@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 13 วันที่ 7 ส.ค. 56

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 13 วันที่ 7 ส.ค. 56

เวลา เดียวกันที่วัดนอกเมือง...คุณหญิงเพ็งกับจันทร์เตรียมข้าวของกลับบ้าน ระหว่างทางก็ล่ำลากัลยาณมิตรมากหน้าหลายตาที่ร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันมาหลาย วัน โดยเฉพาะวิมลกับลูกสาวที่ทำให้ทั้งสองยิ้มไม่หุบเพราะอาศัยพระธรรมคำสอน ทำให้ปล่อยวางเรื่องปัญหาในบ้านได้

แต่เมื่อต้องเจอปัญหาของบ้านตัวเอง จันทร์ก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อแนบที่มารอรับบอกว่ารุ้งถูกฉัตต์ไล่ออกจากบ้าน ปฏิกิริยาของลูกสาวทำให้คุณหญิงนิ่วหน้าแต่ไม่อยากซักไซ้เพราะเป็นห่วงรุ้งมากกว่า จันทร์ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความเป็นห่วงลูกสาว คุณหญิงเพ็งจึงโอบกอดด้วยความสงสาร


“จันทร์...มีสตินะลูก เรากำลังจะออกจากที่เย็นสบายเพื่อไปบ้านที่ร้อน เราต้องพาความเย็นไปกับเรา อย่าตกใจจนคุมสติไม่ได้ รุ้งต้องไม่เป็นอะไร เราต้องเชื่อมั่นในลูกเรา”

ooooooo

จันทร์ประคองคุณหญิงเพ็งขึ้นรถ ในใจยังพะวงเรื่องลูกสาวที่ไม่รู้ว่าไปตกระกำลำบากที่ไหน แม้คุณหญิงพยายามปลอบเท่าไหร่ อดีตหม่อมก็ไม่คลายความกังวลใจและแย่กว่าเดิมเมื่อแนบรายงานสถานการณ์ ล่าสุดของร้านสวนราตรีว่าถูกฉัตต์สั่งปิดอย่างไม่มีกำหนด

สองแม่ลูกนิ่งงันไปครู่ใหญ่ คุณหญิงเพ็งได้สติก่อนจึงแสดงความเห็นอย่างคนที่รู้จักหลานชายตัวเองดี

“พ่อเจ็บพ่อตายเขาไม่รู้เรื่อง ก็น่าเห็นใจที่จะอาละวาด แบบนี้ มันไม่ร้ายแรงเท่าเรื่องแต่งงานของเขาหรอก”

จันทร์เองก็เห็นด้วยกับข้อนี้ แต่ก็แปลกใจไม่น้อยที่คุณหญิงไม่โวยวายมากเท่าที่ควร

“เราจะเปลี่ยนชีวิตและความคิดของเขาไม่ได้หรอกจันทร์ แม่ยอมรับถ้าฉัตต์จะทิ้งเพชรไปคว้ากรวดมาแทน”

จันทร์ถอนหายใจหนักหน่วง ส่วนคุณหญิงได้แต่โอบปลอบลูกสาวแล้วเตือนสติด้วยน้ำเสียงปรานี

“อย่าเพิ่งเสียขวัญและกำลังใจ ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้”

จันทร์ซึ้งใจมาก ก้มกราบแม่บุญธรรมแนบอก “คุณแม่เป็นพระของลูกจริงๆ ถ้าไม่มีคุณแม่ชีวิตลูกจะเป็นยังไง”

“ก็ถ้าไม่มีลูก...ชีวิตแม่ก็น่าคิดเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”

ระยะทางจากวัดถึงบ้านช่างยาวนานนักในความรู้สึกของจันทร์ อดีตหม่อมสบตายอดที่มาต้อนรับด้วยแววตาหวั่นวิตก คุณหญิงเพ็งเข้าใจความรู้สึกลูกสาวดีแต่ไม่อยากให้รุ่มร้อนจนขาดสติ

สองแม่ลูกกอดกันแน่น เป็นที่ตื้นตันของเหล่าบริวารที่ออกมาต้อนรับ ฉัตต์เฝ้ามองอยู่นานจึงตัดสินใจเดินไปหาและทำความเคารพด้วยท่าทีเรียบร้อยจนจันทร์แปลกใจ คุณหญิงเพ็งตบบ่าหลานชายเบาๆ พลันเบิกตากว้าง เมื่อเห็นจริมาแล้วอ้าแขนรับหลานสาวคนโปรดที่ร้องไห้โฮทันทีที่เห็นเธอ

ย่าและหลานทั้งสองทักทายกันพอหอมปากหอมคอจึงเดินเข้าบ้าน ฉัตต์ช่วยประคองย่าอย่างอ่อนโยน คุณหญิงเพ็งเข้าใจความรู้สึกดีจึงตบที่หลังมือหลานชายเบาๆ

“ขอบใจมากที่ช่วยพยุงย่า ฉัตต์คงรู้เรื่องพ่อแล้ว เดี๋ยวย่าจะพูดให้ฟังอีกรอบ”

เมื่อทุกคนพร้อมหน้ากันที่ห้องโถง คุณหญิงเพ็งจึงเปิดประเด็นโดยเริ่มจากความสุขกายสบายใจจากการไปปฏิบัติธรรมที่วัด เธอเหลือบมองหลานชายและพูดถึงความตายของพจน์ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลกซึ่งทุกคนต้องเจอเมื่อถึงเวลา ฉัตต์นิ่งไปอึดใจ ภายในใจเริ่มปั่นป่วนเพราะความรู้สึกผิด ได้แต่ก้มหน้าฟังย่าอบรม

“เพราะเราทำใจของเราให้เย็น ใจเราเย็นเสียอย่าง เรื่องร้อนอะไรเราก็ทำให้เย็นลงได้ พอใจเย็นแล้วเราก็จะค่อยๆคิด ถ้ามีทุกข์ก็นึกถึงสาเหตุแห่งทุกข์แล้วจึงหาทางดับทุกข์ ศาสนาพุทธสอนเรื่องนี้เป็นสำคัญ”

ทุกคนรับฟังด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ยกมือไหว้คุณหญิงด้วยความเคารพแล้วแยกย้ายไปทำงาน ยอดจึงถือโอกาสมอบจดหมายของรุ้งให้จันทร์ อดีตหม่อมรับมาด้วยมือสั่นเทาแต่ยังไม่เปิดอ่านเพราะอยากคุยกับฉัตต์ให้รู้เรื่องก่อน

เมื่อบรรดาคนใช้ออกไปแล้ว คุณหญิงเพ็งจึงเข้าเรื่องสำคัญ โดยยืนยันคำพูดเดิมของจริมาว่าพจน์เป็นคนสั่งไว้ก่อนตาย ไม่ให้บอกใครโดยเฉพาะฉัตต์เพราะมั่นใจว่าเขาจะไม่กลับไปเรียนต่อ

“อย่าเอาความผิดไปลงที่รุ้งคนเดียว ถ้าจะโกรธต้องโกรธทุกคน ถ้าจะไล่ใครเพราะเรื่องพ่อต้องไล่ทุกคน”

ฉัตต์ทรุดตัวลงกราบที่พื้นด้วยความหัวใจที่ปวดร้าว เสียใจมากที่ทำร้ายรุ้งเพราะความไม่รู้จักคิด

“ผมขอโทษ ผมทำผิดมาก ขอรับผิดทุกอย่าง”

ฉัตต์ไม่อาจทนสู้หน้าจันทร์ จริมาและคุณหญิงเพ็งได้อีกจึงหลบไปพักในห้องรุ้ง นึกโกรธและโทษตัวเองที่โง่และวู่วามจนไล่เธอออกจากบ้าน ส่วนอดีตหม่อมเปิดจดหมายลูกสาวต่อหน้าจริมากับคุณหญิงเพ็ง และก็เป็นอย่างคาด...รุ้งกำชับไม่ให้บอกฉัตต์ถึงสาเหตุที่ทำร้านอาหารเพราะกลัวเขาจะรับไม่ได้

“ริมาว่าต้องบอก น้าจันทร์กับรุ้งเหนื่อยแทบตายเพื่อพี่ฉัตต์ แล้วจะให้ปิดทองหลังพระไปถึงเมื่อไหร่”

“นั่นสิ...ย่ายังยอม เจ้าฉัตต์ใหญ่โตมาจากไหนถึงไม่ยอม ร้านเราก็สวยงาม อาหารโบราณหากินยากจะตาย”

“คุณริมา...ขอร้องนะคะ สงสารรุ้งเถอะค่ะ น้าคิดว่าไม่มีใครรู้จักคุณฉัตต์ดีเท่ารุ้ง”

จริมาเบ้หน้า ยอมรับอย่างเสียไม่ได้แต่ไม่วายเหน็บพี่ชายตบท้าย “เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่ามีพี่ชายโง่จริงๆ”

คุณหญิงเพ็งส่ายหน้าให้คำพูดเหน็บแนม ส่วนจันทร์ได้แต่ถอนใจยาวเพราะคิดไม่ตกว่าจะพูดกับฉัตต์ยังไง

ooooooo

อดีตหม่อมรวบรวมความกล้าอยู่นานจึงเคาะประตูห้องรุ้ง ฉัตต์ขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ทำให้เห็นความเศร้าซึมและนัยน์ตาแดงก่ำเหมือนคนกำลังทุกข์หนัก จันทร์บอกไม่ให้คิดมากเพราะเชื่อว่ารุ้งไม่โกรธเขาแน่

“ผมอยากให้รุ้งโกรธ โกรธผมให้มากๆ ผมจะได้รู้สึกตัว รุ้งจะได้มีที่ลง ไม่ต้องเก็บความอัดอั้นไว้อีกต่อไป”

“น้าเชื่อว่ารุ้งไม่โกรธ รุ้งไม่เคยโกรธคุณฉัตต์เลยไม่ว่าเมื่อไหร่ ตั้งแต่ยังเด็ก รุ้งพูดเสมอว่าจะไม่มีวันโกรธหรือเกลียดทุกคนในบ้านปัณณธร...ไม่ว่าจะเป็นใคร เพราะทุกคนในบ้านนี้ทำให้เราแม่ลูกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่...เกิดอย่างสมศักดิ์ศรีของมนุษย์ ไม่ต้องอยู่ข้างถนน เป็นคนจรจัดหรือเร่ร่อน”

ฉัตต์ไม่อาจทนกับความรู้สึกผิดได้ ก้มกราบแนบพื้นจนจันทร์ถลันไปห้ามแทบไม่ทัน

“รุ้งหวังเสมอว่าวันหนึ่งคุณฉัตต์จะต้องเข้าใจทุกอย่าง”

ฉัตต์ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลเพราะความเสียใจที่ทำร้ายหญิงสาวอันเป็นที่รัก อดีตหม่อมได้แต่ลูบหลังเบาๆด้วยความสงสาร...แต่ก็ไม่รู้จะปลอบยังไงเพราะเป็นห่วงลูกสาวไม่ต่างกัน

ขณะเดียวกันที่วังรังสิยาก็ตามหารุ้งกันให้ควั่ก ทั้งสนกับผ่องวิ่งวุ่นเพราะตามคำสั่งของชายเดียวที่ให้สนมารับเธอไปส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่เห็นเธอแม้แต่เงา ผ่องตัดสินใจไปถามท่านหญิงแต่โดนตะเพิดออกมาแทบไม่ทันเพราะทรงกำลังหงุดหงิด คุณหญิงทอแสงเฝ้าดูเหตุการณ์โดยตลอด สะใจมากแต่ต้องเก็บอาการเพราะไม่อยากมีพิรุธ

ผ่องกับสนกลุ้มใจมากเพราะไม่รู้จะตอบคำถามชายเดียวยังไง คุณหญิงทอแสงจึงแกล้งบอกว่ารุ้งออกไปทำงานแต่เช้าและจะไปค้างบ้านปัณณธรสองสามคืนถึงกลับวัง สองบ่าวจึงได้แยกย้ายกันไปทำงาน ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าหญิงสาวหน้าหวานที่เพียรตามหากำลังนอนหายใจรวยรินในเรือนเก่าริมน้ำ โดยมีผีเฟืองยืนเท้าสะเอวตรงหน้า ใช้อิทธิฤทธิ์พิเศษพรางตาคนไม่ให้เห็น เสียงฟ้าร้องพร้อมห่าฝนทำให้รุ้งสะดุ้ง ร้องไห้ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ

รุ้งพยายามขยับตัวแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ได้แต่หลับตาลงอย่างอ่อนแรงและนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่คุณหญิงทอแสงหลอกล่อให้ดื่มน้ำส้มจนหมดแก้วแล้วลากเธอมาทิ้งไว้ที่นี่

“แย่งทุกอย่างไปก็ต้องเจอบทเรียนอย่างนี้ คุณหญิงทอแสงรัศมีไม่ใช่คนที่เธอจะล้อเล่นได้” รุ้งพยายามอธิบายว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่คุณหญิงโมโหหึงจนขาดสติ “คนอย่างเธอทำเป็นสงบเสงี่ยม นังจริมาว่าร้ายแล้ว เธอร้ายกว่าหลายเท่านัก ไปได้แล้ว...ไปอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่”

รุ้งส่งเสียงกรี๊ดแล้วทุกอย่างก็ดับวูบ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งทุกอย่างรอบตัวก็มืดสนิท ผีร้ายที่คอยเฝ้าตลอดเวลามองมาจากมุมมืด...เวลาตายของแกใกล้มาถึงเต็มที่แล้วนังรุ้ง!

ฝ่ายท่านหญิงก็จมปลักกับความรู้สึกผิด แม้จะขังองค์แต่ในห้องบรรทมจิตใจก็ไม่สงบอย่างที่คิด ภาพความทรมานและแววตาน่าสงสารของรุ้งวิ่งพล่านในหัวจนนั่งไม่ติด ความดีและความชั่วต่อสู้กันจนแทบบ้าตาย เมื่อคุณหญิงทอแสงเข้ามาหาและแกล้งถามเรื่องรุ้งจึงรับสั่งตอบด้วยความอึดอัด

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 13 วันที่ 7 ส.ค. 56

ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภา
ละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ