@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 12 วันที่ 3 ส.ค. 56

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 12 วันที่ 3 ส.ค. 56

ฉัตต์ตื่นแต่เช้ามืด มองกรอบรูปด้วยความประหม่าเพราะไม่รู้ตัวว่าอาการหนักถึงขั้นนอนกอดรูปเธอ ทั้งคืน เขาลุกไปวางคืนบนโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็ก ลังเลใจนิดหนึ่งก่อนเปิดลิ้นชัก เห็นจดหมายหลายฉบับจึงหยิบขึ้นอ่านทีละแผ่น

เนื้อความในจดหมายทำให้ฉัตต์ปวดใจมาก แท้จริงแล้วรุ้งนั่นเองที่เขียนจดหมายหาเขาตลอดเวลาที่อยู่เมืองนอก


ความรู้สึกผิดถาโถมจนยืนแทบไม่ไหว เมื่อเจอกับยอดที่หน้าบ้านก็ไม่เกรี้ยวกราดใส่เหมือนทุกครั้งแต่กลับสั่งให้คอยรุ้งกลับบ้านอย่างไม่เคยทำมาก่อน อดีตคนสวนงงมาก ถอนใจแรงๆจนสำลีที่นั่งเป็นเพื่อนได้แต่มองมาด้วยความสงสัย ยอดอยากพูดปรับทุกข์ด้วยใจแทบขาดแต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลา

ooooooo

คุณหญิงเพ็งกับจันทร์ปฏิบัติธรรมด้วยใจสงบ ความเงียบและใจที่ปล่อยวางทำให้คลายความเครียดได้บ้าง แต่ถึงกระนั้นอดีตหม่อมก็มีเรื่องกังวลขึ้นมาใหม่เมื่อคุณหญิงเพ็งถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายเดียวกับรุ้ง

“จันทร์คิดว่าคุณชายศักดินามาชอบรุ้งไหม แม่เห็นมาติดพันแต่ท่าทางดูไม่ออก”

จันทร์หน้าเสียเพราะเป็นห่วงเรื่องนี้มาตลอด “เป็นไปไม่ได้ค่ะคุณแม่ คนที่จะไม่ยอมเด็ดขาดคือท่านหญิงแขไข รุ้งเป็นลูกของคนที่ท่านเห็นว่าต่ำต้อย ท่านไม่มีวันยอมให้ไปร่วมวงศ์รังสิยาที่สูงส่งอย่างแน่นอน”

“ท่านหญิงแขไข...แม่ดูท่านแปลกนัก ดูไม่ออกว่าดีหรือร้าย”

ท่านหญิงแขไขมีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ นอกจากทรงเงียบขรึมและไม่ค่อยยอมเสวยแล้วยังชอบเก็บองค์แต่ในห้องทำงานของท่านชายแม้แต่เวลากลางวันอย่างวันนี้ ภาพฝันร้ายเมื่อคืนก่อนยังตามหลอกหลอนจนทนไม่ไหวเลยมาตัดพ้อและโทษท่านชายที่นอกใจไปมีบุหลันเหมือนเคย

“เจ้าพี่จะอยู่สวรรค์ชั้นไหนก็ตาม ขอให้รู้องค์ว่าทรงทิ้งความทุกข์อย่างที่สุดไว้กับหญิง ไม่มีอะไรถูกต้องสำหรับหญิงเลย หญิงเลี้ยงลูกชายเจ้าพี่เหมือนเขาเป็นลูกหญิงเอง หญิงรักและหวังฝากผีฝากไข้กับเขา แต่แล้วแม่เขาก็ปรากฏตัวและจะเอาลูกชายของเขากลับไป ได้ยินไหมคะเจ้าพี่”

ผีเฟืองที่ตามเฝ้าไม่ห่างตั้งแต่เช้า เหลือบมองด้วยแววตาทุกข์ระทม สงสารท่านหญิงเหลือเกินที่ต้องเจ็บปวดรวดร้าวพระทัยเพราะท่านชาย พาลให้นึกแค้นบุหลันที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้

ผีร้ายถือโอกาสยั่วยุและเล่าแผนการชั่วร้ายจะกำจัดรุ้งกับจันทร์ ท่านหญิงประทับยืนหน้ากระจกและพยักหน้ารับน้อยๆราวกับโดนสะกดจิต เสียงสาปแช่งและคำพูดอาฆาตให้ฆ่าทั้งแม่และลูกเวียนวนในหัวจนต้องกลับไปในพักในห้อง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่อสู้ในใจจนท่านหญิงต้องปิดหู แต่สุดท้ายความแค้นก็ทำให้เธอตัดสินใจได้

“แกต้องตายนังบุหลัน แกมันตัวมาร แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน คนที่ฉันรักมากที่สุดในโลกแกก็เอาไปแล้ว ฉันเหลืออยู่คนเดียวแกก็จะเอาไปอีก...แกต้องตาย”

ผีเฟืองเริ่มต้นแผนร้ายโดยการสะกดจิตคุณหญิงทอแสง ราชนิกุลสาวไม่มีแรงต่อต้านเลยถูกใช้เป็นเครื่องมือ เธอเดินไปเรื่อยๆจนถึงห้องรุ้งและปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มพร้อมทักทายเสียงหวานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน รุ้งแปลกใจแต่ไม่อยากคิดมาก เมื่อคุณหญิงแสร้งตีหน้าเศร้าบอกว่านอนไม่หลับมาหลายคืนและขอให้หายานอนหลับมาให้ รุ้งจึงรับปากด้วยความเต็มใจเพราะไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง

ด้านยอด...ปฏิบัติตามคำสั่งฉัตต์อย่างเคร่งครัด อดีตคนสวนไม่ยอมหลับนอนหรือแตะอาหารใดๆเพราะกลัวคลาดเคลื่อนกับรุ้ง สำลีเห็นแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ ได้แต่ตามมานั่งเป็นเพื่อนและพูดโน่นนี่ให้เขาคลายความกังวลใจ

“ฉันจะบอกอะไรให้นะพี่ยอด ถ้าฉันเป็นคุณรุ้งฉันก็ไป อยู่ๆมาไล่กันง่ายๆ ว่าแต่ไอ้ฉันก็คิดว่าคุณฉัตต์รักคุณรุ้งเสียอีก แล้วทำไมจะไปแต่งงานกับคุณบัวอะไรนั่นล่ะ”

ยอดเองก็ไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับทุกคนที่บ้านหลวง วิเศษ แม้นายตำรวจใหญ่จะพยายามเกลี่ยกล่อมให้ลูกสาวเปลี่ยนใจแต่ก็ยังไร้ผล พิสินียืนยันคำเดิม

“คุณพ่อคะ...คุณพ่อจะรักษาสัญญาก็แล้วแต่คุณพ่อนะคะแต่มันไม่เกี่ยวกับบัว”

“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อพ่อจะรักษาสัญญาได้ก็ต่อเมื่อแกหยุด ฉันจะได้จัดการตามที่คุณพจน์ขอไว้ก่อนตาย”

“บัวทราบว่าถ้าบัวถอย คุณพ่อจะจัดการอย่างที่ว่า แต่ทำไมบัวต้องหยุดในเมื่อฉัตต์ก็รักและจะแต่งงานกับบัว”

คุณนายหลวงวิเศษเห็นท่าไม่ดี ปรามลูกสาวให้ค่อยๆพูด โดยมีปยุตช่วยพูดให้น้องสาวเพราะความสงสาร

“คุณพ่อฟังน้องหน่อยไหมครับ หรือถ้าจะรักษาสัญญาท่าเดียว ยายบัวคงไม่ต้องพูดอะไรเพราะเสียเวลาเปล่า”

“พ่อต้องรักษาสัญญากับคนที่กำลังจะตาย ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยทั้งสามคน สำหรับพ่อ...ไม่มีอะไรสำคัญเกินกว่าคำมั่นสัญญา นั่นคือสิ่งที่พ่อยึดมั่นมาตลอดชีวิต”

พิสินีเชิดหน้าและบอกว่าต้องทำตามสัญญาที่จะแต่งงานกับฉัตต์เช่นกัน

“คำว่าสัญญาของบัวมีความหมายเท่ากับคำว่าสัญญาของคุณพ่อหรือเปล่าคะ”

ทุกคนเงียบกริบ หลวงวิเศษถอนใจยาวเพราะเหนื่อยใจเกินกว่าจะเถียง ได้แต่ขอร้องให้ฟังความจริงอีกสักเรื่อง

“คุณพจน์บอกพ่อว่าแน่ใจจากการเฝ้าสังเกตมานานว่ารุ้งรักฉัตต์และฉัตต์ก็รักรุ้ง เขาเป็นผู้ชายดูกันออก”

“บัวรู้ว่าคุณพ่อหวังดีแต่ถ้าฉัตต์รักษาสัญญา คุณพ่อก็ต้องเสียสัญญากับคุณพจน์ บัวจะไปถามฉัตต์เดี๋ยวนี้”

พิสินีผลุนผลันออกจากบ้านไปแล้ว ทุกคนในบ้านได้แต่มองตามเครียดๆ...ขอให้ยายบัวตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องทีเถอะ อย่าได้ไปพรากของรักของใครเขาเลย มันบาปกรรม!

ooooooo

พิสินีไม่ได้พบฉัตต์ที่บ้านปัณณธรเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาออกไปไหน แต่กลับต้องตกตะลึงเมื่อเจอคนที่ไม่คาดฝันมาก่อน จริมามาต้อนรับด้วยสีหน้าเย็นชาเพราะรู้เรื่องทุกอย่างแล้วว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นสาเหตุหนึ่งให้รุ้งไม่ยอมกลับมาที่นี่อีก พิสินีพอดูออกว่าจริมาไม่ค่อยชอบหน้าเธอนักจึงขอเลี่ยงไปนั่งคอยในบ้าน

“ริมานึกว่าต้องเป็นคนเชิญคุณบัวเสียอีก”

“ขอโทษนะคะ เผอิญบัวคิดอะไรไกลไปหน่อยค่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ...เชิญตามสบาย แต่พี่ฉัตต์ไม่อยู่หรอกนะคะ นึกว่าคุณบัวจะทราบเพราะเห็นสนิทกันดี”

พิสินีอยากจะสวนกลับเต็มแก่ตามประสาคนไม่ยอมคนแต่ต้องพยายามข่มไว้เพราะจริมาเป็นน้องสาวฉัตต์ ได้แต่เล่าเรื่องความเครียดของเขาว่าเสียใจมากแค่ไหนเรื่องพ่อและร้านอาหาร

“ริมาไม่แคร์พี่ฉัตต์แล้วเพราะเขาเป็นคนเกเร ใครๆ ก็รู้กันทั่วยกเว้นบางคน” พิสินีชักฉุนเพราะรู้ดีว่าโดนว่ากระทบ “ที่ริมากลับมาไม่ใช่เพราะห่วงพี่ฉัตต์ เรื่องนั้นเราอธิบายได้ แต่ริมาไม่อยากให้เขาทำอะไรที่ไม่ถูกต้องอีก”

พิสินีรู้ทันว่าจริมาคงหมายถึงเรื่องรุ้ง โต้แทนคนรักว่าเขาเป็นเจ้าของบ้านจึงมีสิทธิ์โดยชอบธรรม

“คุณพ่อมีลูกสองคน พี่ฉัตต์หรือคนที่จะมาเกี่ยวข้องกับพี่ฉัตต์ต้องรับรู้อยู่แล้ว ส่วนของเขาจะให้ใครอยู่ก็ไม่เกี่ยวกับริมา แต่ส่วนของริมาพี่ฉัตต์ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย”

“ถ้าบัวจะเกี่ยวก็เฉพาะส่วนของฉัตต์ล่ะค่ะ บัวเลี่ยงไม่ได้เสียด้วยเพราะหลังจากแต่งงานกัน บัวก็ต้องมาอยู่ที่นี่” จริมาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะแต่งงาน พิสินีสะใจที่ได้เอาคืน “ฉัตต์ขอบัวแต่งงานแล้ว เพราะฉะนั้น...ถ้าบัวจะนั่งรอฉัตต์ในส่วนที่เป็นของฉัตต์ คุณริมาคงไม่ขัดข้องใช่ไหมคะ”

จริมาลุกพรวดตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แม้พยายามระงับสักเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลนักจึงตัดสินใจขอตัวดื้อๆเพราะไม่อยากเสวนากับผู้หญิงใจกล้าคนนี้แม้แต่วินาทีเดียว!

ขณะที่สองสาวเถียงกันให้วุ่นวาย...ชายหนุ่มต้นปัญหากลับปรากฏตัวที่โรงพยาบาลเพราะทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ไหว คำพูดในจดหมายทุกฉบับเวียนวนในหัวจนแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลยต้องลากสังขารมาถึงนี่ เขาตามหารุ้งจนเจอและขอพูดด้วยตามลำพัง เธอรู้สึกร้อนไปหมดเพราะสัมผัสได้ถึงแววหวานและอารมณ์หวั่นไหวที่เขาส่งมา

รุ้งสะบัดหน้าเรียกสติและพาเขาไปคุยในสวนหย่อมเหมือนครั้งที่แล้ว ฉัตต์ไม่รอช้าเปิดฉากถามถึงความจริงที่ว่าเธอเป็นคนเขียนจดหมายถึงเขาแทนจริมาหรือไม่ รุ้งหลบตาและไม่ยอมตอบ ฉัตต์จึงหยิบฉบับที่พกติดตัวขึ้นมาอ่าน

“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมตอบจดหมายช้า น้องเป็นห่วงกลัวพี่ฉัตต์ไม่สบายอยู่คนเดียวแล้วใครจะดูแลหายาให้รับประทาน ผ้าพันคอที่น้องส่งมาต้องพันให้คออุ่นทุกวันนะคะ อย่าให้เป็นหวัดเพราะพี่ฉัตต์เป็นหวัดทีไรหายช้าทุกที”

รุ้งร้อนไปทั้งหน้าและเสมองไปทางอื่น ฉัตต์ก้าวไปดักหน้าและแตะผ้าพันคอที่จงใจพันมาให้เธอเห็น

“ผ้าผืนนี้ไม่เคยห่างตัว”

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 12 วันที่ 3 ส.ค. 56

ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภา
ละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ