อ่านละคร แค้นเสน่หา วันที่ 9 ส.ค. 56
จริมาจับแขนชายเดียว แล้วบีบแน่นเป็นสัญญาณ“คุณชายให้ผ่องไปดูรุ้งในห้องหน่อย”
“แต่...ไม่ทรงมีเหตุผลบ้างหรือกระหม่อม ...รุ้งพักอาศัยอยู่ที่วังนี่นะกระหม่อม” ฉัตต์ขัดขึ้นเสียงแข็ง
“เมื่อหายไป...จะให้ค้นหาที่ไหน ก็ต้องที่ที่เขาอยู่ไม่ใช่หรือเพคะ หรือจะให้ไปค้นโรงพยาบาล” จริมาโพล่งขึ้น
“เธอเป็นคนปากกล้า ควรจะได้รับบทเรียนว่า พูดจาไม่ระวังปาก เธอจะไม่ได้อะไรที่เธอ ต้องการ”
“หม่อมฉันพูดความจริง” จริมาไม่วายเถียง
“แล้วที่ฉันพูดไม่จริงรึ ว่าฉันเป็นเจ้าของวังนี้...ฉันไม่อนุญาตให้พี่ชายของเธอขึ้นไป...เดินเข้าเดินออกวังของฉันเหมือนเป็นที่สาธารณะ” ท่านหญิงยอกย้อน
“แล้วจะให้ทำยังไงเพคะ” จริมาเอ่ยถาม
ท่านหญิงแขไขหันมองจันทร์อย่างเอาเรื่อง
“คนของเธอ...ลูกสาวของเธอ เขามีหน้าที่บอกกับเธอ ไม่ทางใดทางหนึ่งว่า เขาอยู่ที่ไหน ถ้าเขาไม่บอกก็แปลว่าเขาไม่อยากให้เธอรู้...ฉันว่าพวกเธอกลับไปได้แล้ว...ชายเดียว บอกเพื่อนของลูก กับผู้หญิงคนนี้ ให้เขากลับไปและถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องชวนกันมาที่นี่อีก” ท่านหญิงออกปากไล่
จันทร์ทรุดตัวอย่างแรง กราบลงกับพื้นกราบแล้วกราบอีก
“ท่านหญิงมังคะ...ได้โปรดมังคะ...ลูกหม่อมฉัน...ลูกสาว...เหลืออยู่คนเดียว”
จันทร์เอ่ยนัย ๆ มองท่านหญิงเขม็ง ท่านหญิงหันมาสบตารู้ความนัยซึ่งกันและกัน ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันได จันทร์ผวาเข้าไป เกาะเท้า กราบลงแทบเท้ายึดไว้แน่น ท่านหญิงหน้าเครียด ความดีเลวต่อสู้กันในจิตใจ
ชายเดียวเข้าไปประคองจันทร์ออกมา จันทร์ ตัวอ่อนเอนซบกับอกชายเดียวร้องไห้ ท่านหญิงรู้สึกสะเทือนใจ
“ท่านแม่คะ...ชายขึ้นไปดูคนเดียวก็ได้นะคะ จะไปปลุกหญิงทอแสงด้วยถามว่ารุ้งพูดว่าไงแน่”
ชายเดียวจะผละไป ท่านหญิงตวาดบอกไม่ได้ ชายเดียวอึ้งไป
“เธอไม่เชื่อแม่เหมือนกันหรือชายเดียว” ท่านหญิงถามเสียงดุ
“เอ้อ...ชายแค่...จะช่วย” ชายเดียวอึกอัก
“ชายเดียว ฉัตต์ ผ่อง ไปช่วยกันหาข้างบน”
ท่านหญิงแขไขยอมอนุญาต ทำให้ชายเดียวยิ้มกว้างดีใจ...ขณะที่ท่านหญิงอนุญาตให้ค้นในวัง ยอดที่ตามพวกจันทร์มาด้วย ได้หลบไปดูรุ้งที่เรือนของเฟือง
“คุณหญิง คุณหญิงครับ” ยอดร้องเรียก
“ยอด...ฉันอยู่ที่นี่...ช่วยด้วย” รุ้งเห็นยอด
“คุณหญิงครับ อยู่ที่นี่ใช่มั้ยครับ อยู่ตรงไหนครับ”
ผีเฟืองปรากฏร่างขวางระหว่างยอดกับรุ้ง เล่นงานยอดกระเด็นออกจากห้องไป เจอสายสร้อยพระนามรังสิยาตกอยู่ สิ่งที่เขาสังหรณ์เป็นจริง ยอดหยิบสร้อยรีบวิ่งเตลิดมาหาจันทร์ที่ตำหนักใหญ่ทันที
“หม่อมครับ...ผมพบนี่ครับหม่อม”
ยอดเอาสร้อยของรุ้งให้จันทร์ดู
“ไอ้ยอด...” ท่านหญิงตะลึงงัน
“อยู่หน้าห้องเขาครับหม่อม” ยอดรีบบอกจันทร์
จันทร์รับเหรียญมา สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“รุ้งของแม่...รุ้ง...”
“ไอ้ยอด...พวกเธอเป็นคนหรือเป็นผีมาหลอกหลอนฉัน ยี่สิบกว่าปี...เล่นละครกันตลอด ...บุหลัน แกกลับมาจนได้ ถ้าแกใช่มัน...บอกซิว่าทำไมต้องทำอย่างนี้...ทำไมต้องหลอกลวงกัน” ท่านหญิงตวาดอย่างโกรธจัด
“หม่อมฉันเป็นใครไม่สำคัญมังคะ...ที่จริงบุหลันตายไปแล้ว พร้อม ๆ กับลูกชายเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่หม่อมฉัน...จันทร์มังคะ...จันทร์จะไม่ยอมให้ลูกสาวที่เหลืออยู่ตายไปด้วย...รุ้งต้องอยู่ที่นี่...สร้อยเส้นนี้รุ้งใส่อยู่ หม่อมฉันเพิ่งให้เมื่อไม่นานมานี่...รุ้งยังอยู่ที่นี่อยู่ที่...”
จันทร์มองหน้าท่านหญิงนิ่ง ท่านหญิงมองตอบ แต่นัยน์ตายังแข็งกร้าว
“หม่อมฉันเสียลูกชายไปคนหนึ่งแล้ว ทรงเมตตา คืนลูกสาวให้หม่อมฉันเถิดมังคะ...รุ้งอยู่ไหนมังคะ ทรงทราบแล้วใช่มั้ยมังคะว่า หม่อมฉันคือบุหลัน...ทำไมทรงแกล้ง...ขอลูกคืนให้หม่อมฉันเถิด แล้วหม่อมฉันจะพารุ้งไปให้สุดหล้าฟ้าเขียว ไม่กลับมาให้ทรงระคางพระทัยอีกเลย” จันทร์วิงวอนขอร้อง
“ที่เรือนเขาไม่มีคุณหญิงครับหม่อม” ยอดเสนอหน้าบอก
“รู้ได้ไง...เปิดดูรึเปล่ายอด” จันทร์หันไปถาม
“ผมพังประตูเข้าไปครับ...ไม่มี” ยอดตอบตรง ๆ
“พัง...เอ็งมีสิทธิอะไรไอ้ยอด...ที่นี่วังรังสิยาไม่ใช่ที่สาธารณะ ใครบุกรุกข้าจะให้ตำรวจจัดการ...ไอ้ยอดกำเริบเสิบสานจริงนะเอ็ง...ข้าบอกแล้วว่ารุ้งไม่ได้อยู่ที่นี่...ทำไมไม่เชื่อกัน ถึงขนาดมาพังเรือนคนของข้า คนที่ตายไปแล้วด้วย ระวังตัวกันเองก็แล้วกัน...ชายเดียว อย่ามัวแต่ประคับประคองกันอยู่...ชายปล่อยจันทร์”
ทุกคนพากันเงียบ ชายเดียวอึดอัดไม่เข้าใจ ขยับปากจะพูดแต่แล้วคิดได้เปลี่ยนใจเป็นนิ่งเงียบ
“ชายเดียว บอกผู้หญิงคนนี้ว่า...ฉันไม่ใช่จำเลยของใคร”
สิ้นคำท่านหญิง ฟ้าก็ผ่าดังสนั่น ไฟในห้องโถงดับลงทันที...ผ่องเอาไฟฉายมาให้ ท่านหญิงฉายไปที่หน้ายอด
“ไอ้ยอด... มึงออกไปจากวังรังสิยากูเดี๋ยวนี้...ทรยศกูแล้วยังมาเหยียบวังกูอีกรึ” ท่านหญิงตวาดไล่ยอด
“กระหม่อมไม่ได้ทรยศ ยายเฟืองสั่งทุกอย่าง” ยอดเถียงทันควัน
“มึงไม่ต้องมาใส่ร้ายคนของกู” ท่านหญิงถลึงตาใส่ยอด
“กระหม่อมไม่ได้ใส่ร้าย...ยายเฟืองสั่งกระ หม่อม ให้ฆ่าหม่อม...บังคับกระหม่อมให้เอาหม่อม ไปทิ้งน้ำ แต่หม่อมคลอดคุณหญิงอีกคน...ยายเฟือง เอาคุณชายไปถวายท่านหญิงคนหนึ่งแล้ว แต่คุณหญิงคลอดในเรือ...กระหม่อมฆ่าไม่ลง”
ยอดโพล่งบอกความจริงทุกอย่าง ทำให้ชายเดียวยืนตะลึงงัน
“ชายเดียว...ชายของแม่” ท่านหญิงหันมามองชายเดียวสายตาปวดร้าวใจ
“ท่านแม่...จริง...จริงหรือคะ” ชายเดียวถามอย่างตกใจ
“ชาย...แม่รักชาย...ชายเป็นลูกแม่นะ”
“แต่...ทำไม” ชายเดียวอึกอักพูดไม่ออก
“โกหก...มันโกหก ไอ้ยอด”
เฟืองที่สิงคุณหญิงทอแสงตวาดออกมา ทุกคนหันไปมอง ก็รู้ว่าไม่ใช่คุณหญิงทอแสง
“ยายสั่งฉันทุกอย่าง” ยอดเถียง
“มึงไอ้ยอด...โกหก มึงเป็นชู้กับอีบุหลันพากันหนีไป คลอดลูกอะไร...มึงแต่งเรื่องเองทั้งนั้น”
“ยาย...เป็นผีไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด.. ไม่กลัวนรกเหรอ”ยอดเถียงกลับอย่างไม่กลัว
“ไอ้...ยอด มึงต้องตาย” ผีเฟืองคำรามลั่น
“ตายก็ได้เกิด เพราะฉันพูดความจริง ยายจะฆ่าหม่อมจริง ๆ” ยอดยืนกรานหนักแน่น
ผีเฟืองเสียงหัวเราะดังก้อง แล้วค่อย ๆ กระชากวิญญาณออกจากร่างของคุณหญิงทอแสง ปรากฏกายให้ทุกคนได้เห็นหน้าเหี้ยมดุดัน ยืนข้าง ๆ ทอแสง มือรวบคอเสื้อทอแสงไม่ให้ล้ม
“ฮะ...ฮะ...หม่อมรึ อีนังบุหลัน ก็เพราะมึงกำเริบเสิบสานอยากขึ้นวอ ทั้ง ๆ ที่เป็นขี้ข้าน่ะสิ มึงถึงต้องเป็นอย่างนี้ ลูกสาวมึงก็กำลังจะเป็นผีอยู่แล้ว...กูจะไม่มีวันตายเปล่า...กูจะบอกให้ ลูกสาวมึงตาย มึงต้องอกแตกตายตามไป เพราะมึงทำบาปทำกรรมทำผิดศีลธรรม...ท่านเลี้ยงมึงอย่างดี แต่มึงทรยศแย่งท่านชายไป...ใช้มารยาล่อท่านชายจนท่านหลงใหล...ท่านหญิงของกูทรงชอกช้ำแค่ไหน...มึงไม่เคยคิดใช่มั้ย...มึงมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น... มึงเหยียบย่ำหัวใจท่านหญิง...มึงกับท่านชาย สองคนไม่มีเมตตา...ใจร้ายใจดำ แบบเดียวกับอีพวกเมียน้อยทั้งหลาย...แย่งผัวเขาไป ไม่เคยคิดว่าเมียเขาจะเสียใจแค่ไหน...มึงเล่นชู้กันในวังต่อหน้าต่อตาท่าน...มึงไม่สงสารท่าน ไม่เคยทูลท่านชายให้มาหาท่านหญิงเลย...ท่านหญิงของกูเศร้าโศกเสียพระทัยขนาดไหน...ไม่มีใครรู้...ไม่มีใครเห็น...ไม่มีใครนึกถึง...มีแต่กู...อีเฟืองคนนี้คนเดียว...มึงคิดถึงหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันมั้ยอีบุหลัน...ฮะ”
ผีเฟืองตวาดกร้าว ชี้จุดผิดพลาดอันใหญ่หลวงของจันทร์...จันทร์ถลาก้มกราบแทบเท้าท่านหญิง
“หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว ประทานอภัยให้หม่อมฉันนะมังคะ”
จันทร์ถลาก้มกราบแทบเท้าท่านหญิง ท่านหญิงหน้านิ่ง แต่ชักเท้าออก เฟืองหัวเราะเยาะ
“มันก็อย่างนี้ล่ะวะ เข้าตาจนแล้วสำนึกผิดทุกคน ไม่มีทางเลือกอื่นสิมึง”
“ชายเดียว...ผมจะไปหารุ้ง” ฉัตต์กระซิบบอกชายเดียว
“ริมาไปด้วย”
“พาผมไปหน่อย...เราต้องไปเดี๋ยวนี้ เพราะ ยายแก่ไปขวางไม่ได้ แต่ผมไม่รู้ทาง”
ชายเดียวลังเล เพราะเป็นห่วงทางนี้
“ไปช่วยน้องก่อน น้องกำลังจะตายนะ”
จริมาดึงชายเดียวออกไปพร้อมกัน ยอดจะเดินตามไป แต่ผีเฟืองตวาดขึ้นเสียก่อน
“ไอ้ยอด จะไปไหน มึงหาอีนังรุ้งไม่เจอหรอกเว้ย...อย่าหวังเลย...อีนังทอแสงก็เหมือนกัน แม่มันจ้องแต่จะทำลายพระทัยท่านหญิง...อย่าอยู่เลย”
เฟืองตั้งท่าเหวี่ยงคุณหญิงทอแสงลงบันได ท่านหญิงร้องห้าม
“เฟือง...อย่า...อย่าทำทอแสง” ท่านหญิงกรีดร้องด้วยความตกใจ
“เอาไว้ทำไมมังคะ...ตัวมันก็ร้ายกาจ แม่มันก็ร้ายกาจ...ตายเสียเถอะ”
ว่าแล้วเฟืองก็ยกตัวคุณหญิงทอแสงขึ้นสูง
“อย่า...อย่านะ”
สิ้นคำร้องห้ามของท่านหญิง เฟืองก็ปล่อยร่างคุณหญิงทอแสงอย่างแรง จนคุณหญิงทอแสงกลิ้งลงบันไดสลบไป ท่านหญิงร้องกรี๊ด วิ่งขึ้นไปหาหลานสาว
“กูจะไปฆ่านังรุ้ง...แล้วมึงจะอกแตกตายนังบุหลัน”
เฟืองเสียงก้อง หายตัวลับไป
“อย่า...ยายเฟือง...อย่า”
จันทร์ร้องเสียงหลง แล้วนึกเอะใจเมื่อหันมามองเห็นแววตาสะใจของท่านหญิง จันทร์ตะลึง ก่อนจะตัดสินใจก้มลงกราบท่านหญิง
“หม่อมฉันขอรับผิดทุกอย่าง...ขอถวายคุณชายศักดินาเป็นคนไถ่ถอนความไม่ดีที่หม่อมฉันกระทำกับท่านหญิง หม่อมฉันไม่เอาเธอคืน... และไม่เคยคิด ทั้ง ๆ ที่หม่อมฉันรู้มานานแล้ว...หม่อมฉันไม่ใช่แม่ของเธอ... ชีวิตของเธอเธอมีท่านหญิงเป็นแม่องค์เดียวมังคะ”
จันทร์ก้มลงกราบอีกครั้ง ลุกขึ้นไปที่เรือนของเฟืองทันที ท่านหญิงยืนตะลึง
ยอดตามพวกฉัตต์ และชายเดียว ไปที่เรือนข้าหลวงเก่าเพื่อช่วยรุ้ง แต่แล้วยอดกลับถูกวิญญาณเฟืองสกัดไว้ ชายเดียวเห็นยอดสะดุดล้ม ก็เข้ามาดู “ยอดเป็นอะไร”
“ไม่เป็นไร คุณชายพาคุณฉัตต์ไปก่อนเถอะครับ ...ไปสิครับ...เดี๋ยวผมตามไป”
“ได้แน่นะยอด” ฉัตต์ถาม
“ครับ ไปเร็ว ๆ ครับ”
“ริมาอยู่ดูยอดก็ได้พี่ฉัตต์”
“ไม่ต้องครับ...ไปเร็ว”
สามคนไม่รอรีรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยอดพยายามจะลุกขึ้น วิญญาณของเฟือง เข้าไปหายอด แล้วยิ้มแสยะก้มลงมา
“ป้า” ยอดร้องอย่างตกใจ
“ใครป้ามึง”
“บาปกรรม...บาปกรรมนะป้า”
“มึงเป็นใครมาสั่งสอนกู...ฮะ ไอ้ยอด”
วิญญาณเฟืองพูดพลาง ถลาเข้าหาตัวยอดทะลุออกไปยืนอีกทาง ยอดสะดุ้งเฮือก จุกเจ็บจนแทบขยับตัวไม่ได้
“ป้า...คนที่ป้าจะฆ่าเป็นคนดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร” ยอดพยายามเตือนสติเฟือง
“คนดีทำไมแย่งผัวท่าน” เฟืองย้อนถาม
“ป้าก็รู้...หม่อมต้องยอม ถ้าท่านชายมีพระประสงค์”
“มึงไม่ต้องแก้ตัวแทนมัน...มันทุกคนเลวหมด...ทำร้ายจิตใจท่านหญิงของกู...มึงตัวดีไอ้ยอดกูบอกให้มึงฆ่ามัน แต่มึงปล่อยมัน...มึงปล่อยมันทำไม” เฟืองโมโหพูดเสียงดุดัน
“หม่อมคลอดคุณหญิง” ยอดตอบคำถาม
“นี่แน่ะ...หม่อม...อาศัยข้าวแดงแกงร้อน ท่าน แต่เนรคุณ...ตายเสียน่ะ ดีแล้ว”
ว่าแล้ววิญญาณเฟืองพุ่งเข้าร่างยอดทะลุออกเต็มแรง เข้าออก...เข้าออก จนยอดกระอักเลือด
“...ฉัน....อ....โห....สิ...ให้....ป้า หยุด...ฆ่า...อย่า...ฆ่...”
ยอดเอ่ยได้เท่านั้นก็ขาดใจตายทันที
ส่วนพวกฉัตต์ ชายเดียว และจริมา บุกมาถึงห้องของเฟือง แต่กลับไม่พบใครเลย...ขณะที่รุ้ง ถูกวิญญาณของเฟืองลักซ่อนไว้ ก็มองเห็นพวกฉัตต์ที่มาตามหาเธอ
“ริมา...คุณชาย...คุณฉัตต์”
รุ้งยื่นมือสูง ขมุบขมิบปากเรียกคนทั้งสาม ฉัตต์ชะงัก เพราะได้เสียงเรียกชื่อแผ่ว ๆ หันกลับมา มองจ้องที่รุ้ง รุ้งมองตอบ ส่งกระแสจิตแรงกล้า แต่ฉัตต์ก็ไม่เห็นใคร สามคนจะกลับออกไป
“ช่วย...ช่วยด้วย”
รุ้งร้องเรียกสุดเสียง แต่ไม่มีใครได้ยิน
“แผ่เมตตา...ลูกพ่อ...แผ่เมตตา”
วิญญาณท่านชายกระซิบเตือน รุ้งจึงพยายามตั้งสมาธิและสวดมนต์แผ่เมตตา...เวลานั้นทุกคนที่ตำหนักใหญ่พากันวิ่งหน้าตื่นตามมา
“เดี๋ยว ป้าลี่หยุดก่อน”
“หยุดทำไม ข้าจะขึ้นตำหนัก ไม่รู้มีอะไร เสียงดังเอะอะ”
พิกุลชี้ให้ดูยอดที่นอนคว่ำหน้า พิกุลเดินเข้าไปพลิกหน้ากลับมา เพ่งมองกันทั้งคู่
“ไอ้ยอดใช่มั้ย” สาลี่เอ่ยขึ้น
“โธ่เอ๊ย...ไอ้ยอดนี่เอง”
“มันมาได้ยังไง ทำไมมานอนตายตรงนี้ ใครทำเนี่ย” สนสงสัย
“สงสัยอะไรอีกพ่อสน ไม่มีฝีมือใครหรอก คราวนี้เอาถึงตายรึ...มึง อีผีร้าย” สาลี่โมโหพูดเสียงดัง
ทันใดนั้นลมพัดหวีดหวิว ต้นไม้พัดโอนเอนทันที ละมัยกลัวหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พิกุลรีบอุดปากสาลี่ทันที
“อย่า...แม่สาลี่...อย่าทักทาย”สนเตือน
“มันทนไม่ไหว” สาลี่ระเบิดออกมา
“แม่เฟือง...ไปที่ชอบ ๆ เถิด”
ฉัตต์ ชายเดียว จริมา วิ่งกลับมาพร้อม ๆ จันทร์ตามมาที่เรือนข้าหลวงเก่า แต่ไม่พบรุ้ง ก็ร้องไห้เสียใจอย่างเสียขวัญ และต้องตกใจเมื่อเห็นยอดนอนอยู่ รีบเข้ามาดู
“ยอด...ยอดเป็นอะไร”
สาลี่ พิกุล ตกตะลึงมองจันทร์ ครางเบา ๆ “หม่อม...หม่อมบุหลัน”
“ใช่ ป้าลี่...พิกุล ยอดเป็นอะไร” จันทร์ไหว้สาลี่
“ตายแล้วค่ะหม่อม” พิกุลบอก
จันทร์ที่ตามมาที่เรือนร้องไห้เสียใจที่ต้องเสียทาสผู้ซื่อสัตย์ไป จันทร์นั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง นัยน์ตากระด้าง ความแค้นจับหัวใจ ท่านหญิงแขไขออกมาเห็นร่างของยอดนอนอยู่ รู้ว่าตายแล้ว ท่านหญิงนิ่งอึ้งพูดไม่ออก
“หม่อมฉันสงสัยเสมอมาว่า ใครที่เป็นคนสั่งฆ่าหม่อมฉัน เวลานี้ไม่สงสัยอีกแล้ว”
ท่านหญิง อัดอั้นเหลือเกิน สีหน้าเจ็บปวดมากเช่นกัน
“จะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้”
“อย่ารับสั่งเหมือนว่าไม่ใช่ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะความแค้นของ... คน ๆ เดียว...ท่านหญิงแค้นหม่อมฉัน แค้นท่านชาย...แล้วทรงใช้คนที่รักท่านหญิงให้แก้แค้นแทน” ท่านหญิงกดดันมาก...
เวลาเดียวกัน ผ่องประคองพาคุณหญิงทอแสงมาในห้องเก็บกระดูกท่านชาย
“ขอให้ท่านคุ้มครอง คุณหญิงอธิษฐานค่ะ...” ผ่องแนะนำ
คุณหญิงทอแสง พนมมือ แล้วจู่ ๆ ทะลึ่งพรวด ผ่องตกใจถอยกรูด
“ขอยืมร่างคุณหญิงไปก่อน” เฟืองเข้าสิงคุณหญิงทอแสง
“พี่เฟือง...ทำไม...อย่านะ”
“เพราะข้าไม่มีพลังแล้ว หมดพลัง ที่ใช้ไปหมดแล้ว”
“คุณหญิง คุณหญิง อย่าไปค่ะ” ผ่องร้องอย่างตกใจ
คุณหญิงทอแสงที่ถูกเฟืองเข้าสิงหันมาแล้วขู่ผ่องเสียงดัง ผ่องร้องสุดเสียง ล้มตึง
“เดี๋ยวข้าจะเอาร่างคุณหญิงมาคืน... ไม่ต้องตกใจนังผ่อง...คุณหญิงไม่ตายหรอก”
ผ่องพยายามไขว่คว้าจะจับตัวคุณหญิงทอแสง เฟืองหันมาชี้หน้าขู่เอาเรื่อง ผ่องหยุดกึกทันที...ขณะที่จันทร์จ้องมองท่านหญิงอย่างแค้นใจ เสียใจ ท่านหญิงอัดอั้นใจเป็นที่สุด
“ทรงให้เขาเอาชีวิตหม่อมฉันไป ...เขาจะได้หายแค้น...เลิกจองเวรจองกรรมกับหม่อมฉันเสียที ขอชีวิตลูก แค้นหม่อมฉัน ฆ่าหม่อมฉันสิมังคะ” จันทร์บอกอย่างแค้นใจ
“บุหลัน มันกำลังจะจบแล้ว...ไม่มีใครตายอีกแล้วฉันสัญญา” ท่านหญิงบอกเนิบ ๆ
“ต้องมีมังคะ...หม่อมฉันต้องตาย เขาถึงจะหายแค้น เพราะทำตามรับสั่งท่านหญิงแล้ว ท่านหญิงทรงสั่งเขาใช่มั้ยมังคะ พระทัยร้ายเหลือเกิน” จันทร์ตัดพ้อ
ท่านหญิงอั้น ตอบไม่ได้
“น้าจันทร์...อย่าเสียเวลาเลยครับ เราขอคนพวกนี้ ให้ช่วยกันหารุ้งได้มั้ยครับ”
ฉัตต์ที่ออกมาจากเรือนข้าหลวงพร้อมชายเดียว และจริมาโพล่งขึ้น
“อย่าเสียเวลาหา...ไม่มีวันเจอ”
เฟืองที่กลับเข้าสิงคุณหญิงทอแสงหัวเราะลั่นขณะที่เดินเข้ามา ท่าทางการเดินเหมือนคนแก่ สาลี่ฉายไฟไปที่หน้าคุณหญิงทอแสง
“นังสาลี่...บังอาจส่องไฟกูเรอะ” คุณหญิง ทอแสงปราดเข้ามาตบสาลี่เลือดกบปาก
“ป้าลี่...ป้า เป็นยังไงบ้าง”
“พอทน นั่นคุณหญิงทอแสงนี่”
“ใช่เมื่อไหร่ล่ะ”
“เสียงใช่คุณหญิงนะ” สาลี่ยืนยัน
“จับเสียงไม่ถูก เดี๋ยวเป็นคุณหญิง เดี๋ยวเป็นพี่เฟือง” พิกุลบ่น
“ดูกูให้ดี ๆ ...ทุกคน กูเอง”
ว่าแล้วร่างของเฟืองลาง ๆ อยู่ในร่างทอแสง สักครู่ก็เป็นคุณหญิงทอแสงอย่างเดิม สลับกลับไปกลับมา ฉัตต์ และชายเดียวเข้าไปจับตัว แต่คุณหญิงทอแสงดิ้นรนต่อสู้ด้วยพละกำลังของผีร้ายสิงอยู่ จนทำให้สองหนุ่มสะบัก สะบอม กระเด็นกระดอนไป
“อีจันทร์...คราวนี้มึงไม่รอดกูแน่ ๆ โน่นเห็นมั้ยคนทรยศเป็นยังไง ไอ้ยอดนอนตายอยู่นั่น ตัวมึง ต้นเหตุความแค้นของกู...ตายเสียเถอะ”
วิญญาณเฟืองในร่างคุณหญิงทอแสงกระชากจันทร์เข้ามาอย่างแรง และกำลังทำท่าจะเหวี่ยงจันทร์ให้กระเด็น...ทันใดนั้นจันทร์สวดมนต์บทแผ่เมตตาดังขึ้นมา จริมาและฉัตต์จึงสวดตาม ทำให้วิญญาณของเฟืองในร่างคุณหญิงทอแสงตัวหงิกงอ เจ็บปวดรวดร้าว แล้วค่อย ๆ เอนตัวฟุบลงไปกับพื้น
“กูไม่ยอมแพ้อีบุหลัน...ลูกสาวมึงจะเป็นผีอยู่แล้ว...ต่อไปก็มึงไง...มากูช่วย”
ว่าแล้ววิญญาณเฟืองพรวดออกมาจากร่างคุณหญิงทอแสง ตรงเข้าหาจันทร์
“อย่าทำรุ้ง พี่...ได้โปรด”เห็นจันทร์ร้องไห้โฮ เฟืองหัวเราะเสียงดัง
อ่านละคร แค้นเสน่หา วันที่ 9 ส.ค. 56
ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภาละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ