อ่านละคร สามี ตอน 4 วันที่ 26 พ.ย. 56
จากคำพูดของรุ้งราย ที่ว่ารสิกาจะแสลงใจถ้าต้องทานข้าวร่วมโต๊ะกับเพื่อนสนิท รสิกาโต้ “คุณรุ้งพูดตกไปหนึ่งคำนะคะ ที่จริงต้องใช้คำว่า อดีตเพื่อนสนิท”ราพณ์ช่วยขยายความว่าอดีต หมายความว่า สิ่งที่จบไปแล้ว รสิกาเสริม ถ้ามันผ่านไปแล้วจะไม่มีวันหวนกลับ รุ้งรายยิ้มอย่างพอใจ แต่อดตอแยไม่ได้
“ฟังดูเหมือนถ่านไฟเก่าจะอับชื้น ถ้าคุณหญิงไม่คิดจะเป็นไฟก็ดีค่ะ เพราะคนของรุ้งมันเหมือนน้ำมัน น้ำมันน่ะมันหาทางไหลไปได้เรื่อย”
ราพณ์ ภูมิใจวางมือบนมือเธอ รสิกาสบตาเขายิ้มให้อย่างพักรบชั่วคราว รังรอง ระรินและรุ้งรายมองอย่างพอใจ...ชาญชัยคอยหาจังหวะจะพูดเรื่องของตัวเองบ้าง ทำทีถามราพณ์จะจัดงานที่ไหน วันอะไรตนจะช่วย ราพณ์ตอบว่าอยากจัดเป็นการภายในเฉพาะคนในครอบครัว
“ไม่เงียบไปเหรอ แบบนี้ที่คนเขาลือจะยิ่งกลายเป็นฮือฮาว่าจริงนะครับ”
ระรินรีบถามพี่เขยใครลืออะไร ชาญชัยจงใจเสียบ ลือว่าประกาศเกียรติแต่งงานล้างหนี้ รังรองตกใจที่สามีโพล่งออกไป รัตนาวลีกับรสิกาหน้าเสีย เจ้าสัวเอ็ดเอาอะไรมาพูด ไร้สาระ
“ผมว่าเฮียเอาเวลาไปสนใจโครงการทาวน์เฮาส์ที่เฮียดูแลจะดีกว่านะครับ” ราพณ์ติง
ชาญชัยหน้าตึงที่โดนติงเรื่องงาน รีบโอ้อวดว่าคนแห่จองกันเต็ม ราพณ์จึงบอกตนได้รับรายงานว่า โครงสร้างต่ำกว่ามาตรฐาน อาจจะมีปัญหาที่ผู้รับเหมา ถ้าไม่จัดการตนจะให้รุ้งรายเข้าไปดูแล ชาญชัยปัดไม่ต้อง ตนจะเข้าไปดูเอง เจ้าสัวเตือน
“ป๊าทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด มันคืออุดมการณ์ในการทำงาน ที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องยึดมั่น”
“ผมพยายามจะทำให้บริษัทมีผลกำไรสูงสุด” ชาญชัยยังคิดว่าตนทำดี
“มาตรฐาน ต่ำกำไรสูงมันไม่ใช่นโยบายของบริษัทเรา คำว่าเรารวมถึงบริษัทในเครือด้วย เห็นทีผมกับสถาปนิกจะต้องเข้าไปตรวจที่โครงการ” ราพณ์ย้ำ
ชาญชัยรีบบอก กับเจ้าสัวว่า เมื่อให้ตนบริหารก็ควรปล่อยให้ตนจัดการ แต่ราพณ์แย้งถ้าเกิดความผิดพลาด ไม่ใช่แค่เสียเงิน ฉะนั้นการเลือกผู้รับเหมาต้องใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ชาญชัยยังเถียงว่างานประเภทนี้เลือกคนยาก ไม่เหมือนบางประเภทที่เหนื่อยน้อยแต่ได้รับการยกย่องมาก ชาญชัยปรายตาแขวะรสิกา ที่ราพณ์ต้องเสียเงินไม่น้อยกับเธอ รุ้งรายไม่พอใจ
“ไม่ว่าเฮียราพณ์จะเสียเงินหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับเฮียชาญนี่เพราะมันเป็นเงินกงสี รุ้งกับน้องๆที่เป็นสายในยังไม่เดือดร้อน เฮียชาญเป็นแค่ลูกเขยไม่มีสิทธิ์ในกองนี้จะเดือดร้อนทำไม”
ชาญชัยโกรธที่ โดนหักหน้า วางตะเกียบปึ้งขอตัวลุกออกไป รังรองหน้าเสีย เห็นสายตาทุกคนที่มองมาจึงขอตัวตามสามีไป รุ้งรายถามทุกคนว่าตนพูดผิดหรือ เจ้าสัวถอนใจ รามหัวเราะ
“เป็นมื้อที่สนุกจริงๆ ถ้าหม่าม๊าผมมาด้วยคงสนุก กว่านี้ คุณหญิงเจอหม่าม๊าผมหรือยังครับ” เห็นรสิกางง “หม่าม๊าโบตั๋น เมียรองที่ถูกทุกคนมองข้าม”
เจ้าสัววาง ตะเกียบเสียงดังตัดบท กล่าวขอโทษรสิกากับรัตนาวลี ราพณ์บอกรสิกาว่าเดี๋ยวตนจะไปส่งรัตนาวลีพาลูกสาวเดินออกมาก่อน ปล่อยให้ครอบครัวคุยกันเอง ราพณ์ให้ระรินขึ้นไปดูแลพระลบ แต่เธออยากร่วมจึงแอบฟังหน้าห้อง รามแกล้งเปรยเสียดายอาหารเต็มโต๊ะ เจ้าสัวตบโต๊ะปัง ถามรามทำแบบนี้ทำไม รามย้อนถามเยาะๆ
“เรื่องที่ผมพูดความจริงหรือเรื่องไหนล่ะครับ เรื่องที่ป๊าหาคุณหญิงมาแต่งกับผม แต่เฮียราพณ์แย่งไป หรือว่าเรื่องที่ป๊าไม่เคยยกย่อง แล้วทุกคนที่นี่ก็ไม่เคยให้เกียรติม๊าผม”
ราพณ์ปรามน้องชายอย่าก้าวร้าว รามย้อน ก่อนจะสอนตนให้สอนตัวเองก่อน สอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ให้ความเคารพม้าของตนบ้าง เจ้าสัวตวาดให้หุบปาก เป็นน้องไม่ควรเถียงพี่
“ทำไมป๊าไม่ตวาดเฮียบ้าง เวลาเถียงม้าผม ทำไมต้องให้ผมกับม้าที่ผิดเสมอ เพราะผมไม่ใช่ลูกชายคนโตใช่ไหมครับ ป๊าถึงไม่รักผม ป๊าลำเอียง”
“ราม!” เจ้าสัวตวาดแล้วความดันขึ้น ปวดหัวจี๊ดทรุดลง ราพณ์ตกใจเข้าประคอง รามจะเข้าช่วย ราพณ์เอ็ด เป็นเพราะเขาที่ทำให้พ่อป่วย ราพณ์ร้องเรียกเง็กไปเอายา
รัตนาวลีกับรสิกากำลังคุยกันเรื่องทำไมต้องทนอยู่กับครอบครัวที่มีแต่ปัญหา พอได้ยินเสียงเอะอะ ทั้งสองก็วิ่งเข้ามาดู รัตนาวลีเข้าดูแลเจ้าสัวอย่างห่วงใย
รสิกายืนอึ้งตกใจ...พออาการดีขึ้น เจ้าสัวให้ราพณ์ไปส่งรสิกา เธอถามเขาว่าเจ้าสัวป่วยเป็นอะไร ราพณ์ยิ้มๆ
ที่เธอสนใจเรื่องของครอบครัวตน รสิการู้ว่าหลุดฟอร์ม อ้างว่าตนไม่ได้สนใจแต่กำไรขาดทุนอย่างเขา
“คุณนี่ไม่น่าชื่ออ้ายนะ น่าจะชื่อไก่ เดี๋ยวจิก เดี๋ยวจิก”
ไม่ทันที่รสิกาจะเถียง เสียงทะเลาะกันของระรินกับรามดังมา สองคนเถียงกันเรื่องโบตั๋น ราพณ์รีบเข้ามาห้ามทัพ เห็นรามเงื้อมือจะตบระริน เขาจับมือรามไว้ ติงอย่าใช้กำลังกับคนในบ้าน
รามโวย “ปกป้องพวกเดียวกันใช่ไหม ถือว่าเป็นลูกแม่เดียวกันก็รวมหัวกันรังแกคนอื่น”
“หุบปากของแกซะ ป๊ากำลังไม่สบายเพราะแก แกจะต้องให้ป๊าเป็นอะไรไปหรือไง แกถึงจะหยุด” ระรินหาว่ารามเห็นแก่ตัว ราพณ์เอ็ด “เฮียสั่งให้หยุด!”
ราพณ์ให้รามกลับไปก่อน ไว้ค่อยคุยกันใหม่ รามหันมาก้อร่อก้อติกรสิกาก่อนไป ราพณ์ตำหนิระรินที่ใจร้อน ถ้าพ่อรู้ว่าพี่น้องทะเลาะกันจะเสียใจ ระรินสลดลง รสิกามองราพณ์จัดการน้องๆได้ดี
ooooooo
คืนเดียวกัน สิริโสภายังทำใจยอมรับไม่ได้ว่าราพณ์ทิ้งตน จึงกรีดข้อมือเรียกร้องความสนใจ โชคดีที่มานพมาเจอพาส่งโรงพยาบาลทัน
ด้านรังรองกลับมาบ้านก็ถูกชาญชัยด่าว่า ปล่อยให้เขาถูกครอบครัวเธอดูถูกเหยียดหยามชนพและฤดี พ่อแม่ของชาญชัยออกมาเสริม ทุกคนหวังเพียงทรัพย์สมบัติของรังรองจะช่วยให้ครอบครัวอยู่ดีกินดี แต่พอไม่ได้สมใจก็พากันตำหนิ รังรองได้แต่เสียใจ
ส่วนรุ้งราย กลับมาถึงคอนโด วศินต่อว่าที่ไม่พาตนไปเปิดตัวกับที่บ้านบ้าง เธอย้อนถาม
“แนะนำในฐานะผู้ชายขายบริการอย่างงั้นเหรอ... อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน สำนึกด้วยว่าที่กินที่ใช้อยู่มันเงินฉัน หัดอยู่เงียบๆตามคำสั่ง ทำตัวให้มันเชื่องสมกับที่ฉันซื้อเธอ”
วศินโกรธมากที่โดนดูถูก คิดจะปลุกปล้ำเอาชนะเธอแต่กลับโดนรุ้งรายทั้งศอกและเข่าจนลงไปกอง เขาเพิ่งรู้ว่ารุ้งรายมีพิษสงมากกว่าที่คิด...
ราพณ์พารสิกาแวะทานอาหารก่อนจะไปส่งที่วัง เธอไม่ค่อยเต็มใจนักแต่โดนเขาบีบจนต้องลงจากรถ เผอิญรถปฐวีผ่านมา ทำให้เธอหนีไปขึ้นรถปฐวีกลับไปได้ ราพณ์โกรธจะตามแต่พอดีมานพโทร.มาบอกเรื่องสิริโสภากรีดข้อมือ เขาจึงต้องเปลี่ยนไปโรงพยาบาลแทน
มาถึงโรงพยาบาล มานพไม่อยากให้ราพณ์เข้าไปเยี่ยมสิริโสภา เพราะรู้ว่าการทำร้ายตัวเองครั้งนี้ของเธอเป็นการเรียกร้องความสนใจ
“สิไม่ใช่คนแบบนั้น” ราพณ์ไม่อยากเชื่อ
“ราพณ์ ฉันไม่ได้บอกว่าคุณสิเป็นคนร้ายกาจหรอกนะ แต่เขาไม่อยากเสียแก เขาไม่อยากให้แกแต่งงาน คนเราเวลาเข้าตาจน ถ้าทำอะไรให้คนที่ตัวเองรักสนใจได้ แม้ความตายเขาก็ทำ...รักมันทำให้คนตาบอดแกเข้าใจไหม ถ้าแกตามเกมเขาทีนี้ปัญหาก็จะไม่จบ แกเสียคุณหญิงแน่”
ราพณ์ครุ่นคิดอย่างหวั่นใจ รู้สึกสงสาร มานพดักคอ เอ็นดูเขาเอ็นเราขาดให้เลือกเอาราพณ์ย้อนถามถ้าตนไม่เข้าไปเรื่องจะจบใช่ไหม มานพสวนทันทีว่าไม่จบ แต่เธอจะรู้ว่าเขาเด็ดขาด นานวันก็จะหมดใจรามือไปเอง ราพณ์เกรงจะเป็นการใจร้ายไปหน่อย
“ถ้าแกอยู่กับเขาเพราะความสงสารแบบนั้นใจร้ายกว่า อยู่กับคนที่ไม่รัก มันไม่มีความสุขหรอก ฉันไม่ห้ามแกนะ แกตัดสินใจเลย แต่เพื่อนเตือนเพื่อนแล้วนะ”
ราพณ์คิดหนัก ตัดสินใจกลับไป มานพเข้ามาดูสิริโสภาในห้อง เธอรู้สึกตัวขึ้นมาถามหาราพณ์ เขาบอกว่าราพณ์ไม่ว่างเตรียมงานแต่งงาน ทุกอย่างไม่ต้องห่วง ตนจัดการให้เอง
ในขณะที่ปฐวีมาส่งรสิกาที่วัง เธอดักคอเขาก่อนว่าเธอเต็มใจแต่งงานกับราพณ์ ก่อนที่เขาจะห้ามและขอดูแลเธอ ปฐวีถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก...พอเข้ามาในตึก แหววรอถามอาการแม่นม และบอกรสิกาว่า ที่แม่นมป่วยเพราะเสียใจที่ต้องออกจากวัง รสิกายิ่งเศร้าใจ
ooooooo
รุ่งเช้า รามกลับเข้าบ้าน เจอโบตั๋นรอซักถามเรื่องไปทานข้าวบ้านเจ้าสัว ถามถึงรสิกาเป็นอย่างไรบ้าง รามชมว่าเปรียบเหมือนหยกเนื้อดี โบตั๋นยิ่งด่าว่าลูกชายที่ปล่อยเธอหลุดมือไป แล้วร้องห่มร้องไห้ว่าเจ้าสัวกับลูกๆจะกันเขาออกจากกองมรดก รามปลอบแม่ด้วยความหวั่นใจ
รสิกามาเยี่ยมแม่นมแต่เช้า แต่ยังช้ากว่าราพณ์ที่เข้ามาเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้ เพราะแม่นมจะได้กลับบ้านในวันนี้ แม่นมมองท่าทีอ่อนโยนของราพณ์อย่างพอใจ แต่ก็ยังกังวลเป็นห่วงรสิกา ราพณ์ตามรสิกากับแม่นมมาที่วัง ทุกคนในวังดีใจช่วยกันพาแม่นมไปพักผ่อน รสิกาหันมาขอบคุณราพณ์สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง
“เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อว่าที่ภรรยาอยู่แล้วครับ”
รสิกาหน้าตึง ราพณ์รุกทันที “คุณหญิงเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ เพราะถึงเวลาที่ผมต้องมารับตัวเจ้าสาวแล้ว ผมหวังว่าคุณหญิงจะไม่ทำลายเกียรติของคุณหญิงด้วยการผิดคำพูด...”
“ฉันจะรอค่ะ” รสิกาตัดบท
ราพณ์พอใจเชื่อว่าเธอไม่ผิดคำพูดแน่นอน ราพณ์กลับไป รสิกาเข้ามาหาแม่นม แม่นมกำลังฟังแหววเล่าเรื่องจะจัดงานมงคล ทั้งที่แปลกใจว่าคุณหญิงไปรักกับราพณ์ตอนไหน รสิกาขัดจังหวะให้แหววไปเตรียมอาหาร แล้วพยายามปลอบใจแม่นมอย่ากังวลเรื่องนี้ ทุกอย่างตนเต็มใจและสัญญาว่าจะเอาอิสรภาพคืนมาให้ได้ แหววซึ่งอยากรู้แอบฟังอยู่หน้าห้อง ทนไม่ได้เข้ามาบอกรสิกาให้ขอร้องหม่อมแม่ยกเลิกการแต่งงาน
รสิกาอธิบาย
“อ้ายจะพึ่งหม่อมแม่ไปตลอดคงไม่ได้ แค่รู้ว่าหม่อมแม่ไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้ เท่านี้อ้ายก็พอใจ หม่อมแม่เป็นคนกลางถ้าผิดใจกับทางโน้นคงจะลำบากใจ อ้ายไม่อยากให้หม่อมแม่ต้องทุกข์ใจเพราะอ้าย”...แม่นมกับแหววกอดรสิกาอย่างเข้าใจและสงสาร
ราพณ์กลับมาบอกเจ้าสัวว่าตนพร้อมจะไปรับตัวเจ้าสาวแล้ว เจ้าสัวกระเซ้า
“รีบขนาดนี้ ตัวแปรเยอะใช่ไหม คุณหญิงพร้อมทุกอย่างทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ป๊าก็ไม่แปลกใจนะ รีบหน่อยก็ดี ป๊าจะแจ้งคุณวลี แกก็เตรียมทุกอย่างให้สมเกียรติ”...ราพณ์รับคำ
อ่านละคร สามี ตอน 4 วันที่ 26 พ.ย. 56
ละครสามี บทประพันธ์โดย พัดชาละครสามี บทโทรทัศน์โดย สองปุณณณฐ
ละครสามี กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครสามี ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครสามี ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ละครสามี ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ