@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 2 วันที่ 6 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 2 วันที่ 6 ม.ค. 56

กระเป๋าสตางค์เอาเงินออกมาวางบนโต๊ะ พิทยาหันไปมองสุอาภา
“ค่าอาหารที่ผมสั่งไว้”
พิทยาจับมือรวีพรรณให้ลุกขึ้นยืน พราวพิไลหน้าตื่น สุอาภาไม่พอใจอย่างแรง พิทยาพารวีพรรณเดินออกไป สุอาภากำมือแน่นหันไปมองตามพิทยาแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ ภูวดลอ่านสีหน้าของสุอาภาออก
พราวพิไลลุกขึ้นไปจับแขนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“แต...”
“ไปก็ดี”

สุอาภานั่งลงทำเป็นว่าไม่สนใจแล้วก็ก้มหน้ากิน พราวพิไลมองเพื่อนอย่างรู้ทันแล้วก็นั่งลง
ภูวดลมองสุอาภาครุ่นคิด นึกว่าเป็นรักสามเส้า



พิทยาจูงมือรวีพรรณเดินมาตามทางเดินด้วยกัน
“เราไปหาร้านอื่นทานข้าวกันนะครับ”
รวีพรรณยังโมโหหึงอยู่เลยแกะมือพิทยาออก พิทยาผงะ หันไปมอง
“คุณไปทานกับคุณแตเถอะค่ะ ฉันจะกลับบ้าน”
รวีพรรณจะเดินไป พิทยารีบจับแขนรวีพรรณเอาไว้
“รวี...คุณอย่าไปฟังที่เค้าพูดนะ”
รวีพรรณสุดทนบอก
“จะไม่ให้รวีฟังได้ยังไง ในเมื่อมันคือความจริง รวีรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยระหว่างพิทกับผู้หญิงคนนั้น”
พิทยาจับแขนรวีพรรณสองข้างอย่างแคร์สุดๆ
“ที่ผมไม่บอก เพราะผมไม่อยากให้รวีไม่สบายใจ คุณแตต้องการพูดให้ผมกับคุณแตกคอกัน เพราะเค้าโกรธที่ผมปฏิเสธเค้า นั่นก็เพราะว่าผมรักและมั่นคงต่อรวี เราอย่าทะเลาะกันเลยนะครับ ต่อไปนี้ผมจะบอกคุณทุกเรื่อง ผมสัญญา”
พิทยามองรวีพรรณสายตาเว้าวอน เธอค่อยเย็นลงแล้วถอนหายใจและพยักหน้า พิทยายิ้มออกมาด้วยความสบายใจ

เวลากลางคืน รถพิทยาจอดที่หน้าบ้าน พิทยากับรวีพรรณลงจากรถพร้อมกัน แล้วก็ผงะเพราะรมณีเดินออกมา พิทยายกมือไหว้แต่รมณีไม่รับไหว้ แถมยังมองเหยียดจนพิทยาทำหน้าไม่ถูก
“เข้าบ้าน”
รวีพรรณใจไม่ดี
“แม่คะ”
“แม่บอกให้เข้าบ้าน!”
รวีพรรณไม่กล้า...หันไปมองพิทยาด้วยความเป็นห่วงก่อนเดินเข้าไปในบ้าน รมณีมองจนแน่ใจว่ารวีพรรณเข้าไปแล้วจริงๆ ก็หันมาทางพิทยา
“ฉันมีลูกสาวคนเดียว ยัยรวีเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของฉัน ฉันเลี้ยงดูเค้ามาอย่างดี ไม่เคยต้องให้ลำบาก ฉันต้องการให้เค้าได้ในสิ่งที่ดีที่สุด เธอคงฉลาดพอที่จะเข้าใจ”
พิทยาอึ้งกับคำพูดของรมณี
“แต่ผมรักรวีด้วยความจริงใจนะครับ”
รมณีมองพิทยาด้วยสายตาดูถูก
“ความรักไม่ช่วยอะไร ถ้าเธอไม่มีเงิน คิดดูซิ เธอมีอะไรคู่ควรกับลูกสาวฉัน ทั้งฐานะและชาติกำเนิด ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันอีก”
รมณีพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้พิทยายืนอึ้งอยู่กับที่

รมณีเดินเข้ามาที่ห้องรับแขก รวีพรรณรออยู่
“แม่พูดอะไรกับพิทคะ”
“แม่บอกให้เค้าเลิกยุ่งกับลูก”
รวีพรรณอึ้งด้วยความคิดไมาถึง
“ทำไมแม่พูดกับพิทแบบนั้น”
“เพราะแม่รักลูก หวังดีกับลูกยังไงล่ะ แม่มองเห็นลายของเค้าตั้งแต่เค้ามาคบกับลูก แม่ไม่อยากให้เค้ามาเป็นเขย ไม่อยากให้เค้ามาร่วมวงศ์วานของเรา และที่สำคัญที่สุด แม่ไม่อยากให้ลูกไปลำบากใจในวันข้างหน้า เสียใจหนเดียววันนี้ ดีกว่าเสียใจทีหลังแล้วต้องน้ำตาตก”
“รวีคบกับพิทมานานหลายปี รวีรู้ดีว่าพิทเป็นคนยังไง ถ้าคุณแม่เปิดใจยอมรับเค้า คุณแม่ก็จะ..(เห็น)”
รมณีรีบขัดแทรกทันที
“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปได้! แค่ประวัติของเค้า แม่ก็รับไม่ได้แล้วเพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าแม่จะให้โอกาส แม่จะไม่พูดเรื่องนี้อีก พรุ่งนี้ลูกต้องเตรียมตัวไปทานข้าวกับแม่”
รมณีพูดจบก็เดินออกไป รวีพรรณถอนใจ

สุอาภากลับเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท ทันใดนั้น...ไฟก็เปิดสว่าง สุอาภาตกใจ หันไปเห็นนพยืนอยู่
“จะหลบหน้าป๋าไปถึงเมื่อไหร่”
“แตไม่ได้หลบหน้าป๋าซักหน่อย” สุอาภาบอก แต่หันหน้าไปทางอื่น
นพเดินมาใกล้บอก
“เราเป็นพ่อลูกกัน เราโกหกป๋าไม่ได้หรอก สิ่งที่ป๋าทำลงไป แตอาจจะคิดว่าป๋าไม่มีเหตุผล แต่ที่ป๋าทำ เพราะป๋าเป็นห่วงแต”
“ห่วงยังไงคะ ถึงยกแตให้กับคนที่เค้าเกลียดแต!”
สุอาภาจะร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้ นพเห็นแล้วตกใจ
“แตเข้าใจพิทผิดแล้ว พิทเค้าไม่ได้เกลียด...”
นพยังพูดไม่ทันจบประโยค สุอาภาสวนขึ้นมาทันที
“ป๋าต่างหากที่เข้าใจผิด ป๋ารู้มั๊ยว่าเค้าพูดกับแตว่ายังไง เค้าบอกว่า เค้าไม่อยากอยู่ร่วมโลกเดียวกับแต เค้าไม่อยากรู้จักแต”
นพอึ้ง...สุอาภาน้ำตารื้นอย่างกลั้นไม่ได้อีกต่อ
“นี่แหละคือธาตุแท้ของคนที่ป๋าคิดว่าเค้าเป็นคนดี”

สุอาภาน้ำตาไหล นพอึ้งมาก...มองลูกสาวด้วยความสงสารแล้วดึงตัวมากอดแน่น สุอาภาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก นพกอดปลอบใจอยู่ตรงนั้น
วันถัดมา ภายในร้านอาหารเวลากลางวัน รมณีกับรวีพรรณ นั่งตรงข้ามกับ ศรีพิไลที่มองรวีพรรณอย่างพินิจพิจารณาราวกับว่าเธอเป็นสินค้าชิ้นหนึ่งจนรวีพรรณเกร็งไปหมด

“ เคยเห็นหนูเมื่อตอนเล็กๆ ซัก 10 ขวบได้มั๊ง นี่ถ้าไปเจอกันข้างนอกฉันคงจำไม่ได้ เพราะหน้าตาสะสวยขึ้นเยอะ”
รวีพรรณยิ้ม รมณีรีบพูดต่อ
“ไม่ได้แค่สวยอย่างเดียว ลูกสาวฉันเก่งอย่าบอกใคร เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ1 จบปริญญาโท2ใบ แล้วตอนนี้ก็ทำร้าน...ด้วยจ้ะ เค้กฝีมือรวีอร่อยมาก วันหลังแวะไปทานนะจ๊ะ”
รวีพรรณรู้สึกแปลกๆที่แม่ชมออกนอกหน้าก็เลยปราม
“แม่คะ”
รมณีหันมา
“จะเขินทำไมล่ะลูก เราพูดความจริง ไม่ได้ปั้นเสริมเติมแต่ง”
รมณีหันไปทางศรีพิไลบอก
“รายนี้เค้าชอบถ่อมตัว”
“ถ่อมตัวน่ะดี ดีกว่าพวกผู้หญิงที่ชอบทำตัวมั่นใจ ทำอะไรเกินงาม คนแบบนี้ฉันเกลียดนัก”
ศรีพิไลมองรวีพรรณด้วยแววตาชื่นชม จนเธอทำหน้าไม่ถูก แล้วรมณีก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“อุ๊ยตายแล้ว แม่ลืมของที่จะเอามาให้ศรีไว้ในรถ ลูกช่วยไปเอาให้แม่ที”
“ค่ะ”
รวีพรรณลุกเดินออกไป ศรีพิไลมองตามรวีพรรณอย่างถูกใจมาก
“ลูกสาวเธอดูจะเป็นคนว่านอนสอนง่าย ถูกใจฉันมาก”
รมณียิ้มด้วยความพอใจ

ภูวดลกำลังคุยโทรศัพท์มือถือ
“ถึงแล้วครับแม่ เดี๋ยวเจอกันครับ”
ภูวดลวางสาย หันไปทางกี้ที่ยืนควงออดอ้อนอยู่
“ความจริงดลน่าจะพากี้ไปพบคุณแม่ซะตอนนี้ ไหนๆกี้ก็อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว”
ภูวดลเอามือกี้ออกแล้วมองอย่างไม่พอใจ
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณจะไม่เรียกร้องอะไรจากผม”
เสียงที่เฉียบขาดของภูวดล ทำให้กี้ไม่กล้าทันใดนั้นเสียงพริตตี้ดังขึ้น
“คุณดล!”
ภูวดลกับกี้หันไปเห็นพริตตี้คนเดิมยืนหน้าง้ำอยู่ พริตตี้จ้ำเดินเข้ามา
“ไหนบอกวันนี้ไม่ว่างไงคะ”
ภูวดลไม่พอใจที่มาแสดงท่าทางหึงหวง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
พริตตี้เหวอ กี้ยิ้มเยาะสะใจ
“รู้ไว้นะว่าฉันเป็นแฟนดล ส่วนเธอมันก็แค่คู่นอนชั่วคราว”
ภูวดลหันไปมองกี้อย่างไม่พอใจ พริตตี้โมโหมากเงื้อมือตบหน้ากี้เพี๊ยะ!
กี้โมโห...แล้วก็เปิดฉากตบกันอย่างดุเดือด ภูวดลส่ายหัวด้วยความเซ็งมาก ระหว่างนั้นรวีพรรณเดินหิ้วถุงกลับมา เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วก็หันไปเห็นภูวดลยืนมองเฉยก็รู้สึกไม่พอใจ
“ดลช่วยกี้ด้วย..อ๊าย!”
ภูวดลไม่ช่วย หันไปเห็นรปภ.ก็เรียก
“นี่ พาผู้หญิงสองคนนี้ออกไปที”
กี้กับพริตตี้ผงะหยุดตบ ภูวดลยื่นแบ้งค์พันให้รปภ. รปภ.รีบรับเงิน สองสาวอึ้งร้องเรียกชื่อ “ดล”ขึ้นพร้อมกัน
ภูวดลชี้หน้า
“คุณสองคนอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”
ภูวดลเดินออกไปอย่างไม่แยแส สองสาวหน้าเสียจะตามไป แต่เจอรปภ.เข้ามาล็อกแขน
“เชิญทางนี้ครับคุณผู้หญิง”
สองสาวโวยวายไม่ยอม แต่เจอรปภ.ลากออกไป รวีพรรณหันไปมองตามภูวดลรู้สึกไม่ชอบผู้ชายแบบนี้

รวีพรรณเดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วก็ตกใจสุดขีดที่เห็นภูวดลนั่งอยู่ข้างศรีพิไล รวีพรรณนั่งลงข้างๆรมณี ทางด้านภูวดลเห็นรวีพรรณก็ชะงัก นึกภาพย้อนกลับไปตอนเห็นรวีพรรณอยู่กับสุอาภาและพิทยาและภาพที่พิทยาจับมือรวีพรรณเดินออกไป
“นี่รวี ลูกสาวน้าจ๊ะ ส่วนนี่ภูวดล ลูกชายคุณป้าศรี”
ภูวดลยิ้มพร้อมยื่นมือออกไป
“สวัสดีครับคุณรวี”
รวีพรรณไม่จับมือภูวดล
“สวัสดีค่ะ”
ภูวดลหน้าเจื่อน รมณีกับศรีพิไลผงะ ภูวดลเก็บมือกลับอย่างเก้อๆ
“ต้องขอโทษหนูรวีแทนพ่อดล รายนี้เค้าโตที่เมืองนอก ก็เลยติดนิสัยแบบฝรั่งมา”
“แต่ผมว่าท่าทางคุณรวีจะไม่ค่อยอยากรู้จักผมซะมากกว่า”
รวีพรรณตกใจที่ภูวดลพูดจาตรงๆ รมณีรีบแก้ตัวและเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่หรอกจ๊ะ รวีเค้าเป็นคนขี้อาย ว่าแต่คราวนี้มีแพลนจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหน”
“ไม่มีกำหนดจ๊ะ” ศรีพิไลบอก
“ถ้างั้นก็ดี พ่อดลกับยัยรวีจะได้มีเวลาทำความรู้จักกัน”
รวีพรรณมองแม่อย่างรู้ทันทีว่าแม่หมายความว่าอะไร พอหันไปเจอภูวดลส่งยิ้มมาให้อีก...ก็ยิ่งอึดอัด

ภายในบ้าน เวลาบ่าย รวีพรรณหันมาทางรมณีสีหน้าไม่พอใจ
“วันนี้ที่แม่พารวีไปทานข้าว มันคือการดูตัวใช่มั๊ยคะ”
“รู้ก็ดี แม่จะไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย คนที่จะแต่งงานกับลูกต้องเป็นคนที่แม่เลือกให้เท่านั้น”
“แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี”
รวีพรรณกำลังจะเล่าว่าเห็นผู้หญิงตบกันแย่งภูวดล แต่รมณีพูดขัดขึ้น
“ลูกเพิ่งเจอเค้าครั้งแรก ลูกรู้ได้ยังไง”
รวีพรรณจะพูดต่อ แต่รมณีรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“แม่ตัดสินใจแล้ว...ภูวดลเป็นคนที่เหมาะสมกับลูกมากที่สุด ทั้งฐานะ การศึกษา และ ชาติตระกูล ถ้าลูกได้ลงเอยกับเค้า ลูกจะสบายไปจนชั่วชีวิต แล้วแม่ก็จะได้หายห่วง ว่าแม่ฝากลูกไว้กับคนที่ถูกต้อง ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของแม่ หน้าที่ของลูกมีอย่างเดียว..จบเรื่องลูกกับนายพิทยาซะ”
รมณีสั่งเสร็จก็เดินออกไป รวีพรรณพูดอะไรไม่ออกได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ในเวลาเดียวกัน ภูวดลเดินนำศรีพิไลเข้ามาในบ้าน
“หนูรวีนี่เรียบร้อยอ่อนหวานสมกับเป็นกุลสตรี ลูกว่ามั๊ย”
ภูวดลหยุดเดินหันไปบอกแม่
“อย่าเพิ่งวางใจไปครับคุณแม่ ผู้หญิงสมัยนี้แอ๊บกันเยอะ จะมีตำหนิรึเปล่า เราไม่มีทางรู้”
“แต่แม่มั่นใจว่าหนูรวีไม่มีตำหนิ ตระกูลของรมณีเป็นตระกูลเก่าแก่ มีความเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว การอบรมสั่งสอนก็เป็นไปอย่างเข้มงวด ลูกวางใจได้ว่าแม่เลือกคนไม่ผิด”
“คุณแม่อายุมากขึ้น อาจจะมองอะไรไม่ชัดเหมือนเมื่อก่อน”
“ตาดล!” ศรีพิไลเสียงเขียว
“เอาล่ะครับๆ ถ้าคุณแม่ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ ผมก็จะไม่ขัดใจ”
ศรีพิไลยิ้มพอใจ
“ดีแล้วลูก ความฝันของแม่คืออยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ได้ภรรยาที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมครอบครัวของเรา ลูกจะได้เลิกทำตัวเป็นคาสโนว่าซักที”
ภูวดลยังไม่ทันพูดอะไร ภาสันต์ พ่อของภูวดลที่ใส่ชุดเล่นกอล์ฟเดินเข้ามา ภูวดลกับศรีพิไลหันไปมอง
“แน่ใจเหรอว่าลูกชายสุดที่รักของคุณจะเลิกนิสัยนี้ได้” ภาสันต์ถาม
ภูวดลมองภาสันต์อย่างไม่พอใจ
“เพราะว่ามันเป็นสันดานที่ฝังลึกลงไปแล้ว”
“คุณสันต์...เมื่อไหร่คุณจะเลิกว่าลูกซักที”
“ก็เมื่อวันที่มันจะเลิกแบมือขอเงินน่ะสิ คุณรู้มั๊ยว่าเมื่อวานวันเดียวมันใช้เงินไปเท่าไหร่...18 ล้าน !”
ศรีพิไลตกใจยกมือทาบอก
“ตายแล้ว! ลูกเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น”
“ก็รถที่จอดด้านหน้านี่ไง” ภาสันต์บอก
“ก่อนที่คุณพ่อจะว่าผม ฟังเหตุผลผมก่อนได้มั๊ยครับ เมื่อวานมีงานประมูลรถการกุศล ที่รัฐมนตรีวิวัฒน์เป็นประธาน ผมเห็นว่าโครงการใหม่ของบริษัทเราคงต้องพึ่งท่าน ผมถึงได้บริจาคเงินไป 18 ล้าน เพื่อแลกกับรถคันนั้น” ภูวดลบอก
“โถลูกแม่...ช่างแสนดีเหลือเกิน คุณสันต์ คุณได้ยินแล้วนะ”
“คุณพ่อไม่เชื่อหรอกครับว่าผมพูดความจริง ผมคือลูกที่เลวในสายตาของคุณพ่อตลอดเวลาอยู่แล้ว ผมไปนะครับแม่”
ภูวดลเดินออกไป ศรีพิไลมองอย่างเป็นห่วง
“ลูกจะไปไหน”
ภูวดลไม่ตอบออกไปเลย ศรีพิไลหันไปมองภาสันต์ไม่พอใจ ภาสันต์เดินออกไปอีกทาง
“คุณสันต์..!”

ศรีพิไลรีบตามไปด้วยความโมโห
ศรีพิไลตามภาสันต์ออกมา

“คุณสันต์ ถ้าคุณเกลียดฉัน ก็อย่าไปลงที่ลูก”
ภาสันต์หันขวับถาม
“ผมจะเกลียดคุณเรื่องอะไร”
“เรื่องนังพิมไง!! คุณยังรักมันอยู่ใช่มั๊ย!”
ภาสันต์ชะงักไปทันที
ภาสันต์ชักรำคาญ
“หยุดขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดซักที มันน่ารำคาญ!”
ศรีพิไลทั้งเสียใจ น้อยใจและโมโหระคนกัน
“ใช่สิ ฉันมันน่ารำคาญ แต่ฉันคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้คุณตาสว่างไม่โดนเพื่อนสนิทสวมเขา”
ภาสันต์ฟังแล้วก็นิ่งไปเพราะมันคือความจริง
“ถ้าไม่ได้ฉัน ป่านนี้คุณก็ต้องเลี้ยงไอ้มารหัวขนในท้องนังพิมแล้วทั้งๆที่มันเป็นลูกของเพื่อนคุณ”
“คิดจะทวงบุญคุณผมเหรอ”
ศรีพิไลเดินมาเชิดหน้าอย่างท้าทาย
“ใช่...คุณจะได้รู้ว่าที่คุณไม่เสียคนมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นเพราะใคร”
ศรีพิไลพูดจบก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะเดินออกไป ภาสันต์กำมือแน่นด้วยความโมโห

ภายในวัดแห่งหนึ่ง ตรงที่เก็บอัฐิ มีป้ายข้อความเขียนว่า “พิม พิพัฒนะ ชาตะ 22 มิถุนายน 2507 มรณะ 16 ตุลาคม 2540”
นพเอาดอกไม้มาวาง ยืนมองรูปถ่ายพิมแล้วก็คิดย้อนกลับไป

ภายในโรงพยาบาล นพจับมือพิมที่นอนบนเตียงและกำลังจะตาย นพเสียใจมาก พิมพูดไปหอบไป ด้วยน้ำเสียงที่กำลังจะหมดแรง
“พิมขอโทษที่ต้องโทรตามพี่นพ”
“ไม่เป็นไรเลยพิม พิมอยากให้ผมช่วยอะไร พิมบอกมาได้เลย” นพบอก
พิมร้องไห้กุมมือนพแน่น นพอึ้ง
“ช่วย ช่วยเอา..ล..ลูก..ลูกของพิมไปเลี้ยง เค้า..ไม่เหลือ..ใครอีกแล้ว แต่พี่...อย่าบอก...ว่าพ่อเค้า...คือใคร สัญญากับพิม...ได้มั๊ย”
นพพยักหน้าแล้วก็ร้องไห้
“ผมสัญญา พิมไม่ต้องห่วง ผมจะเลี้ยงลูกของพิมให้ดีที่สุด”
พิมยิ้มด้วยความสบายใจ แล้วก็หมดลมหายใจทันทีอย่างหมดห่วง นพแทบช็อก
“พิม!”
นพเอาพิมขึ้นมากอดแน่น ร้องไห้ด้วยความเสียใจและเจ็บปวดสุดๆ

นพจูงมือพิทยา วัย 7 ขวบอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะหยุดเดินและหันไปมอง
“ต่อจากวันนี้ไปที่นี่คือบ้านของเรานะ” นพบอก
นพจับไหล่พิทยาให้หันมาแล้วคุกเข่าตรงหน้า
“ลืมทุกอย่างซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”
นพพยักหน้าให้ความมั่นใจ พิทยาลังเลไปนิดนึงแล้วก็พยักหน้ารับ นพยิ้มและดึงพิทยาเข้ามากอดด้วยความสงสาร

นพยืนมองรูปถ่ายพิม แล้วก็ทอดถอนหายใจ

เวลากลางคืน ณีเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนสุอาภาพร้อมกับน้ำส้ม
“น้ำส้มได้แล้วค่ะคุณหนู”
ณีตกใจที่เห็นข้าวของเกลื่อนเต็มห้องไปหมด จึงรีบวางแก้วน้ำส้มบนโต๊ะ
“มันเกิดสงครามอะไรขึ้นคะเนี่ย”
สุอาภาออกมาจากห้องแต่งตัว
“ป้าช่วยเอาของพวกนี้ไปทิ้งที”
ณีแปลกใจแล้วก็หยิบของแต่ละอย่างขึ้นมาดู
“ตุ๊กตา การ์ด สมุด ของสมัยเด็กของคุณหนูทั้งนั้นเลยนี่คะ ไหนคุณหนูเคยสั่งไม่ให้ป้าเอาไปทิ้งไง”
“ของพวกนี้มันเป็นอดีตไปแล้วค่ะ คนเราต้องอยู่กับปัจจุบันและก้าวไปข้างหน้า”
ณีพึมพำ
“มาซะเป็นหลักการเลยวันนี้”
สุอาภาได้ยินก็หันมาบอก
“แตเปลี่ยนไปแล้วค่ะป้า”
ณียิ้มแหย
“ได้ยินด้วยเหรอคะ”
“หยั่งกะป้าเสียงเบานักนี่”
ณีหัวเราะแห้งๆ แล้วถาม
“ว่าแต่คุณแตแน่ใจนะคะว่าจะทิ้งทั้งหมด”
“ค่ะ”
ณีถามอีกครั้ง
“ชัวร์-นะ-คะ”
สุอาภาถลึงตาใส่ “ค่า”
“แน่นะ ทิ้งแล้วเอาคืนไม่ได้น้า “
สุอาภาเริ่มลังเล มองไปแล้วก็นึกเสียดาย
“ใส่กล่องเก็บไว้ในห้องเก็บของก่อนก็แล้วกันค่ะ”
ณีอมยิ้มอย่างรู้ใจแล้วก็เก็บของเข้ากล่อง สุอาภาก้มมองเห็นกระดาษที่มีรูปวาดตัวการ์ตูนผู้ชายกับผู้หญิงจับมือกัน บนตัวการ์ตูนเขียนชื่อ “พิท” กับ “แต” เธอหยิบขึ้นมาด้วยแววตามุ่งมั่นเอาจริงแล้วก็ฉีกออกครึ่งนึง ก่อนหันไปมองทีรูปการ์ตูนผู้ชาย
“ถึงเวลาตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

สุอาภาหรี่ตาสีหน้าร้ายกาจมาดมั่น
วันถัดมา ภายในร้านกาแฟเก๋ๆแห่งหนึ่ง สุอาภาเปิดเฟซบุ๊กผ่านทางไอโฟน เข้าไปหน้า wall ของรวีพรรณ ดูประวัติของรวีพรรณ เบอร์โทรศัพท์และรูปถ่าย สายตาเธอเห็นรูปรวีพรรณที่ถ่ายกับสินีนาฎในฟิตเนสแห่งหนึ่ง สุอาภาดูที่เช็กอินเห็นชื่อ สถานที่ฟิตเนสแห่งนั้น ด้วยสีหน้าและแววตาเจ้าเล่ห์

ภายในฟิตเนส เวลาเช้า รวีพรรณกับสินีนาฎกำลังเดินอยู่บนลู่วิ่ง ด้านหลังเห็นสุอาภาเดินเข้ามา เธอยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นรวีพรรณกับสินีนาฎ ก่อนจะเดินมาข้างๆ ทำเป็นมองไม่เห็นรวีพรรณกับสินีนาฎ และหยิบโทรศัพท์โทร.หาพิทยา
สุอาภาส่งเสียงหวานถาม
“พิทอยู่บ้านเหรอ”
ทั้งคู่ได้ยินเสียงก็หันไปมองและผงะเมื่อเห็นว่าเป็นสุอาภา
สุอาภาเดินมาขึ้นลู่วิ่งข้างๆ จงใจพูดเสียงดังให้รวีพรรณได้ยิน

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 2 วันที่ 6 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager