อ่านละคร รากบุญ วันที่ 17 พ.ย. 55
หลังเจติยาตอบตกลงจะกลับไปทำงานที่นิราลัย ชูจิตรีบเรียกตัวปริมมาพบที่บริษัท เพื่ออธิบายถึงความจำเป็นที่ต้องตามตัวเจติยากลับมาทำงาน ปริมหงุดหงิดหัวเสียเดินออกมาเจอกับพิสัยที่ลานจอดรถ พิสัยยื่นข้อเสนอจะช่วยให้ปริมได้แต่งงานกับลาภิณเร็วขึ้น แลกกับหุ้นครึ่งหนึ่งของนิราลัยกลับมาทำงานวันแรก เจติยาได้งานตกแต่งศพให้ลูกน้องในกลุ่มของโชค เจติยาสบโอกาสแอบหลอกถามเรื่องโชคกับณุและพวกลูกน้องคนอื่น ๆ ของโชค ณุเล่าให้เจติยาฟังว่าโชคมีศัตรูเยอะ แต่ที่แค้นถึงขั้นจะฆ่าให้ตายได้ก็มีอยู่แค่สองราย รายแรกเป็นหัวหน้านักเลงอีกกลุ่มที่ลูกน้องโชคไปมีเรื่องด้วย โชคออกโรงปกป้องลูกน้องอย่างไม่กลัวเกรง ส่วนอีกรายเป็นลูกหนี้ที่โชคพาพวกไปรุมทำร้าย โดยไม่สนว่าจะเป็นลูกของผู้มีอิทธิพล
หลังพวกณุกับลูกน้องกลับไปแล้ว โชคออกมาปรากฏตัวให้เจติยาเห็น บอกให้รู้ว่าถึงเขาจะไม่เห็นหน้าคนแทง แต่ก็แน่ใจว่าไม่ใช่พวกศัตรูที่ณุกับพวกพูดถึง โชคมั่นใจว่าคนที่ฆ่าเขาจะต้องเป็นคนที่อยู่ในร้านสนุกเกอร์แน่ เจติยาคิดว่าอาจเป็นหนึ่งในลูกน้องโชค โชครีบตวาดเสียงดังบอกไม่มีทางเป็นพวกลูกน้องตนแน่
เจติยาพยายามคิดลำดับเหตุการณ์ โชคเห็นว่าวันนี้เจติยาคงช่วยอะไรตนไม่ได้แล้ว ให้เจติยารีบไปช่วยลาภิณก่อนที่จะโดนรุมตีตายจะดีกว่า เจติยาตกใจมากรีบวิ่งไปตามหาลาภิณทันที
พิสัยให้ปองกับย้งปลอมตัวเป็นโจรไอ้โม่งไปรุมทำร้ายลาภิณที่ลานจอดรถในบริษัทนิราลัย เจติยาตามไปช่วยไว้ได้ทันเวลา ปองกับย้งเห็นท่าไม่ดีรีบดึงกระเป๋าสตางค์ลาภิณติดมือไปด้วย ทำให้เหมือนว่าลาภิณโดนจี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว
ปริมรู้ข่าวลาภิณถูกซ้อมก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือพิสัย หญิงสาวรีบโทรศัพท์ไปต่อว่า พิสัยอ้างว่าที่ทำไปเพราะอยากช่วยให้ปริมได้คืนดีกับลาภิณเร็ว ๆ
ปริมทำตามคำแนะนำของพิสัย รีบไปเยี่ยมลาภิณพร้อมชูจิต พอไปถึงเห็นเจติยาอยู่กับลาภิณ ชูจิตก็แสดงอาการไม่พอใจ ไล่เจติยาให้รีบกลับไปทันที ปริมแสร้งทำเป็นอ่อนหวาน เอ่ยปากขอบคุณเจติยาที่ช่วยลาภิณไว้ เจติยาเดินกลับออกไปจากห้องลาภิณด้วยท่าทางงง ๆ
ที่โรงพยาบาลนี่เอง เจติยาได้เห็นณุพาแฟนสาวไปหาหมอเพราะอาการอาหารเป็นพิษ ณุยืนยันจะให้แฟนสาวนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งที่แฟนสาวไม่ได้เป็นอะไรมาก เจติยาแปลกใจมากกับการใช้เงินแบบฟุ่มเฟือยของณุ
เจติยารู้ว่านิษฐามีคนรู้จักที่อยู่ชุมชนเดียวกับโชค เลยไปขอร้องให้นิษฐาช่วย เพราะอยากเข้าไปค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านของโชค ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งคุยกันอยู่ พิทยาได้ขับรถพากุลธิดามาส่งที่คณะพอดี
พอดีมีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปคู่กับพิทยา กุลธิดารีบปลีกตัวมาคุยกับนิษฐาและเจติยา กุลธิดาทวงถามสร้อยข้อมือที่ฝากนิษฐาไปซ่อมให้ นิษฐาเปิดประเป๋าสะพายหยิบสร้อยข้อมือทองเส้นเล็ก ๆ เส้นหนึ่งยื่นให้กุลธิดา พิทยาถ่ายรูปกับแฟนคลับเสร็จ รีบเดินมาตามกุลธิดา แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินกลับไปที่รถ นิษฐามองตามหลังไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จับผิด เจติยาสังเกตเห็นจึงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย นิษฐาตัดบทเดินเลี่ยงหนีไปไม่ยอมบอกอะไร
ระหว่างที่ลาภิณพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ปริมตามไปดูแล ทำตัวอ่อนหวานเอาอกเอาใจตามคำแนะนำของพิสัย ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันได้ ปริมเริ่มรู้สึกมั่นใจในตัวพิสัยมากขึ้น
พิสัยฉวยโอกาสตอนลาภิณไม่อยู่ รีบสั่งของเข้าบริษัทลอตใหญ่ ชูจิตเรียกพิสัยมาต่อว่า พิสัยยืนยันว่าของทุกอย่างที่สั่งเข้ามาเป็นของที่จำเป็นต้องใช้ทั้งนั้น แล้วราคาก็เท่ากับท้องตลาดทั่วไป ส่วนกิจการโรงไม้ที่มีปัญหาคราวก่อนก็ขายทิ้งให้คนอื่นไปแล้ว ชูจิตใจอ่อน หลงเชื่อคำพูดพิสัยเหมือนเช่นเคย
นิษฐาพาเจติยาไปพบกับครูหวาน ครูที่สอนเด็ก ๆ อยู่ในชุมชนแออัด ขณะพาไปที่บ้านโชค ครูหวานได้เล่าให้ฟังว่าโชคเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ตายหมด เลยเร่ร่อนไปเรื่อยก่อนจะมารวมกลุ่มตั้งแก๊งกันที่ชุมชน พอนิษฐาได้รู้ประวัติก็เริ่มนึกสงสารโชคขึ้นมาบ้าง
บ้านของโชคเป็นบ้านขนาดกลาง ๆ ถูกทิ้งร้าง หน้าต่าง ประตูถูกงัดจนเปิดออกหมด จังหวะที่ครูหวานเปิดประตูจะพาเข้าไปในบ้าน นิษฐาเหลือบไปเห็นรถพิทยาขับช้า ๆ ผ่านไปพอดี นิษฐาบอกให้เจติยากับครูหวานเข้าไปในบ้านก่อน แล้วรีบวิ่งตามรถของพิทยาไปทันที
เจติยาตามครูหวานเข้ามาในบ้าน แต่ภายในบ้านแทบไม่มีของเหลืออยู่เลย แถมถูกรื้อค้นทุกซอกทุกมุมจนเละเทะไปหมด เจติยากำลังจะถามครูหวานว่าใครเป็นคนคุมโต๊ะบอลต่อจากโชค พอดีมีชายเมายาถือมีดโผล่พรวดเข้ามาจะไล่แทงเจติยากับครูหวาน
นิษฐาตามไปแอบดูพิทยา เห็นพิทยาจอดรถรออยู่ในซอย สักพักณุก็เดินเข้ามาหา พิทยายื่นเงินปึกหนึ่งให้ณุแลกกับซองพลาสติกเล็ก ๆ ซองหนึ่ง นิษฐาใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน จังหวะนั้นเองเสียงกรีดร้องของเจติยาก็ดังลั่นขึ้น พิทยาตกใจรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว นิษฐาเองก็ตกใจรีบวิ่งกลับไปหาเจติยาที่บ้านโชค
นวัชแวะไปสอบปากคำลาภิณที่โรงพยาบาล ลาภิณสันนิษฐานว่าอาจเป็นฝีมือปอง
กับย้งที่เพิ่งถูกไล่ออกไป ปริมกลัวทั้งสองคนจะถูกจับได้แล้วเรื่องจะซวยมาถึงตนกับพิสัย จึงรีบช่วยพูดบ่ายเบี่ยง ทำให้ลาภิณเริ่มลังเลไม่แน่ใจ
นิษฐาโทรศัพท์มาหานวัช บอกให้รู้ว่าเจติยาโดนทำร้าย นวัชร้อนใจมากรีบตามไปช่วยเจติยา ลาภิณพอรู้เรื่องก็ขอตามติดนวัชไปด้วย ปริมไม่พอใจนักแต่ไม่กล้าขวางลาภิณ เพราะเพิ่งปรับความเข้าใจกันได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงได้ตามไปคุมลาภิณด้วย
พอไปถึงเห็นเจติยาไม่ได้เป็นอะไรมาก ปริมโวยวายลั่นไม่พอใจ นิษฐาหน้าจ๋อยยอมรับผิดที่มัวแต่ตกใจเลยไม่ได้โทรศัพท์กลับไปอธิบายให้นวัชเข้าใจ ลาภิณรีบตัดบทพาปริมกลับไปก่อน นวัชซักถามเจติยากับครูหวานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เจติยานิ่งคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วก็สีหน้าขรึมลง นอกจากตนแล้วไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้ววิญญาณโชคได้โผล่มาช่วยเธอไว้ได้ทันเวลา
นวัชต่อว่านิษฐาที่ปล่อยให้เจติยาเข้าไปในบ้านโชค นิษฐาเองก็เสียใจ หญิงสาวว่าถ้าเธอรู้ว่ามีคนติดยาในบ้านคงไม่ยอมให้เจติยาเข้าไปหรอก ครูหวานนึกเสียดายที่โชคตาย ไม่อย่างนั้นในชุมชนคงไม่มียาบ้าระบาดมากขนาดนี้ นวัช นิษฐา เจติยาพากันแปลกใจ ครูหวานรีบอธิบายบอกโชคเกลียดยาเสพติดมาก เพราะพ่อกับแม่ตายเพราะยาเสพติด โชคเลยไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแถมยังคอยเฝ้าระวังไม่ให้คนในชุมชนไปยุ่งเกี่ยวกับพวกยาเสพติดเหล่านี้
ก่อนนอนคืนนั้น โชคมาปรากฏตัวให้เจติยาเห็นอีก เจติยาเอ่ยปากขอบคุณที่โชคช่วยเธอไว้เมื่อกลางวัน พร้อมกันนี้ได้ถือโอกาสถามถึงเรื่องแก๊งยาเสพติดกับคนที่มาคุมกิจการทั้งหมดแทนหลังจากโชคเสียชีวิต โชคเล่าให้ฟังว่าเคยมีแก๊งใหญ่มาทาบทามให้เขาเป็นเอเย่นต์ขายยาบ้าหลายครั้ง แต่เขาไม่เล่นด้วย พวกนั้นไม่อยากทับเส้นกับโชคเลยไปติดต่อที่อื่นแทน และหลังจากที่โชคตาย ณุซึ่งเป็นมือขวาและเป็นคนที่โชครักเหมือนน้องแท้ ๆ ได้เข้ามาคุมกิจการทั้งหมดแทน
นิษฐาเป็นห่วงจึงตัดสินใจบอกให้กุลธิดารู้ว่าพีทติดยาเสพติด กุลธิดาไม่เชื่อ นิษฐาเลยเอาคลิปที่ถ่ายไว้ได้มาให้กุลธิดาดู กุลธิดาเริ่มลังเลแต่ยังไม่ปักใจเชื่อ รีบร้อนจะไปคุยกับพิทยาให้รู้เรื่อง เจติยาได้เห็นคลิปด้วย หญิงสาวคิดผูกโยงเรื่องทั้งหมด แล้วก็มั่นใจว่าณุเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของโชค
เจติยาเก็บเอาเรื่องทั้งหมดไปปรึกษานวัช ให้นวัชวางแผนล่อซื้อยาบ้าจากณุ ณุหลงกลถูกตำรวจจับตัวไปโรงพัก วิญญาณโชคไม่พอใจมากคิดว่าเจติยาใส่ร้ายณุ ให้ณุเป็นแพะเพื่อที่จะได้พ้นงานบอกความจริง
ณุทำปากแข็งไม่ยอมรับว่าเป็นคนฆ่าโชค เจติยาสันนิษฐานว่าที่ณุฆ่าโชคเพราะต้องการค้ายาแต่ถูกโชคขวางทางอยู่ วิญญาณโชคนึกถึงตอนที่แก๊งค้ายามาติดต่อให้ขายยาได้ จึงเข้าสิงเจติยาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ณุเหงื่อแตกพลั่ก หน้าซีดเผือด แต่ยังไม่ยอมรับสารภาพ
ณุถูกนำตัวไปขังไว้ในห้องขัง วิญญาณโชคที่รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว นึกโกรธแค้น จะตามไปเล่นงานโชค แต่เจติยามาห้ามไว้ได้ทัน เจติยาพูดกล่อมจนวิญญาณโชคยอมละพยาบาท เลิกคิดที่จะล้างแค้นณุ
ในเมื่อความจริงเปิดเผย เจติยาได้รับเหรียญจากกล่องรากบุญมาอีกหนึ่งเหรียญ หญิงสาวลังเลไม่กล้าเอาเหรียญติดลงที่บนกล่อง วิญญาณโชคปรากฏตัวขึ้น ยุให้เจติยารีบติดเหรียญ เจติยาทำตามแต่พอโชคถามว่าถ้าได้เหรียญครบแล้วจะขออะไร เจติยากลับบอกว่าเธอจะไม่ขออะไรทั้งนั้น เพราะไม่อยากเป็นทาสของกล่องรากบุญ
“เธอสงสัยบ้างมั้ย ทำไมฉันถึงมีพลังมากมายทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง”
“ไม่ใช่แค่นายหรอก น้องออยก็เหมือนกัน นายต้องการบอกอะไรฉันเหรอ”
“ฉันมีพลังมหาศาลได้ ก็เพราะกล่องรากบุญ เชื่อฉันเถอะ กล่องใบนี้มันต้องการให้เธอช่วยเหลือวิญญาณ แลกกับพรวิเศษแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เธออย่าคิดเลิกขอพรจากมันเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นอันตรายกับตัวเธอเอง”
“ทำไมล่ะ กล่องมันทำแบบนี้ทำไม”
“กล่องให้ฉันพูดได้แค่นี้แหละ ลาก่อน มันถึงเวลาของฉันแล้ว”
วิญญาณของโชคเลือนหายไปทันทีเจติยามีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้
วันรุ่งขึ้น ศพกุลธิดาถูกส่งมาที่นิราลัย งาน “บอกความจริง”งานต่อไปของเจติยาก็คือกุลธิดานั่นเอง นิษฐาพอรู้ข่าวการตายของกุลธิดาก็โทษว่าเป็นความผิดของตนที่บอกเรื่องพิทยาให้กุลธิดาฟัง เจติยามุ่งมั่นจะตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่ากุลธิดาให้ได้
พิทยาให้การกับตำรวจว่าก่อนตายมีเรื่องทะเลาะกับกุลธิดาอย่างรุนแรงที่ระเบียงทางเดิน พิทยาโมโหเลยเดินหนีเข้าห้องไป ส่วนกุลธิดาอยู่ข้างนอกไม่ได้ตามเข้ามา พิทยานึกว่างอนกลับบ้านไป เพิ่งมารู้จากข่าวตอนเช้าว่ากุลธิดากระโดดจากระเบียงตกลงไปตาย
นิษฐากับเจติยาไม่เชื่อว่ากุลธิดาจะฆ่าตัวตาย แต่จากการชันสูตรไม่พบร่องรอยการต่อสู้ แล้วจุดที่พบศพก็ตรงตามที่พิทยาบอก ตำรวจจึงสันนิษฐานว่ากุลธิดาน่าจะฆ่าตัวตาย วันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็พากันลงข่าวว่ากุลธิดาอกหักฆ่าตัวตาย นิษฐาเห็นข่าวแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเจติยาอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์เห็นว่าทรัพย์สินของผู้ตายมีเพียงแค่สร้อยพระหนึ่งเส้น แหวนหนึ่งวง ก็ฉุกคิดถึงสร้อยข้อมือที่แม่กุลธิดาให้ไว้ดูต่างหน้าขึ้นมาได้นวัชอาสาไปสอบถามตำรวจเจ้าของคดีให้ว่ามีสร้อยข้อมือด้วยหรือเปล่า ส่วนนิษฐาก็อาสาจะไปสอบถามพ่อกุลธิดาให้ว่าสร้อยอยู่ที่บ้านหรือเปล่า เจติยาสันนิษฐานว่าถ้าไม่มีอยู่กับตำรวจและไม่อยู่ที่บ้านก็แสดงว่าสร้อยอาจตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
เจติยาหลับฝันเห็นกุลธิดายืนอยู่ในห้องพักพิทยา เจติยาดีใจมากปรี่เข้าไปหา แต่กุลธิดากลับยกมือห้ามไม่ให้เธอเข้าไปใกล้ เจติยาพยายามจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น กุลธิดาไม่พูดแต่กลับร้องไห้น้ำตาคลอ น้ำตาที่ไหลออกมากลายเป็นสายเลือดกุลธิดาอ้าปากออกสร้อยข้อมือค่อย ๆ ไหลออกมาจากปาก เจติยาเล่าเรื่องความฝันให้ลุงทวีฟัง ลุงทวีบอกถ้าเจติยาไม่ได้เครียดมากจนฝันไปเอง วิญญาณของกุลธิดาก็คงพยายามจะบอกอะไรสักอย่าง
นทีขออนุญาตชูจิตไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน โดยไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนจะพาไปเที่ยวผับทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง ปริมพาลาภิณมาเที่ยวที่ผับเดียวกันโดยบังเอิญ ลาภิณจำนทีได้ แอบจับตามองดูนทีด้วยความเป็นห่วง พอเห็นนทีเดินไปด้านหลังผับด้วยสีหน้าบึ้งตึง จึงรีบลุกเดินตามไป
นทีถูกเพื่อนล้อว่ากลัวพี่ เลยลุกหนีไปทางหลังผับ บังเอิญเห็นแป้นกำลังจะถูกชายหนุ่มสามคนรุมฉุดไปทำมิดีมิร้าย จึงเข้าไปช่วยเลยโดนรุมทำร้ายแทน ลาภิณตามไปช่วยไว้ได้ทัน พวกคนร้ายเห็นท่าไม่ดีพากันวิ่งหนีไป
ลาภิณขับรถพานทีไปส่งที่บ้าน เจติยาไม่ยอมฟังอะไร เอะอะอาละวาดด่าว่านทีอย่างรุนแรง นทีโมโหสวนกลับทันควัน เจติยาโกรธมากตบหน้านทีอย่างแรง มยุรีเป็นห่วงลูกชายรีบเข้ามาขวาง ลาภิณอ้าปากจะเล่าเรื่องแป้นให้
เจติยาฟัง นทีรีบห้ามไม่ให้ลาภิณพูด จังหวะนั้นเองนิษฐาขับรถพาแป้นมาถึงพอดี
นิษฐากับแป้นช่วยกันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ผับให้เจติยากับมยุรีฟัง แป้นยกมือไหว้
เจติยาน้ำตาคลอ ขอร้องไม่ให้เจติยาลงโทษนที นทีนึกน้อยใจคิดว่ายังไงตนเองก็เลวในสายตาเจติยาอยู่ดี ชายหนุ่มเดินหนีกลับเข้าบ้านไป มยุรีเป็นห่วงลูกชายรีบเดินตามไปติด ๆ
ลาภิณพูดเตือนเจติยาให้หัดฟังนทีบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ เจติยาไม่ฟังคำเตือนลาภิณ แถมยังหันไปเอ็ดแป้นที่หนีไปเที่ยวผับทั้งที่ยังไม่ถึงวัยจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น ก่อนเดินหนีกลับเข้าบ้านไป
พอลาภิณกลับมาถึงบ้านก็ถูกชูจิตเรียกตัวไปต่อว่าที่ทิ้งปริมไว้ที่ผับโดยไม่ยอมบอกกล่าวกันก่อน ปริมโมโหมากคิดว่าลาภิณไม่เห็นค่าความสำคัญของตน หญิงสาวถึงกับประกาศจะขอเลิกคบกับลาภิณ ชูจิตหน้าเสียรีบบอกลาภิณให้อธิบายเหตุผลให้ปริมเข้าใจ แต่พอลาภิณพูดกลับยิ่งทำให้ปริมโกรธเพราะเหตุผลที่ลาภิณทิ้งปริมไปก็เพื่อไปช่วยนทีซึ่งเป็นน้องชายของเจติยา
“เมื่อคุณต้นเห็นเรื่องของลูกสาวแม่ค้านั่นสำคัญกว่าปริม เราก็หมดเรื่องต้องพูดกันแล้วล่ะค่ะ หนูกลับก่อนนะคะคุณแม่ คงไม่ได้เจอกันอีกนาน บางทีอาจจะตลอดไป” ว่าแล้วปริมก็สะบัดหน้าพรืดเดินหนีไปทันที
“ต้น ตามไปง้อหนูปริมสิ”
“ผมเหนื่อยครับแม่ ห่าง ๆ กันซักพัก บางทีทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้”
“ไม่ได้นะต้น แม่ไม่มีวันยอมให้ต้นตัดสินใจผิดพลาดเพราะความหลงชั่ววูบเด็ดขาด” ชูจิตรีบเดินตามปริมออกไปหน้าบ้าน
ลาภิณบ่นปนรำคาญออกมา “ยัดเยียดให้ชอบกับเด็กนั่นกันซะจริง เดี๋ยวก็จีบประชดซะเลย”
นิษฐาโทรศัพท์ถามพ่อกุลธิดาเรื่องสร้อยข้อมือ พ่อกุลธิดายืนยันว่าสร้อยไม่ได้อยู่ที่บ้าน ส่วนนวัชก็ลองถามเพื่อนตำรวจที่คุมคดีนี้อยู่ พบว่าไม่มีสร้อยข้อมือของกุลธิดาเช่นกัน เจติยาคิดว่าห้องที่เธอฝันเห็นกุลธิดาต้องเป็นห้องของพิทยา และน่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของกุลธิดา นวัชช่วยให้เจติยาเข้าไปค้นหาหลักฐานในห้องพิทยาเพียงเพราะความฝันของเจติยาไม่ได้
ลาภิณมีโอกาสได้คุยกับพ่อของกุลธิดา เลยรู้ว่าพ่อกุลธิดาเองก็สงสัยว่าลูกสาวจะถูกฆาตกรรมเหมือนกัน ลาภิณบอกให้เจติยาสบายใจว่าพ่อกุลธิดาได้จ้างนักสืบมาสืบคดีนี้แล้ว แต่เจติยามั่นใจว่านักสืบเองก็คงไม่สามารถสืบอะไรได้เพราะคงไม่สามารถเข้าไปค้นหาหลักฐานในห้องพิทยาได้เช่นกัน
สารัชเคยช่วยแก้ปัญหาการเงินให้เจ้าของคอนโดที่พิทยาพักอาศัยอยู่ ลาภิณช่วยหาทางพาเจติยาแอบเข้าไปค้นหาหลักฐานในห้องพิทยาได้ พอเจติยาได้เห็นห้องของพิทยาก็ถึงกับอึ้งไป เพราะสภาพในห้องเหมือนกับที่เธอเคยฝันถึง
ลาภิณเห็นมีภาพคู่ของพิทยากับกุลธิดาใส่กรอบรูปตั้งโชว์อยู่ในห้อง จึงหยิบขึ้นมาโชว์ให้เจติยาดู “ฉันว่าคราวนี้ลางสังหรณ์เธอน่าจะผิดแล้วล่ะเจ ถ้าพีทเป็นคนฆ่าเพื่อนเธอจริง ๆ เค้าคงไม่เก็บรูปไว้แล้วล่ะ”
“แค่รูปใบเดียว ยังสรุปไม่ได้หรอก เค้าอาจจะเก็บเอาไว้เพื่อเบนความสนใจตำรวจก็ได้ คุณรีบ ๆ มาช่วยฉันหาสร้อยข้อมือของเอียดดีกว่า”
ลาภิณวางรูปลงแล้วช่วยเจติยาค้นหาสร้อยไปทั่วห้อง หาอยู่นานก็ยังไม่พบอะไร ลาภิณเกือบถอดใจ
พอดีเจติยาเหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือของกุลธิดาหล่นอยู่ในซอกตู้แคบ ๆ เล็ก ๆ ใบหนึ่ง ลาภิณทำท่าจะใช้มือเขี่ยสร้อยออกมา เจติยารีบห้าม เพราะกลัวจะมีลายนิ้วมือลาภิณติดไปกับสร้อยด้วย จะทำให้การพิสูจน์ลายนิ้วมือคนร้ายยุ่งยากมากขึ้น ลาภิณต้องใช้ปากกาที่พกติดตัวมาด้วยเขี่ยเอาสร้อยออกมา จังหวะนั้นเอง พิทยากับชัยยุทธผู้จัดการเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี เจติยากับลาภิณได้ยินเสียงไขกุญแจห้องรีบวิ่งไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า
อ่านละคร รากบุญ วันที่ 17 พ.ย. 55
รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัดรากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา เดลินิวส์