@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 1 วันที่ 12 ธ.ค. 55

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 1 วันที่ 12 ธ.ค. 55

วิวัฒน์เขย่าขวดแชมเปญก่อนเปิด แชมเปญพุ่งกระฉูด พนักงานต่างเฮ วิวัฒน์มองเมฆอย่างภาคภูมิใจและยกนิ้วยอมรับในตัวเขา...ไม่ทันไร เมฆก็หลบเข้าห้อง ทำงานต่อ วิวัฒน์ถือแก้วแชมเปญตามเข้ามา บอกให้สังสรรค์กันก่อน

“อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวผมต้องไปรับหมอก แล้วก็ต้องไปเล่นดนตรีแล้ว”

“เมฆ พี่ว่านายพักบ้างก็ได้นะ วันๆนายมีทั้งเรื่องงานที่บริษัท ทั้งเรื่องลูก แล้วยังจะเล่นดนตรีกลางคืนอีก พี่ว่านายน่าจะเลิกเล่นดนตรีนะ”

“สำหรับผม ดนตรีมันคือความสุข คือชีวิตของผมครับ ถ้าผมเลิกเล่นมันเมื่อไหร่ ก็คงไม่ต่างจากร่างกายที่ไม่มีลมหายใจ”

“ฮ่าๆๆ เอาละๆ พี่ยอมแล้วครับคุณศิลปิน ไอ้ธีคง ภูมิใจมากนะ ถ้ารู้ว่าน้องชายนักดนตรี แต่มาช่วยทำให้บริษัทเรามาได้ไกลขนาดนี้ ขอบใจนะเมฆ นายไม่ได้ทำให้ไอ้ธีคนเดียว แต่นายทำให้พวกเราทุกคนด้วย พี่ขอบใจจริงๆ”



“ผมทำเพื่อหมอก ลูกชายของผมด้วยครับ” เมฆพึมพำเมื่อวิวัฒน์กลับออกไป

ตกเย็น เมฆรับหมอก เด็กชายอายุสามขวบจากโรงเรียนกลับมาบ้าน เก่งคนรับใช้ จัดการล้างรถ ตัวเขาขึ้นห้อง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปเล่นดนตรีต่อ พลันได้ยินเสียงหมอกร้องไห้จ้า ก็ตกใจรีบวิ่งลงมาดู ปรากฏว่าเพ็ญพี่เลี้ยง ปล่อยให้หมอกอุ่นอาหารเอง หมอกทำชามหกราดตัว เมฆโกรธมาก เอ็ดเพ็ญที่ทิ้งน้องไปคุยกับผู้ชายนอกบ้าน เพ็ญไม่พอใจอยู่แล้ว อ้างว่าหมอกดื้อและซนมาก ตนขอลาออก เมฆหนักใจ ไม่มีพี่เลี้ยงคนไหนอยู่ได้นานสักคน

ooooooo

เมื่อต้องอกหัก ยุทธการจึงลากลับก่อนกำหนด แต่เขายังย้ำกับตะวันฉายว่า จะรอจนกว่าเธอพร้อมเปิดใจรับเขาเป็นมากกว่าพี่ชาย...หมดเรื่องยุทธการ ตะวันฉายก็หอบผลงานนวนิยายของตนมาให้เกริกไกรอ่าน แต่พ่อกลับทำไม่สนใจ นั่งกินถั่วต้มแกล้มไวน์ดูทีวี เธอโกรธจะโวย

สายรุ้งเข้ามาขัดจังหวะ “ก่อนจะตีกันนะ ทานเก็กฮวยอุ่นๆสักแก้วก่อนดีไหม” พูดจบเห็นนวนิยายของลูก จึงคว้ามาขออ่านก่อน ตะวันฉายดีใจ ค่อนขอดแม่ไปหลงรักพ่อที่จิตใจไร้จินตนาการได้อย่างไร แม่ตอบว่า ตอนนั้นไม่มีตัวเลือก เกริกไกรหน้าเหวอ

“อ้าวแม่...ไหนตอนนั้นบอกว่า มีคนมาจีบเยอะแต่เลือกพ่อไง”

“ทางการตลาดเขาเรียกว่า Value added ไงพ่อ ไม่งั้นจะคุมการตลาดจนรีสอร์ทเราขายดิบขายดีแบบนี้เหรอ”

“โธ่...นี่พ่อพลาดเสียตัวให้แม่ไปแล้วเหรอเนี่ย” เห็นตะวันฉายเผลอยิ้ม “ยิ้มอะไร สะใจใช่ไหม ดีล่ะ พ่อจะเอาไปชั่งกิโลจริงๆ” เกริกไกรแกล้งจะคว้านวนิยายของลูก

ตะวันฉายร้องลั่น “อ๊าย...ไม่ได้นะคะ นี่น่ะวรรณกรรมของโลกเลยนะ พ่อลองอ่านแล้วพ่อจะรู้ว่าเพราะอะไรเรื่องนี้จึงควรจะได้รางวัลจากการประกวด”

“งั้นผ่านรอบแรกก่อนดีกว่าไหม พ่อค่อยอ่าน กลัวอ่านเก้อแล้วมารู้ทีหลังว่าตกรอบแรก”

ตะวันฉายหน้างอเดินปึ่งๆขึ้นห้อง สายรุ้งหมั่นไส้ที่สามีแกล้งลูก จึงคว้านวนิยายเดินเชิดออกไป เกริกไกรร้องลั่นว่าตนแค่แหย่ลูกเล่นเท่านั้น...สายรุ้งตั้งหน้าอ่านนิยายของลูกรวดเดียวจบ แล้วนำกลับมาวางคืนให้ ตะวันฉายเห็นสายตาของแม่แล้วเชื่อว่า แม่ต้องชอบ เห็นว่ามันดีตนจะรีบส่งเข้าประกวด สายรุ้งยิ้มแหยๆไม่อยากทำลายความมั่นใจของลูก...

ooooooo

คืนเดียวกัน กลุ่มเพื่อนที่เล่นดนตรีกับเมฆ คือเอวาและนิค ไม่แปลกใจเลยที่เมฆมาทำงานช้า เมื่อเห็นเขาจูงเด็กชายหมอกเข้ามาด้วย ผู้จัดการร้านรับหน้าที่ เป็นเพื่อนเล่นหุ่นยนต์กับหมอก เพื่อให้เมฆได้ขึ้นเวที...

เมฆโซโล่กีต้าร์ทำนองซึ้ง เอวาประสานเสียงเปียโนเข้ามาพร้อมกับเสียงแซกโซโฟนของนิค เพลงเริ่มสนุกสนานขึ้น เป็นที่ชอบอกชอบใจของแขกในร้าน

เมื่อได้เวลาร้านปิด นิคถามเมฆว่าเพลงที่แต่งคนชอบเยอะมาก เมื่อไหร่จะใส่เนื้อร้องเสียที เมฆตอบว่ายังไม่มีเวลา นิคให้ขายเมโลดี้ให้จอมสยาม แต่เอวาไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเมฆมีศักยภาพพอที่จะทำให้ครบทุกด้าน เอวากับนิคเถียงกันไปมา จนเมฆบ่นว่า สองคนนี้ประสานกันได้แต่ดนตรีเท่านั้น เรื่องอื่นตีกันทุกวัน

เมฆอุ้มหมอกที่หลับคาร้านกลับบ้าน พาเข้าห้องนอน เขามองหน้าลูกด้วยความรัก นึกถึงอดีต ตอนที่หมอกอายุเพียงหนึ่งขวบ ตำรวจเข้ามาถามที่หน้าห้องฉุกเฉิน พร้อมยื่นเอกสาร
“คุณนภทีป์ใช่ไหมครับ คุณรับอุปการะเด็กคนนี้แทนพี่ชายใช่ไหมครับ”

เมฆพยักหน้าและรับเอกสารมาอ่าน เด็กชายหมอก หรือธีรดล พิพัฒนพงษ์สกุล บิดาชื่อ ธีรภพ มารดาชื่ออิงฟ้า...

ด้วยเหตุนี้เมฆจึงเลี้ยงดูหมอกมาจนบัดนี้ เขาห่มผ้าให้หมอก ออกจากห้องไปหยิบกีต้าร์มานั่งแต่งเพลง ทันใด จอมสยามโทร.เข้ามา ทวงถามเดโมที่เขาว่าจะส่งมาให้ค่ายเพลงของตน

“ผมคงไม่ทำแล้วครับพี่”

“เฮ้ย...อะไรกันวะ หรือว่านายไปทำกับค่ายอื่นแล้วไม่กล้าบอกพี่”

“ไม่มีครับ นอกจากพี่จอมแล้ว ใครเขาจะมาให้โอกาสคนใหม่อย่างผม”

“จะไปรู้เหรอ อาจจะมีคนตาดีเหมือนพี่ มาดึงนายไปก็ได้”

เมฆรับรองว่า ถ้าตนทำเพลงขึ้นมา จะส่งให้เขาแน่ๆ จอมสยามย้อนถามจะทิ้งความฝันที่อยากเป็นนักแต่งเพลงแล้วหรือ เมฆตอบกลับว่า ตนต้องทำสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตก่อน

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ตะวันฉายเตรียมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปส่งงานเขียนเข้าประกวดด้วยตัวเอง เกริกไกรแอบดีใจแต่อดแหย่ไม่ได้ว่า จะไปดูเขาโยนต้นฉบับลงถังกับตาตัวเองหรือ สายรุ้งถลึงตาปรามสามี ตะวันฉายงอนที่พ่อไม่ให้กำลังใจ ยังทับถมอีก

พอมาถึงสำนักพิมพ์ ตะวันฉายก็ยิ้มปลื้มที่ดูโอ่อ่าสมศักดิ์ศรีนักเขียนใหญ่ในอนาคต แต่พอขอเข้าพบ บก. เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า ให้ฝากต้นฉบับไว้ ถึงคิวเมื่อไหร่ บก.ก็จะอ่านเอง ตะวันฉายไม่พอใจ เจ้าหน้าที่จึงชี้ให้ดูกองต้นฉบับที่ส่งเข้ามาทุกวันว่ากองโตขนาดไหน ทุกคนต้องไปตามคิว ขอให้เธอเขียนชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อกลับเอาไว้เป็นพอ ตะวันฉายจ๋อย ยอมวางต้นฉบับไว้ แล้วครุ่นคิดว่าตนควรทำอะไรต่อ จะกลับบ้านเดี๋ยวพ่อก็หัวเราะเยาะ จึงเอามือถือมากดหาเพื่อน

เอวาดีใจเมื่อตะวันฉายเพื่อนรักโทร.มา ตะวันฉายให้ชวนนิคออกมากินข้าวกัน แต่เอวากลับบอกว่า พวกตน มีงานเล่นดนตรี ให้เธอมาหาที่ท่าเรือริมน้ำตอนห้าโมงเย็น...

ในขณะที่เมฆให้เลขาช่วยหาพี่เลี้ยงคนใหม่ให้ เลขาเอาแฟ้มประวัติมาวางบนโต๊ะ เป็นหญิงสูงวัย ชื่อเชอรี่ จะได้ไม่หนีตามผู้ชายไปอีก เมฆพอใจให้นัดไปพบที่บ้าน ได้เลย

เมื่อเชอรี่ก้าวเข้ามาในบ้าน ท่าทางเธอดูสุขุมเป็นแม่บ้านที่ดี ยิ่งพอรู้ว่ามีคนอยู่กันไม่มากก็ยิ่งพอใจ ไม่ทันไรเธอก็ออกลาย ข่มหมอกไม่ให้ดื้อ ขู่ว่าตนเคยตีจนเด็กแขนหักมาแล้ว แถมเชอรี่ยังมองเมฆเหมือนหญ้าอ่อนน่าเคี้ยว

เย็นนั้น เอวาแวะรับนิคจึงทำให้ไปถึงที่นัดหมายช้า ตะวันฉายมาถึงก่อน เห็นเรือสุดหรูจอดอยู่ อ่านชื่อเรือแล้วใช่ที่เพื่อนจะมาเล่นดนตรี เห็นพนักงานจัดของ ขนของกันจ้าละหวั่น
“ป้ายบอกชื่องานอะไรก็ไม่เห็นจะมี ใช่หรือเปล่าหว่า แต่ก็น่าจะใช่นะ เรือชื่อนี้ก็มีอยู่ลำเดียวนี่” ตะวันฉายถือวิสาสะขึ้นไปบนเรือ

ไม่ทันไร พนักงานเอาป้ายมาติดข้างเรือ ว่าเป็นงานประหยัดไฟไม่ให้โลกร้อนของโฮสท์แทรเวล ที...อีกด้านหนึ่ง เมฆเดินขึ้นเรือมา พนักงานพากันยกมือไหว้ เขาเข้าไปสั่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลกล้อง ให้จับภาพไปที่ประธานตอนกล่าวเปิดงาน ทันใด เขาได้เห็นด้านหลังหญิงสาวเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ก็แปลกใจ เพราะการแต่งตัวไม่ใช่พนักงานบริษัท จึงผละออกไปดูเอง
ตะวันฉายขึ้นมาเห็นเวที ก็รู้ว่าเพื่อนตนคงเล่นดนตรีตรงนี้แน่ จึงยืนชมวิวอยู่แถวนั้น เมฆเดินขึ้นมาถาม “ขอโทษนะครับ...คุณ...”

ตะวันฉายหันหน้ามา ทั้งสองตกตะลึง ต่างชี้หน้ากันและกัน “นี่...คุณ...”

เมฆขึ้นเสียงทันที “เข้ามาที่นี่ได้ยังไง”

“ฉันก็ใช้ขาเดินเข้ามาน่ะสิ”

“งั้นก็ใช้ขาเดินออกไปเดี๋ยวนี้เลย งานนี้ห้ามคนนอกเข้ามาวุ่นวาย”

“ฉันไม่ใช่คนนอกนะ มีคนเชิญฉันมา”

“คุณเนี่ยนะจะถูกเชิญมางานของนักวิทยาศาสตร์ ไหนล่ะบัตรเชิญ”

ตะวันฉายอึกอักจะบอกว่าตนเป็นเพื่อนกับใคร แต่เมฆไม่ฟังลากเธอให้กลับ ต่อว่าจะมาทำตัวกากๆในงานของเขาไม่ได้ ตะวันฉายโกรธจึงเตะหน้าแข้งเขา แล้วใช้กระเป๋าฟาดตามจนเขาทรุดก่อนวิ่งหนีลงจากดาดฟ้าเรือ ไปหลบหลังฉากห้องประชุม เมฆเดินเขยกตามหา พลันเสียงมือถือดังขึ้น เมฆมองไปที่ฉากกั้น ยิ้มอย่างสะใจ ตะวันฉายตกใจควานหาโทรศัพท์ตัดสายทิ้ง

ooooooo

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 1 วันที่ 12 ธ.ค. 55

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา ไทยรัฐ