@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 12 ก.ค. 57

อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 12 ก.ค. 57

ทั้งสี่คนซึมไปอย่างเห็นได้ชัด เจติยา นวัช และนิษฐา หันไปมองหน้ากันยิ้มบางๆ พอใจที่สามารถไขข้อเท็จจริงได้แต่ก็รู้สึกเศร้าๆ เพราะเรื่องนี้จบลงด้วยความสูญเสีย
เจติยากำลังเช็กเฟซบุ๊กผ่านสมาร์ทโฟนของตนอยู่ โดยมีปลายืนอยู่ใกล้ๆ

เจติยาหันไปพูดกับปลา “พวกเค้าโพสต์ขอโทษปลาแล้วนะ สบายใจขึ้นรึยัง”
ปลายิ้มแย้มพยักหน้ารับ
“พี่ขอให้ปลาโชคดีนะ ในชาติภพใหม่ ก็อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก”
ปลายกมือไหว้ “ขอบคุณพี่มากนะคะ พี่สอนให้หนูเข้าใจอะไรๆ ดีขึ้นเยอะเลย แล้วก็ทำให้หนู ได้กอดพ่อกับแม่ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะพี่ที่รู้สึกว่าพ่อกับแม่เค้ารักหนู”


เจติยาทนไม่ไหวต้องสวมกอดปลาเอาไว้
ปลาพูดไปร้องไห้ไป ซึ้งใจ“หนูจะต้องหาโอกาสตอบแทนพี่ให้ได้”
ขณะนั้นเอง ก็เกิดแสงระยิบระยับขึ้นรอบตัวปลา ก่อนที่วิญญาณของปลาจะเลือนหายไป เจติยายิ้มรับบางๆ สุขใจที่วิญญาณปลาหมดห่วง
ทันใดนั้นเองมีมือปืนขี่มอเตอร์ไซค์มาที่มุมด้านข้างของเจติยา แล้วชักปืนออกมาจ่อยิงเจติยาทันที ปืนในมือของมือปืนถูกเหนี่ยวไกเสียงดังสนั่นลั่นเปรี้ยง
มือปืนรีบซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีไปตามถนนดินอย่างเร็ว

ทางด้านเจติยาที่กำลังตกใจยกมืออุดหูย่อตัวอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวขึ้นหันไปมองทางด้านหลัง พบว่าคนร้ายไม่ได้ยิงตัวเองแต่เป็นผู้ชายคนนึงด้านหลังถูกยิงล้มจมลงกองเลือดอยู่ห่างออกไปพอสมควร
เจติยารีบวิ่งเข้าไปดูอาการคนเจ็บ “คุณคะคุณ เป็นยังไงบ้างคะ คุณ”
ชายคนเจ็บที่ถูกยิงสาหัสไม่ได้สติ ที่แท้ก็คือฉายแฟนเก่าพลอยนั่นเอง

ที่โรงพยาบาลฉายนอนสลบอยู่ในห้องไอซียู มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเต็มไปหมด เจติยายืนมองฉายผ่านกระจก อยู่นอกห้องไอซียู นวัชเดินเข้ามาหาเจติยา
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้างคะผู้กอง”
“คนเจ็บชื่อฉาย เป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแว้นแถวนี้แหละ แล้วก็บังเอิญซะด้วยที่เป็นแฟนเก่าของพลอย”
เจติยาคิดทบทวน อย่างไม่อยากเชื่อ “คนที่ใช้พลอยเป็นเดิมพัน แล้วแข่งแพ้คราวที่แล้วน่ะเหรอคะ”
นวัชพยักหน้ารับ
“แล้วทำไมถูกยิงล่ะคะ”
“เท่าที่เช็คดู น่าจะเป็นฝีมือของพวกแก๊งค้ายา ที่พี่บุกจับพร้อมกับช่วยพลอยคราวก่อนนั่นล่ะ มันอาจจะเข้าใจผิด ว่าฉายเป็นคนแจ้งตำรวจ ก็เลยตามมาล้างแค้น”
เจติยาได้ยินที่นวัชพูดตกใจหน้าเสีย “นี่ถ้าพวกมันรู้ความจริงว่าเป็นฝีมือนที มีหวัง... “ เจติยาอึ้งไป ไม่กล้าพูดต่อ ห่วงน้องสุดๆ

คืนนั้น ที่โถงบ้านเจติยา หญิงสาวกำลังคุยกับนทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีมยุรีอยู่ใกล้ๆ
นทีหงุดหงิด “พวกมันไม่รู้หรอกน่ะ พี่เจอย่ากลัวไปหน่อยเลย”
เจติยาหน้าบึ้ง “จะรู้หรือไม่รู้ ก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ยังไงช่วงนี้แกก็อยู่ห่างๆพลอยไว้หน่อยละกัน เกิดมันมาทำร้ายพลอยอีกคน แกจะได้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย”
นทีโวยลั่น “มันจะมาทำร้ายพลอยแบบนี้ ผมก็ยิ่งต้องอยู่ใกล้ๆพลอย ถ้าทิ้งพลอยเพราะรักตัวกลัวตาย ก็เอากระโปรงมานุ่งเหอะ"
มยุรีเป็นห่วงลูกจึงพูดบ้าง “นี่มันไม่ใช่เวลามาโชว์ความเป็นลูกผู้ชายนะนที ถึงขั้นยิงกันกลางเมือง ขืนเราเข้าไปยุ่งแล้วโดนยิงตายขึ้นมา แม่จะทำยังไง”
“พี่บอกให้อยู่ห่างๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งพลอยนะนที ผู้กองเค้าให้ลูกน้องคอยดูแลพลอยอยู่แล้ว เราคอยระมัดระวังตัวเองไว้จะดีกว่า”
“ถึงยังไงผมก็ไม่อยู่ห่างพลอยหรอก อยู่ใกล้กันเผื่อจะช่วยอะไรได้ทัน พี่เจกับแม่อย่ามาห้ามผมเลย” นทีเดินเลี่ยงเข้าข้างในไป โดยไม่ฟังใครทั้งนั้น
“ดูสิเจ ไม่ทันไร นทียังหลงผู้หญิงขนาดนี้ แม่สังหรณ์ใจอะไรไว้เคยผิดมั้ยล่ะ” มยุรีพูดด้วยความโมโห
เจติยาได้แต่ถอนใจแล้วมองตามน้องชายไปด้วยความหนักใจ

ลาภิณขับรถมาส่งพิมพ์อรที่บ้านตอนกลางคืน
ลาภิณจอดรถสนิทแล้วแต่พิมพ์อรยังนั่งหลับอยู่ ลาภิณจึงปลุกเบาๆ “พี่อรครับ ถึงแล้วครับ”
พิมพ์อรรู้สึกตัวตื่นขึ้น มึนๆหัวเพราะดื่มในงานเลี้ยงมาพอสมควร “อุ๊ย...ถึงแล้วเหรอคะ ขอโทษทีนะน้องต้น พี่หลับไม่รู้เรื่องเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่อรดื่มไวน์เยอะไปหน่อย ก็ต้องมีง่วงบ้างล่ะครับ ดีแล้วที่พี่อรไม่ขับรถเอง อันตราย”
“ขอบคุณมากนะน้องต้นที่มาส่งพี่”
“ไม่เป็นไรครับ”
“รีบกลับบ้านเถอะจ้ะ เดี๋ยวน้องเจเป็นห่วง”
“พี่อรเข้าบ้านไหวนะครับ”
“พี่ไม่ได้ป่วยนะจ๊ะ ขับรถดีๆ ล่ะ” พิมพ์อรเปิดประตูรถจะลง ทันใดนั้นก็มีลมวูบพัดมาที่ใบหน้าพิมพ์อร จู่ๆพิมพ์อรก็มึนหัวจนทรุดนั่งลงไปอีก
ลาภิณร้องเรียกด้วยความตกใจปนห่วง “ระวังครับพี่”
พิมพ์อร เวียนหัวมาก มึนไปหมด พิงศีรษะพักไปกับพนัก

ลาภิณประคองพิมพ์อรเข้ามาในบ้าน
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะน้องต้น พี่ค่อยยังชั่วแล้ว เดินเองไหว”
ลาภิณปล่อยพิมพ์อร “บ้านพี่ไม่มีใครอยู่เลย สงสัยหลับกันหมดแล้ว ผมไปตามให้มั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” พิมพ์อรพูดแล้วก็ชักสงสัย “แปลกนะ ปกติแม่บ้านต้องอยู่รอพี่กลับก่อน” หญิงสาวตัดบท “ช่างเถอะ น้องต้นจะดื่มกาแฟดำแก้ง่วงซักแก้วก่อนมั้ย เดี๋ยวพี่ชงให้”
“ไม่เป็นไรครับ พี่อรขึ้นไปพักผ่อนดีกว่า”
“ตามใจ งั้นพี่ไม่ออกไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรครับ กู๊ดไนท์ครับพี่อร”
“ขับรถดีๆ นะจ๊ะ”
กสิณยืนมองทั้งคู่ แล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะมองไปที่รูปภาพบนผนังเหนือหัวพิมพ์อร ทันใดนั้นรูปภาพที่ติดอยู่บนผนัง ก็ตกลงมาใส่พิมพ์อรทันที
ลาภิณเห็นแล้วตกใจเรียกพร้อมกับดึงพิมพ์อรหลบออกมา “ระวังครับ”
ลาภิณดึงพิมพ์อรให้หลบจากรูปภาพที่ตกใส่ แต่ก็กลายเป็นดึงพิมพ์อรเข้ามากอดในอ้อมอกแทน พิมพ์อรอึ้งไปครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย กสิณยิ้มร้ายๆ พอใจ ก่อนที่ไฟทั้งห้องจะดับมืดลงทันที
“อุ๊ย...” พิมพ์อรตกใจเผลอซบหน้ากับอกลาภิณ แต่ลึกๆ ก็แอบอบอุ่นอิ่มเอม
ลาภิณนิ่งไปเล็กน้อย ได้กลิ่นหอมจากเรือนผมของพิมพ์อร อดที่จะใจเต้นตึกตักตามสัญชาติญาณผู้ชายขึ้นมาไม่ได้ พิมพ์อรเงยหน้าขึ้นมามองลาภิณ ทั้งคู่สบตากันนิ่งในความมืด
แต่ทันใดนั้น ไฟก็สว่างขึ้น พร้อมกับได้ยินเสียงวนันต์ดังขึ้น “ลูกอร”
ทั้งคู่รีบผละออกจากกันทันที ทั้งลาภิณ และพิมพ์อร ต่างมีอาการเก้อเขิน ไม่กล้าสบตากัน ในขณะที่ วนันต์มองทั้งคู่ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะรู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร
ลาภิณรีบยกมือไหว้วนันต์ปั้นหน้าไม่ถูกเล็กน้อย วนันต์รับไหว้ไปตามมารยาทด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก พิมพ์อรไม่กล้าสู้หน้าพ่อเล็กน้อยแต่ก็แอบอมยิ้มพอใจอยู่ในที

วนันต์กดปุ่มให้รถเข็นที่ตนนั่งอยู่เคลื่อนเข้าไปในห้องนอนกสิณ โดยมีกสิณยืนรออยู่
วนันต์ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทำไมถึงทำยังงี้”
“ฉันควรจะถามคุณมากกว่าคุณวนันต์ ทำไมคุณถึงมาขัดขวางฉัน ทั้งๆที่ฉันกำลังช่วยลูกสาวคุณอยู่” กสิณตอบด้วยความไม่พอใจจ้องหน้าวนันต์เขม็ง
วนันต์โมโห “ช่วยให้ลูกอรทำบาปมากขึ้นน่ะสิ ลูกสาวฉันเคยเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดี แต่เป็นเพราะแกที่คอยยุแยงเค้า จนทุกวันนี้ ลูกอรกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว รู้จักแต่จะเอาชนะ โดยไม่สนใจ ความถูกผิดแล้ว”
“ก็แล้วใครล่ะ ที่เป็นคนมอบฉันให้พิมพ์อร คุณเองไม่ใช่เหรอะ”
วนันต์ได้ฟังแล้วขบกรามแน่นเป็นสันด้วยความแค้นใจ “ใช่ คนที่เลวที่สุดคือฉันเอง ฉันมันโง่แล้วก็อ่อนแอ ถึงได้ขอความช่วยเหลือจากแก ปล่อยให้แกครอบงำ แล้วยังส่งต่อแกไปให้ทำร้ายลูกสาวฉันเองอีก”
กสิณส่ายหน้าช้าๆ “ฉันไม่เคยทำร้ายคุณหรือว่าพิมพ์อรเลย สิ่งที่ทำร้ายพวกคุณ มันคือกิเลสในจิตใจของพวกคุณเองตะหากฉันก็เพียงแค่...” ไม่คาดคิด กสิณกลายร่างจากสาวสวย เป็นหนุ่มหล่อ ท่าทางเข้มแข็ง ฉลาดเฉลียว “ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณสบายใจที่จะใช้งานฉัน จำแลงร่างกายที่จะทำให้คุณเชื่อมั่นฉันได้มากกว่า และเมื่อฉันถูกส่งต่อสู่มือพิมพ์อร...”
กสิณเปลี่ยนกลับไปเป็นสาวสวยเหมือนเดิม กสิณผายมือโชว์ความสวยงามของตน “ฉันก็จำแลงกายให้เป็นในแบบที่พิมพ์อรไว้วางใจและสบายใจที่จะใกล้ชิดด้วย เห็นมั้ยว่าฉันทำตามความต้องการของพวกคุณก็เท่านั้นเอง”
วนันต์ขบกรามแน่นเจ็บใจเถียงไม่ออก กสิณจ้องหน้าวนันต์แล้วอธิบายต่อ “ฉันจะไม่มีทางเติบโตหรือมีพลังเพิ่มขึ้นเลย ถ้าไม่มีกิเลสของพวกคุณ มนุษย์มักจะโทษว่าปิศาจชักนำไปในทางที่ผิด แต่แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่พามนุษย์ไปสู่จุดจบก็คือตัวมนุษย์เอง ปิศาจมีหน้าที่แค่อำนวยความสะดวกเท่านั้นเอง” กสิณหัวเราะเยาะหยันในที
วนันต์ฟังแล้วได้แต่ขบกรามแน่นมือสั่นด้วยความแค้น “แล้วฉันต้องทำยังไง แกถึงจะยอมปล่อยลูกสาวฉัน”
“คุณก็รู้นี่ มีอยู่สองทาง ถ้าพิมพ์อรไม่ตาย ก็ต้องยกเหรียญให้คนอื่น แต่ฉันว่าพิมพ์อรไม่เลือกทำทั้งสองทางนั่นแหละ”
วนันต์แค้นจนน้ำตาคลอเบ้า แต่ด้วยสภาพตอนนี้ ตนช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย และลูกก็ไม่มีทางเชื่อตนด้วย

ที่ห้องนอนเจติยากำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสือ ระหว่างรอลาภิณอยู่ เจติยาหาวและง่วงมาก แต่ก็อยากรอลาภิณกลับมาก่อน ขณะนั้นเอง ลาภิณก็เปิดประตูเข้ามา เจติยาลุกไปหา
“ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะเจ ดึกแล้วนะ”
“ถ้าคุณยังไม่กลับ เจนอนไม่หลับหรอกค่ะ”
ลาภิณยิ้มรับหอมแก้มเจติยาพร้อมกล่าวชม “น่ารักจริงๆเลย ภรรยาใครเนี่ย”
เจติยายิ้มๆแล้วรับเสื้อนอกของลาภิณมา “ดินเนอร์กับพวกนักธุรกิจเป็นยังไงบ้างคะ”
ลาภิณปลดกระดุมเสื้อไปคุยไป “ก็ดีจ้ะ ได้เปิดหูเปิดตา แต่ละคนเค้าก็มีมุมมองที่ผมคิดไม่ถึงเหมือนกัน ผมอาบน้ำก่อนนะ เจง่วงก็นอนไปเลยไม่ต้องรอ” ลาภิณถอดเสื้อเชิ้ตออกแล้วทำท่าชู๊ตบาสโยนเสื้อลงตระกร้าแต่ไม่ลง ทำหน้าเสียดาย
เจติยาแซวประชด “แม่นมาก”
ลาภิณทำหน้าตากรุ้มกริ่มขี้เล่นขึ้นมาบ้าง “หมู่นี้ว่างไม่ตรงกัน ไม่ค่อยได้ซ้อมก็เงี้ย ยิงไม่ค่อยแม่น..คืนนี้ซ้อมกันหน่อยป่ะ”
เจติยาได้ฟังรู้สึกเขินรีบไล่ส่งตัดบททันที “รีบไปอาบน้ำเลยไป”
ลาภิณเดินเข้าห้องน้ำไป แต่ยังไม่วายโผล่หน้าออกมายิ้ม “ไม่ซ้อมจริงเหรอ”
“คุณต้นจะตีสองแล้วนะ”
ลาภิณปิดประตูห้องน้ำไปพร้อมกับพูด “ไนท์ครับ”
เจติยายิ้มๆ เดินไปเก็บเสื้อเชิ้ตลาภิณที่ขยำเป็นก้อนขึ้นมาคลี่ออกให้ดีๆ ก่อนจะทิ้งลงตระกร้าผ้า แต่เสี้ยววินาทีนั้น เจติยาเหลือบมองไปที่เสื้อเห็นเส้นผมยาวของผู้หญิงติดอยู่ที่เสื้อ เจติยาดึงเส้นผมจากเสื้อขึ้นมาดู เป็นเส้นผมยาวของผู้หญิงแน่นอน
เจติยานิ่งๆไปเล็กน้อย แต่ไม่ติดใจอะไรเพราะไว้ใจในตัวลาภิณ เจติยาทิ้งเสื้อลงตระกร้าผ้า เอาเส้นผมไปทิ้งขยะ แล้วเดินขึ้นเตียงไปนอนห่มผ้าเป็นปกติไม่ได้เก็บมาคิดติดใจอะไรให้ไม่สบายใจต่อ
หน้านิราลัยตอนสายๆ ลาภิณกับเจติยากำลังยืนคุยกับสิทธิพรด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“อะไรวะ แวะมาทั้งที แทนที่จะอยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อน ไม่ทันไรจะกลับซะแล้ว”
“เอาไว้คราวหน้าดีกว่า ฉันจะล้างท้องมาให้แกเลี้ยงเลย วันนี้ต้องรีบไปธุระต่อ ตั้งใจจะแวะมาอวยพรแกกับคุณเจย้อนหลังเท่านั้นเอง” สิทธิพรหันไปยิ้มให้เจติยา “ยินดีด้วยอีกครั้งนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นเจขอส่งตรงนี้เลยนะคะ ต้องรีบไปเคลียร์งานต่อ เดี๋ยวเจ้านายจะตำหนิ”
ลาภิณส่งยิ้มให้เจติยาก่อนที่เจติยาจะยกมือไหว้สิทธิพร สิทธิพรรับไหว้..เจติยาเดินแยกไป
สิทธิพรมองเจติยาท่าทางปลื้มๆ “เมียแกน่ารักดีว่ะ ไปหาได้แถวไหนวะ มีเหลือให้เพื่อนอีกซักคนมั้ย”
ลาภิณขำๆกับท่าทางของเพื่อน
ข้างฝ่ายเจติยาเดินไปได้ซักระยะ นึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้าว ลืมบอกคุณต้น” เจติยาส่ายหน้ากับความขี้ลืมของตัวเดินย้อนกลับไปหาลาภิณ ซึ่งลาภิณและสิทธิพรยังคงสนทนากันต่อ

อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 12 ก.ค. 57

ละครรากบุญ2 บทประพันธ์โดย : ช่อมณี
ละครรากบุญ2 บทโทรทัศน์โดย : เอกลิขิต
ละครรากบุญ2 กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครรากบุญ2 ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครรากบุญ2 ควบคุมการผลิตโดย : ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครรากบุญ2 ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครรากบุญ2 เริ่มออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557 นี้
ที่มา ไทยรัฐ