@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. 56

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. 56

และ​แล้ว​เช้า​วัน​สำคัญ​ก็​มา​ถึง...ท่านหญิง​นั่งมอง​ชาย​เดียว​บน​เปล​ด้วย​แวว​ตา​อ่อนโยน แม้​รู้​ว่า​เด็กน้อยเป็น ​สายเลือด​ของ​ศัตรู​หัวใจ​คน​สำคัญ​อย่าง​บุหลัน​แต่​เธอ​ก็​รัก​สุด​หัวใจ​เท่า​ที่​คน​เป็น​แม่​จะ​รู้สึก​ได้ เมื่อ​ผ่อง​มา​รายงาน​ว่า​หลวง​วิเศษ​พา​ตำรวจ​หลาย​นาย​มา​คุมตัวเฟือง​ ไป​โรงพัก​ก็​พยัก​หน้า​รับ​รู้ หวัง​ลึกๆว่า​บ่าว​คน​สนิท​จะ​พ้น​ข้อ​กล่าวหา

ขณะที่ท่านหญิงภาวนา...เฟืองได้แต่มองมีดปอกผลไม้เล่มเล็กในมือนิ่ง ได้ยินเสียงกลุ่มคนเดินมาหาก็แสยะยิ้มน้อยๆ หลับตารวบรวมสติแล้วก้าวไปรอหน้าประตูอย่างใจเย็น เสียงไขกุญแจเหมือนเป็นสัญญาณบอกเวลา ท่านชายเป็นคนเปิดเข้ามา เฟืองสบตาท้าทายด้วยความแค้นและลงมือปาดคอตัวเองทันที


ท่านชายอ้าปากค้าง โกรธจัดที่ทุกอย่างผิดแผน หมุนตัวกลับออกมาบอกคนข้างนอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“มันฆ่าตัวตาย อีนี่มันเหี้ยมมาก จะตายมันยังเลือกวิธีโหดที่สุด มันคงหวังว่าวิญญาณจะไม่ไปผุดไปเกิดเป็นผีตายโหงล่องลอยแถวนี้ มึงอย่าหวังเลยอีเฟือง วังของกูไม่ให้มึงมาสิงสู่หรอก”

ทุกคนเครียดหนักเพราะท่าทางจะจบไม่สวยแต่คนหัวเสียที่สุดได้แก่ท่านชายเพราะนอกจากไม่ได้เอาผิดกับตัวการสมใจ ยังต้องแจ้งข่าวร้ายนี้กับท่านหญิง...ผีอีเฟืองก่อเรื่องไว้แสบจริงๆ ตายไปแล้วก็ก่อเรื่องให้ไม่หยุดหย่อน!

เมื่อท่านชายไปถึงก็พบว่าท่านหญิงกำลังลงจากตำหนักเพื่อไปลาเฟือง เขาพยายามห้ามและหาข้ออ้างต่างๆนานารั้งไว้จนกว่าตำรวจจะขนศพเสร็จแต่ท่านหญิงฉุกใจเสียก่อน คาดคั้นจนท่านชายหลุดปากบอกว่าเฟืองฆ่าตัวตาย ท่านหญิงหน้าซีดด้วยความตกใจสุดขีด ไม่อยากเชื่อว่าบ่าวคนสนิทจะจากเธอไปเร็วขนาดนี้

“หญิงไม่เชื่อ...ใครทำเฟืองหรือว่าเจ้าพี่ ต้องใช่แน่ เคยรับสั่งจะฆ่าเฟืองด้วยพระหัตถ์ เจ้าพี่ทัยร้ายมาก”

ท่านหญิงวิ่งไปทางเรือนของเฟือง แม้ท่านชายหรือเจ้าหน้าที่จะยับยั้งก็ดึงดันเข้าไปจนได้ สภาพศพเฟืองไม่ใช่ภาพน่าดูนัก ท่านหญิงกลั้นสะอื้นสุดความสามารถ คว้าผ้ามาพันรอบคอบ่าวคนสนิทไม่ให้เห็นบาดแผลน่ากลัว ใจประหวั่นถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งเฟืองมีชีวิตและคอยปรนนิบัติพัดวีทุกอย่างราวกับเป็นแม่คนที่สอง

ทุกย่างก้าวในชีวิตบ่าวคนสนิทไม่เคยทิ้งเธอ

ไปไหน จวบกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตก็เสียสละ

ชีวิตเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเธอ ท่านชายเข้าใจความ

รู้สึกท่านหญิงดีแต่ก็ไม่อาจหักห้ามความโกรธแค้น

ต่อเฟืองได้...บุหลันต้องตายมันก็ควรได้รับโทษด้วยชีวิตถึงจะสาสม!

การจากไปของเฟืองทำให้บรรยากาศในวังหดหู่มาก ท่านชายวุ่นวายกับการปิดคดี ส่วนท่านหญิงจมกับความทุกข์จนไม่เป็นอันกินอันนอน ผ่องร้องไห้ด้วยความสงสารและคิดถึงเฟืองเพราะนับถืออย่างพี่สาวที่มีบุญคุณเกื้อหนุนกันมาตลอด ท่านหญิงซึ้งใจที่มีคนรักเฟือง ปลอบโยนบ่าวให้เผชิญหน้ากับความจริง

“อย่าร้องไห้เลยผ่อง ไหนๆเขาก็ไปแล้ว ไม่มีวันกลับมาอีก”

“หม่อมฉันคิดถึงพี่เฟือง แกช่วยหม่อมฉันไว้หลายอย่าง อับจนทุกทีก็ได้แกช่วย...ที่มาเลี้ยงคุณชายก็ด้วยมังคะ”

ผ่องปาดน้ำตาและพยายามทำใจ พลันนึกขึ้นได้ว่าเฟืองฝากจดหมายให้ท่านหญิง รีบหยิบส่งให้

“พี่เฟืองสั่งเด็ดขาดให้ถวายจดหมายตอนพี่เฟืองไปแล้ว หม่อมฉันคิดว่าพี่เฟืองหมายถึงตอนตำรวจเอาตัวไป”

ท่านหญิงไม่ถือสา เปิดอ่านแล้วน้ำตาไหลเมื่อเห็นตัวอักษรเขียนผิดๆถูกๆแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

“อย่าทรงโสกเส้าเมื่อหม่อมฉันไปแล้ว หม่อมฉันจากไปแต่ร่าง หัวใจและวินยานยังคอยเฝ้าดูท่านหญิงสะเม๋อ”

ท่านหญิงปล่อยโฮ ผ่องพลอยสะอื้นไปด้วย...โถพี่เฟือง...ฉันสัญญาจะดูแลท่านหญิงอย่างดีแทนพี่เอง

ooooooo

หลังอ่านจดหมายของเฟือง...ท่านหญิงก็เศร้า-โศกกว่าเดิม ข้าวปลาไม่ยอมแตะจนท่านชายร้อนใจ สั่งให้คนไปรับหมอมาตรวจ ท่านหญิงแสดงอาการหมางเมินและพูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนท่านชายแปลกใจ สบตาเธอก็ยิ่งพิศวงเพราะเหมือนแววตาอาฆาตแค้นของเฟืองตอนก่อนตายไม่มีผิด

ท่านชายหลบสายตาไปยืนรอตรงหน้าต่าง หันหลังให้หมอกับท่านหญิงจึงไม่ทันได้ยินเธอสั่งความ

“วันนี้เผาศพคนของฉัน หมอจัดยาให้ฉันมีแรงลุกไปวัดด้วย”

หมอพยักหน้ารับรู้ หยิบเข็มฉีดยามาจัดการให้ตามที่เธอต้องการ

ท่านหญิงใส่บาตรให้เฟืองแต่เช้า ความโศกาอาดูรถึงบ่าวคนสนิทยังท่วมท้นแต่พยายามทำใจให้เข้มแข็ง เพราะรู้ดีว่าเฟืองอยากให้เธอมีชีวิตเพื่อสู้ต่อไป

“เดี๋ยวใส่บาตรเสร็จ หญิงจะไปเก็บกระดูกเฟือง เฟืองจะได้อยู่กับหญิงตลอดไป”

โกศใบน้อยบรรจุกระดูกเฟืองอยู่ในมือท่านหญิงสายวันเดียวกันนั้น ท่านชายไม่พอใจเมื่อภรรยาบอกจะนำไปเก็บไว้ในห้องพระ ประกาศกร้าวห้ามเด็ดขาดเพราะไม่อยากให้ร่องรอยของบ่าวใจโฉดมาอยู่ร่วมชายคา ท่านหญิงกล้ำกลืนน้ำตาแล้วตวัดสายตามองสามีอย่างเย็นชา

“หญิงจะหาที่อยู่ให้เฟืองใหม่ ประทานอภัยด้วยที่หญิงไม่มีความคิด”

“ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้น พี่รู้ว่าเธอเข้าใจแต่ประชด พี่อนุญาตให้จัดงานศพอย่างที่ต้องการ สวด

เจ็ดวันเกินฐานะคนใช้ พี่เตือนแค่นี้เธอยังไม่พอใจอีกหรือ” ท่านหญิงเฉยชาจนท่านชายของขึ้น “อะไรดลใจเธอหญิงแขไข...ถึงเอากระดูกของนังไพร่ร้ายกาจคนนี้มาปะปนกับพระอัฐิเจ้านาย กระดูกมันน่ะควรจะขุดหลุมฝังให้ลึกที่สุด”

ท่านหญิงสะกดอารมณ์สุดความสามารถแล้ว

เชิดหน้าจากไป ทันใดนั้น...แสงไฟจากเทียนดับวูบพร้อมลมกระโชกเข้ามาในห้อง ท่านชายไม่สะดุ้งสะเทือน จุดไม้ขีดใหม่แต่ก็ถูกลมพัดดับอีก

“มึงจะเฮี้ยนแค่ไหนกูก็ไม่กลัว มาสิวะ...เก่งจริงมึงออกมาสิวะนังปีศาจ!”

นับจากวันนั้น...บรรยากาศในวังรังสิยาก็ชวนอึดอัดกว่าเดิม ท่านหญิงแทบไม่มองหน้าหรือมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับท่านชายถ้าไม่มีเหตุจำเป็น แถมทรงเก็บองค์แต่ในห้อง ไม่ยอมพบหน้าผู้คนนอกจากผ่องกับชายเดียวเท่านั้น

กระทั่งวันหนึ่งมีฝนตกหนักจนไฟดับ...สนที่วิ่งรอกจุดไฟรอบวังมองเห็นภาพประหลาดจากแสงฟ้าผ่าบริเวณห้องท่านหญิง...เหมือนมีเงาของบุคคลที่สองละม้ายคล้ายเฟืองยืนน้อมรับคำสั่ง คนรับใช้ประจำตัวท่านชายถึงกับขนหัวลุก ขยี้ตาไปมาหลายทีก็เห็นภาพเดิม ร้อนรนจนทนเก็บไว้คนเดียวไม่ไหว เล่าให้สาลี่กับบรรดาบ่าวในครัวฟังวันรุ่งขึ้นแต่ไม่มีใครเชื่อ แถมหาว่าเข้าใจผิดจนสนเริ่มเชื่อว่าตัวเองคงตาฝาดไปเอง

ท่านหญิงให้คนไปรับหมอจากโรงพยาบาลเช้าเดียวกันเพราะชายเดียวอาการไม่ค่อยดี มีไข้สูงจนกลัวว่าจะชัก ละมัยกับผ่องมาช่วยเป็นลูกมือและเช็ดตัวให้ ท่านหญิงเฝ้ามองด้วยความเป็นห่วงจนกระทั่งมีลมพัดเข้ามาวูบหนึ่ง...ท่านหญิงจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งสงบแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะมัวพะวงกับอาการชายเดียว

ขณะเดียวกันในห้องท่านชาย...สนช่วยถอดฉลองพระองค์จากพระราชพิธี ท่านชายบ่นอุบว่าท่านหญิงไม่ยอมออกงานด้วยจนเขากลายเป็นที่ครหาจากคน

ทั้งเมือง พาลเคืองถึงเฟืองว่าตายไปแล้วเหมือนเอาวิญญาณท่านหญิงไปด้วย สนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินชื่อเฟือง ตะกุกตะกักบอกท่านชายว่าแอบเห็นผีเฟืองเมื่อคืนก่อนที่ห้องบรรทมท่านหญิง จังหวะเดียวกันสายลมพัดวูบเข้ามา สนผวากลัวจับจิต ต่างจากท่านชายที่ไม่สะทกสะท้าน

“นังเฟือง...มึงมาเลยกูไม่กลัวมึงหรอก เก่งจริงมึงออกมาให้กูเห็นสิอีไพร่...ตายแล้วไม่อยู่ส่วนตายนะมึง”

“ท่านชาย...อย่าทรงท้าทายผีนะหม่อม”

“กูไม่กลัวมันหรอก กูอยากให้มันมา ดูซิว่ามันจะทำอะไรกูได้ มันมีชีวิตอยู่ก็เป็นบ่าวกู ตายไปแล้วมันจะมีปัญญาทำอะไรกู อีเฟือง...ขืนมึงมารบกวนคนของกูอีก กูจะให้คนมาจับมึงถ่วงน้ำไม่ให้ผุดให้เกิดอีกเลย”

มีเสียงแปลกๆดังขึ้น สนเหลือบมองบนเพดานแล้วแทบช็อกตาย เห็นผีเฟืองตัวใหญ่กำลังโน้มลงมาเกือบถึงตัวท่านชายพร้อมสีหน้าเกรี้ยวกราด สนตัวสั่นพั่บๆด้วยความกลัวสุดขีด ขาอ่อนจนทรุดลงกับพื้น ท่านชายมองมาด้วยความสมเพช บ่นว่ากลัวอะไรนักหนาแล้วก้าวขาออกไปข้างนอก พบท่านหญิงอุ้มชายเดียวจ้องมาด้วยแววตาประหลาด

ท่านชายเพ่งมองแล้วอ้าปากค้าง เหมือนเห็นร่างเฟืองซ้อนทับท่านหญิง แถมเธอยังย่างสามขุมมาหาด้วยท่าทางคุกคาม ท่านชายร่นหนีจนสะดุดขาตัวเองกลิ้งหลุนๆลงบันไดพร้อมเสียงร้องโหยหวน ท่านหญิงส่งเสียงกรี๊ดลั่น ยืนมองสามีนอนคว่ำหน้าแน่นิ่งที่เชิงบันได...

ooooooo

อุบัติเหตุที่ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัดครั้งนั้นทำให้ท่านชายรังสิโยภาสกลายเป็นอัมพาตครึ่งตัวล่าง ต้องนอนอยู่แต่ในตำหนักไม่ได้ออกไปไหนเหมือนเคย

วันเวลาผ่านไปจนชายเดียวหรือคุณชายศักดินาถึงวัยเข้าโรงเรียนมหาดเล็กหลวง เพราะท่าทางเรียบร้อยและไม่ถือองค์ทำให้กลายเป็นที่รักของเพื่อนฝูง และเหมือนโชคชะตาเล่นตลกเพราะหนึ่งในเพื่อนสนิทของชายเดียวก็คือฉัตต์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ศึกษาในโรงเรียนเดียวกัน

ทุกวันชายเดียวกับฉัตต์จะไปรอรถมารับพร้อมกัน และวันนี้ก็เหมือนเคย...รถของฉัตต์มีจริมาซึ่งโต

เป็นสาวน้อยนั่งหน้ามุ่ยในรถ ไม่ชอบหน้าเพื่อนสนิทของพี่ชายคนนี้แม้แต่น้อยเพราะท่าทางหยิ่งเหมือนมองไม่เห็นหัวใคร เด็กสาวมักค่อนแคะถึงความขี้เก็กของชายเดียวเสมอ ฉัตต์ได้แต่หัวเราะเบาๆไม่ถือสา รู้ดีว่าภายใต้ท่าทีเย็นชาของชายเดียวนั้นคือจิตใจดีงามและกตัญญูรู้คุณที่สุด

เวลาเดียวกันหน้าบ้านปัณณธร...จันทร์จูงมือรุ้งกลับจากโรงเรียนแถวบ้าน จริมาผ่านมาเห็นก็เรียกให้ขึ้นรถไปด้วยกันแต่ฉัตต์ไม่ยอม อ้างว่าเดินไม่ถึงห้าก้าวก็ถึง รุ้งหน้าเสียแต่ฝืนยิ้ม จันทร์สงสารดึงลูกมากอดและถามว่าไหวไหม

“ไหวค่ะแม่...แต่ว่ามันไม่ใช่ห้าก้าวนี่จ๊ะ”

“อ้อ...เป็นคำเปรียบเทียบจ้ะ ว่าเดินจากนี่ไปโน่นน่ะไม่ไกล”

“ไม่ไกลก็ต้องพูดว่าไม่ไกลสิ คุณฉัตต์บอกว่า

ห้าก้าว ลูกว่ามันตั้งยี่สิบกว่าก้าว”

จันทร์หัวเราะชอบใจ โล่งอกที่ลูกสาวไม่คิดมากอย่างที่เข้าใจ แต่ผิดคาดเพราะความจริงรุ้งเครียดมากแต่ไม่แสดงออกเพราะไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ

จริมาไม่ละความพยายาม ยืนดักรอหน้าบ้านพร้อมถุงขนมของฝากจากพี่ชายมาชวนรุ้งไปทานด้วยกัน ฉัตต์ยืนกับคุณหญิงเพ็งชักสีหน้าพร้อมก้าวไปกระชากถุงขนมคืนและผลุนผลันเข้าบ้าน คุณหญิงเพ็งตามติดเพราะ

ไม่ชอบใจกิริยาเหมือนมองไม่เห็นหัวคนแบบนี้

ส่วนจริมาหน้าเสียแต่ยังทำยิ้มหวานประจบ

อ้อนจันทร์ขอไปเล่นกับรุ้งที่เรือนเล็กแต่จันทร์ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ฉัตต์อารมณ์เสียกว่านี้ จริมาส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากรุ้งแต่ก็ไม่ได้เรื่องเช่นกันเพราะ

เพื่อนรักเห็นด้วยกับแม่ จริมาได้แต่มองตามพี่ชาย เคืองๆ...คอยดูนะริมาจะฟ้องคุณพ่อ!

ฟากฉัตต์โดนคุณหญิงเพ็งลากไปอบรมเพราะแสดงมารยาทไม่ดีกับจันทร์และรุ้ง ฉัตต์ไม่สะทกสะท้านยืดอกยอมรับว่าไม่ชอบหน้าสองแม่ลูกเพราะยังปักใจเรื่องในอดีต

“ถ้าพวกเขาไม่มาวันนั้นแม่ราตรีก็ไม่ตาย พวกเขาสิต้องตายไม่ใช่แม่ราตรีของผม ผมไม่มีวันดีด้วย”

คุณหญิงเพ็งถอนใจเหนื่อยหน่ายไม่รู้จะอธิบายให้หลานชายคนโตเข้าใจยังไง ทั้งที่เพียรบอกหลายครั้งแต่เด็กหนุ่มยังฝังใจไม่เลิก...เห็นทีคงต้องปรึกษาพจน์เพื่อเปิดอกพูดกันจริงๆจังๆสักที

ooooooo

ชายเดียวกลับถึงวังรังสิยาก็ตรงไปหาแม่ ท่านหญิงแขไขเจิดจรัสยิ้มหวานให้ลูกชายพร้อม

ชวนทานของว่างก่อนไปอ่านหนังสือให้ท่านพ่อหรือท่านชายรังสิโยภาสฟังเหมือนเคย

ท่านชายนอนลืมตามองเพดานนิ่ง ชายเดียวคลานเข้าหา ทำท่าอึกๆอักๆแต่สุดท้ายก็อ่านเรื่องขุนช้างขุนแผนให้พ่อฟัง คำกลอนเสนาะหูทำให้ท่านชายหวนคิดถึงบุหลันหม่อมคนโปรดในอดีต ทั้งภาพเธอร้อยดอกไม้และฉากรักแสนหวานที่เคยมีต่อกัน ภาพความทรงจำวันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าและสายตาอาลัยอาวรณ์ของบุหลันทำให้ท่านชายสะเทือนใจหนัก มิอาจทนฟังคำกลอนอีกต่อไป ไล่ตะเพิดชายเดียวออกจากห้องดื้อๆ

ผ่องเฝ้ารออยู่แล้วที่หน้าห้อง โอบปลอบชายเดียวที่สะอื้นฮักด้วยความกลัวระคนตกใจเมื่อเห็นพ่อแสดงท่าทีกราดเกรี้ยวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ท่านหญิงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากมุมหนึ่ง สงสารชายเดียวเหลือเกินที่ต้องรองรับอารมณ์ท่านชายตั้งแต่เด็ก เธอหมุนตัวกลับเข้าห้อง ชะงักเมื่อเห็นร่างลางๆคุ้นตาปรากฏตรงหน้า ยิ้มและก้าวไปหาพร้อมออกเดินพูดคุยกันราวกับเป็นเรื่องปกติที่เจอกัน

อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 2 วันที่ 29 มิ.ย. 56

ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภา
ละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศ: เร็ว ๆ นี้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ