@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 13 ธ.ค. 55

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 13 ธ.ค. 55

ขมังเวทย์เล่นงานแสงกล้าด้วยมือเปล่า แสงกล้าพยายามต่อสู้ แต่ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ช้ากว่าขมังเวทย์ไปหนึ่งท่วงท่าเสมอ
แสงกล้าล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นห้อง ไม่มีทางสู้ขมังเวทย์ได้
แพรไพลินยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาเบทในห้องนั้น แสงกล้าหันขวับไปมองแพรไพลินด้วยความเป็นห่วง ขมังเวทย์เห็นอาการแสงกล้าก็ถามและยิ้มเหี้ยม
“เป็นห่วง หลงรักเค้ารึ”
ขมังเวทย์ดึงร่างแสงกล้าขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกไปด้านนอกเต็มแรง ขมังเวทย์ตามออกไป

บริเวณนอกทาวน์โฮม แสงกล้าพยายามพยุงร่างตัวเองลุกขึ้นกัดฟันสู้กับขมังเวทย์ แต่แสงกล้าสู้ขมังเวทย์ไม่ได้ล้มคว่ำไปอีก
ขมังเวทย์เดินเข้ามาบีบคอแสงกล้ายกลอยสูงขึ้น แสงกล้าตัวลอยเหนือพื้น



ขมังเวทย์จ้องเขม็งตรงเข้าไปยังดวงตาของแสงกล้า เหมือนพยายามจะสะกด
“หลังจากวันนี้ไป แกจะต้องลืมเรื่องทั้งหมด”
แสงกล้าจ้องตอบขมังเวทย์แบบไม่กลัว และไม่มีท่าทางจะโดนสะกดได้เลย
“แกเป็นใครกันแน่”
ขมังเวทย์บันดาลโทสะเหวี่ยงร่างแสงกล้าไปกระทบกับต้นไม้โครมใหญ่ แสงกล้าลงไปกองกับพื้น
“อโหสิด้วย มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่แกจะรู้เรื่องทั้งหมดไม่ได้”
“อ๊าก...”
ก่อนแสงกล้าจะหมดแรง เสียงไซเรนตำรวจดังเข้ามา ขมังเวทย์ชะงักไปนิดตัดสินใจเหวี่ยงร่างแสงกล้าลอยหวือออกไปไกล
ขมังเวทย์เดินหนีออกไปเพราะไม่อยากปะทะกับตำรวจให้เรื่องราวใหญ่โตมากไปกว่านี้
แสงกล้าสะบัดศีรษะพยายามเรียกสติกลับคืนมา
“หมอแพรไพลิน”
แสงกล้ารีบกัดฟันวิ่งกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อช่วยแพรไพลิน
แสงกล้าสะโหลสะเหลเพราะบาดเจ็บจากการต่อสู้ เข้ามาหาแพรไพลินและประคองตัวเธอขึ้นมา
“หมอแพร เป็นยังไงบ้าง”
แพรไพลินยังไม่ได้สติ ยังสลบอยู่อย่างนั้น
“หมอแพร หมอแพร”
แสงกล้าตัดสินใจอุ้มร่างแพรไพลินขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น

ถนนนอกทาวน์โฮม รถตำรวจหลายคันจากสำนักงานสืบแล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบลงมาจากรถด้วยท่าทางระแวดระวัง
แสงกล้ากำลังอุ้มแพรไพลินก้าวเดินออกมาจากภายในทาวน์โฮม ท่าทางแสงกล้าบอบช้ำจากการต่อสู้เป็นอย่างมาก
“ช่วยหมอแพรไพลินด้วย”
แสงกล้าล้มลงตรงนั้นกับร่างแพรไพลิน ตำรวจกรูเข้ามาช่วย

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล แพรไพลินยังหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ ด้านข้างมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่
ห้องพักอีกห้องหนึ่ง แสงกล้าได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว แต่อาการบอบช้ำยังมีให้เห็นอยู่ ข้าง ๆ มีทั้งสายน้ำเกลือและเครื่องวัดชีพจร แสงกล้าที่สลบไม่ได้สติ ขมวดคิ้วเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน

ในอดีต ป้ายด้านหนึ่งของกำแพงยิมฯมีข้อความ “การแข่งขันยูโดเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2544” น้ำใสกับเพื่อนกำลังเชียร์นักกีฬาที่แข่งขันอยู่อย่างสนุกสนาน
“แสงกล้าใกล้แข่งแล้ว”
“เชียร์ออกนอกหน้าเลยนะน้ำใส” เพื่อนบอก
ที่อัฒจันทร์ ผู้การอินทนนท์ในชุดสูทลำลองนั่งอยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กำลังดูการแข่งขันอยู่
“แสงกล้าเป็นตัวเก็งเลยนะครับผู้การ สมแล้วที่ท่านให้การอุปการะ”
“เรียนจบปีนี้แล้วใช่มั้ย”
“ใช่ครับ คงดีใจ ถ้ารู้ว่าผู้การมาดูการแข่งขันครั้งนี้ด้วย”
ผู้การอินทนนท์ยิ้มพอใจ หันไปมองบริเวณแข่งขัน น้ำใสกำลังตะโกนเชียร์อย่างสนุกสนาน
แสงกล้าในชุดยูโด กำลังต่อสู้แข่งขันกับคู่แข่งหลายราย เขาใช้ลีลายูโดอันหลากหลาย เอาชนะได้อย่างสวยงามรายแล้วรายเล่าเมื่อเอาชนะทุกครั้งน้ำใสกระโดดตัวลอยดีใจทุกครั้ง ในที่สุดแสงกล้าได้รับการชูมือเอาชนะคู่แข่งคนสุดท้ายได้ แสงกล้ากระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ
ที่แท่นรับเหรียญรางวัล แสงกล้าขึ้นรับเหรียญจากผู้การอินทนนท์ที่ยิ้มยินดี น้ำใสตบมือลั่นอย่างออกนอกหน้า
“ขอแสดงความยินดีด้วย”
“ถ้าไม่ได้ท่าน เด็กกำพร้าอย่างผมคงไม่มีโอกาส”
“อนาคตของเธอยังอยู่อีกไกล เรียนจบปีนี้แล้วใช่มั้ย”
“ใช่ครับท่าน”
“สอบเข้าเรียนต่อตำรวจนะ ฉันจะสนับสนุนเธอเต็มที่”
แสงกล้ายิ้มให้กับผู้การอินทนนท์

ในงานรับกระบี่ของแสงกล้าร่วมกับนักเรียนนายร้อยฯ คนอื่น ๆ ผู้การอินทนนท์มองแสงกล้าด้วยสายตาชื่นชม

แสงกล้าเดินเข้ามาในห้องทำงานของผู้การอินทนนท์ในสำนักงานสืบฯ อินทนนท์ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
แสงกล้าเดินเข้ามาแล้วก้มลงกราบ อินทนนท์ต้องรีบเข้ามาประคองไว้
“ขอบคุณมากครับผู้การ ท่านเป็นเหมือนพ่อของผม”
อินทนนท์หันไปเปิดลิ้นชัก หยิบปืนและบัตรประจำตัวของแสงกล้าลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนส่งให้
“ขอต้อนรับหมวดแสงกล้าเข้าทำงานในสำนักงานสืบสวนพิเศษ ตั้งใจทำงาน เป็นตำรวจที่ดีให้สมกับที่ฉันตั้งความหวังไว้”

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล แสงกล้าค่อย ๆ ลืมตาฟื้นคืนสติ มองไปรอบ ๆ ตัว นิ่วหน้านึกเป็นห่วงแพรไพลิน
“หมอแพร หมอแพรกำลังอยู่ในอันตราย”
แสงกล้าลุกขึ้นมาจากเตียงดึงสายน้ำเกลือออกจากท่อนแขน หันไปเปิดลิ้นชักผู้ป่วยที่หัวเตียง
แล้วหยิบปืนออกมากระชากลูกเลื่อน เหน็บไว้ข้างเอวแล้วเดินออกไปทันที

แสงกล้าเดินไปตามทางเดินในโรงพยาบาล ไล่มองหาห้องพักของแพรไพลิน เมื่อพบชื่อ พญ. แพรไพลิน นวิยากุล ที่หน้าห้องแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป

ในห้องพักของแพรไพลิน เตียงของแพรไพลินมีม่านปิดล้อมอยู่รอบเตียง มองไม่เห็นภายใน แสงกล้านิ่วหน้าเพราะปรากฏแสงสว่างจ้าสะท้อนออกมาเหนือและใต้ผ้าม่าน มีกลุ่มควันบาง ๆ ลอยตลบอบอวลอยู่ภายในผ้าม่านนั้น แสงกล้าผิดสังเกตรีบกระชากปืนออกมาเหยียดตรงเตรียมพร้อมเข้าประชิด เขาเดินเข้าไปที่ผ้าม่านนั้นอย่างรวดเร็วแล้วรูดม่านออกอย่างรวดเร็ว
แสงกล้าเห็นขมังเวทย์กำลังทำพิธีกรรมอยู่ที่ปลายเตียงของแพรไพลิน รอบเตียงเต็มไปด้วยเทียนจุดส่องสว่างเป็นทิวแถว บรรยากาศเต็มไปด้วยความขรึมขลังและน่ากลัว
ขมังเวทย์หันขวับมาทันที
“แกมาไม่ทัน มันสายไปแล้ว”
“ไม่” แสงกล้าตะโกนลั่น
แสงกล้ากระหน่ำยิงปืนในมืออย่างไม่ยั้ง เปรี้ยง ๆ ๆ กระสุนถูกร่างขมังเวทย์สั่นไหวไปตามแรงกระแทกของกระสุนปืน เลือดสาดเต็มร่าง
กระสุนนัดหนึ่งพุ่งตรงเข้าไปที่ใบหน้าขมังเวทย์ หน้ากากหน้ามนุษย์ที่ขมังเวทย์ใส่อยู่แตกกระจายออก แสงกล้าตาลุกวาวด้วยความตกใจ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะเห็นใบหน้าของตัวเอง ซ่อนอยู่ภายในหน้ากากของขมังเวทย์นั้น !

แสงกล้าลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ กายแล้วเหนื่อยหอบ เมื่อรู้ว่าความจริงแล้วเขาฝันไป... หมอกับพยาบาลเปิดประตูเข้ามาดูอาการ
“หมดสติไปนานเลยนะ”
หมอตรวจดูอาการแล้วยิ้ม ๆ อย่างเมตตา จดบันทึกใส่ชาร์ตแล้วส่งให้พยาบาลไป พลางหันมาคุยกับแสงกล้า
“กระดูกเหล็กไม่หักเลยสักชิ้น หมออนุญาตให้คุณออกจากโรงพยาบาลไปไล่จับคนร้ายได้แล้ว"
“เอ้อ แล้วอาการของ”
หมอยิ้มนึกรู้ว่าจะถามอะไรก็บอก
“หมอแพรไพลินไม่เป็นอะไรมาก แค่หมดสติไป”
แสงกล้าพยักหน้ารับรู้ แต่ใจเป็นห่วงแพรไพลินอย่างไม่รู้ตัว

ภายในห้องพักโรงพยาบาล แพรไพลินยังมีอาการมึน ๆ งง ๆ แล้วนิ่วหน้าพยายามระลึกความจำ ครามยืนอยู่เบื้องหน้ากำลังซักถาม
“ฉัน ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
“หมอหมดสติอยู่ในบ้านพัก หมวดแสงกล้าเป็นคนอุ้มพาคุณหมอออกมา”
แพรไพลินยังคงจำไม่ได้ มีภาพบางช่วงเช่น ภาพของขมังเวทย์ ภาพการตรวจลูกสะกด แต่แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว จำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้
แพรไพลินนิ่วหน้าเหมือนพยายามเรียกความจำแต่ทำได้ยากเต็มที
“ฉันจำไม่ได้จริง ๆ”
“เมื่อคืนนี้หมวดแสงกล้าวิทยุแจ้งสำนักงานสืบฯ ว่าหมอกำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนบุกรุกเข้าไปในบ้าน” ครามบอก
ภาพที่แพรไพลินจำได้เป็นช่วงที่ปะทะคารมกับ ผู้บัญชาการ รวิ อิงคพัฒน์
“ฉันจำได้แค่ถูกพักงานจากเนติเทคฯ แล้วขับรถกลับบ้าน”
ภาพการพูดโทรศัพท์กับเพชรแท้ … ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอจำได้
ครามบันทึกปากคำของแพรไพลินลงในไอแพด สีหน้าไม่ค่อยสบายใจที่ไม่ค่อยได้รายละเอียดเท่าไรนัก
แสงกล้าเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเดินมาหน้าห้องผู้ป่วย เห็นป้ายชื่อแพรไพลินที่หน้าห้อง เขาลังเลแล้วตัดสินใจจะเปิดประตู ครามเปิดประตูออกมาเจอแสงกล้าพอดี
“เอ้าแสงกล้า จะมาเยี่ยมคุณหมอแพรไพลินเหรอ”
แสงกล้า รีบกลบเกลื่อนทำไก๋ทันที
“ปละ.. เปล่า ผมได้ข่าวว่าเขาปลอดภัยดีก็แล้วไป ผมกำลังจะกลับไปสำนักงานสืบฯ”
“ไปด้วยกันเลย เพราะฉันต้องสอบปากคำนายด้วย”
ครามลากแสงกล้าออกไป ทั้งๆที่แสงกล้าอยากจะเข้าไปเยี่ยมดูอาการแพรไพลิน

ภายในห้องพัก พยาบาลกำลังตรวจดูสายน้ำเกลือแล้วหันมายิ้มกับแพรไพลิน
“อาการเป็นยังไงบ้างคะหมอ”
“ยังมึน ๆ ศีรษะนิดหน่อยค่ะ”
โทรศัพท์หัวเตียงดังขึ้น พยาบาลรับสาย
“ห้องพักหมอแพรไพลินค่ะ”

คมศร สุริยนเดินอยู่ในบริเวณพรรคไททิวัตถ์ พูดโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ผมคมศรพูด.. หมอแพรฟื้นรึยัง”
พยาบาลหันมาบอกแพรไพลิน
“หมอคะ ท่านเลขาฯ”
แพรไพลินสวนทันทีเพราะรู้ว่าเป็นคมศร
“ฉันปวดหัว อยากนอนพักจ้ะ”
แพรไพลินหลับตาทันที ไม่อยากคุยกับคมศร
“คุณหมอยังเพลียมากค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”
คมศรชะงัก สีหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้พูดกับแพรไพลิน
“ฝากเรียนหมอด้วย.. ว่าผมโทรมา ขอบคุณครับ”
คมศรปิดโทรศัพท์มือถือ นิ่งมองที่หน้าจอมือถือเห็นวอลล์เปเปอร์ของโทรศัพท์เป็นรูปถ่ายคู่ระหว่างเขากับแพรไพลินครั้งยังรักกัน
พยาบาลวางหูโทรศัพท์แล้วมองไปที่แพรไพลิน เมื่อเห็นว่าเธอหลับจึงเดินเลี่ยงออกไป
แพรไพลินลืมตาขึ้นมาทันทีที่พยาบาลเดินออกไป บอกกับตัวเองว่า
“คมศร... ระหว่างเรามันจบลงแล้ว”
สีหน้าแพรไพลินยังครุ่นคิด

ในเวลาต่อมา แสงกล้าและครามเดินเข้ามาในสำนักงานสืบฯ
“จะสอบปากคำผมทำไม ผมไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย” แสงกล้าบอก
ครามแกล้งพูดแหย่แสงกล้า
“นายเป็นตัวละครที่น่าสงสัยที่สุด เพราะนายไม่เคยสนิทสนมกับคุณหมอแพรไพลิน แต่บุกไปหาคุณหมอกลางดึก"
“ผมจะไปคุยเรื่องใบตรวจสุขภาพจิต”
“นายไม่พอใจที่เค้าไม่อนุมัติให้ผ่านการตรวจสภาพจิต นายก็เลยคิดล้างแค้น แต่ฉันตัดประเด็นนี้ทิ้งไป เพราะนายไม่ใช่คนอาฆาตแค้นผู้หญิง เหลืออยู่ประเด็นเดียวเท่านั้น คดีชู้สาว”
“สมมุติฐานผู้กองผิดแล้วล่ะ ผมเคยเจอหน้าเขาแค่สองครั้งจะมีเรื่องชู้สาวได้ไง”
“ขึ้นเสียงสูง หลบตา สัญชาติญาณของผู้ร้ายปากแข็ง”
แสงกล้า หันมาสู้หน้าบอก
“ผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่สเป็กผมทำตัวเป็นคุณหมอโรคจิตรู้ไปซะทุกเรื่อง ขืนคบด้วยผมคงประสาทกิน"
“ฉันแค่แหย่เล่น เอ..รึว่านายคิดจริง”
แสงกล้าแก้เขินด้วยการเปลี่ยนมาถามเรื่องคดีความ
“คดีไปถึงไหนแล้วครับ ได้แบะแสของคนร้ายรึยัง ผมจำได้แม่นว่าไอ้คนที่บุกเข้าไปในบ้านหมอแพรไพลิน เป็นคน ๆ เดียวกับที่เข้าไปขโมยตรีศูลวัชระ”
ครามชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินแสงกล้าเล่าให้ฟังแบบนั้น

ภายในห้องสมุดเก่าๆแห่งหนึ่ง สมิงกำลังเปิดหนังสือพิมพ์เก่าอ่านข่าวย้อนหลัง พาดหัวข่าวระบุ “โจรกรรมอุกอาจ ตรีศูลวัชระ” สมิงลดหนังสือพิมพ์เก่าลง
“หนึ่งในเทวาศาตราวุธหายไป”
สมิงคิดนิดหนึ่งแล้วนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเพิ่งประสบกับลูกสะกดในท้ายทอยของนักเลงสองคน และเขาทำลายไปก่อนหน้านี้
สมิงสีหน้าครุ่นคิด
“ไสยศาสตร์ดำ... มันกลับมาแล้ว”
สมิงเปิดหนังสือพิมพ์ต่อไป หยุดตรงหน้าข่าวสังคม
“เพชรยอดสังข์บนมงกุฏมิสเวิลด์แปซิฟิก จะนำมาจัดแสดงในเมืองไทยต้นเดือนหน้า - - รึว่าพวกมันกำลังตามล่าเทวาศาสตราวุธทั้งสี่”
สมิงมีสีหน้าไม่ค่อยดีวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วเดินออกไป

ที่โต๊ะทำงาน แสงกล้ากำลังอ่านข้อมูลในอินเทอร์เนต ค้นหาข้อมูลของเทวาศาสตราวุธ
“เทวาศาสตราวุธทั้งสี่..ประกอบไปด้วย ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักระนารายณ์ สังข์ไชยมงคล” แสงกล้าอ่านด้วยความไม่เชื่อถือ
“เฮ้ย...ยังมีเรื่องตลกแบบนี้ด้วยเหรอ”
แสงกล้ากำลังจ้องดูหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น

ในมุมหนึ่งของห้องสมุด สมิงกำลังค้นคัมภีร์ทางไสยเวทจากชั้นเก่า ๆ ในห้องสมุด เขาพลิกไปจนถึงหน้า ๆ หนึ่ง
“หากผู้ใดหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่ด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ในคืนเดือนดับ...”

แสงกล้ากดปุ่มเลื่อนเพจอ่านข้อความในอินเตอร์เน็ต
“ศาสตราวุธใหม่ที่ได้จะมีอานุภาพทำลายล้างมากกว่าอาวุธทุกชิ้นในโลก - - เฮ้ย..นี่มันหนังเอ็กซ์เมน หรือว่าแฮรี่พอตเตอร์กันแน่!”

“ผู้ครอบครองยังจะมีพลังเหนือคน!!” สมิงอ่านข้อความนั้นต่อ

“ครองใจและมีอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล!” แสงกล้าอ่านต่ออย่างไม่เชื่อถือ
สมิงสีหน้าเครียด จริงจังและเป็นกังวลใจเรื่องนี้

ครามยกกาแฟมาให้แสงกล้าที่โต๊ะทำงาน เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนที่นิ่งอึ้งอยู่หน้าคอมก็ถามขึ้น
“เป็นไง...คดีลึกลับน่าสนใจใช่มั้ยล่ะ”
แสงกล้าปิดจอคอมพิวเตอร์แล้วหันมาหัวเราะกับคราม
“บ้ากันใหญ่แล้ว แค่มีของสี่อย่างจะทำให้มีอำนาจเป็นเจ้าโลก อย่างนี้พวกผู้นำประเทศบ้าอำนาจไม่ต้องสะสมอาวุธสงครามให้เสียเวลาหรอก นิทานหลอกเด็ก”
“แต่ตอนนี้มันกำลังหลอกผู้ใหญ่อย่างเรา เพราะผบ.รวิสั่งให้นายทำคดีนี้” ครามบอก
“อะไรนะ” แสงกล้าน้ำเสียงไม่พอใจ
สมิงยืนหลับตาก้มหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสีหน้าจริงจังมาก
“ข้าขอสัญญา...ข้าจะพิทักษ์และปกป้องไม่ให้ไสยศาสตร์ดำช่วงชิงเทวาศาสตราวุธไปได้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตข้า”

พ.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยโยนแฟ้มลงต่อหน้าผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษ ครามตามเข้ามาก็ตกใจ
“สำนักงานสืบว่างนักเหรอ ถึงต้องมาทำคดีนิทานหลอกเด็กแบบนี้”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ ปรายตามองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นายมีสิทธิ์ตั้งคำถามกับผู้บังคับบัญชาเหรอ”
“คิดไว้ไม่มีผิด พวกที่ได้อำนาจมาโดยมิชอบ มักจะหลงในอำนาจ โดยไม่รู้ว่าอำนาจที่แท้จริงมันต้องมาจากทั้งพระเดชและพระคุณ"
“ฉันไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมแพรไพลินถึงลงความเห็นให้นายไปตรวจสภาพจิตทุกเดือน"
แสงกล้าชะงักนิดหนึ่งเมื่อรวิพูดแบบนี้ เพราะตัวเองยังมีชนักปักหลังอยู่
“ผมไม่ทำคดีนี้ !”
“นายไม่มีสิทธิเลือกเพราะมันเป็นคำสั่ง ! ถ้าคิดว่าตัวเองแน่จริงสมกับตำแหน่งเรียนดีเกียรตินิยมเหรียญทอง นายต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้”
“อย่าคิดว่าผมยอมทำงานนี้เพราะกลัวคุณ แต่ผมต้องการพิสูจน์ตัวเองต่างหาก!”
แสงกล้าจะเดินออกไปจากห้อง
“ขอให้สำเร็จนะ ฉันส่งสายสืบมือดีให้นายแล้ว”
รวิกดส่งอีเมล์ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ เสียงปิ๊บดังขึ้นที่โทรศัพท์ แสงกล้ามองมือถือและรู้ว่ารวิส่งอีเมล์มา
แสงกล้าเดินออกจากห้อง ครามเดินตามไป รวิยิ้มที่มีอำนาจสั่งแสงกล้าได้..

ที่มุมหนึ่งในสำนักงานสืบฯ ครามเข้ามาถามแสงกล้า
“ผบ.รวิส่งใครมาเป็นบั้ดดี้”
แสงกล้ากดเปิดดูโปร์ไฟล์ในอีเมล์ ที่ขึ้นเป็นภาพ “สมิง”

ภายในห้องทำงานของผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษ รวิยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องทำงาน หันไปมองจอคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีภาพแสงกล้าส่ายหัวเมื่อรู้ว่าได้สมิงเป็นคู่หู รวิหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพูด
“ไม่ต้องห่วง ทางสะดวกแล้ว ไอ้บ้าระห่ำต้องทำงานกับลูกน้องงมงาย ยังไงมันก็ไม่มีทางสืบเรื่องนี้สำเร็จ”
ที่มุมหนึ่ง วิญญูยิ้มพอใจแล้วค่อย ๆ ลดโทรศัพท์มือถือลง ด้วยสีหน้าและแววตาพอใจ

หลายวันต่อมา ในเวลากลางวัน แสงกล้าขับรถมาจอดหน้าแฟลตและก้าวลงจากรถ เมื่อเห็นมองสภาพแฟลตก็ทำใจ เขาหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าสมิงอีกครั้ง.... แล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่จ่าสมิงใช้ล้อรถโยนคล้องครอบตัวแสงกล้าก็ถอนหายใจ ไม่สบอารมณ์ เดินเข้าไปเพื่อตามตัวสมิง
แสงกล้าเคาะประตูห้องจ่าสมิง แต่ไม่มีคนเปิด
“มีใครอยู่มั้ย”

อ่านละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ วันที่ 13 ธ.ค. 55

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์
เหนือเมฆ2 บทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : คฑาหัสถ์ บุษปะเกศ
เหนือเมฆ2 กำกับการแสดง : นนทรีย์ นิมิบุตร
เหนือเมฆ2ผลิต : บริษัท เมตตามหานิยม จำกัด โดยผู้จัด ฉัตรชัย เปล่งพานิช
เหนือเมฆ2 แนวละคร : ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี
เหนือเมฆ2 ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
เหนือเมฆ2 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager