อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 1 วันที่ 26 มิ.ย. 56
เฟืองมองแม่ลูกคู่ใหม่ด้วยความซึ้งใจ บอกจะเรียกผ่องมาเป็นแม่นมให้ชายเดียวเพราะท่านหญิงคงไม่สามารถให้เองได้ ท่านหญิงพยักหน้ารับรู้...เศร้าใจที่ไม่อาจทำตัวเป็นแม่สมบูรณ์แบบได้ฝ่ายจริมาลูกสาวของพจน์กับราตรีไม่ยอมกินนมผง สารภีกลุ้มใจมากเลยตัดสินใจพาไปหาหญิงสาวที่เรือนหลังเล็ก คุณหญิงเพ็งตกใจกลัวหลานสาวเป็นอันตรายเพราะยังไม่รู้หัวนอนปลายเท้าหญิงปริศนา บุหลันเข้าใจความสงสัยแต่ไม่พร้อมบอกความจริง ได้แต่บอกว่าเรือล่มและลอยมาถึงบ้านปัณณธรโดยบังเอิญ
คุณหญิงเพ็งมั่นใจว่าเธอมีที่มาบางอย่างแต่ไม่ไว้ใจพอจะเล่า เลี่ยงไปถามถึงผู้ชายที่มาด้วยกันว่าเป็นพ่อของทารกน้อยหรือไม่ บุหลันรีบปฏิเสธซึ่งคุณหญิงก็ไม่แปลกใจนัก
“เอาล่ะ...ถ้ายังไม่มีที่ไป ลูกเต้ายังแบเบาะก็อยู่ที่นี่ไปก่อน หวังว่าเธอคงไม่มีคดีติดตัวมา ถ้ามีก็พูดกันตรงนี้อย่าปิดบัง ลูกชายฉันเป็นผู้พิพากษา เขาถือกฎหมายเป็นที่ตั้ง”
“ดิฉันไม่มีคดี ไม่เคยทำร้ายใคร...มีแต่ถูกทำร้ายมาเจ้าค่ะ”
คุณหญิงเพ็งชั่งใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจได้เพราะเห็นแก่สายตาและท่าทางจริงใจ
“ฉันจะยังไม่คาดคั้นว่าเธอคือใครทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ธรรมดา วันหลังสบายใจก็ค่อยบอกเล่ากัน แล้วก็ขอบใจมากที่ให้นมหลานฉัน เขาอาภัพมาก แม่ตายวันที่เขาเกิดพอดี...ว่าแต่เธอจะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไร”
“จันทร์ค่ะ...เรียกดิฉันว่าจันทร์”
ชื่อใหม่ที่ตั้งให้ตัวเองทำให้บุหลันคิดถึงท่านชายจับใจเพราะเขาเคยบอกว่าชื่อเธอแปลว่าดวงจันทร์ อดีตหม่อมนึกถึงเรื่องราวเลวร้ายวันที่รุ้งหรือลูกสาวที่เธอเพิ่งตั้งชื่อให้เกิด เสียงร้องของเด็กอีกคนยังก้องในหัว เฟืองเป็นคนอุ้มเขาหนีไปในความมืด จนป่านนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เธอพร่ำภาวนาขอพรจากดวงจันทร์ให้คุ้มครองลูกน้อยของเธอด้วย
ความเศร้าโศกของจันทร์รู้ถึงหูพจน์ที่มาเยี่ยมจริมา เขาขอบใจเธอที่ช่วยเป็นแม่นมให้ลูกสาวทั้งที่ก็ต้องให้นมลูกตัวเองด้วย และขอตอบแทนด้วยการอนุญาตให้อยู่ในบ้านปัณณธร แม้จะคาใจเรื่องที่มาของเธอแต่ไม่อยากถามเพราะเชื่อสัญชาตญาณตัวเองมากกว่าว่าเธอคงเป็นคนดี
ooooooo
และแล้วความโกลาหลก็เกิดแก่วังรังสิยา...เมื่อท่านชายรังสิโยภาสกลับจากเยี่ยมหม่อมแม่และถามหาบุหลันแต่ไม่มีใครพบเห็น ท่านหญิงไม่อยากออกหน้าเพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าหม่อมคนโปรดหายไปไหน ท่านชายสงสัยเฟืองมากที่สุด ตั้งท่าหาเรื่องจนเฟืองต้องสร้างเรื่องกลบเกลื่อน
“หม่อมบุหลันเธอเจ็บท้องคลอดคุณชาย หม่อมฉันไปช่วยทำคลอด ต่อจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเธออีกมังคะ ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปไหนแต่มีคนหายไปพร้อมกันคนหนึ่งมังคะ”
เฟืองลอบแสยะยิ้มพลางแจ้งข้อสันนิษฐานลอยๆว่าบุหลันอาจหนีตามยอดคนสวนประจำวัง
“นังเฟือง...เอ็งกำลังบอกว่าไอ้ยอดพาเมียข้าหนีไปงั้นหรือ ฟังมันนะหญิง...ฟังมันใส่ร้ายเมียพี่ มันหาว่าบุหลันคบชู้สู่ชาย คนของหญิงคนนี้ไม่ชอบบุหลันมาตั้งนานแล้ว”
เฟืองยังเถียง “หม่อมฉันไม่ได้แต่งเรื่องมังคะ ถามใครก็ได้ จะให้คิดยังไงมังคะที่หม่อมหายไปกับคนสวน”
ท่านชายยังเชื่อในตัวบุหลัน เมื่อเฟืองพยายามยัดเยียดข้อหาให้จึงโกรธจัด คาดคั้นให้บอกความจริงทั้งหมด เฟืองสงบท่าทีเพราะไม่อยากมีพิรุธแต่ท่านหญิงเดือดร้อนแทน แกล้งประชดแดกดันจนท่านชายของขึ้น
“เจ้าพี่จะทรงคาดคั้นว่าหญิงมีส่วนหรือไม่คะ หญิงจะทำเพื่ออะไรในเมื่อทุกวันนี้เจ้าพี่ก็ไม่เหลียวแลหญิงอยู่แล้ว นอกจากเจ้าพี่จะทรงเกลียดหญิงมากขึ้น คนหายสองคนแต่เจ้าพี่โทษคนทั้งวังมันไม่ยุติธรรมเลย”
ท่านชายอึ้งเล็กน้อยแต่ก็อดสงสัยไม่ได้เพราะมอบหมายให้เธอดูแลคนทั้งวังโดยเฉพาะบุหลัน
“หญิงไม่เคยดูแลบุหลันเพราะเจ้าพี่ทรงทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว ใครแตะไม่ได้เพราะรู้ดีว่าเจ้าพี่ต้องเอาผิดอย่างหนัก บุหลันหายไปไม่มีร่องรอยทุกคนก็ออกตามหา หญิงใส่กุญแจเรือนเขาไว้ เชิญเจ้าพี่เด็จทอดเนตรเผื่อจะเจออะไรบ้าง”
เฟืองรับหน้าที่พาท่านชายไปเรือนเล็กของบุหลัน มั่นใจว่าไม่มีใครจับได้เพราะขนเสื้อผ้าของหม่อมคนโปรดไปทิ้งหมดแล้ว ท่านชายถึงกับหน้าถอดสีเพราะหลักฐานทุกอย่างบ่งชี้ว่าบุหลันอาจหนีตามชายชู้ แต่เขายังมีความหวังจึงกลับไปถามความคืบหน้าเรื่องการตามหาหม่อมคนโปรดจากท่านหญิง
“ไม่มีใครรู้ความจริงนอกจากบุหลันกับยอด หญิงไม่กล้าคิดอะไรมาก กลัวเสียชื่อเสียงค่ะ”
ท่านชายโมโหที่ไม่มีใครใส่ใจตามหาหม่อมคนโปรด พาลลงกับท่านหญิงเพราะคิดว่าคงเข้าทางที่กำจัดศัตรูหัวใจได้ เฟืองทนไม่ได้ออกโรงปกป้องเจ้านายเต็มที่
“ท่านหญิงไม่เคยทำร้ายใครให้เจ็บพระทัย เสียพระทัยแทบตายก็ไม่ทรงทำร้ายใครแน่นอน”
“วันนี้ข้าไม่รู้ความจริงก็แล้วไป ถ้าข้ารู้ว่าใครทำอะไรบุหลัน ข้าจะจัดการด้วยมือข้าเอง...จำไว้นะนังเฟือง”
ท่านชายหุนหันออกจากห้องไปแล้ว ท่านหญิงถึงกับทรุด ระบายความเจ็บช้ำกับเฟืองเสียงเครือ
“ไม่ได้ยินรับสั่งหรือ...ฉันไม่มีความหมายเลย บุหลันอยู่ฉันก็สู้เขาไม่ได้ บุหลันไม่อยู่ฉันก็พ่ายแพ้หนักขึ้น”
“ทำไมทรงคิดอย่างนั้นมังคะ มันไปก็ดีแล้วเพราะเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงพระทัยตลอดเวลา ตอนนี้ปล่อยให้ท่านชายอาละวาดไปก่อน อีกหน่อยก็ทรงลืม อย่าลืมมังคะว่าเรายังมีคุณชาย”
ท่านหญิงพยักหน้ารับแกนๆ พยายามทำใจว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่แล้วคำตอบก็ปรากฏไม่นานจากนั้น เมื่อท่านชายเห็นชายเดียวเป็นครั้งแรก อาการเฉยชาและหมางเมินของสามีทำให้ท่านหญิงแทบกลั้นใจตาย... แล้วเธอต้องทำยังไงดี
ooooooo
แม้บุหลันหรือที่ใครๆในบ้านปัณณธรรู้จักในชื่อจันทร์จะคิดถึงท่านชายรังสิโยภาสมากเพียงใด แต่เธอก็ไม่อาจนิ่งดูดายอาศัยบ้านหลังนี้ไปวันๆ เธอลงครัวปรุงอาหารและแกะสลักผักผลไม้ด้วยฝีมือระดับชาววังจนเป็นที่ตื่นตะลึง
ภาพความทรงจำเมื่อครั้งอยู่กับท่านชายยังหลอกหลอนไม่ว่ายามหลับหรือตื่นจนบุหลันหม่นหมองเพราะความคิดถึง...ท่านชายเองก็อาการหนักไม่ต่างกัน การหายสาปสูญอย่างไร้ร่องรอยของหม่อมคนโปรดทำให้บาดแผลในใจลึกลงเรื่อยๆ ทุกคนในวังไม่มีใครเข้าหน้าติด ไม่เว้นแม้แต่สนคนรับใช้ประจำตัว
ท่านหญิงทราบสถานการณ์สามีดี ตัดสินใจพาชายเดียวไปเยี่ยมแต่เขาไม่สนใจ แสดงออกด้วยสีหน้าและท่าทางเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมคะ ทำไมต้องทรงทำอย่างนี้ เจ้าพี่โกรธหญิงเรื่องอะไร”
“หญิงทำอะไรให้โกรธด้วยหรือ หญิงไม่เคยทำผิด ทุกอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่างจนพี่ไม่กล้าสู้หน้าหญิง ขี้เกียจได้ยินคำว่าไม่รู้ ไม่เห็น ไม่มีอะไรซ้ำๆ...เบื่อ!”
ท่านหญิงทราบดีว่าสามีไม่หายเคืองเรื่องบุหลัน ยืนกรานเสียงแข็งว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย
“บุหลันคลอดลูกหญิงก็ไม่ทราบ เฟืองเป็นคนอุ้มมาให้บอกว่าบุหลันให้พามาถวาย หญิงก็มัววุ่นกับลูก ถึงหญิงจะผิดก็ผิดเรื่องเดียวที่ไม่ได้ลงไปเยี่ยมเขาจนกระทั่ง...”
ท่านหญิงอึกอักไม่อยากตอกย้ำว่าบุหลันหนีตามยอด ท่านชายอารมณ์เสียกว่าเดิมจนพาลไปถึงเฟือง
“ทุกอย่างเธอปล่อยให้นังขี้ข้าบงการชีวิตเธอ ฉันไม่เคยไว้ใจมันเลย ฟังไว้นะว่าฉันจะสืบเรื่องนี้ ถ้ารู้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องล่ะก็ฉันจะฆ่ามันด้วยมือฉันเอง แล้วเธอก็ควรไปบอกมันด้วยว่าฉันพูดอะไร”
คำพูดอาฆาตของท่านชายทำให้ท่านหญิงร้อนใจ กลับไปคาดคั้นเฟืองอีกครั้งเรื่องการหายตัวของบุหลัน เฟืองยังยืนยันว่าไม่รู้ไม่เห็น แต่พอลับหลังเจ้านายสาวก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเหี้ยมเกรียมพร้อมอาฆาตท่านชายคืนบ้าง
“ต่อให้พลิกแผ่นดินแผ่นน้ำค้นหาอีบุหลันก็ไม่มีวันหาเจอ!”
เฟืองสังหรณ์ว่าท่านชายอาจมีแผนการบางอย่างจึงตามสืบจากสนจนได้ความในวันหนึ่งว่าท่านชายจะไปหาหลวงวิเศษ เธอเริ่มกังวลตามประสาคนมีชนักปักหลัง พยายามถามจากคนรอบข้างแต่ไม่มีใครรู้ว่าหลวงวิเศษคือใคร
แท้จริงแล้วหลวงวิเศษคืออธิบดีกรมตำรวจ ท่านชายไปหาเพื่อปรึกษาเรื่องคดีบุหลันเพราะคาใจหลายอย่าง โดยเฉพาะท่าทางน่าสงสัยของท่านหญิงกับเฟืองบ่าวคนสนิท
“ท่านหญิงแขไขไม่โปรดบุหลันเอามากๆ ส่วนนังเฟือง...ฉันเกลียดมันที่สุดไม่ถูกชะตากับมันเลย”
“อย่ามีอคตินะกระหม่อม ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน”
“ฉันสังหรณ์...คุณหลวงเชื่อฉันเถอะ”
“กระหม่อมเชื่อความจริง เราต้องค้นหาความจริงถึงจะลงโทษคนผิดได้”
ท่านชายเข้าใจหลักการแต่ความร้อนใจทำให้อารมณ์ พลุ่งพล่าน หลวงวิเศษถามถึงความรู้สึกที่มีต่อชายเดียวหรือชื่อที่เพิ่งประทานว่าคุณชายศักดินาว่าเป็นอย่างไร
“ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเป็นลูกฉันหรือเปล่า เพราะฉันไม่ไว้ใจอีเฟือง มันอาจเอาลูกใครมาหลอกฉันก็ได้”
หลวงวิเศษได้แต่ปลอบให้ใจเย็นเพราะขณะนี้ส่งคนไปสืบจากผู้คนในวังแล้ว ท่านชายสบายใจขึ้นจึงขอตัวกลับ กำชับสนไม่ให้บอกใครเรื่องมาหาหลวงวิเศษ คนใช้ประจำตัวสารภาพเสียงอ่อยว่าหลุดปากบอกเฟืองไปแล้ว ท่านชายรู้ว่าสนไม่ได้ตั้งใจ เหยียดยิ้มโหดๆแล้วนึกได้ว่าควรหาเรื่องยั่วประสาทเฟืองเพื่อบ่ายเบี่ยงความสนใจ
“เอ็งบอกอีเฟืองไปเลยก็ได้ว่าข้าไปเที่ยวหอนางโลม ดีเหมือนกัน...ข้าจะได้ดูมันเต้นแทนหญิงแขไข”
ท่านชายมั่นใจว่าเฟืองต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง แล้วก็เป็นจริงดังคาด...เฟืองมาดักรอสืบจากสน ท่านชายจึงกำชับให้สนพูดตามที่ตกลงกัน แต่เฟืองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพราะทุกอย่างดูง่ายเกินไป
ท่านหญิงเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินต้นห้องคนสนิทบอกว่าสามีไปเที่ยวหอนางโลม เฟืองไม่ปักใจเชื่อเพราะคิดว่าท่านชายอาจมีแผน ท่านหญิงไม่ทันคิดเพราะมัวเสียใจที่ไม่อาจทำให้สามีรักและหลงได้อย่างบุหลัน
“เห็นไหมว่าไม่มีบุหลันเจ้าพี่ก็ไม่เคยเห็นหญิงในสายพระเนตร หญิงเหมือนดินทรายเหมือนฝุ่นละอองที่ไม่อยากแม้แต่จะทรงแตะต้องให้สกปรก”
“ทูนหัวของเฟือง ท่านหญิงไม่ผิด สักวันท่านชายต้องทรงนึกได้และเห็นความดีมังคะ”
“เฟือง...ความดีทำให้ท่านมีความสุขหรือ หญิงขอบใจเฟืองมาก เฟืองเหมือนเพื่อนตายของหญิง”
เฟืองอ้าปากค้างแล้วก้มหน้าร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ “ทรงเห็นเฟืองเป็นเพื่อนมังคะ ไม่เสียแรงที่หม่อมฉันจงรักภักดี หม่อมฉันสาบานจะปัดเป่าทุกข์ให้หมดสิ้น”
สองนายบ่าวกอดกันด้วยความรัก ความผูกพันที่เลี้ยงกันมาหยั่งรากลึกเกินกว่าจะไถ่ถอน...จนแยกไม่ออกว่าอะไรคือความหวังดีและอะไรคือความเห็นแก่ตัว
กว่าเฟืองจะกลับจากตำหนักท่านหญิงก็เลยพลบค่ำไปหลายเพลา สาวใหญ่เดินเช็ดน้ำตาเพราะยังซาบซึ้งใจไม่หายที่ท่านหญิงมอบความเป็นเพื่อนให้ พลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นชายหนุ่มแปลกหน้านั่งขุดดินในสวน ซึ่งความจริง...คนสวนหน้าใหม่ก็คือเดชตำรวจหนุ่มที่หลวงวิเศษส่งมาสืบเรื่องในวังรังสิยาเพื่อหาเบาะแสคดีบุหลัน
เฟืองถามถึงที่มาที่ไปใหญ่โตด้วยความระแวง เดชตีหน้าซื่อแนะนำตัวว่าเป็นคนสวนคนใหม่ที่ท่านชายเพิ่งรับมา เฟืองพูดไม่ออก เหลือบเห็นกอกุหลาบมอญที่เขากำลังปลูกแล้วตาลุก รู้ดีว่าเป็นดอกไม้โปรดของบุหลัน สั่งเสียงเข้มให้รื้อออกให้หมดไม่ให้บาดตาบาดใจท่านหญิง
“ที่นี่มีแต่ท่านหญิงแขไขเจิดจรัส...จำใส่กะโหลกด้วยว่าอย่าสะเออะพูดถึงหม่อมอีก แกจะไม่มีที่ซุกหัวนอน!”
เดชยังเฉยไม่ยอมทำตาม เฟืองฉุนขาดกระชากกอกุหลาบเสียเองจนมือเต็มไปด้วยเลือด ก้มมองมือสองข้างด้วยความแค้นใจ...ฉันไม่ยอมให้ร่องรอยของแกทำให้ท่านหญิงช้ำใจแน่!
ooooooo
ท่านชายรังสิโยภาสยังคงเย็นชาใส่ท่านหญิงแขไขเจิดจรัสไม่เลิกรา แม้เธอพยายามเข้าหาและพาคุณชายศักดินามาเยี่ยมแต่ก็ไม่เป็นผล ท่านชายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จะเสวนาด้วยแต่เรื่องที่ต้องออกงานด้วยกันอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่นในคืนนี้ที่ต้องไปงานศพราตรีที่บ้านปัณณธร
บุหลันหรือจันทร์ลงมาช่วยบ่าวในบ้านทำอาหารเลี้ยงรับรองในงานศพ หน้าตาอาหารฝีมือของจันทร์ทำให้ท่านชายกับท่านหญิงแทบมองหน้ากันไม่ติด ฝ่ายหญิงกังวลใจอย่างประหลาด ในขณะที่ฝ่ายชายได้แต่เหม่อมองอาหารด้วยแววตาเศร้าหมอง จำได้ดีว่าหม่อมคนโปรดก็มีฝีมือละม้ายคล้ายคลึงกัน
ขณะเดียวกัน เฟืองบ่าวผู้จงรักภักดีของท่านหญิงก็สืบเรื่องท่านชายไม่ปล่อย ตามติดสนเพื่อถามข้อข้องใจถึงในครัว สาลี่แม่ครัวใหญ่ประจำวังกับพิกุลลูกมืออดค่อนแคะไม่ได้เพราะร้อยวันพันปีเฟืองไม่เคยมาเหยียบครัวนอกจากมาเอาสำรับ
เฟืองไม่อยากเถียงกับบรรดาคนครัว ลากสนมาซักไซ้เรื่องเดช แถมต่อว่าเคืองๆที่บังอาจสั่งคนสวนคนใหม่ให้ปลูกกุหลาบมอญเหมือนต้องการหยามหน้าท่านหญิง สนแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้จนเฟืองแทบคลั่งตายเพราะความโมโห
“ฉันไม่เห็นท่านหญิงจะเสื่อมเสียพระเกียรติตรงไหน”
“คนไม่ได้อยู่วังนี้แล้วต้องสนใจทำไม ในวังนี้มีท่านหญิงองค์เดียว พวกเราเป็นไพร่ก็ต้องทำให้เจ้านายพอพระทัยดีกว่าไปวุ่นวายกับคนไม่มีตัวตนแล้ว”
“ท่านชายรับสั่งให้ปลูกอะไรก็เรื่องของท่าน เป็นไพร่ก็อยู่ส่วนไพร่ หม่อมหายไปเขาก็เป็นห่วงกันทั้งวัง”
“หม่อมท่าน...เชอะ...มาจากไหนก็รู้ๆกันอยู่ ไม่ต้องถือหางหรอก ถึงยังไงเขาก็กลับมาขอบใจไม่ได้”
สนติดใจประโยคสุดท้าย เช่นเดียวกับบรรดาคนครัวที่เงี่ยหูฟังไม่ห่าง เฟืองโวยวายกลบเกลื่อนแล้วเดินสะบัดหนีไป สาลี่ทนไม่ไหวแดกดันไล่หลังด้วยความหมั่นไส้เต็มแก่
“สันดานไม่เปลี่ยน หม่อมไม่อยู่แล้วยังจองล้างจองผลาญ เรื่องหนีตามเจ้ายอดให้พระอินทร์ลงมาเขียวๆฉันก็ไม่เชื่อ หม่อมเคยพูดกับมันซักคำหรือเปล่าไม่รู้”
พิกุลฟังเรื่องทั้งหมดแล้วนึกได้ว่าเคยได้ยินเสียงร้องแปลกๆในคืนที่บุหลันหายตัวไป
“เสียงเหมือนใครลากของหนักๆ ต้องเป็นคนแน่ๆ ทั้งเสียงดิ้นและเสียงร้อง ฉันไม่กล้าเล่า...กลัวคนหาว่าโกหก”
ทั้งสามมองหน้ากันเครียดๆเพราะเป็นห่วงบุหลัน ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเดชแอบฟังไม่ห่างกันนัก แล้วไปทูลท่านชายพร้อมกับเรียกพิกุลมายืนยัน เฟืองผ่านมาเห็นก็สงสัยจึงสั่งให้ผ่องติดตามพฤติกรรมคนในครัวอย่างใกล้ชิดจนแอบได้ยินพิกุลกับสาลี่คุยกันว่าให้ระวังตัวเพราะรู้นิสัยเฟืองว่าไม่ธรรมดา พิกุลรับฟังแบบขอไปทีเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอันตราย
เฟืองหาโอกาสถามพิกุลถึงเรื่องคืนเกิดเหตุแต่พลาดตลอด ผ่องแอบมาบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่สันนิษฐานว่าพิกุลแอบได้ยินอะไรบางอย่าง แถมนำไปทูลท่านชายถึงความผิดปกตินั้นด้วย เฟืองโกรธมาก สัญญากับตัวเองจะทำทุกอย่างเพื่อปิดปากพิกุล...อีพิกุล... มึงไม่ตายก็ไม่ใช่กู!
ooooooo
ทุกคนในบ้านปัณณธรตื่นเต้นกับความสามารถในการทำอาหารของจันทร์ คุณหญิงเพ็งเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจันทร์ไม่ธรรมดา คิดว่าสักวันจะต้องหาโอกาสถามให้รู้เรื่องว่าเป็นใครมาจากไหน ยอดแกล้งทำเป็นใบ้จนไม่มีใครสนใจ อดีตคนสวนเป็นห่วงจันทร์มาก อยากรู้ว่าเธอวางแผนชีวิตไว้อย่างไร
“ยอด...ฉันไม่มีพี่น้องที่ไหนเลยนะ ตัวคนเดียวในโลก เกิดมาก็มีแต่ป้าบัว พอป้าตายฉันก็หมดทางไป”
ยอดสงสารอดีตหม่อมแต่ก็รู้ว่าเธอมีรุ้งเป็นกำลังใจยิ่งใหญ่
“ใช่...รุ้งเป็นลูกชาติลูกตระกูล ฉันจะมีปัญญาอะไรเลี้ยงเธอให้สมศักดิ์ศรีชาติกำเนิด”
ยอดต้องการอาศัยอยู่ที่นี่เพราะไม่มีที่ไป จึงโหมทำงานหนักหวังให้ทุกคนในบ้านปัณณธรเห็นความดีจนล้มป่วย จันทร์เองก็ไม่อยู่เฉย พยายามช่วยงานทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณ เธอไปเยี่ยมยอดเพื่อนำยาไปให้ เห็นใจอดีตคนสวนเหลือเกินเพราะยากไร้ไม่มีที่ไป
“เราต้องอยู่ที่นี่ครับหม่อม หม่อมไม่รู้จะไปไหนแต่ผมแย่กว่าเพราะไม่มีทางไปเลย หม่อมกลับวังก็ได้เพราะถึงยังไงคุณหญิงก็เป็นลูกท่านชาย แต่ผมกลับไปก็ต้องติดตารางแน่ๆ”
พจน์กับคุณหญิงเพ็งก็ทึ่งในความทรหดของเจ้าใบ้กับจันทร์ ตัดสินใจให้ทั้งสองกับรุ้งอาศัยด้วย ฉัตต์ไม่พอใจมากเพราะยังฝังใจเรื่องเดิมๆ เอะอะโวยวายจนพ่อกับย่าแตกตื่น อยากจะแก้ไขความเข้าใจแต่เด็กชายไม่ยอมฟัง จันทร์เข้าใจความเจ็บแค้นของฉัตต์แต่ดีใจมากกว่าที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อได้ เธออุ้มรุ้งหรือชื่อที่ท่านชายเคย
ประทานไว้ว่าคุณหญิงวิมลโพยมมากอดแนบอก พึมพำเสียงเบาให้ลูกรักรู้ถึงความในใจ
“คุณหญิงวิมลโพยม...ถึงแม้ลูกจะอยู่ในฐานะบ่าวของบ้านนี้ แต่แม่จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีสมศักดิ์ศรีของหม่อมราชวงศ์หญิงแห่งสกุลรังสิยา ต่อไปนี้ชีวิตแม่เป็นของลูกนะ...คุณหญิงลูกแม่”
อ่านละคร แค้นเสน่หา ตอนที่ 1 วันที่ 26 มิ.ย. 56
ละครแค้นเสน่หา บทประพันธ์โดย : วราภาละครแค้นเสน่หา บทโทรทัศน์โดย : อ.แดง ศัลยา
ละครแค้นเสน่หา กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ละครแค้นเสน่หา ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครแค้นเสน่หา ควบคุมการผลิตโดย : วรายุทธ มิลินทจินดา
ละครแค้นเสน่หา ออกอากาศ: เร็ว ๆ นี้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ