@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แค้นเสน่หา วันที่ 10 ส.ค. 56

อ่านละคร แค้นเสน่หา วันที่ 10 ส.ค. 56

ว่าแล้ววิญญาณเฟืองพรวดออกมาจากร่างคุณหญิงทอแสง ตรงเข้าหาจันทร์

“อย่าทำรุ้ง พี่...ได้โปรด”เห็นจันทร์ร้องไห้โฮ เฟืองหัวเราะเสียงดัง

“เฟืองหยุดเถอะ” ท่านหญิงแขไขตัดสินใจเอ่ยออกมา

ร่างของเฟืองชะงักเหมือนสับสวิตช์ สั่นระริกทรุดลงกับพื้นเหมือนงูถูกเชือกกล้วย แขนขารวบในลักษณะเฝ้าแหน น้ำตาหลั่งไหล เสียงสะอื้นดังสะท้าน


“มันต้องตายมังคะ...ไม่อย่างนั้นมันจะเอาคุณชายไป...ท่านหญิงจะได้ทรงมีคุณชายอยู่ด้วย”

เฟืองบอกอย่างเด็ดเดี่ยว

“น้องสาวคุณชายล่ะ...เฟือง...เขาไม่รู้เรื่อง ...เขาบริสุทธิ์ อย่าฆ่าเขาให้เป็นบาปกรรม...หญิงขอโทษเฟือง หญิงเองขอรับกรรมกับเฟืองตรงนี้ด้วย...เพราะหญิงสั่งเฟือง” ท่านหญิงแขไขเอ่ยอย่างเสียใจ

“หม่อมฉันทำเองไม่เกี่ยวกับท่านหญิง”

“ขอบใจเฟือง เฟืองไม่ผิดสัญญากับหม่อมแม่...แต่หญิงขอให้หยุดแค่นี้...สาลี่ หยิบมีดตรงนั้นมา”

ท่านหญิงหันไปสั่ง สาลี่จึงหยิบมีดมาส่งให้ท่านหญิง

“ชายเดียว ตัดผมให้แม่ด้วย” ท่านหญิงสั่ง

“อะไรคะ” ชายเดียวตกใจมาก

“แม่จะบวช...เฟือง...กรรมใดที่เฟืองเคยก่อไว้กับใคร...หญิงขอรับเป็นกรรมของหญิง”

ท่านหญิงบอกอย่างหนักแน่น ชายเดียวเข้าไปนั่งข้างแล้วตัดผมให้ท่านหญิง ฉัตต์เข้ามา กราบขอร้องเฟือง

“ผมขอความกรุณา...รุ้งอยู่ที่ไหน...ผมทนมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีรุ้ง ได้โปรดเถอะครับ”

“เรือนเก่า ท้ายวัง ในห้อง”

เฟืองยอมบอกที่อยู่ของรุ้ง ฉัตต์กับชายเดียวรีบวิ่งไปที่เรือนข้าหลวงเก่าทันที...ทั้งสองพยายามมองหารุ้งก็ยังไม่พบเหมือนเดิม...รุ้งเห็นดีใจ พยายามเรียกชายเดียวกับฉัตต์

“ไม่มี...ทำไมชายเดียว ฉันคิดว่ายายผีนั่นยอม แล้วเราจะเจอรุ้ง”

“รุ้งอยู่นี่ค่ะ คุณฉัตต์” รุ้งร้องเรียก

“ไปหาที่อื่นเถอะ” ชายเดียวบอกฉัตต์

“ไม่...ฉันว่ารุ้งอยู่ในห้องนี้...รุ้ง” ฉัตต์เดินสำรวจ

“พี่ฉัตต์ ถ้ารุ้งอยู่เราก็เห็นสิ”

“ที่เราพบเราเห็นเมื่อกี้ไม่ได้บอกเราเหรอว่าโลกนี้มีอะไรที่นอกเหนือธรรมชาติ...นอกเหนือที่มนุษย์จะรู้เห็นได้ ถ้า...ถ้าเขาไม่อนุญาตให้เรารู้เราเห็น”

“ผมเรียกวิทยาศาสตร์ แต่ผมก็ยอมรับ แต่...พี่ฉัตต์ครับ ถ้าเขาไม่อนุญาตให้เราเห็นรุ้ง... เราจะเห็นได้ไง”

“เขายอมทุกอย่างเราก็เห็นแล้ว...พี่ว่าเดี๋ยว เราก็ต้องพบรุ้ง”

พูดแล้วฉัตต์ก็พนมมือหลับตานั่งสมาธิและแผ่เมตตา ชายเดียวทำตาม...ขณะเดียวกัน จันทร์ก้มลงกราบเฟือง เฟืองมองดูจันทร์ จากสายตาแข็งกร้าว เปลี่ยนเป็นอ่อนลง

“ลาก่อน...เฟือง” ท่านหญิงเอ่ยลา สีหน้าเศร้า ร่างของเฟืองเลือนขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนมองตะลึง

“หม่อมบุหลัน...ตามฉันมา”

เฟืองมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชายเดียวและฉัตต์ พอเฟืองเดินผ่านพื้นที่ว่างเปล่าไป...ทันใดนั้น ร่างของรุ้งที่ถูกมัดอยู่ก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับวิญญาณของเฟืองค่อย ๆ เลือนหายไป

ฉัตต์และชายเดียวเห็นรุ้งบาดเจ็บก็รีบพาส่งโรงพยาบาล ไม่นานนักรุ้งก็ฟื้น ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน

เมื่อท่านหญิงเห็นว่าเรื่องทุกอย่างสงบเหมือนเดิมแล้ว ก็เตรียมจะออกบวชตามที่ได้รับปากไว้กับเฟือง โดยได้ขอให้จันทร์และรุ้งกลับมาดูแลวังรังสิยาช่วยชายเดียว

ก่อนที่จะเดินทางไปบวช ท่านหญิงแขไขได้เข้ามาดูแลคุณหญิงทอแสงที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บเพราะวิญญาณเฟือง

“หญิงทอแสง..เป็นยังไงมั่ง”

“ท่านป้า...หญิงไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใคร ท่านป้าต้องทรงทราบนะคะ...ถึงหญิงจะเกลียดเค้า แต่หญิงก็ไม่เคยคิดฆ่าเค้า...แต่หญิงไม่ทราบนะคะว่า ทำไมหญิงทำลงไป...ท่านป้าขา มันเหมือนมี...มีอะไร...” คุณหญิงทอแสงฟูมฟาย

“หญิง...อย่าร้องไห้... ป้าไม่ว่าอะไรหญิงเลยนะลูก”

“ทำไมไม่ว่าคะ...ท่านป้าทรงว่าหญิงเสมอ ๆ หญิงทำไม่ถูก หญิงเอายานอนหลับใส่น้ำส้มให้เขาดื่ม แล้ว...แล้วหญิงก็จับเค้าไปขัง แล้ว...ยายแก่คนนั้น ข้าหลวง...ท่านป้าบอกว่าจะฆ่าเค้า...หญิงยังดีใจ...หญิงดีใจที่รุ้งจะตาย...บาปกรรมแค่ไหน ...ทำไมท่านป้าทรงไม่ว่าหญิง...มันบาปนะคะ...คิดจะฆ่าคน แค่คิดก็บาปแล้ว...ฮือ...ฮือ...ทำไม หญิงถึงร้ายกาจแบบนี้ หญิงไม่รู้ตัวเลย ฮือ...ฮือ...”

ท่านหญิงต้องเดินไปอีกทางเพราะรู้สึกผิดอย่างมากที่ตนมีส่วนทำให้หลานสาวเป็นเช่นนี้ ท่านหญิงเซ จะล้ม คุณหญิงทอแสงเข้ามาประคอง

“ท่านป้า...หญิงไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ท่านป้าทรงสบายพระทัยนะคะ...หญิงรู้ผิดแล้ว...หญิงจะกลับตัวทำดีกับรุ้งค่ะ เค้าจะมาเป็นพี่สะใภ้หญิงใช่มั้ยคะ”

คุณหญิงทอแสงบอกเสียงสะอื้น ท่านหญิงจึงเล่าเรื่องรุ้งให้ฟัง ทำให้คุณหญิงทอแสงที่สำนึกได้ดีใจที่ได้เป็นญาติกับรุ้ง...

จากนั้นคุณหญิงทอแสงที่กลับเนื้อกลับตัวได้ ก็กลับไปอยู่ที่วังกับท่านพ่อและท่านแม่ และเริ่มมองหาที่เรียนต่อ ขณะที่ท่านหญิงแขไขก็เดินทางไปบวชตามที่ตั้งใจไว้...ทางด้านชายเดียวเห็นว่าท่านหญิงยอมปล่อยให้ตนดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง จึงตัดสินใจสารภาพรักกับจริมาและขอเธอแต่งงาน

ขณะเดียวกัน จันทร์ต้องการให้ฉัตต์กับจริมาไปเรียนต่อให้จบ จึงขอให้ฉัตต์เปิดร้านอาหาร แต่ฉัตต์กลับปฏิเสธรุ้งจึงมาคุยกับฉัตต์แทนแม่

“อย่ามาพูดให้ยากเลย...ยังไง ฉันก็ไม่ยอมให้เปิด” ฉัตต์ยืนกราน

“ทำไมคะในเมื่อมันเป็นรายได้”

“ไม่จำเป็น... เราไม่ได้ต้องการเงิน... เรามีพอ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อย”

“เงินที่มีอาจจะหมด”

“ฉันจะทำงาน เงินที่มีอาจจะเอาไปลงทุนอย่างอื่น ทำร้านอาหารเหนื่อยเกินไป”

“ทุกคนทำอยู่ตัวแล้ว ไม่เหนื่อยค่ะ... ร้านติดตลาดขายดี ลูกค้าเยอะ” รุ้งพยายามหว่านล้อม

“ทำไม...อยากให้ลูกค้าคนไหนมากินเป็นพิเศษ” ฉัตต์ประชดประชัน

“ไม่...ไม่มีนี่คะ รุ้งยืนยัน

ฉัตต์หันมาอย่างเร็ว จับสองบ่าของรุ้ง เขย่าแรง ๆ

“ไม่มีแน่เหรอ...คิดเหรอว่า แม่ค้าสวย ๆ อย่างเธอออกมาพูดคุยเสนออาหารโน่น...อาหารนี่...จะไม่มีใครมาคอยเฝ้า มาคอย...”

“คุณฉัตต์หมายถึงอะไร...”

ฉัตต์รวบตัวรุ้งมากอดด้วยความรักเต็มอิ่มในหัวใจ รุ้งอึ้ง

“ฉันหวงเธอ...ไม่อยากให้ใครมามอง...ฉันหวงเธอ...รักเธอ...จะเก็บเธอไว้”

รุ้งปล่อยอารมณ์ตามสัมผัสนั้นไปชั่วครู่

“อย่าค่ะคุณฉัตต์...อย่า...รุ้งบอกว่าอย่า คุณฉัตต์กำลังจะแต่งงานนะคะ...อย่าลืมสิคะ”

รุ้งผละออกและเตือนสติ ทำให้ฉัตต์อึ้งไป

“อนุญาตให้เปิดร้านอาหารนะคะ คนของเรามีเยอะ...เป็นแรงงานได้” รุ้งวิงวอน

“ทำไมอยากเปิดนัก...มันกำไรมากมายนักเหรอ...ขายอาหารเนี่ย”

“ก็มากค่ะ...พอที่จะทำอะไรที่อยากทำได้ ...ให้เปิดนะคะ”

“ไม่...ฉันไม่ให้เปิด”

ฉัตต์ยืนกรานเสียงแข็ง ก่อนจะเดินหนีไป

ทุกคนในบ้านปัณณธรกลุ้มใจมากที่ฉัตต์ไม่อนุญาตให้เปิดร้านอาหาร แต่ไม่มีใครกล้าบอกความจริงกับฉัตต์เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน...จนมาวันหนึ่งฉัตต์เห็นสมุดบัญชีที่รุ้งลงตัวเลขต่าง ๆ เอาไว้ เขาสงสัยจึงเรียกรุ้งมาคุย

“นี่อะไร...อะไร ส่งค่าเทอมคุณฉัตต์ ค่าเทอมริมา ค่าหนังสือคุณฉัตต์ ค่ารถใหม่ของคุณฉัตต์ ค่า...ค่า...ของฉันทั้งนั้น...มันคืออะไร” ฉัตต์ ตวาดถามเสียงดุ

อ่านละคร แค้นเสน่หา วันที่ 10 ส.ค. 56

ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภา
ละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ