข้าใส่ร่างกิมฮวยแล้วพากันหมุนไปหลายตลบจนมาหยุดค้างที่มุมหนึ่ง ปากต๋องประกบปากกิมฮวย จนทุกคนพากันอึ้งแม้แต่ควายยังต้องเมินหน้า ต๋องถอนปากตัวเองจากกิมฮวยอย่างช้าๆ ต่างคนต่างอึ้งกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

ต๋องจินตนาการว่าภาพตรงหน้าเป็นกิมลั้ง จ้องอย่างหลงรัก ต๋องทำท่าจะก้มไปหากิมฮวยราวกับเหมือนต้องมนต์ กิมฮวยนิ่งงัน แล้วจู่ๆต๋องได้สติขึ้นมา
“เฮ้ย” ต๋องตกใจ
ต๋องกับกิมฮวยรีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว
เวลาต่อจากนั้น กิมฮวยนั่งบ่นเรื่องควายอยู่นอกระเบียงบ้านของต๋อง

“อั๊วไม่น่าใส่เสื้อแดงมาเลย อยู่ๆก็เป็นเป้าให้ควายไล่ขวิดซะงั้น” กิมฮวยบ่น
“สีเสื้อมันไม่เกี่ยวหรอกเจ๊ จะสีไหนถ้ามันจะขวิดมันก็ขวิดเพราะควายมันตาบอดสี” กล้าเอ่ย
“ถ้าไม่เกี่ยวกับสีแดง แล้วมันทำไมควายมันไล่อั๊วอยู่คนเดียว” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ก็น้าเอาดินไปปามัน มันก็คิดว่าเป็นศัตรูน่ะซิ แล้วยิ่งน้าวิ่งหนีไปมามันก็ยิ่งหงุดหงิดคิดว่าล่อเป้าก็เลยพุ่งเข้าใส่ใหญ่” ต๋องเอ่ย
“ถ้าเจอมันอีก เจ๊ก็แค่อยู่เฉยๆที่จริงควายมันฉลาดนะเจ๊ คุยกับมันดีๆ มันก็รู้เรื่องแล้ว” กล้าว่า
“อั๊วไม่ใช่ควายจะคุยกับมันรู้เรื่องได้ยังไง ไม่เหมือนพวกลื้อนี่” กิมฮวยเอ่ย
ต๋องกับกล้าสะดุ้งมองหน้ากัน ครู่หนึ่งแก้วแบกขันน้ำมาแต่ไกล
“น้ำฝนต้มใบเตยหอมชื่นใจมาแล้วจ้ะ” แก้วตะโกนมาแต่ไกล
“ขอบคุณจ้ะแม่” คิตตี้กับชมพู่รีบเอ่ย แล้วหยิบมาซดอย่างลืมตัวด้วยความกระหาย
“อุ๊ย โทษทีจ้ะเจ๊กิมฮวย ลืมไปเลยว่าต้องให้ผู้ใหญ่ก่อน” ชมพู่ลืมตัว รีบส่งขันให้กิมฮวย
“อาแก้ว ลื้อก็ชื่อแก้วนะ ไม่มีแก้วใส่น้ำซักใบเหรอ อั๊วไม่อยากกินน้ำร่วมสาบานกันแบบนี้” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“แก้วน่ะเคยมีเจ๊ แต่พวกชั้นซุ่มซ่ามทำแตกประจำ เจ๊จะกินกับกะโหลกมะพร้าวได้มั้ยล่ะ เมื่อกี้ว่าจะหยิบมาแล้วแต่ไม่กล้า เดี๋ยวจะมาหาว่า ชั้นตักน้ำใส่โหลกมาให้เจ๊ชะโงกดูเงา” แก้วรีบว่า
ชมพู่กับคิตตี้ฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้ กิมฮวยตวัดสายตาค้อนไปที่สองคน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะแม่ ม้าเค้ากินแบบนี้ได้” กิมลั้งเอ่ยขึ้น แล้วกินน้ำจากในขันโชว์กิมฮวย
“อืม ชื่นใจจริงๆด้วย กินกับขันแบบนี้ได้อารมณ์ดีออกม้า” กิมลั้งว่า
“อารมณ์อะไรของ...” กิมฮวยกำลังจะอ้าปากพูด กิมลั้งรีบป้อนน้ำจากขันใส่ปากกิมฮวยเพื่อไม่ให้พูดอะไร พอกิมฮวยดื่มเสร็จกิมลั้งเอาขันออก
“หอมชื่นใจใช่มั้ยจ๊ะม้า” กิมลั้งพูดเองเออเอง ไม่เว้นช่องไฟใฟ้กิมฮวย
“ไม่เห็น...” กิมฮวยจะอ้าปากพูด
กิมลั้งเห็นท่ากิมฮวยพูดไม่ดีจึงรีบป้อนน้ำกิมฮวยอีก
“กินเยอะๆจ้ะม้า กลับกรุงเทพคงไม่ได้กินอะไรแบบนี้”

บ่ายนั้น ที่สวนริมคันนา ต๋องเดินมองซ้ายขวาคล้ายมองหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่เจอจึงตัดสินใจเป่าปากเรียก
“ชั้นมาแล้ว” แกละตะโกนเสียงดัง
ต๋องมองซ้ายมองขวาหาต้นเสียงไม่เจอ แต่พอหันมาอีกทางหลบไม่ทันแล้วเพราะแกละกำลังโหนเถาวัลย์พุ่งมา แถมถีบเข้าให้ที่ยอดอกจนต๋องล้มลง
“ไอ้แกละ” ต๋องเรียกด้วยความตกใจในความแสบของแกละ
ต๋องรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งไล่แกละที่หลบซ้ายหลบขวา ในที่สุดต๋องตัดสินใจเอื้อมไปคว้าผมแกละ ไว้ได้
“โอ๊ยๆ ยอมแล้ว ถือว่าชั้นถีบพี่ พี่ดึงหัวชั้นหายกัน โอเคป่ะ” แกละว่า
ต๋องยอมปล่อย แกละจะวิ่งหนี ต๋องคว้ากางเกงจนรั้งเห็นบั้นท้ายแกละที่ไม่ใส่กางเกงใน
“ถ้าเอ็งยังเจ้าเล่ห์อีก ข้าจะถลกกางเกงโชว์จุ๊ดจู๋ที่มีอยู่จุ๋มจิ๋มของเอ็งให้ผีสางนางไม้ดู” ต๋องขู่
“ก็ได้ๆ” แกละรับปาก
“ว่าไง จ็อบที่เอ็งสัญญาว่าจะทำระหว่างที่ข้าไม่อยู่” ต๋องพูดแล้วดึงตัวแกละมาใกล้ๆ
“โธ่...ชั้นพกไว้กับตัวตลอดล่ะ” แกละรีบบอก

อ่านละคร รักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 12 วันที่ 21 ส.ค. 55

ละคร รักเกิดในตลาดสด บทประพันธ์โดย : นราวดี
ละคร รักเกิดในตลาดสด บทโทรทัศน์โดย : สนุกคิด-สนิทเขียน
ละคร รักเกิดในตลาดสด กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด แนวละคร : โรแมนติก คอมเมดี้ เบาสมองตลกสนุกสนาน
ละคร รักเกิดในตลาดสด ผลิต : บริษัท แอ็คอาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด โดยผู้จัด ธัญญา วชิรบรรจง
ละคร รักเกิดในตลาดสด ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์ และวันอาทิตย์
หลังข่าวภาคค่ำ 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศต่อจากละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง
ละคร รักเกิดในตลาดสด เริ่มออกอากาศ ตอนแรกวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2555
ที่มา ไทยรัฐ